สุดสัปดาห์ต่อมา
รถยุโปรคันหรูสีดำวาววับขับมาจอดที่หน้าคฤหาสน์ใหญ่ ของตระกูลกาญจนพฤกษ์ ชายหนุ่มวัยสามสิบสอง เจ้าของส่วนสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบสองเซนติเมตร ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวเนี้ยบ สวมทับด้วยสูทสีเข้มจากการสั่งตัดร้านดัง ขายาวได้สัดส่วนก้าวลงจากรถมายืนพิงกระโปรงรถโดยไม่เข้าไปด้านใน
เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันนี้ ได้จากการจัดแจงของคุณนายวรรณษาผู้เป็นมารดา จับเขาแต่งตัวราวกับนายแบบนิตยสาร เนี้ยบเนียนกริบยิ่งกว่าเวลาไปพบคู่ค้าต่างบริษัท ผมสีดำขลับถูกจัดแต่งเป็นทรงอย่างดี ไร้การชี้กระดกให้หงุดหงิดใจ
ไม่นานนักหญิงสาวผิวขาวละเอียด ในชุดเดรสยาวสีขาวเรียบร้อยถือกระเป๋าคลัทช์สีเดียวกันเดินลงมาหยุดตรงหน้า ส่วนสูงของเธอน่าจะราวๆ หนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร ใบหน้าหวานจิ้มลิ้ม ริมฝีปากอวบอิ่มเป็นกระจับ ดวงตาฉายแววประกายสดใสเหมือนสาวแรกรุ่น
สองมือเรียวยกมือประนมไหว้เขาราวกับทำความเคารพญาติผู้ใหญ่ คิมหันต์เองก็บ้าจี้ยกมือรับไหว้เธออย่างลืมตัว ก่อนจะลดมือลงเมื่อเรียกสติตนเองขึ้นมาได้
“สวัสดีค่ะพี่คิมหันต์” คนตรงหน้าส่งรอยยิ้มสดใสทักทาย หลังจากลดมือลง
รอยยิ้มสดใสราวกับโลกทั้งใบเป็นสีชมพู ไม่ประสีประสากับความโหดร้ายจากสังคมภายนอก ม่านฟ้าในวัยยี่สิบสองที่มีคนคอยรับส่งเข้าโรงเรียน ตั้งแต่อนุบาลจนจบปริญญาตรีคงจะเป็นเช่นนั้น
ความสวยของเธอเป็นที่ประจักษ์ไร้ข้อกังขา แต่เธอไม่เหมาะที่จะอยู่ข้างเขา ไม่สามารถเป็นที่ปรึกษาในยามทุกข์ยากของเขาได้
ความคิดของคิมหันต์ที่ทำงานท่ามกลางโลกทุนนิยมมาสิบปี เป็นเช่นนั้น
“อยากแวะที่ไหนก่อนไหม” นำเสียงเย็นชาส่งผ่านจากริมฝีปากหนาของคนอายุเยอะกว่า
คิมหันต์มักจะใช้น้ำเสียงนี้เสมอ เวลาปฏิเสธข้อเสนออะไรสักอย่าง ทั้งการงาน และความรัก
“ไม่ค่ะ ไปที่ร้านเลยก็ได้ เดี๋ยวเลยเวลาจอง” ริมฝีปากหยักเคลือบลิปสติกสีหวานตอบกลับ โดยที่มือยังง่วนอยู่กับการคาดเข็มเข็ดนิรภัย
เพราะปกติม่านฟ้ามักจะนั่งเบาะด้านหลัง ทำให้เธอใช้เวลาพอสมควรกับการคาดเข็มขัดนิรภัยเอง คิมหันต์ปรายตามองเพียงนิด ไม่ได้ไปช่วยคาดให้น้องอย่างที่ควรจะทำ
ไม่ได้มารับเพื่อสร้างความประทับใจ ไม่จำเป็นต้องทำดีด้วย
×××
บรรยากาศภายในร้านอาหารตะวันตกสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่คุณนายวรรณษาเจ้ากี้เจ้าการจองให้ หากเป็นคู่รักกัน คงจะโรแมนติกไม่น้อย แต่เพราะถูกบังคับมา คิมหันต์จึงให้ความสนใจกับไวน์ในมือมากกว่าคนที่นั่งโต๊ะฝั่งตรงข้าม
แต่ถึงอย่างนั้น เงาสะท้อนของภาพของคนตัวเล็กที่กระทบบนแก้วไวน์ ก็ทำให้เขามองเห็นเธอรางๆ อยู่ดี
แน่นอนว่า ความสวยของม่านฟ้าเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ลง แต่อายุที่ห่างกันหลายปีทำให้เกิดอคติในใจ ไม่ยอมเปิดใจให้ แม้จะสวยขนาดไหนก็ตาม
“พี่คิมหันต์ชอบอาหารยุโรปเหรอคะ” ดวงตากลมกวาดสายตามองบรรยากาศภายในร้าน
แขกส่วนมากที่มาที่นี่มักจะมาเป็นคู่ หรือไม่ก็เป็นครอบครัว แสงสลัวจากเชิงเทียน กระทบสะท้อนกับเชนเดอเลียร์คริสตัล ทำให้ห้องอาหารเป็นประกายระยิบระยับสวยงาม
“แม่พี่จอง พี่ไม่ได้จอง” เขาตอบกลับแบบขวานผ่าซาก ให้คนสวยตรงหน้ารู้ว่าเขาถูกพ่อแม่บังคับมา
คนตัวเล็กพอได้ยินคำตอบก็ทำปากแบบไม่มีเสียง ‘อ้อ’ ออกมาจนเห็นฟันหน้าสองซี่ที่ค่อนข้างยาวกว่าฟันซี่อื่นเล็กน้อย
มองผ่านๆ ก็น่ารักดี
มือเรียวรับเมนูอาหารจากบริกรชายในร้านมาเปิดดูอย่างตั้งอกตั้งใจ จากนั้นจึงเงินหน้าถามเขาอย่างใส่ใจ
“พี่คิมหันต์ทานเนื้อไหมคะ”
เขาพยักหน้าให้ โดยไม่พูดอะไรต่อ
“งั้น...เป็นเนื้อสองที่ค่ะ” มือเล็กพับปิดสมุดเมนู ก่อนจะส่งคืนพนักงานอย่างสุภาพ
เมื่อพนักงานจากไปหญิงสาวก็หันมายิ้มแฉ่งอวดฟันสวยให้คู่เดตหนุ่ม เธอชวนเขาคุยเรื่องสรรพเพเหระไปเรื่อย ทำหน้าทำตาน่ารักทะเล้น จนคิมหันต์เองก็มองเธอด้วยแววตายากจะคาดเดาอยู่บ่อยครั้ง
ส่วนมากม่านฟ้าไม่ได้คุยเรื่องกิจกรรมที่ผู้หญิงทำกัน อย่างที่เขามักจะได้ยิน เธอถามเขาเกี่ยวกับงานอดิเรกที่ชอบ ของที่สะสม รวมถึงเรื่องท่องเที่ยว สถานที่ที่ประทับใจ คิมหันต์เองก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง เมื่อเขาไม่ตอบ ก็จะเป็นฝ่ายม่านฟ้าที่เป็นคนเล่าเรื่องของตนเองแทน
“พี่ไปเข้าห้องน้ำก่อน ทานของหวานรอได้เลยนะ” ร่างกายกำยำหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะเดินเลี่ยงไปยังอีกฝั่งของร้าน
มือหนาล้วงมือถือจากกระเป๋าตรงอกด้านในเสื้อสูทออกมา กดส่งข้อความหาน้องชายทั้งสอง
:: GROUP NO PARENTS ::
MR KIM : แสนนึง ใครรับงาน
W1NTER : ผมมมมม
RAINNY : เรนนี่ครับ
RAINNY : อ้าว! เฮียเหม คราวก่อนได้ไปแล้วอะ
W1NTER : เขารีรอบใหม่แล้ว ไม่นับ กูรับก่อน
MR KIM : SHARE LOCATION TO GROUP
MR KIM : SENT A PHOTO TO GROUP
W1NTER : รับทราบครับ เดี๋ยวผมส่งน้องกลับเอง
RAINNY : สวย
คิมหันต์อ่านข้อความล่าสุดที่วสันต์ส่งมา ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังโต๊ะที่ม่านฟ้านั่งอยู่ นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ถ่างขยายดูรูปที่ตนเองถ่ายภาพตำแหน่งโต๊ะของเธอ ที่เพิ่งจะส่งไปในกลุ่มอีกครั้ง
เขาเพิ่งตระหนักได้วันนี้เอง ว่าเขาถ่ายรูปห่วยขนาดไหน
MR KIM : กูฝากด้วย จบงาน พร้อมโอนเหมือนเดิม
W1NTER : จ้ะ
ม่านฟ้านั่งทานของหวานที่สั่งมารอคิมหันต์อยู่นาน ก็ไม่มีท่าทีว่าคู่เดตหนุ่มจะกลับมาที่โต๊ะ เรียวคิ้วโก่งเริ่มขมวดเป็นปมด้วยความกังวล เมื่อกี้เขาดื่มไวน์ไปพอสมควร อาจจะมึนหัวแล้วหกล้มในห้องน้ำ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ร่างบางก็เอี้ยวตัวเพื่อหันไปเรียกบริกรชาย อยากไหว้วานให้เขาไปดูคนที่มากับเธอในห้องน้ำให้ แต่มือเรียวที่ยกขึ้นก็ต้องชะงัก เมื่อหันไปเจอชายหนุ่มร่างสูงที่เพิ่งมายืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้
คนนี้หน้าคล้ายกับคิมหันต์ เพียงแต่ผมยาวกว่าเล็กน้อย แล้วก็รอยยิ้มประดับใบหน้าที่ดูสุภาพอ่อนโยน มารดาบอกว่าบ้านวรหิรัญมีพี่น้องสามคน แต่กระนั้นม่านฟ้าก็ไม่กล้าเอ่ยทักทายก่อน
“น้องม่านฟ้าใช่ไหมครับ” ริมฝีปากหยักได้รูปขยับถามก่อน เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กนิ่งชะงัก
“...ค่ะ”
ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มอบอุ่นส่งกลับมา เมื่อเห็นเธอขานตอบ เขากล่าวประโยคที่มักจะพูดเป็นประจำกรณีนี้ออกมาอย่างคล่องปาก
“พี่คิม ให้พี่เป็นคนมารับน้องม่านไปส่งที่บ้านครับ” เหมันต์พูดก่อนจะนั่งลงตำแหน่งตรงข้ามม่านฟ้า และเมื่อเห็นท่าทางงุนงง ระแวดระวังของเธอ เขาเลยอธิบายเพิ่ม “พี่ชื่อเหมันต์ครับ เป็นน้องของเฮียคิม”
การแนะนำตัวของเหมันต์ช่วยให้หญิงสาวเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมคิมหันต์ถึงไม่ไปส่งเธอ
“พี่คิมหันต์ไม่สบายเหรอคะ”
ใบหน้าหวานเงยหน้าถามเสียงใส สีหน้าเป็นกังวลของเธอทำให้เหมันต์ไปต่อไม่ถูก ทุกครั้งที่คิมหันต์ ‘เท’ คู่เดตแบบนี้ สิ่งที่เหมันต์มักจะเจอคืออาการหงุดหงิด หรือวีนเหวี่ยง
“ไม่เป็นไรค่ะ เรากลับกันเลยก็ได้ ม่านจ่ายเงินแป๊บนะคะ” คนตัวเล็กไม่เซ้าซี้ถามต่อ เมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนใจของเหมันต์ มือเรียวคว้ากระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเพื่อหยิบบัตรสีดำ แต่เหมันต์รีบชิงพูดตัดบทขึ้นก่อน
“อ่า พี่จ่ายเรียบร้อยแล้วครับ”
ม่านฟ้าชะงักมือที่กำลังจะเรียกพนักงาน จากนั้นก็ส่งยิ้มบางๆ กลับไป
“ขอบคุณค่ะ”
×××
คิมหันต์ที่เห็นว่าเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เหมันต์ก็ยังไม่ส่งข้อความกลับมารายงานในกลุ่มอย่างเช่นทุกครั้ง ประจวบเหมาะกับเสียงรถยนต์ของน้องชายดังแว่วเข้ามาในหู มือหนาหยิบบุหรี่ที่คาบออกจากปาก จัดการดับไฟแล้วเดินไปดักน้องชายคนรองที่บันได
คิ้วหนาขมวดเครียด เมื่อเห็นว่าเหมันต์เดินเข้ามาด้วยท่าทีหงอยเหงาขึ้นมาตามทางบันได ก่อนจะหยุดอยู่กลางทางเมื่อเห็นว่าพี่ชายยืนขวางบันไดอยู่ เจ้าของใบหน้าหล่อถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อเห็นต้นเหตุของความเศร้าตนเองในครั้งนี้
“ไปส่งมาแล้วใช่ไหม” คนเป็นพี่ถาม เพราะไม่เห็นข้อความจากน้องชายเช่นทุกครั้ง
เหมันต์เงยหน้ามองพี่ชายแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าถอนหายใจออกมา ร่างสูงเดินเบี่ยงตัวเดินตรงไปยังห้องนอนตนเอง ไม่มีการกล่าวอะไร
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นจากมือถือในกระเป๋ากางเกงสแลกส์สีดำ ทำให้เหมันต์หยุดฝีเท้าที่หน้าประตูห้องนอน แต่ไม่ได้หยิบมันออกมาดู เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันคือการแจ้งเตือนจากแอปธนาคาร
“กูโอนตังค์ให้แล้ว”
“อือ”
ร่างสูงหันหลังกลับ ล้วงหยิบกุญแจห้องนอนออกมาเพื่อไขเข้าห้อง คิมหันต์สาวเท้าเดินเข้าไปใกล้น้องชายก่อนจะโบกศีรษะทุยอย่างหมั่นไส้
“โอ๊ย! เฮีย! ตีทำไมเนี่ย”
“อย่ามาทำหน้าเหมือนหมาเหนื่อย”
คนเป็นน้องสะบัดศีรษะไล่ความมึนงง หมุนลูกบิดประตูห้องนอนเปิดออก แต่ก่อนจะเข้าไปพักผ่อนในห้องส่วนตัว ริมฝีปากหนาก็เอ่ยความรู้สึกในใจกับพี่ชายหวังระบายความรู้สึกผิดบาปในใจ
“เขาทำท่าเหมือนจะร้องไห้เลยเฮีย” เสียงทุ้มของน้องชาย พูดแผ่วเบา ไม่หันไปมอง
คิมหันต์นิ่งเงียบยืนฟังน้องชายพูดเสียงเบาออกมา โดยไม่ได้เอ่ยวาจาแทรก
“น้องน้ำตาคลอตลอดทางเลย แต่ไม่ร้องสักแอะ”
เหมันต์ไม่ใช่คนแพ้น้ำตาผู้หญิง หากแต่บรรยากาศบนรถที่เขาสัมผัสได้ถึงความอึดอัดใจของม่านฟ้าทำให้เขารู้สึกผิด เขารับรู้ว่าน้องเสียใจที่ถูกปฏิบัติไม่ให้เกียรติแบบนั้น แต่ก็ยังพูดคุยกับเขาด้วยน้ำเสียงปกติตลอดทาง
แต่ดวงตาที่วูบไหวเป็นประกาย เพราะน้ำตาเอ่อคลอที่ดวงตามันปกปิดไม่ได้
น้องชายปิดประตูห้องลง ทิ้งความรู้สึกบางอย่างไว้ให้ชายหนุ่มวัยสามสิบสอง คำพูดของน้องชายกำลังก่อกวนความรู้สึกเขาอย่างอธิบายไม่ถูก แต่ไม่นานนักคิมหันต์ก็สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไป ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอนตนเอง
❀┈┈┈┈┈┈❀
คิมหันต์รู้สึกตัวตื่นกลางดึก เนื่องจากคนในอ้อมกอดตัวร้อนจี๋ จนแผงอกเขาแทบละลาย อากาศด้านนอกยังมีฝนตกลงมาไม่หยุด เสียงฟ้าผ่า ฟ้าร้องยังคงดังต่อเนื่อง เมื่อเปิดผ้าห่มผืนใหญ่ออก ร่างกายบอบบางก็เต็มไปด้วยเหงื่อชื้นจากฤทธิ์ไข้ แม้ก่อนนอนเขาจะให้เธอทานยาลดไข้ไปแล้วหนึ่งรอบ แต่อาการก็ยังไม่ทุเลาลงมือหนาหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา พบว่าเลยสี่ชั่วโมงแล้วจากการทานยาครั้งแรก ชายหนุ่มลุกออกจากเตียง ก่อนจะกลับมาพร้อมกับยาลดไข้และน้ำในมือ ตั้งวางไว้โต๊ะหัวเตียง ก่อนจะขยับเข้ามาพยุงคนตัวเล็กเข้ามาแนบอก“หนูขา กินยา”เสียงของเขาปลุกให้เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หลังจากทานยาลดไข้เรียบร้อย คิมหันต์วางเธอลงนอนหนุนหมอนหนา ร่างสูงเดินหายไปในห้องน้ำชั่วครู่ ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กกับกะละมังที่หยิบติดมือจากในครัวตอนไปเอาน้ำเพราะเสื้อที่เธอสวมใส่อยู่เปียกชื้นจากเหงื่อกาฬ อาจทำให้น้องนอนไม่สบายตัว นิ้วเรียวยาวเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อบนเรือนร่างบอบบางอย่างอ่อนโยน โดยมีสายตาปรือเปล่าของเจ้าของร่างมอง หากแต่ไม่สามารถขัดขืนการกระทำนั้นได้“พี่เช็ดตัว
วันนี้ม่านฟ้าตื่นขึ้นมาแต่เช้า สิ่งที่ทำให้เธอไม่สามารถข่มตานอนต่อได้ แม้จะอยู่ในภาวะง่วงงุน คือเสี่ยสิงห์ที่มานั่งรอเธอที่ห้องนั่งเล่นตั้งแต่ยังไม่แปดโมง ยิ่งไปกว่านั้น มารดากลับเข้าห้องมาบอกว่าเสี่ยสิงห์ชวนไปทานอาหารเช้าที่บ้านคนตัวเล็กนวดคลึงขมับอย่างคิดไม่ตก สุดท้ายจึงกดโทรออกหาคิมหันต์อย่างหมดหนทาง‘แต่งตัวรอเลย ใกล้ถึงแล้วจะส่งข้อความบอก’และเมื่อข้อความจากคนตัวโตส่งมาบอกว่าอยู่หน้าบ้านเธอแล้ว หญิงสาวก็รีบกุลีกุจอหยิบกระเป๋าสะพายลงไปด้านล่าง“หนูม่านฟ้า”เสี่ยสิงห์ลุกขึ้นยืนทันทีที่เท้าของเธอแตะพื้นชั้นล่าง ม่านฟ้ายกมือไหว้อย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเดินเข้ามาหามารดาที่นั่งคุยเป็นเพื่อนเสี่ยใหญ่อยู่“คือม่านลืมบอกคุณแม่ ว่าม่านนัดพี่คิมหันต์ไว้ค่ะ” หญิงสาวพูดกับมารดาเสียงอ่อย จงใจให้ชายรุ่นพ่อได้ยินไปด้วยแน่นอนว่าเสี่ยสิงห์เองก็นั่งไม่ติด เมื่อได้ยินชื่อของใครบางคน แต่ไม่ทันที่จะได้ถามอะไรต่อ ร่างสูงกำยำของคนที่ม่านฟ้ารออย่างใจจดใจจ่อก็เดินเข้ามายังตัวบ้าน“สวัสดีครับน้าเอม” ชายหนุ่มกล่าวทักทายมารดาของคนตัวเล็กอย่างสนิทสนม ก่อนจะเดินมาหยุดเคียงข้างหญิงสาว “ขอโทษที่มาสายนะครับ
“คุณลูกขา ยิ้มหน่อยค่ะ” เอมฤดีผู้เป็นมารดามองลูกสาวที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างกายผู้คนในงานที่เดินผ่านไปมาต่างก็หันมามองหญิงสาววัยยี่สิบสี่ ที่ตอนนี้สวยพร้อมสะพรั่ง หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แอบชำเลืองมองมาที่ลูกสาวคนเล็กของเอมฤดีด้วยสายตาชื่นชมม่านฟ้าในตอนนี้สวยเด่นเสียจนกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งงาน แม้หญิงสาวจะกำลังแสดงสีหน้าบูดบึ้งที่ถูกบังคับมาก็ตามย้อนไปก่อนหน้านี้สามชั่วโมง ม่านฟ้านอนเอกเขนก เกลือกกลิ้งบนที่นอนอย่างเบื่อหน่าย ตั้งแต่เธอกลับจากอังกฤษ บรรดาเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาก็แต่งงานออกเรือนกันจนหมด จะไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวกอย่างเก่ากระทั่งเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น“น้องม่านขา วันนี้ออกไปข้างนอกกับคุณแม่หน่อยนะคะ” มารดาโผล่เพียงหน้าออกมาจากประตูห้องนอนเรียกความรัก ความเอ็นดูจากลูกสาวคนเล็กได้เป็นอย่างดีนิสัยออดอ้อนของเธอ คงได้มาจากคนเป็นแม่อย่างแน่นอน“ได้สิคะ” ตอบกลับด้วยอารมณ์อยากหลีกหนีจากความเบื่อหน่ายโดยไม่คิดว่าข้างนอกที่มารดาหมายถึงคือ งานวันเกิดครบรอบหกสิบห้าปีของเจ้าสัวหลี่เดจาวูช
สองปีต่อมาเจ้าของใบหน้าคมคายนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ราคาแพงไม่วางตา ซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่กำลังจะถูกวางขายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า งานในมือเลยต้องรีบสะสางให้แล้วเสร็จก่อนวันเปิดตัวติ๊ง!เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น เป็นน้องชายคนเล็กที่ส่งรูปเข้ากลุ่มแช็ตอย่างเช่นทุกครั้ง มือหนาถ่างซูมรูปภาพที่ถูกแคปหน้าจอจากไอจีสตอรีของใครบางคน ภาพเรียวนิ้วเล็ก แต่งแต้มด้วยสีทาเล็บชมพูขาว วาดลวดลายซากุระถือบอร์ดดิ้งพาสสีขาว แนบหนังสือเดินทาง ฉากหลังเป็นสนามบินที่มีคนพลุกพล่าน:: GROUP NO PARENTS ::RAINNY : หน่วยข่าวกรองเฮียอย่างเอาอะMR KIM : โอนเงินให้แล้วRAINNY : เข้าแล้วค่ะ ฮิๆW1NTER: แล้วเอาไงต่อMR KIM: ไม่ใช่เรื่องต้องรีบRAINNY: ใจเย็น เดี๋ยวน้องก็หนีไปอีกMR KIM: ไม่ต้องรีบ เตรียมไว้หมดแล้วหลังจากปิดหน้าจอมมือถือลง ร่างสูงโปร่งก็เอนกายแนบพนักพิงเก้าอี้ ครุ่นคิดเรื่องเมื่อสองปีก่อน ที่ตนเองตัดสินใจช้าหลายอย่าง กว่าจะรู้ตัวอีกที คนตัวเล็กก็หนีหายไปต่างประเทศเสียแล้วหลังจากที่มีปากเสียงกันที่หน้าบ้านเธอวันนั้น บ่ายวันต่อมาคิมหันต์ก็ได้รับข่าวว่าบริษัทซอฟต์แวร์ที่ญี่ปุ่นเ
“น้องม่าน ทำหน้าให้ดีๆ หน่อยสิคะลูก”เสียงมารดาตำหนิ เมื่อลูกสาวที่วันนี้แต่งองค์ทรงเครื่องสวยงามด้วยชุดสีขาวปักคริสตัลหรูหราตามธีมงานวันเกิดเจ้าสัวหลี่ที่เน้นสีเงินสีทอง แต่ทว่าใบหน้าหวานกลับบูดบึ้ง บ่งบอกว่าไม่เต็มใจมางานนี้เท่าไหร่นักหากพี่สาวของเธอไม่กำลังตั้งครรภ์ คนที่ออกงามสังคมกับครอบครัวก็ต้องเป็นพี่สาวไม่อยากเจอเขาคนนั้นเลย“สุขสันต์วันเกิดนะคะเจ้าสัว” เอมฤดียื่นของขวัญที่บรรจุในหีบห่อหรูหราให้เจ้าของวันเกิด ก่อนจะส่งให้ภรรยาถือแทนม่านฟ้ายกมือประนมไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างมีมารยาท แต่พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าคิมหันต์ยืนมาอยู่ด้านหลังมารดาของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบมือเรียวลดมือลง ไม่ไหว้คนนิสัยไม่ดีให้เสียมือ เมินหน้าหนีไม่มองคนอายุเยอะกว่า ก่อนจะเดินไปหลบหลังมารดาหาเกราะกำบัง“เราไปนั่งคุยกันทางนู้นดีกว่าเอม” คุณนายวรรณษาเอ่ยปากชวนเพื่อน พร้อมกับออกแรงจูงมืออย่างมีนัย “ตาคิม พาน้องไปหาอะไรกินด้วยนะ”“ครับ”ชายหนุ่มรับคำมารดาไม่มีอิดออด ประจวบเหมาะกับเหมันต์และวสันต์เดินตามมาสมทบภายหลัง ม่านฟ้ายกมือไหว้ทักทายผู้มาใหม่เจือรอยยิ้ม ทำเอาคนถูกเมินขบเขี้ยวเหลือบตามองอย่า
หลายวันมานี้ เรื่องที่เขาสร้างเอาไว้ แทนที่จะถูกมารดาด่าดุด่าอย่างทุกครั้ง แต่สถานการณ์ภายในบ้านกลับเงียบสงบเสียจนลูกชายคนโตอดแปลกใจไม่ได้ นั่นอาจจะหมายถึงม่านฟ้าไม่ได้ฟ้องทางฝั่งผู้ใหญ่“ตาคิม มานี่ๆ” เสียงมารดาเรียกตัวเขาไว้ ระหว่างที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนบ้านชั้นสองคิมหันต์เหลือบสายตาคมไปที่น้องชายคนรองอย่างเหมันต์ ที่นั่งดูทีวีกับมารดา เห็นได้ชัดว่าเหมันต์มีท่าทีลุกลี้ลุกลน เมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียกเขา“ครับ”ชายหนุ่มเดินมาหย่อนกายนั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามน้องสาย ด้วยใบหน้าเรียบเฉย เตรียมตัวเตรียมใจที่จะโดนมารดาดุด่าอย่างทุกที“หนูม่านฟ้าเป็นยังไงบ้าง”คุณนายวรรณษาถามลูกชายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ในมือยังถือไอแพดเครื่องใหญ่ กดพิมพ์ข้อความขยุกขยิกราวกับกำลังสนทนากับใครบางคนไปด้วยหากให้เดาก็คงเป็นมารดาของน้องม่านนั่นแหละ“ก็...อย่างที่แม่รู้มานั่นแหละครับ” คิมหันต์ตอบเลี่ยงบาลี ชำเลืองสายตามองน้องชายที่แม้ตาจะจ้องรายการทีวีอยู่ แต่เหงื่อแตกพลั่กอย่างมีพิรุธ“ดีเลย แล้วเมื่อไหร่จะนัดน้องออกไปเที่ยวอีกล่ะ”“นัด?”คำพูดของมารดาสร้างความประหลาดใจให้คนตัวโตไม่น้อย ไม่มีครั้งไหนเลยที่คิมหั