“น้องม่าน!!”
เสียงทุ้มของใครบางคนเรียกชื่อเธอจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าคือ ‘วสันต์’ ลูกชายคนเล็กของตระกูลวรหิรัญ ชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดถือแก้วแชมเปญเดินเข้ามาทักทายคนตัวเล็กอย่างสนิทสนม พร้อมกับลูกชายคนรองของตระกูลอย่าง ‘เหมันต์’
“พี่เหมันต์ พี่วสันต์ สวัสดีค่ะ” คนตัวเล็กประนมมือทำความเคารพคนแก่กว่าอย่างมีมารยาท จนชายหนุ่มทั้งสองอมยิ้มมองอย่างเอ็นดู
ลูกชายทั้งสองของตระกูลกดใบหน้าคมคายลงเป็นการรับไหว้แทน เนื่องจากในมือถือแก้วอยู่ ก่อนลูกชายของตระกูลจะหันมองหน้ากันยิ้มๆ เมื่อเห็นใบหน้าหวานชัดๆ
ม่านฟ้าเมื่อสองปีก่อน เพิ่งเรียนจบปริญญาตรีมาหมาดๆ ยังมีความสดใส น่ารัก ราวกับเด็กไม่รู้จักความโหดร้ายของโลก แต่ม่านฟ้าที่เขาเห็นในวัยยี่สิบสี่ปีตอนนี้ ทั้งสุขุม อ่อนหวาน และมีความมั่นใจ
เด็กน้อยที่เกือบได้เป็นพี่สะใภ้ของพวกเขา ตอนนี้เติบโตรู้รสชาติความเป็นผู้ใหญ่จนหมดสิ้น
“พี่เพิ่งรู้ว่าม่านกลับจากอังกฤษ” เป็นวสันต์ที่เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน
แหล่งข่าวที่เขาได้รับก็ไม่ใช่ใครคนอื่น แต่เป็นพี่ชายคนโตของเขาที่รีบกุลีกุจอโทรมาหาตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น
“กลับมาได้เกือบอาทิตย์แล้วค่ะ” เธอพยักหน้ายิ้มให้เขาเป็นการตอบรับกลายๆ “พี่ๆ สบายดีนะคะ”
“พี่สองคนสบายดีครับ”
“แต่อีกคน...ไม่ค่อยสบาย”
เป็นไข้ใจมาสองปี ประโยคนี้วสันต์ไม่ได้พูดออกไป
“นั่นไง เดินมาพอดี”
สิ้นคำพูดของเหมันต์ ม่านฟ้าก็รู้สึกเหมือนกับร่างกายตนเองจะแข็งทื่อกับสิ่งที่ได้ยิน แม้จะไม่ได้หันไปมองที่ ‘ตัวต้นเหตุ’ แต่ใบหูทั้งสองข้างก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ ก้าวเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เสียงดนตรีบรรเลงในงานค่อนข้างอึกทึก
มันคงจะเป็นไปตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด อะไรที่รู้สึกว่าอันตราย ร่างกายจะตอบสนองต่อสิ่งนั้น เพื่อให้ระแวดระวังตัว
“อ่า พี่ๆ คะ ม่านขอตัวไปทักเพื่อนทางนั้นก่อนนะคะ” ใบหน้าหวานโค้งให้คนแก่กว่าทั้งสอง ก่อนจะเดินเลี่ยงไปหาเพื่อนที่ยืนอยู่ห่างออกไป
“เอาไงเฮีย”
เหมันต์ถามผู้เป็นพี่เมื่อเขาเดินเข้ามาหาน้องชายทั้งสองคน สายตาคมกริบชำเลืองมองแผ่นหลังขาวของใครบางคน ก่อนจะยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอย่างใจเย็น
“ไม่ต้องรีบ”
ใบหน้าหล่อคมคายหยักยิ้มออกมา เหมันต์กับวสันต์จึงทำให้เพียงสบตากัน ก่อนจะยกแก้วแชมเปญละเมียดจิบ เบนสายตาไปยังคนตัวเล็กที่กำลังหัวร่อต่อกระซิกกับเพื่อน
❀┈┈┈┈┈┈❀
คิมหันต์รู้สึกตัวตื่นกลางดึก เนื่องจากคนในอ้อมกอดตัวร้อนจี๋ จนแผงอกเขาแทบละลาย อากาศด้านนอกยังมีฝนตกลงมาไม่หยุด เสียงฟ้าผ่า ฟ้าร้องยังคงดังต่อเนื่อง เมื่อเปิดผ้าห่มผืนใหญ่ออก ร่างกายบอบบางก็เต็มไปด้วยเหงื่อชื้นจากฤทธิ์ไข้ แม้ก่อนนอนเขาจะให้เธอทานยาลดไข้ไปแล้วหนึ่งรอบ แต่อาการก็ยังไม่ทุเลาลงมือหนาหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา พบว่าเลยสี่ชั่วโมงแล้วจากการทานยาครั้งแรก ชายหนุ่มลุกออกจากเตียง ก่อนจะกลับมาพร้อมกับยาลดไข้และน้ำในมือ ตั้งวางไว้โต๊ะหัวเตียง ก่อนจะขยับเข้ามาพยุงคนตัวเล็กเข้ามาแนบอก“หนูขา กินยา”เสียงของเขาปลุกให้เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หลังจากทานยาลดไข้เรียบร้อย คิมหันต์วางเธอลงนอนหนุนหมอนหนา ร่างสูงเดินหายไปในห้องน้ำชั่วครู่ ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กกับกะละมังที่หยิบติดมือจากในครัวตอนไปเอาน้ำเพราะเสื้อที่เธอสวมใส่อยู่เปียกชื้นจากเหงื่อกาฬ อาจทำให้น้องนอนไม่สบายตัว นิ้วเรียวยาวเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อบนเรือนร่างบอบบางอย่างอ่อนโยน โดยมีสายตาปรือเปล่าของเจ้าของร่างมอง หากแต่ไม่สามารถขัดขืนการกระทำนั้นได้“พี่เช็ดตัว
วันนี้ม่านฟ้าตื่นขึ้นมาแต่เช้า สิ่งที่ทำให้เธอไม่สามารถข่มตานอนต่อได้ แม้จะอยู่ในภาวะง่วงงุน คือเสี่ยสิงห์ที่มานั่งรอเธอที่ห้องนั่งเล่นตั้งแต่ยังไม่แปดโมง ยิ่งไปกว่านั้น มารดากลับเข้าห้องมาบอกว่าเสี่ยสิงห์ชวนไปทานอาหารเช้าที่บ้านคนตัวเล็กนวดคลึงขมับอย่างคิดไม่ตก สุดท้ายจึงกดโทรออกหาคิมหันต์อย่างหมดหนทาง‘แต่งตัวรอเลย ใกล้ถึงแล้วจะส่งข้อความบอก’และเมื่อข้อความจากคนตัวโตส่งมาบอกว่าอยู่หน้าบ้านเธอแล้ว หญิงสาวก็รีบกุลีกุจอหยิบกระเป๋าสะพายลงไปด้านล่าง“หนูม่านฟ้า”เสี่ยสิงห์ลุกขึ้นยืนทันทีที่เท้าของเธอแตะพื้นชั้นล่าง ม่านฟ้ายกมือไหว้อย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเดินเข้ามาหามารดาที่นั่งคุยเป็นเพื่อนเสี่ยใหญ่อยู่“คือม่านลืมบอกคุณแม่ ว่าม่านนัดพี่คิมหันต์ไว้ค่ะ” หญิงสาวพูดกับมารดาเสียงอ่อย จงใจให้ชายรุ่นพ่อได้ยินไปด้วยแน่นอนว่าเสี่ยสิงห์เองก็นั่งไม่ติด เมื่อได้ยินชื่อของใครบางคน แต่ไม่ทันที่จะได้ถามอะไรต่อ ร่างสูงกำยำของคนที่ม่านฟ้ารออย่างใจจดใจจ่อก็เดินเข้ามายังตัวบ้าน“สวัสดีครับน้าเอม” ชายหนุ่มกล่าวทักทายมารดาของคนตัวเล็กอย่างสนิทสนม ก่อนจะเดินมาหยุดเคียงข้างหญิงสาว “ขอโทษที่มาสายนะครับ
“คุณลูกขา ยิ้มหน่อยค่ะ” เอมฤดีผู้เป็นมารดามองลูกสาวที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างกายผู้คนในงานที่เดินผ่านไปมาต่างก็หันมามองหญิงสาววัยยี่สิบสี่ ที่ตอนนี้สวยพร้อมสะพรั่ง หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แอบชำเลืองมองมาที่ลูกสาวคนเล็กของเอมฤดีด้วยสายตาชื่นชมม่านฟ้าในตอนนี้สวยเด่นเสียจนกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งงาน แม้หญิงสาวจะกำลังแสดงสีหน้าบูดบึ้งที่ถูกบังคับมาก็ตามย้อนไปก่อนหน้านี้สามชั่วโมง ม่านฟ้านอนเอกเขนก เกลือกกลิ้งบนที่นอนอย่างเบื่อหน่าย ตั้งแต่เธอกลับจากอังกฤษ บรรดาเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาก็แต่งงานออกเรือนกันจนหมด จะไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวกอย่างเก่ากระทั่งเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น“น้องม่านขา วันนี้ออกไปข้างนอกกับคุณแม่หน่อยนะคะ” มารดาโผล่เพียงหน้าออกมาจากประตูห้องนอนเรียกความรัก ความเอ็นดูจากลูกสาวคนเล็กได้เป็นอย่างดีนิสัยออดอ้อนของเธอ คงได้มาจากคนเป็นแม่อย่างแน่นอน“ได้สิคะ” ตอบกลับด้วยอารมณ์อยากหลีกหนีจากความเบื่อหน่ายโดยไม่คิดว่าข้างนอกที่มารดาหมายถึงคือ งานวันเกิดครบรอบหกสิบห้าปีของเจ้าสัวหลี่เดจาวูช
สองปีต่อมาเจ้าของใบหน้าคมคายนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ราคาแพงไม่วางตา ซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่กำลังจะถูกวางขายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า งานในมือเลยต้องรีบสะสางให้แล้วเสร็จก่อนวันเปิดตัวติ๊ง!เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น เป็นน้องชายคนเล็กที่ส่งรูปเข้ากลุ่มแช็ตอย่างเช่นทุกครั้ง มือหนาถ่างซูมรูปภาพที่ถูกแคปหน้าจอจากไอจีสตอรีของใครบางคน ภาพเรียวนิ้วเล็ก แต่งแต้มด้วยสีทาเล็บชมพูขาว วาดลวดลายซากุระถือบอร์ดดิ้งพาสสีขาว แนบหนังสือเดินทาง ฉากหลังเป็นสนามบินที่มีคนพลุกพล่าน:: GROUP NO PARENTS ::RAINNY : หน่วยข่าวกรองเฮียอย่างเอาอะMR KIM : โอนเงินให้แล้วRAINNY : เข้าแล้วค่ะ ฮิๆW1NTER: แล้วเอาไงต่อMR KIM: ไม่ใช่เรื่องต้องรีบRAINNY: ใจเย็น เดี๋ยวน้องก็หนีไปอีกMR KIM: ไม่ต้องรีบ เตรียมไว้หมดแล้วหลังจากปิดหน้าจอมมือถือลง ร่างสูงโปร่งก็เอนกายแนบพนักพิงเก้าอี้ ครุ่นคิดเรื่องเมื่อสองปีก่อน ที่ตนเองตัดสินใจช้าหลายอย่าง กว่าจะรู้ตัวอีกที คนตัวเล็กก็หนีหายไปต่างประเทศเสียแล้วหลังจากที่มีปากเสียงกันที่หน้าบ้านเธอวันนั้น บ่ายวันต่อมาคิมหันต์ก็ได้รับข่าวว่าบริษัทซอฟต์แวร์ที่ญี่ปุ่นเ
“น้องม่าน ทำหน้าให้ดีๆ หน่อยสิคะลูก”เสียงมารดาตำหนิ เมื่อลูกสาวที่วันนี้แต่งองค์ทรงเครื่องสวยงามด้วยชุดสีขาวปักคริสตัลหรูหราตามธีมงานวันเกิดเจ้าสัวหลี่ที่เน้นสีเงินสีทอง แต่ทว่าใบหน้าหวานกลับบูดบึ้ง บ่งบอกว่าไม่เต็มใจมางานนี้เท่าไหร่นักหากพี่สาวของเธอไม่กำลังตั้งครรภ์ คนที่ออกงามสังคมกับครอบครัวก็ต้องเป็นพี่สาวไม่อยากเจอเขาคนนั้นเลย“สุขสันต์วันเกิดนะคะเจ้าสัว” เอมฤดียื่นของขวัญที่บรรจุในหีบห่อหรูหราให้เจ้าของวันเกิด ก่อนจะส่งให้ภรรยาถือแทนม่านฟ้ายกมือประนมไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างมีมารยาท แต่พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าคิมหันต์ยืนมาอยู่ด้านหลังมารดาของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบมือเรียวลดมือลง ไม่ไหว้คนนิสัยไม่ดีให้เสียมือ เมินหน้าหนีไม่มองคนอายุเยอะกว่า ก่อนจะเดินไปหลบหลังมารดาหาเกราะกำบัง“เราไปนั่งคุยกันทางนู้นดีกว่าเอม” คุณนายวรรณษาเอ่ยปากชวนเพื่อน พร้อมกับออกแรงจูงมืออย่างมีนัย “ตาคิม พาน้องไปหาอะไรกินด้วยนะ”“ครับ”ชายหนุ่มรับคำมารดาไม่มีอิดออด ประจวบเหมาะกับเหมันต์และวสันต์เดินตามมาสมทบภายหลัง ม่านฟ้ายกมือไหว้ทักทายผู้มาใหม่เจือรอยยิ้ม ทำเอาคนถูกเมินขบเขี้ยวเหลือบตามองอย่า
หลายวันมานี้ เรื่องที่เขาสร้างเอาไว้ แทนที่จะถูกมารดาด่าดุด่าอย่างทุกครั้ง แต่สถานการณ์ภายในบ้านกลับเงียบสงบเสียจนลูกชายคนโตอดแปลกใจไม่ได้ นั่นอาจจะหมายถึงม่านฟ้าไม่ได้ฟ้องทางฝั่งผู้ใหญ่“ตาคิม มานี่ๆ” เสียงมารดาเรียกตัวเขาไว้ ระหว่างที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนบ้านชั้นสองคิมหันต์เหลือบสายตาคมไปที่น้องชายคนรองอย่างเหมันต์ ที่นั่งดูทีวีกับมารดา เห็นได้ชัดว่าเหมันต์มีท่าทีลุกลี้ลุกลน เมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียกเขา“ครับ”ชายหนุ่มเดินมาหย่อนกายนั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามน้องสาย ด้วยใบหน้าเรียบเฉย เตรียมตัวเตรียมใจที่จะโดนมารดาดุด่าอย่างทุกที“หนูม่านฟ้าเป็นยังไงบ้าง”คุณนายวรรณษาถามลูกชายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ในมือยังถือไอแพดเครื่องใหญ่ กดพิมพ์ข้อความขยุกขยิกราวกับกำลังสนทนากับใครบางคนไปด้วยหากให้เดาก็คงเป็นมารดาของน้องม่านนั่นแหละ“ก็...อย่างที่แม่รู้มานั่นแหละครับ” คิมหันต์ตอบเลี่ยงบาลี ชำเลืองสายตามองน้องชายที่แม้ตาจะจ้องรายการทีวีอยู่ แต่เหงื่อแตกพลั่กอย่างมีพิรุธ“ดีเลย แล้วเมื่อไหร่จะนัดน้องออกไปเที่ยวอีกล่ะ”“นัด?”คำพูดของมารดาสร้างความประหลาดใจให้คนตัวโตไม่น้อย ไม่มีครั้งไหนเลยที่คิมหั