Share

บทที่ 4

Penulis: จื่อซูและฤดูใบไม้ร่วง
“เห็นค่าในความสัมพันธ์? เห็นค่าในความสัมพันธ์ของผู้หญิงที่เขียนจดหมายให้เขาไปตายเนี่ยนะ?”

“ภักดีต่อกษัตริย์และรักประเทศชาติ? ภักดีต่อกษัตริย์ที่แย่งผู้หญิงและต้องการชีวิตของเขาเนี่ยนะ?”

มู่เหยาเปิดเผยความจริงอย่างไม่ไว้หน้า: "รองแม่ทัพผัง ข้าไม่อยากฟังคำพูดหลอกตัวเองที่ไร้สาระพวกนี้"

นางเดินขึ้นหน้าไปหนึ่งก้าว จ้องมองชายร่างกำยำที่สูงกว่านางเกือบหนึ่งช่วงศีรษะ: "ข้าจะถามท่านเพียแค่งประโยคเดียว หากท่านอ๋องยังคงคิดไม่ได้ ยืนกรานที่จะทำเรื่องโง่ๆ เพื่อจะไปตาย ท่าน และกองทัพเจิ้นเป่ยหกแสนนายที่อยู่เบื้องหลังท่าน คิดจะทำอย่างไร?"

"จะยอมตายไปพร้อมกับเขาด้วยหรือ?!"

การหายใจของผังว่านหลี่ชะงักอย่างรุนแรง

เขามองกลับไปที่บันไดของป้อมปราการอย่างไม่รู้ตัว มองไปยังเหล่าพี่น้องที่ยืนเรียงแถวท่ามกลางพายุหิมะ

พวกเขาคือสหายร่วมรบ คือพี่น้องที่ติดตามเขากับท่านอ๋องคลานออกมาจากกองซากศพและทะเลเลือด

จะให้พวกเขาไปตายพร้อมกับอ๋องด้วยเหตุผลที่น่าขันอย่างนั้นหรือ?

ไม่!

เสียง "ตุ้บ!" ดังขึ้น

ผังว่านหลี่ชายเหล็กสูงแปดศอกคนนี้ คุกเข่าลงข้างเดียว ต่อหน้ามู่เหยา

เกราะที่แข็งกระด้างกระทบพื้นน้ำแข็งดัง ส่งเสียงทึบๆออกมา

"พระชายา!"

เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาพยัคฆ์เต็มไปด้วยความเด็ดขาดและจริงใจ: "ขอแค่พระชายาเอ่ยปากแค่คำเดียว! ข้าน้อยยินดีตายถวายชีวิต!"

"นับจากวันนี้ไป กองทัพเจิ้นเป่ยทั้งหมด ข้าน้อย... จะฟังแต่คำสั่งของพระชายาเท่านั้น!"

มู่เหยามองเขาอย่างเงียบๆ

สิ่งที่นางต้องการคือประโยคนี้

"ลุกขึ้นเถอะ" นางไม่ได้ยื่นมือไปช่วย น้ำเสียงยังคงเรียบเฉย: "การคุกเข่าแก้ปัญหาไม่ได้"

ผังว่านหลี่ไม่ลังเล ลุกขึ้นยืนทันที ยืนตรงราวกับหอกตรงหน้านาง รอคำสั่งจากนาง

ปลายนิ้วของมู่เหยาแตะเบาๆ บนอิฐและหินเย็นๆ ที่ด้านบนของกำแพง

"ดี ในเมื่อท่านฟังข้า" นางหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะโยนคำถามที่ราวกับฟ้าผ่าออกมา: "ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ผังว่านหลี่"

นางเรียกชื่อเต็มของเขา

หัวใจของผังว่านหลี่เต้นระรัวแรงขึ้นมา

"หากท่านอ๋องยังคงยืนกรานที่จะเป็นขุนนางผู้ภักดี เป็นคนคลั่งรัก และยืนกรานที่จะไปตาย..."

มู่เหยาค่อยๆ หันกลับมา ใบหน้าเล็กๆ ที่ตัดกับปกเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาวซีด ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ "ข้าต้องการให้เจ้า สังหารเขาด้วยมือของเจ้าเอง"

"ตูม!"

ในสมองของผังว่านหลี่ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมา

เขาทั้งตัวแข็งทื่อ มองมู่เหยาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

พระชายา... นางพูดว่าอะไรนะ?

ให้เขา... ฆ่าท่านอ๋อง?

ยังไม่ทันที่เขาจะหายจากความตกใจ มู่เหยาก็พูดต่อ ทุกคำพูดของนางราวกับน้ำแข็งที่เย็นที่สุดของดินแดนทางเหนือ พร้อมด้วยความเย็นยะเยือกที่กัดกระดูก

"จากนั้น เราก็จะประกาศต่อภายนอกว่า เจิ้นเป่ยอ๋องเซียวอี้เฉิน ถูกฮ่องเต้ทรราชย์ที่อยู่ในเมืองหลวงสังหาร"

"ข้า มู่เหยาพระชายาเจิ้นเป่ยอ๋อง จะนำทัพหกแสนนายแห่งดินแดนทางเหนือ บุกเข้าเมืองหลวง กำจัดขุนนางชั่วโดยใช้เหตุผลในการล้างแค้นแทนสามี!"

"การกบฏครั้งนี้ เจ้าจะร่วมด้วยหรือไม่?"

ทั่วทั้งป้อมปราการเข้าสู่ความเงียบราวกับความตาย

มีเพียงเสียงพายุหิมะที่โหมกระหน่ำ ราวกับจะกลืนกินคำพูดที่ขัดต่อหลักการอย่างร้ายแรงนี้

ร่างกายของผังว่านหลี่สั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะแรงกระแทกจากคำพูดนี้มันรุนแรงเหลือเกิน

ฆ่าท่านอ๋อง แล้วก่อกบฏ?

นี่มัน... บ้าไปแล้ว!

แต่ว่า เมื่อมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า มองดวงตาที่สงบจนน่ากลัวของนาง ผังว่านหลี่รู้ว่านางไม่ได้ล้อเล่น

ทุกคำที่นางพูดเป็นเรื่องจริงจัง

หลังจากความเงียบที่ยาวนาน เสียงหายใจที่หนักหน่วงของผังว่านหลี่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

เขาไม่ได้ตอบทันทีว่าจะร่วมหรือไม่ร่วม

เขาเงยหน้าขึ้นมา จ้องมองมู่เหยา ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ตอบคำถามทีละคำ

"ทูลพระชายา"

"ในใจของข้าน้อย ชีวิตของพี่น้องหกแสนนายในดินแดนทางเหนือ สำคัญเป็นอันดับแรก"

เขายื่นมือชี้ลงไปด้านล่าง ชี้ไปยังทิศทางที่ห่างไกล

"ชีวิตของท่านอ๋อง สำคัญเป็นอันดับสอง"

"ผู้ใดสามารถทำให้พี่น้องทุกคนมีชีวิตรอด มีชีวิตเยี่ยงมนุษย์ มีชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ข้าน้อยก็จะร่วมกัคนผู้นั้น!"

ในที่สุดบนใบหน้าของมู่เหยา ก็ปรากฏรอยยิ้มจางๆ อย่างพอใจ

ในที่สุด ในจวนเจิ้นเป่ยอ๋องนี้ ก็ยังมีคนที่มีสติอยู่บ้าง

คำตอบนี้มีน้ำหนักมากกว่าคำว่า "ข้าจะร่วมด้วย" อย่างมาก

"ดีมาก" มู่เหยาเก็บสายตา หันกลับไปมองโลกที่ว่างเปล่าไกลออกไป: "ถ้าเช่นนั้นตอนนี้เจ้าก็ไปได้แล้ว"

ผังว่านหลี่งอึ้งไป: "ไปไหน?"

"กลับไปที่ห้องโถง ไปเกลี้ยกล่อมท่านอ๋องที่ยังคงจมอยู่ในโลกของตัวเองของพวกเจ้าซะ"

น้ำเสียงของมู่เหยาแฝงด้วยการเยาะเย้ยอย่างไม่ปิดบัง

"ไปเล่าจุดยืนของข้า ให้เขาฟังอย่างละเอียด"

"แล้วบอกจุดยืนของเจ้าผังว่านหลี่ ให้เขาฟังอย่างละเอียดด้วย"

"แล้วให้เขาเลือกเอง"

มู่เหยาหันหน้าไปด้านข้าง ลมพายุหิมะพัดขอบหมวกขนสัตว์ของนาง เผยดวงตาที่ขาวดำชัดเจนของนาง:

"จะคุกเข่าเป็นคนไร้ค่าที่ถูกคนทั้งใต้หล้าเยาะเย้ย หรือจะยืนขึ้น เป็นนายเหนือหัวที่แท้จริงของทัพหกแสนนายและประชาชนนับล้านในดินแดนทางเหนือ"

หัวใจของผังว่านหลี่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง

เขาเข้าใจแล้ว พระชายากำลังจะบีบท่านอ๋อง ให้ทำการตัดสินใจครั้งสุดท้าย

"ข้าน้อย เข้าใจแล้ว!"

ผังว่านหลี่ประสานมือทำความเคารพแบบทหารต่อมู่เหยาอย่างเคร่งขรึม

เมื่อเขายกศีรษะขึ้นอีกครั้ง ความเคารพยำเกรงต่อผู้หญิงคนนี้ก็ถึงจุดสูงสุด

กลวิธี สติปัญญา และความกล้าหาญของพระชายาที่เคยไม่มีตัวตนในจวนมาตลอดสามปี เหนือกว่าท่านอ๋องมากนัก!

ผังว่านหลี่ไม่พูดอะไรอีก หันหลังเดินกลับไปตามทางที่เขามาอย่างรวดเร็ว

ฝีเท้าของเขามั่นคงและหนักแน่นกว่าตอนมามาก

เงาของผังว่านหลี่หายไปในพายุหิมะอย่างรวดเร็ว

มู่เหยายืนอยู่กับที่ ไม่ขยับ

เกล็ดหิมะเย็นๆ ตกลงบนขนตาที่ยาวของนาง ละลายเป็นหยดน้ำอย่างรวดเร็ว นำมาซึ่งความรู้สึกเย็นสบาย

จนกระทั่งร่างของผังว่านหลี่หายไปอย่างสมบูรณ์ นางก็ค่อยๆ หันหลังเดินกลับไปยังเรือนที่พักของตัวเอง

ตลอดทางไม่มีคำพูดอะไรใดๆ

เมื่อบรรดานางกำนัลและองครักษ์เห็นนาง ต่างโค้งคำนับจากระยะไกล ไม่กล้าเข้าใกล้

ความวุ่นวายในห้องโถงเมื่อครู่ดังมาก เรื่องที่พระชายาตบเหล้าพิษ ใช้กระบี่สังหารท่านทูต และตบหน้าท่านอ๋องอย่างรุนแรง คงจะแพร่ไปทั่วจวนแล้ว

ในสายตาของพวกเขา มู่เหยาในตอนนี้ ไม่ใช่เครื่องประดับที่อ่อนโยนและนุ่มนวลอีกต่อไป แต่เป็นนางปีศาจที่แผ่รัศมีแห่งความตาย พร้อมที่จะฆ่าคนได้ทุกเมื่อ

มู่เหยาไม่ใส่ใจกับปฏิกิริยาของคนเหล่านี้

นางเดินผ่านลานบ้านด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ผลักประตูห้องนอนของตัวเอง แล้วปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา

เสียง "ปัง" ตัดขาดทุกพายุหิมะและการสอดแนมจากภายนอก

ทันทีที่ประตูปิดลง ความเย็นชาและแข็งกระด้างที่นางแสร้งทำก็หายไปในทันที ราวกับลูกโป่งที่ถูกเจาะลม

ขาของนางอ่อนแรง ล้มตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้พลับแทบจะล้มลง

มู่เหยามองมือของตัวเอง มือคู่นั้นยังคงขาวซีดและเรียวยาว แต่รอยเลือดที่เปื้อนอยู่ได้แห้งเป็นสีแดงเข้มไปแล้ว

ความเด็ดขาดและความโหดเหี้ยมในการฆ่าคนเมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นความกลัวที่มาถึงช้า ทำให้หัวใจของนางเต้นแรงขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้

พนักงานออฟฟิศธรรมดาอย่างนาง ข้ามมิติมาได้อย่างไร?

ข้ามมาก็ข้ามมาเถอะ แต่เริ่มต้นมาด้วยโหมดนรกสามีกำลังจะถูกประหาร และตัวเองต้องตายตามเนี่ยนะ?

มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย!

นางเกาศีรษะด้วยความหงุดหงิด ในใจเต็มไปด้วยความโกรธที่ไร้ทางระบาย

ในห้องโถงเมื่อครู่ นางทำทุกอย่างด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่ว่า "แม่ไม่อยากตาย" แล้วหลังจากนี้ล่ะ? ไอ้คนโง่คลั่งรักเซียวอี้เฉิน จะถูกนางด่าจนได้สติจริงๆ ไหม?

ถ้าเขาไม่ยอมเข้าใจ และยังยืนกรานที่จะไปตายจะทำอย่างไร?

นางจะต้องทำตามที่ผังว่านหลี่พูดจริงๆ หรือ? ก่อกบฎ ฆ่าเขา แล้วขึ้นเป็นราชินีเอง?

นางใช้ปลายเท้าคิดก็รู้ว่ามันไม่สมจริง

ในสังคมศักดินาแบบนี้ ที่ผู้ชายเป็นใหญ่ผู้หญิงเป็นรอง ไม่ว่านางจะเก่งแค่ไหนก็ยากที่จะทำให้คนยอมรับได้

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องการยกทัพทำศึกสงครามอะไรนั่น นางเหมือนจะฉลาด แต่จริงๆ แล้วไม่เข้าใจเลยสักนิด

อย่าว่าแต่สั่งบัญชาการกองทัพหลายแสนนายไปบุกตีเมืองเลย แค่สั่งเพื่อนร่วมทีมสี่คนไปเอาดาร์กสเลเยอร์นางยังสั่งไม่ถูกเลย

"น่าหงุดหงิดชะมัดเลย!" มู่เหยาสบถด่าเบาๆ

อย่างน้อยก็เป็นคนที่ข้ามมิติมานะ โกลด์ฟิงเกอร์ล่ะ? ระบบล่ะ? แพ็กเกจของขวัญมือใหม่ล่ะ? นี่มันสถานการณ์ความเป็นความตายแล้วนะ ยังไม่โผล่ออกมาอีก จะรอให้นางเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้หรือยังไง?

ในขณะที่นางกำลังบ่นโวยวายอย่างบ้าคลั่ง เสียงทุ้มนุ่มเปี่ยมเสน่ห์ที่เจือแววหยอกล้อเล็กน้อย ก็พลันดังขึ้นในหัวของเธอโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

[อุ้ยตายแล้ว สาวน้อยคนสวย อารมณ์ฉุนเฉียวไม่เบาเลยนะ]

มู่เหยาแข็งค้างไปทั้งตัว

ใคร? ใครกำลังพูดอยู่?

นางรีบลุกขึ้นยืน มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ภายในห้องนอนไม่มีใครอยู่ มีเพียงแค่นางเท่านั้น

หรือว่านางหูฝาดไป?

[ไม่ต้องหาแล้ว สาวน้อย ข้าอยู่ในสมองเจ้า]

เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับความขบขันเล็กน้อย

[ยินดีกับเจ้าด้วย เจ้าได้เปิดใช้งาน "ระบบนางเอกผู้ถูกเลือกจากสวรรค์" นับจากวันนี้ไป ข้าจะเป็นปราการหลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้า เป็นสุดที่รักที่รู้ใจที่สุดของเจ้า!]

ระบบ!

มันคือระบบจริงๆ ด้วย!

สมองของมู่เหยาว่างเปล่าไปชั่วขณะ จากนั้น ตามมาด้วยความดีใจที่พุ่งพล่านขึ้นมา จนนางแทบจะกระโดด

มาแล้ว! มาจริงๆ ด้วย! โกลด์ฟิงเกอร์มาถึงมือแม่แล้ว!

นางระงับความตื่นเต้นในใจ และลองถามในความคิด: "นาย...คืออะไร?"

[ข้าคือสุดยอดระบบที่จะนำพาเจ้าไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต ตบตีฮ่องเต้ชั่ว ถีบส่งพวกเสแสร้ง ครอบครองบุรุษรูปงามสามพันคน ทอดมองแผ่นดินหมื่นลี้จากที่สูง!]

เสียงของระบบฟังดูลำพองใจมาก ไม่เหมือนเสียงเครื่องจักรที่เย็นชาเลยแม้แต่น้อย แต่เหมือนคนพูดมากคนหนึ่ง

มู่เหยามองบนในใจ

ยังจะมาบุรุษรูปงามสามพันคนอีก ตอนนี้แม้แต่ชีวิตของนางยังรักษาไว้ไม่ได้เลย

"มีประโยชน์อะไร? สามารถช่วยให้ข้าพ้นจากอันตรายตอนนี้ได้ไหม?" นางเข้าเรื่องทันที

[แน่นอน! ระบบจะปล่อยภารกิจเป็นระยะๆ ขอเพียงโฮสต์ทำภารกิจสำเร็จ ก็จะได้รับรางวัลมากมาย เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรก ระบบจะมอบแพ็กเกจของขวัญมือใหม่ให้ก่อน!]

[กำลังตรวจสอบพฤติกรรมการเริ่มต้นของโฮสต์...]

[ตรวจพบความสำเร็จระดับ S: [สังหารทูตหลวงด้วยตัวเอง]!]

[ตรวจพบความสำเร็จระดับ SS: [ตบหน้าท่านอ๋องอย่างรุนแรง]!]

[ตรวจพบความสำเร็จระดับ SSS: [ชักนำแม่ทัพใหญ่ให้ก่อกบฏ]!]

[แพ็กเกจของขวัญมือใหม่ได้รับโบนัสคริติคอสิบล้านเท่า! กำลังแจกจ่ายรางวัล...]

มู่เหยาฟังเสียงประกาศที่ดังต่อเนื่องในสมอง และมึนงงไปหมด

แค่ทำร้ายคนฆ่าคนก็ยังปลดล็อกโบนัสคริติคอลได้ด้วยเหรอ? ระบบนี้... มันดูป่าเถื่อนไปหน่อยนะ แต่...นางชอบ!

วินาทีต่อมา ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ยากจะจินตนาการได้ ก็พุ่งเข้าสู่สมองของนางอย่างรุนแรงราวกับน้ำท่วมที่ทำลายเขื่อน

มู่เหยาครางเสียงออกมา นางรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิด ความรู้ ภาพ ทฤษฎีแปลกๆ มากมายนับไม่ถ้วน ถูกยัดเหยียดเข้ามาในหัวของนางอย่างรุนแรง

[รางวัลที่ 1: [ความรู้ทางการแพทย์ขั้นสูงสุด] แจกจ่ายแล้ว!]

[ความรู้ทั้งหมดทางการแพทย์แผนจีนและตะวันตก รวมถึงกายวิภาคศาสตร์ เภสัชวิทยา พยาธิวิทยา ประสาทวิทยา ศัลยกรรม การวินิจฉัยชีพจร การฝังเข็ม ตำราพิษวิทยาและสมุนไพร... ทั้งหมดได้รับการถ่ายทอดเข้าสู่สมอง ของโฮสต์อย่างเชี่ยวชาญโดยสมบูรณ์!]

อาการปวดหัวอย่างรุนแรงมาเร็วและหายไปเร็ว

ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ความรู้ที่สับสนวุ่นวายเหล่านั้นก็ถูกจัดระเบียบอย่างรวดเร็ว ราวกับถูกประทับตรา ลงลึกเข้าไปในความทรงจำของนาง

มู่เหยาจ้องมองเครื่องหอมบนโต๊ะโดยไม่รู้ตัว ในสมองของนางปรากฏส่วนประกอบในทันที: กำยาน ไม้จันทน์ กานพลู อำพันทะเล... และสมุนไพรที่ตรวจจับได้ยากมากชนิดหนึ่งที่ทำให้ระบบประสาทเฉื่อยชาและทำให้เกิดความเหนื่อยล้าในใจ คือ "ยาสลายเส้นเอ็น"

ที่แท้ตลอดสามปีที่ผ่านมา ที่เจ้าของร่างเดิมขาดแรงจูงใจและจมอยู่กับความเศร้าโศก ไม่เพียงเพราะความเย็นชาของเซียวอี้เฉิน แต่ยังเพราะฤทธิ์ยาของเครื่องหอมนี้ด้วย

ช่างเป็นกลอุบายที่แยบยลดีเสียจริง

ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดอย่างละเอียด ข้อมูลมหาศาลระลอกที่สองก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง

[รางวัลที่ 2: [สำเร็จความเชี่ยวชาญใน [วิชาการวางแผนกลยุทธ์ตามหลักฮวงจุ้ยและโหราศาสตร์]!]

[หนึ่งในสามตำราพิสดารในยุคโบราณ ครอบคลุมดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ยุทธศาสตร์ทางทหาร การทำนาย การวางผัง การจัดทัพ... ทั้งหมดได้รับการถ่ายทอดเข้าสู่สมอง โฮสต์ได้เข้าใจและรวมเข้าด้วยกันแล้ว!]
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • หลังก่อกบฏ ข้ากลับได้หัวใจท่านอ๋องคลั่งรัก   บทที่ 30

    ภายในด่านเจียเหมิง กลิ่นคาวเลือดปะปนกับกลิ่นฝุ่นควัน ทำให้แสบคอจนเจ็บปวด การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว ธงของกองทัพเจิ้นเป่ยถูกปักไว้บนป้อมปราการที่แข็งแกร่งนั่น หลี่เจียนผู้บัญชาการป้องกันเมือง หนีออกจากประตูเหนือไปอย่างทุลักทุเลทันทีที่เมืองแตก ทหารป้องกันเมืองที่เหลือแทบจะไม่มีการต่อต้านและยอมจำนนแต่โดยดี ศึกโจมตีเมืองอันดุเดือดถึงเลือดถึงเนื้อ จบลงอย่างเหนือความคาดหมาย ราวกับฉากสุดท้ายของละครอันพลิกผันเซียวอี้เฉินลงจากหลังม้า โยนกระบี่ที่ยังคงมีเลือดหยดอยู่ในมือให้ทหารองครักษ์ ชุดเกราะของเขาเปื้อนเลือดของศัตรูและเหงื่อของตัวเอง ทำให้เขาดูเหมือนเทพสังหารที่เพิ่งปีนป่ายขึ้นมาจากนรก ผังว่านหลี่และเหล่าแม่ทัพรีบเดินเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความโล่งใจที่รอดตาย และความยินดีที่ระงับไว้ไม่ได้"ท่านอ๋อง! ท่านไม่เป็นไรใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?"เสียงห้าวของผังว่านหลี่แฝงด้วยความสั่นเครือเล็กน้อยที่ยากจะตรวจจับ เซียวอี้เฉินส่ายหน้า เสียงแหบแห้ง: "ไม่เป็นไร"ทันทีที่เขาพูดจบ ขุนพลตาเดียวที่นำทัพตั้งคำถามเมื่อวานนี้ ก็ทรุดตัวลงคุกเข่า "ตุ้บ" ใบหน้าแก่ชราที่ผ่านความยากลำบากมามากแดงก่ำราวกับตับหมู

  • หลังก่อกบฏ ข้ากลับได้หัวใจท่านอ๋องคลั่งรัก   บทที่ 29

    การเคลื่อนไหวนั้นลื่นไหลราวกับสายน้ำ แม้จะอยู่บนหลังม้าที่สั่นสะเทือนก็ยังมั่นคงราวกับอยู่บนพื้นราบฉึบ——ฉึบ——ฉึบ!ลูกธนูสามพันดอก ราวกับเมฆดำแห่งความตาย ปกคลุมป้อมปราการประตูใต้ในทันที ความแรง ความเร็ว และความแม่นยำของลูกธนูนั้น เหนือกว่าพลธนูราบทั่วไปมาก ทหารป้องกันเมืองที่เพิ่งโผล่หน้าขึ้นมา ถูกยิงล้มลงไปในทันทีจำนวนมาก เสียงร้องดังระงม การกดดันด้วยปืนไฟบนกำแพงเมืองหยุดชะงักไปชั่วขณะ"พลยิงธนูบนหลังม้า... พวกเขาใช้การยิงธนูบนหลังม้าระหว่างการบุกตะลุย!" แม่ทัพคนหนึ่งร้องออกมาด้วยความตกใจ "นี่...นี่เป็นไปได้อย่างไร!"แม่ทัพบนแท่นบัญชาการทัพ ต่างมองอย่างตะลึงงันไปตามๆ กัน พวกเขารู้ว่าทัพม้าเหล็กดำเก่งกาจในการยิงธนู แต่ไม่คิดเลยว่าจะเก่งกาจถึงขั้นนี้! การยิงธนูพร้อมกันสามชุด ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตา เมื่อทัพม้าเหล็กดำบุกตะลุยไปถึงใต้กำแพงเมือง ป้อมปราการประตูใต้ทั้งหมดเกือบจะกลายเป็นพื้นที่ตายไปแล้ว"ทิ้งม้า!"ขุนพลทัพม้าผู้ควบคุมตะโกนสั่ง ทหารม้าสามพันนาย กระโดดลงจากม้าศึกอันเป็นที่รักโดยไม่ลังเล ชักดาบศึกที่เอวออกมา ราวกับเสือที่ลงจากเขา พุ่งเข้าใส่ประตูเมืองที่สั่

  • หลังก่อกบฏ ข้ากลับได้หัวใจท่านอ๋องคลั่งรัก   บทที่ 28

    "ท่านอ๋อง เมื่อยิงธนูออกไปแล้ว ย่อมไม่มีลูกศรที่หวนกลับมาได้""หากท่านสั่งถอนทัพตอนนี้ พี่น้องที่ตายไปก่อนหน้านี้ ก็จะตายไปเปล่าทั้งหมด"ร่างกายของเซียวอี้เฉินสั่นสะท้านอย่างรุนแรง สายตาของมู่เหยากวาดมองผู้คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อยอย่างแทบมองไม่เห็น "ยิ่งไปกว่านั้น ท่านคิดว่าตอนนี้ พวกเขากลัวว่าข้าผิด หรือกลัวว่าข้าถูกกันแน่?"คำพูดนี้ เหมือนเข็มเล่มหนึ่ง แทงทะลุความลังเลสุดท้ายในหัวใจของเซียวอี้เฉินอย่างแม่นยำ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ หน้าอกกระเพื่อมอย่างรุนแรง จากนั้นก็ส่งเสียงคำรามที่ดังสนั่นหวั่นไหว"ลุกขึ้นให้หมด!"แม่ทัพที่คุกเข่าอยู่ถูกเขาตะคอกใส่จนตัวสั่น เงยหน้าขึ้นมองอย่างสับสน พวกเขาเห็นเซียวอี้เฉินดวงตาแดงก่ำ เหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกต้อนจนมุม เขาชี้ไปที่ใต้แท่น ตะโกนสั่งไปยังทหารส่งสารทีละคำ"ถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไป!""สั่งให้ทัพม้าเกราะดำสามพันนาย ออกโจมตีทันที!""พลธนูบนหลังม้าบุกนำ ยิงธนูพร้อมกันสามชุด กดดันบนกำแพง! จากนั้นเร่งความเร็วบุกเข้าใต้กำแพง ทิ้งม้า ร่วมกับทหารราบกระแทกประตู!""ทำตามที่พระชายาสั่ง! ผู้ใดฝ่าฝืน ประหาร!"เมื่อคำสั่

  • หลังก่อกบฏ ข้ากลับได้หัวใจท่านอ๋องคลั่งรัก   บทที่ 27

    เซียวอี้เฉินมองนาง ลูกกระเดือกกลืนน้ำลายลงไป พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว อาศัยช่วงเวลาที่บนกำแพงเมืองกำลังสับสนวุ่นวาย กองทัพนั้นก็เร่งความเร็วทันที!ห้าสิบก้าว!สามสิบก้าว!สิบก้าว!"ถึงแล้ว!" ผังว่านหลี่ตื่นเต้นจนใบหน้าแดงก่ำ เกือบจะกระโดดขึ้น ตึง!!!เสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับแผ่นดินแยก เครื่องกระทุ้งแรก กระแทกเข้ากับประตูเมืองเหล็กหุ้มหนาของด่านเจียเหมิงอย่างรุนแรง แผ่นดินทั้งโลกราวกับสั่นสะเทือนตามไปด้วย "กระแทก!" "กระแทกมันให้หนัก!"ขุนพลผู้ควบคุมตะโกนสั่ง ทหารโห่ร้อง ใช้พละกำลังทั้งหมดในร่างกาย กระแทกท่อนไม้ยักษ์หนักนับพันชั่งนั้น เข้าใส่ประตูใหญ่ที่ดูเหมือนจะทำลายไม่ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลี่เจียนที่อยู่บนกำแพง หน้าตาบูดเบี้ยวถึงขีดสุด "ไอ้พวกไร้ประโยชน์! ไอ้พวกไร้ประโยชน์!" เขาเตะรองแม่ทัพที่อยู่ข้างๆ ล้มลง: "ปล่อยให้พวกเขากระแทกประตูเมืองได้! พวกแกมีประโยชน์อะไรกัน?!""หินกลิ้งอยู่ไหน! น้ำมันร้อนอยู่ไหน! สาดลงไปให้หมด! เทลงไปให้หมด!"ทหารป้องกันเมืองที่ได้สติกลับมา ในที่สุดก็เริ่มปล่อยอาวุธโจมตีลงมาอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียว ใต้ประตูเมือง ก็กลายเป็นนรกบนดินที่โหดร

  • หลังก่อกบฏ ข้ากลับได้หัวใจท่านอ๋องคลั่งรัก   บทที่ 26

    เซียวอี้เฉินไม่ได้ตอบ สายตาของเขามองทะลุแนวโล่ ไปตกอยู่บนพลธนูที่ถูกคุ้มกันอยู่ตรงกลาง นี่เป็นเพียงคลื่นลูกแรกแล้วก็เป็นไปตามคาด ทันทีที่ฝนธนูจากบนกำแพงสงบลง เสียงกลไกที่บาดหูของเครื่องจักรก็ดังขึ้น "เครื่องยิงหิน! พวกเขากำลังจะโยนหิน!" แม่ทัพคนหนึ่งร้องออกมาด้วยความตกใจ เซียวอี้เฉินหันกลับมาอย่างรวดเร็ว มองมู่เหยา มู่เหยาถือถ้วยชาอยู่ ไม่แม้แต่จะเงยตาขึ้น"ท่านอ๋อง ได้เวลาออกคำสั่งแล้ว"เซียวอี้เฉินกัดฟัน ตะโกนสั่งไปยังทหารส่งสาร: "ถ่ายทอดคำสั่งไปแนวหลัง! เครื่องยิงหิน ให้เล็งไปที่กำแพงเมือง ยิง!""พลธนู ยิงอิสระ! กดดันบนกำแพง!"ทันทีที่คำสั่งออกไป แนวหลังของกองทัพเจิ้นเป่ย เครื่องยิงหินนับร้อยเครื่องก็ทำงานพร้อมกัน ก้อนหินขนาดใหญ่พร้อมเสียงหวีดหวิวของลม ข้ามแนวทัพของฝ่ายตัวเอง โจมตีเข้าใส่กำแพงด่านเจียเหมิงอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกัน พลธนูนับหมื่นก็ยิงธนูขึ้นไปพร้อมกัน ธนูราวกับฝูงตั๊กแตน ปกคลุมป้อมปราการทางประตูใต้ทั้งหมด พริบตาเดียว บนกำแพงเมืองมีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น เกิดความวุ่นวาย "โอกาสดี!" เซียวอี้เฉินดวงตาเป็นประกาย"ยังไม่พอ" เสียงของมู่เหยาเย็นชา: "หลี่เ

  • หลังก่อกบฏ ข้ากลับได้หัวใจท่านอ๋องคลั่งรัก   บทที่ 25

    "ถ่ายทอดคำสั่งออกไป จัดทัพทั้งหมด โจมตีเมืองในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า!"...เสียงแตรศึกอันโศกเศร้าและเดียวดังขึ้นอีกครั้ง ก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้า บนแท่นบัญชาการทัพที่อยู่สูง เซียวอี้เฉินสวมชุดทหารเต็มยศ สีหน้าตึงเครียดจ้องมองกองทัพที่ไหลไปสู่ด่านเจียเหมิงราวกับกระแสน้ำ มู่เหยานั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านหลังเขาไม่ไกลนัก ข้างหน้ามีโต๊ะเตี้ยวางอยู่ พร้อมกาน้ำชาที่กำลังร้อนนางทำตัวสบายๆ ราวกับไม่ได้กำลังดูการรบ แต่กำลังท่องเที่ยวชมทิวทัศน์ "เริ่มแล้ว" เสียงของเซียวอี้เฉินเครียดและแข็งกระด้าง"อืม"มู่เหยายกถ้วยชาขึ้น เป่าเบาๆ เซียวอี้เฉินฟังการตอบกลับที่ไม่แยแสของนาง ก็รู้สึกโกรธจนลมออกหู เขารีบหันกลับมา "เจ้าไม่กังวลเลยหรือ?""ข้างล่างนั่น คือชีวิตคนจริงๆ นะ!"มู่เหยาเงยตาขึ้น มองเขาแวบหนึ่ง "กังวลแล้วมีประโยชน์อะไร?""หากท่านอ๋องไม่เชื่อข้า สั่งให้ตีฆ้องถอนทัพก็ยังทันนะ""เจ้า!" เซียวอี้เฉินถูกนางทำจนอึ้งไปแน่นหน้าอกไปหมด เขามองใบหน้าที่สงบนิ่งนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเค้นคำไม่กี่คำออกมาจากไรฟัน "ดี! ดีมาก!""วันนี้ข้าจะเชื่อ 'ความคิดตื้นเขินของผู้หญิง' อย่างเจ้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status