Share

บทที่ 6

Author: เสี่ยวหมิงผู้โดดเดี่ยว
เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?

เซี่ยหลงยวนแต่งตั้งผู้หญิงคนนี้เป็นรองทูตเจรจาสงบศึกเนี่ยนะ?

อารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้...

นี่แน่ใจนะว่าจะไปเจรจาสงบศึก?

หยางฝานนึกขำในใจ

แต่เขาก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเซี่ยรั่วหลิน

ไม่ใช่เพราะสถานะของเซี่ยรั่วหลินที่ไม่มีทางทรยศต้าเซี่ยได้เลย

แต่ในเมื่อหยางฝานกล้าปฏิญาณตนต่อหน้าเซี่ยหลงยวน เขาก็ต้องมั่นใจเต็มร้อยในเรื่องการเจรจาสงบศึก

และไม่กลัวแผนการใด ๆ ทั้งสิ้น

หยางฝานโบกมืออย่างขอไปทีเพื่อส่งสัญญาณให้เยียนเป่ยลากชุนหลิ่วออกไป จากนั้นผายมือพร้อมกับกล่าวเชิญว่า “เชิญองค์หญิงโปรดตามข้ามา”

“ดี ข้าก็อยากจะดูสิว่า ผ่านมาสามวัน เจ้ามีอะไรคืบหน้าบ้าง!”

เมื่อเห็นหยางฝานมั่นใจเช่นนี้ เซี่ยรั่วหลินก็เริ่มสนใจขึ้นมา

เดิมจวนเยียนอ๋องก็มีพื้นที่กว้างขวางอยู่แล้ว

หลังจากหยางฝานทะลุมิติมา เขาก็ได้ขยายพื้นที่หลายครั้ง ทำให้จวนใหญ่โตจนมีขนาดเกือบครึ่งหนึ่งของพระราชวัง

นอกจากบริเวณรอบตัวเรือนสำหรับพักอาศัยแล้ว ในสวนหลังจวนยังมีโรงงานขนาดเล็กหลายหลังที่หยางฝานสร้างขึ้น พร้อมทั้งสวนดอกไม้ สวนผลไม้ คอกเล้าเลี้ยงสัตว์เป็นต้น...

หยางฝานไม่รีบร้อน พาเซี่ยรั่วหลินไปยังศาลาต้อนรับแขกนอกคอกเล้าเลี้ยงสัตว์

“ซื่อจื่อ!”

หวางต้าชิน ผู้ดูแลคอกเล้าเลี้ยงสัตว์ รีบเดินเข้ามาต้อนรับ

“ไป! ลากโคนมมาตัวหนึ่ง”

หยางฝานสั่งอย่างเฉยเมย

ไม่นานนัก โคนมลายขาวดำตัวหนึ่งก็ถูกลากมาที่ด้านนอกศาลาต้อนรับแขก

“หยางฝาน โคตัวนี้เกี่ยวข้องกับการเจรจาสันติของเจ้าด้วยอย่างนั้นหรือ?”

ใบหน้าของเซี่ยรั่วหลินเต็มไปด้วยความสงสัย

“เรียนองค์หญิง นี่ไม่ใช่โคธรรมดานะพ่ะย่ะค่ะ เรียกว่าโคนม สามารถผลิตน้ำนมได้วันละสามลิตร ประโยชน์ของมันไม่ต่างจากนมแม่เลย คนทั่วไปดื่มแล้วจะช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง และอายุยืนยาวพ่ะย่ะค่ะ”

หยางฝานเลิกคิ้วขึ้น แล้วหันไปสั่งฉิงเอ๋อร์ว่า “ไปต้มน้ำนมให้องค์หญิงหนึ่งชาม”

“หยางฝาน เจ้าโอหังยิ่งนัก! ข้าเป็นถึงผู้สูงศักดิ์ จะให้มาดื่มของโสโครกที่บีบออกมาจากตัวโคของเจ้าได้ยังไง! เจ้าคิดว่าข้าเป็นพวกหยาบคายป่าเถื่อนเหมือนพวกโม่เป่ยรึไง!”

เซี่ยรั่วหลินหน้าบูดบึ้ง “ข้าไม่มีความอดทนมาพูดไร้สาระกับเจ้า เรื่องการเจรจาสงบศึก เจ้าเตรียมจะทำยังไงกันแน่?”

หยางฝานกลับไม่ใส่ใจ กล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “เรียนองค์หญิง โคนมตัวนี้แหละคือแผนการของข้า”

“โม่เป่ยเป็นพื้นที่โล่งกว้าง เต็มไปด้วยทุ่งหญ้า ไม่เหมาะกับการทำเกษตร แต่ท้องฟ้าสีครามกว้างใหญ่ ไร้ขอบเขต เหมาะอย่างยิ่งกับการเลี้ยงโคนม ตราบใดที่ให้พ่อค้าเห็นถึงผลกำไร ข้าพนันได้เลยว่า จะต้องดึงดูดชาวบ้านจำนวนมากให้ย้ายถิ่นฐานไปยังโม่เป่ยแน่นอน”

“ภายในไม่กี่ปี โม่เป่ยก็จะเต็มไปด้วยชาวต้าเซี่ย ชาวบ้านสามารถพึ่งพาตนเองได้ แล้วเหตุใดต้องให้ราชสำนักจัดสรรเงินหรือทหารไปประจำการด้วยเล่า? พ่อค้าเหล่านั้นก็จะไม่ยอมให้ทหารม้าโม่เป่ยก่อความวุ่นวายในทุ่งหญ้าแน่นอน ได้อย่างเสียอย่าง ไม่เพียงแต่จะประหยัดเสบียงและทหารเท่านั้น แต่โม่เป่ยก็อาจจะกลายเป็นดินแดนของต้าเซี่ยอย่างแท้จริง”

หยางฝานกล่าวอย่างใจเย็น “ใช้สิ่งนี้เป็นข้อต่อรอง โม่เป่ยจะไม่ยอมเจรจาสงบศึกด้วยดีได้หรือ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า...”

แต่ใครจะรู้ เมื่อเซี่ยรั่วหลินได้ฟังแล้วกลับหัวเราะเสียงดังจนตัวงอ

“หยางฝาน เจ้าบอกว่าแค่พึ่งโคพวกนี้ก็สามารถเปลี่ยนโม่เป่ยให้กลายเป็นดินแดนของต้าเซี่ยได้งั้นรึ? และยังสามารถใช้สิ่งนี้ข่มขู่คณะทูตโม่เป่ยให้ยอมเจรจาสงบศึกแต่โดยดีได้อย่างนั้นรึ?”

ใบหน้าของเซี่ยรั่วหลินเต็มไปด้วยความดูแคลน “หยางฝาน ข้าบอกให้เจ้าเรียนหนังสือให้เยอะ ๆ เจ้ากลับเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ถึงกับคิดแผนเด็ดที่เหลวไหลเช่นนี้ออกมาได้ ช่างน่าขันสิ้นดี!”

“ถ้ามันง่ายขนาดนั้น อาศัยแค่โคไม่กี่ตัวก็สามารถแก้ไขภัยคุกคามจากโม่เป่ยได้ เรื่องแบบนี้จะตกมาถึงเจ้ารึ?”

“หยางฝาน เจ้าเลิกเพ้อฝันเสียที แล้วรีบดำเนินตามความเป็นจริง คิดหาวิธีรับมือกับการกลั่นแกล้งของคณะทูตโม่เป่ยเสีย!”

เซี่ยรั่วหลินไม่เชื่อแผนเด็ดของหยางฝานแม้แต่คำเดียว

นางกลอกตาสวยกลมโตและเร่งเร้าอย่างหงุดหงิดว่า “รีบไป รีบไป ข้าได้ยินมาว่า พ่อค้าข้าวในเมืองหลวงฉวยโอกาสขึ้นราคาข้าวเพราะเรื่องที่โม่เป่ยเรียกร้องเสบียง ซึ่งอาจจะมีไส้ศึกของโม่เป่ยแฝงตัวอยู่ด้วยก็เป็นได้ เจ้าตามข้าไปตรวจสอบดู บางทีอาจจะล้วงแผนการของคณะทูตโม่เป่ยได้”

เหอะ!

หยางฝานได้ยินดังนั้นก็เผลอหัวเราะออกมา “เหตุใดองค์หญิงต้องกระทำที่ขัดแย้งกับจุดประสงค์ด้วยเล่า? อีกอย่าง ต่อให้จับไส้ศึกได้แล้วจะยังไง? คณะทูตโม่เป่ยคงไม่โง่ขนาดนั้น ทำไปก็เสียแรงเปล่า”

“เจ้า! หยางฝาน เจ้าบังอาจ! ข้าไม่ถือสาความโง่เขลาของเจ้าก็ดีเท่าไหร่แล้ว แต่เจ้ากลับกล้าหัวเราะเยาะข้า?”

“ข้าจะถามเจ้าว่า คำสั่งของข้า เจ้าจะฟังหรือไม่ฟัง?”

เซี่ยรั่วหลินมีสีหน้าโกรธจัด จ้องมองหยางฝานอย่างขุ่นเคือง

เมื่อเห็นเซี่ยรั่วหลินเดือดดาลเช่นนี้ หยางฝานก็ได้แต่ส่ายหน้าพลางถอนหายใจเบา ๆ และไม่คิดจะอธิบายอะไรอีก

“ฝ่าบาททรงแต่งตั้งข้าเป็นผู้รับผิดชอบ แม้องค์หญิงจะเป็นรองทูต แต่ก็ไม่มีอำนาจออกคำสั่งข้าไม่ใช่หรือ? ถึงเวลาอาหารเย็นของจวนแล้ว หากองค์หญิงไม่มีเรื่องอื่นใดแล้ว ก็เชิญกลับไปเถอะ”

หยางฝานออกสั่งขับไล่แขกด้วยน้ำเสียงเฉยชา

“หยางฝาน เจ้าไล่ข้า?”

เซี่ยรั่วหลินไม่อยากจะเชื่อ

ไม่คิดเลยว่าหยางฝานที่เคยอ่อนน้อมถ่อมตนเมื่ออยู่ต่อหน้านางจะกล้าแข็งข้อต่อต้านนางถึงเพียงนี้!

“หยางฝาน ข้าเป็นคนที่ฝ่าบาทส่งมากำกับดูแลเจ้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาไล่ข้าไป? เจ้าเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้กล้าไม่เชื่อฟังคำสั่งของข้า?”

เซี่ยรั่วหลินกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หยางฝาน เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า เพียงแค่ข้านำความโง่เขลาที่เจ้าก่อทั้งหมดไปกราบทูลเสด็จพี่ เจ้าก็จะไม่ได้เป็นแม้กระทั่งซื่อจื่อ?”

“ข้า ไม่ เชื่อ!”

หยางฝานกล่าวทีละคำอย่างหนักแน่น

“หากอยากทูลฟ้อง ก็เชิญองค์หญิงตามสบายพ่ะย่ะค่ะ!”

“เจ้า!”

“หยางฝาน เจ้าคอยดูเถอะ!”

เซี่ยรั่วหลินโกรธจัด สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปด้วยสีหน้าคร่ำเครียด

“ซื่อจื่อ...”

ฉิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกกังวลเล็กน้อย “องค์หญิงใหญ่คงไม่ได้จะไปฟ้องฝ่าบาทจริง ๆ หรอกนะเจ้าคะ?”

“จริงแล้วจะยังไง? ไม่จริงแล้วจะยังไง?”

หยางฝานไม่ใส่ใจ “เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกสิ่งเอง”

...

“ปัง!”

ที่จวนแม่ทัพเถาฮวา

รถม้าคันหนึ่งวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อฝุ่นคลุ้งจางลง สตรีนางหนึ่งที่ใบหน้าเปื้อนเลือดก็ล้มลงอยู่หน้าประตูจวนแม่ทัพ...

“นายท่าน แย่แล้ว แย่แล้วขอรับ!”

“ชุนหลิ่ว สาวใช้ของคุณหนูถูกควักลูกตา ถูกโยนทิ้งไว้หน้าประตูขอรับ!”

ในจวนแม่ทัพ พ่อบ้านวิ่งเข้ามารายงานด้วยความรีบร้อน

“อะไรนะ?”

หลินเจิ้งถังได้ยินดังนั้นก็ตกใจมาก “รีบพาคนเข้ามาข้างใน แล้วไปตามหมอหลวงมา!”

ทั่วทั้งจวนแม่ทัพวุ่นวายไปหมด

หลินชิงเยว่ที่กำลังฝึกดาบอยู่เรือนหลังก็สะดุ้งตกใจ รีบเร่งฝีเท้าออกมาดู

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดชุนหลิ่วก็ฟื้นขึ้นมาอย่างอ่อนแรง

“ชุนหลิ่ว เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

หลินชิงเยว่ถามด้วยสีหน้าเย็นชา

“คุณหนู!”

ชุนหลิ่วอยากจะร้องไห้ แต่ไร้น้ำตา กล่าวเสียงสะอื้นว่า “หยางฝานเจ้าค่ะ!”

“หยางฝาน?”

หลินชิงเยว่ขมวดคิ้ว “เจ้าบอกว่าหยางฝานเป็นคนทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้งั้นรึ? เป็นไปได้ยังไง! ข้ารู้จักนิสัยของหยางฝานดี เขาไม่มีทางกล้าทำเช่นนี้แน่นอน!”

“คุณหนู...”

ชุนหลิ่วกัดฟันกรอด นางเกลียดหยางฝานเข้ากระดูกดำ

แต่นางก็รู้ดีว่า หากบอกคุณหนูว่านางเป็นฝ่ายขอให้หยางฝานควักลูกตาของอารักขาก่อน นางจะต้องถูกคุณหนูลงโทษอย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้ดังนั้น ชุนหลิ่วก็พลันกลิ้งลงจากเตียงแล้วคุกเข่าลงกับพื้นพลางกล่าวด้วยความคับแค้นใจอย่างมากว่า “คุณหนู! เป็นหยางฝานจริง ๆ เจ้าค่ะ! ข้าไปขอพบเขาที่จวนเยียนอ๋อง แต่เขาไม่เพียงแต่ไม่ยอมพบข้า ยังสั่งให้ทหารดูหมิ่นข้า ข้าแค่โต้ตอบไปไม่กี่คำ หยางฝานก็ตำหนิข้าว่าดูหมิ่นอารักขาของเขา และยังบอกว่าข้าเป็นแค่สาวใช้ตัวเล็ก ๆ แม้จะเป็นสาวใช้ของคุณหนูก็ไม่มีสิทธิ์มาวางอำนาจในถิ่นของเขาเจ้าค่ะ...”

“เขายังบอกอีกว่า คุณหนูเป็นแค่แม่ทัพ ส่วนเขาเป็นถึงซื่อจื่อฟานอ๋องผู้สูงศักดิ์ ข้ารู้สึกโมโหมาก จึงหลุดปากไปว่า... คนอย่างเขาสมควรถูกคุณหนูทิ้ง แต่เขา เขา เขาถึงกับสั่งให้คนควักตาข้า!”

“คุณหนู!”

ชุนหลิ่วมีสีหน้าโหดร้าย “คุณหนู! หยางฝานไม่เห็นหัวใคร แถมยังด่าประจานคุณหนู และยังบันดาลโทสะใส่ข้า... ท่านต้องทวงความยุติธรรมให้ข้านะเจ้าคะ!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 32

    “ชิงเยว่ แม้ว่าหยางฝานผู้นี้จะไม่สามารถทำการใหญ่สำเร็จได้ แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันกับชาวฉุน เรายังควรต้องใส่ใจให้มากขึ้น ข้าได้ยินมาว่าองค์หญิงใหญ่ ซึ่งเป็นรองทูตเจรจาสันติ ตอนนี้ประทับอยู่ที่จวนเยียนอ๋อง เพื่อหารือเรื่องการเจรจาสันติกับหยางฝาน ชิงเยว่ เจ้าลองใช้โอกาสนี้ไปสืบดูว่าเขาเตรียมจะจัดการเรื่องการเจรจาสันติอย่างไรบ้าง”เหลียงเส้าเหวยกล่าวด้วยสีหน้าจริงใจเขาไม่ต้องการเห็นหยางฝานประสบความสำเร็จในการเจรจาสันติจริง ๆในเมื่อเป็นเช่นนั้น การรู้แผนการของหยางฝานล่วงหน้าจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งทว่าเมื่อหลินชิงเยว่ได้ยินว่าต้องการให้นางไปหาหยางฝาน ในใจก็เกิดรู้สึกต่อต้านขึ้นมาทันที“คุณชายเหลียงคิดมากไปแล้ว ข้ารู้จักหยางฝานผู้นี้ดีที่สุด เขาไม่มีความรู้ความสามารถอะไรเลย เรื่องการเจรจาสันตินี้ เขาจะมีวิธีรับมือได้อย่างไรกัน!”หลินชิงเยว่กล่าวเสียงเย็นชาทว่าเหลียงเส้าเหวยกลับส่ายหน้า“ชิงเยว่ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชาวฉุน เจ้าอย่าได้ต่อต้านเลย มีเพียงหาวิธีทำให้หยางฝานเจรจาสันติล้มเหลวเท่านั้น เราจึงจะสามารถช่วยชาวฉุนออกมาได้อย่างปลอดภัย มิเช่นนั้น แม้จะจ่ายเงินไปแล้ว

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 31

    เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ที่ชัดเจนและมีเหตุผลของเซี่ยรั่วหลิน หยางฝานก็ปรบมือรัว ๆเด็กคนนี้ฉลาดไม่เบาเลยนะ!และในขณะนั้นเอง ฉิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวขึ้นอย่างเหมาะเจาะว่า “องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าท่านอ๋องจะตั้งราคานมนี้เท่าใด แต่วิธีการถนอมนม ท่านอ๋องได้คิดไว้เรียบร้อยนานแล้วเพคะ!”เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยรั่วหลินก็มองไปยังหยางฝานด้วยความประหลาดใจทันที“ท่านมีวิธีเก็บรักษานมไม่ให้เสียหรือ?”หยางฝานผงกศีรษะทว่าเซี่ยรั่วหลินกลับแสดงสีหน้าสงสัย“ข้าไม่เชื่อว่าจะมีวิธีใดใต้หล้านี้ที่สามารถเก็บรักษานมสดไม่ให้เสียได้ ต่อให้เจ้าจะใช้ก้อนน้ำแข็งตลอดเวลาก็เก็บได้ไม่กี่วันแน่นอน”เซี่ยรั่วหลินจ้องหยางฝานอย่างสงสัยหยางฝานผงกศีรษะ“เป็นจริงอย่างที่องค์หญิงตรัส แม้นมนี้จะเก็บรักษาด้วยก้อนน้ำแข็งก็เก็บได้ไม่นาน!”เมื่อเห็นว่าแม้แต่เขาเองก็ยังพูดเช่นนี้ เซี่ยรั่วหลินก็หัวเราะออกมา“แล้วเจ้ายังกล้าพูดจาโอ้อวดว่ามีวิธีเก็บรักษาแล้วงั้นรึ?”หยางฝานหัวเราะเบา ๆ “ข้าก็ไม่ได้บอกว่าข้าจะใช้น้ำแข็งในการเก็บรักษานมนี่พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อเห็นเขามีท่าทางมั่นใจเต็มร้อยขนาดนั้น เซี

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 30

    “เจ้าค่ะ!”ฉิงเอ๋อร์มองเซี่ยรั่วหลินด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปไม่นานนัก ฉิงเอ๋อร์ก็กลับมาพร้อมแก้วที่บรรจุของเหลวสีขาวขุ่นอึก!เซี่ยรั่วหลินมองของเหลวสีขาวขุ่นที่บรรจุในแก้ว แล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากตอนนั้นนางเห็นหยางฝานรีดนมด้วยตาตัวเองพอนึกถึงภาพนั้น เซี่ยรั่วหลินก็เริ่มอยากจะถอนตัวกลางคัน“เชิญองค์หญิงชิมพ่ะย่ะค่ะ!”หยางฝานกล่าวพร้อมรอยยิ้มเมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยรั่วหลินก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง“ไม่ได้ เสด็จย่าบอกว่าข้าต้องใช้ข้อเท็จจริงมาโต้แย้งไอ้หมอนี่ ถอยกลับตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด!”เมื่อคิดได้ดังนั้น เซี่ยรั่วหลินก็เผยสีหน้าเหมือนตายเป็นตายพร้อมยกแก้วนมขึ้นมาดื่มแต่พอนมโคมาจ่อที่ปาก เซี่ยรั่วหลินกลับไม่ยอมนำเข้าปากสักทีพอคิดว่านมนี้ถูกรีดมาจากโค ในใจของนางก็รู้สึกต่อต้านอย่างประหลาดใจ“องค์หญิงไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง”หยางฝานเห็นสีหน้าตายเป็นตายของเซี่ยรั่วหลินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะในใจทว่า ราวกับถูกคำกล่าวของเขายั่วโมโห เซี่ยรั่วหลินจึงส่งเสียงเย็นชาออกมาทันที“ก็แค่นมโคมิใช่รึ วันนี้ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่าของสิ่งนี้ไร้ค่าสิ้นดี เจ้า

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 29

    เมื่อเห็นตั่วเหยียนเอ่ยพลางกำลังจะเผาจดหมาย กุนซือก็รีบกล่าวขึ้นว่า“องค์หญิงจะคิดอย่างนั้นไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าจุดประสงค์ของการเดินทางของเราในครั้งนี้จะเพื่อขอเสบียงและเงินบรรณาการ แต่หากมีคนในราชสำนักต้าเซี่ยคอยช่วยเหลือ การบรรลุเป้าหมายนี้ก็จะง่ายขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”พอเขากล่าวเช่นนี้ ตั่วเหยียนก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จากนั้นจึงผงกศีรษะ“ท่านกุนซือกล่าวมีเหตุผล เช่นนั้นเราก็ร่วมมือกับเขาดูสักครั้งเถิด แต่ว่าตามที่ระบุไว้ในจดหมายนี้ ผู้ที่จะมาเจรจากับเรา เป็นถึงท่านอ๋องของต้าเซี่ยเลยหรือ?”ตั่วเหยียนมองดูชื่อหยางฝานที่เขียนอยู่ในจดหมาย แล้วถามด้วยความแคลงใจกุนซือได้ยินดังนั้นแล้วก็หัวเราะเยาะอย่างดูแคลน“หยางฝาน เยียนอ๋องผู้นี้ ข้าก็เคยสืบมาแล้ว คนผู้นี้มีสัญญาหมั้นกับหลินชิงเยว่ แม่ทัพเถาฮวา แต่คนผู้นี้กลับเป็นคนเหลวไหลที่ไม่มีทั้งเกียรติยศและพรสวรรค์ในการบัญชาการรบ ได้ยินมาว่าวัน ๆ เอาแต่คลุกคลีอยู่กับพวกพ่อค้า เป็นแค่ท่านอ๋องรุ่นที่สองที่ไม่ได้เรื่องเท่านั้น ฮ่องเต้ต้าเซี่ยก็คงจะเสียสติไปแล้วจริง ๆ คิดว่าแค่ดันคนไม่เอาถ่านอย่างเยียนอ๋องขึ้นมา จะสามารถทำให้เราหวาดกลัวจนต้องถอยรนไปไ

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 28

    “จดหมายธนู?!”ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นรีบลุกขึ้นยืนทันที“จับคนยิงได้หรือไม่!”กุนซือรีบถามกองกำลังคุ้มกันคณะเจรจาสันติภาพในครั้งนี้เป็นถึงกองทัพรักษาพระองค์ของท่านข่าน ปล่อยให้มีคนลอบเข้ามาถึงข้างค่ายโดยไม่รู้ตัวเลยหรือ?“ขอองค์หญิงและท่านกุนซือโปรดอภัยด้วย พวกข้าจับคนผู้นั้นไม่ได้!”ทหารผู้กล้าส่ายหน้าขณะคุกเข่า“ฮึ! พวกไร้ประโยชน์!”องค์หญิงตั่วเหยียนกล่าวอย่างเย็นชาทหารผู้กล้าที่คุกเข่าอยู่รีบก้มหน้าลงทันทีส่วนกุนซือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกวักมือเรียกทหารผู้กล้าผู้นั้น“นำจดหมายธนูนั้นมา!”“ขอรับ!”กุนซือรับจดหมายธนูมา แต่ไม่ได้เปิดจดหมายออกในทันที กลับมองไปที่ลูกศรขนนกในมือแทน“ของสิ่งนี้มีอะไรน่าดูนักหนา ก็แค่คำยั่วยุจากพวกไร้ประโยชน์ของต้าเซี่ยเท่านั้นเอง มีคนแบบนี้ตลอดทาง ไม่น้อยไม่ใช่หรือ”องค์หญิงตั่วเหยียนกล่าวด้วยสีหน้าดูแคลนต้าเซี่ยกับโม่เป่ยทำสงครามกันทุกปี คณะทูตอย่างพวกเขาเจอคนต้าเซี่ยที่โกรธแค้นไม่น้อยเลยระหว่างทางที่ผ่านมาทว่ากุนซือได้ยินดังนั้นแล้วกลับยิ้มพลางส่ายหน้า“องค์หญิง ข้าคิดว่าครั้งนี้อาจจะต่างออกไป”กล่าวจบ กุนซือก็แกะจดหมายออกเ

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 27

    ทันทีที่ก้าวเข้าประตูมา เซี่ยรั่วหลินก็เห็นไทเฮากำลังสวดมนต์อยู่ทันทีที่เห็นไทเฮา น้ำตาแห่งความน้อยใจก็เอ่อล้นในดวงตาของเซี่ยรั่วหลิน“เสด็จย่า!”เซี่ยรั่วหลินร้องเสียงดังพร้อมกับโผเข้ากอดไทเฮา แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความน้อยใจ“โธ่เอ้ย! ผู้ใดทำให้เด็กดื้อของเราไม่พอใจละเนี้ย ย่าจะไปสั่งสอนเขาเดี๋ยวนี้!”ไทเฮาลูบหลังเซี่ยรั่วหลินเบา ๆ พลางกล่าวด้วยความรู้สึกสงสารยิ่งเซี่ยรั่วหลินเปล่งเสียงฮึดฮัดเบา ๆ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟังทันที“เสด็จย่า ท่านโปรดตัดสินว่านี่ใช่ความผิดของหยางฝานคนอวดดีคนนั้นหรือไม่ ข้าอุตส่าห์เป็นห่วงเขาแท้ ๆ เขาก็ยังไม่ฟังคำของข้าอีก ฮึ! โมโหจนจะตายอยู่แล้ว!”ไทเฮามองดูท่าทางโกรธขึ้งของเซี่ยรั่วหลินแล้วก็ไม่รู้จะตอบนางอย่างไรในทันทีเมื่อเทียบกับเซี่ยรั่วหลินที่ไม่รู้อะไรเลย ไทเฮากลับเข้าใจหยางฝานค่อนข้างมากหากหยางฝานไม่ได้แบ่งกำไรจากเครื่องประทินโฉมให้นางครึ่งหนึ่ง แม้นางจะเป็นไทเฮา ก็ไม่สามารถสร้างโบสถ์อันงดงามวิจิตรเช่นนี้ได้กระนั้น ในความคิดของไทเฮา หยางฝานเป็นคนที่มีความสามารถอย่างแน่นอนและนางยังรู้ด้วยว่าเหตุใดฮ่องเต้ถึงต้องใ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status