Share

บทที่ 5

Author: เสี่ยวหมิงผู้โดดเดี่ยว
“หลีกไป! พวกหมาเฝ้าประตู ขนาดนายของพวกเจ้าอย่างหยางฝานยังต้องเคารพข้า แล้วพวกเจ้ากล้ายังไงมาขวางข้า?”

“ตาบอดกันหมดแล้วหรือไง!”

นอกจวนเยียนอ๋อง ชุนหลิ่ว สาวใช้คนสนิทของหลินชิงเยว่เชิดหน้าชูคอมองอารักขาที่เฝ้าหน้าจวนอย่างหยิ่งผยอง

ทันใดนั้น เมื่อเห็นหยางฝานเดินออกมา ชุนหลิ่วก็ตะโกนใส่หยางฝานทันที “ซื่อจื่อ คนใช้ในจวนของท่านช่างไร้มารยาทยิ่งนัก! พวกมันถึงกับกล้าขวางข้า!”

“ซื่อจื่อ คนใช้ที่มีตาหามีแววไม่เช่นนี้ ปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด! ต้องควักลูกตาของพวกมันออกมา พวกมันจะได้สำนึกเสียบ้าง!”

ชุนหลิ่วทำทีท่าเหมือนเป็นเจ้านาย ต้องการให้หยางฝานควักลูกตาของคนเหล่านั้น

หยางฝานถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความโมโห

แค่สาวใช้คนหนึ่ง บุกรุกจวนอ๋องแล้วยังไม่พอ แถมยังจองหองพองขน ถึงขนาดสั่งการเจ้านายอย่างเขา!

“เจ้าแน่ใจนะว่าจะควักลูกตาของพวกเขา?”

หยางฝานถามกลับไปอย่างเฉยเมยด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“หรือว่าซื่อจื่อยังอยากจะเก็บไว้เจ้าคะ?”

ชุนหลิ่วไม่พอใจกับความลังเลของหยางฝานอย่างมาก

“ซื่อจื่อ ท่านรีบหน่อยเถอะ พอจัดการกับพวกตาบอดพวกนี้เสร็จ คุณหนูของเรายังมีเรื่องจะสั่งให้ท่านทำอีกนะเจ้าคะ!”

“หากเรื่องนี้ทำให้คุณหนูของเราเสียเวลา คุณหนูของเราจะไม่พอใจเอานะเจ้าคะ!”

ชุนหลิ่วมองด้วยสายตาเร่งเร้า

“ฮ่าฮ่า ช่างน่าขันเสียจริง หลินชิงเยว่จะพอใจหรือไม่ แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า? เจ้าเป็นแค่สาวใช้ของจวนแม่ทัพ ก็กล้ามาสั่งสอนข้า?”

เมื่อเห็นชุนหลิ่วไม่มีทีท่าจะสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของหยางฝานก็เคร่งขรึมขึ้น

ในอดีต ตอนที่เขาตามจีบหลินชิงเยว่ ถึงแม้จะให้ผลประโยชน์กับสาวใช้อย่างชุนหลิ่วคนนี้ไปไม่น้อย แต่ชุนหลิ่วก็ยังคงเคารพเขาอยู่บ้าง

แต่ไม่คิดเลยว่า พอหลินชิงเยว่ได้เป็นอู่โหวหญิง สาวใช้อย่างชุนหลิ่วกลับยโสโอหังถึงเพียงนี้!

“เจ้าบุกรุกจวนอ๋องโดยไม่ได้รับอนุญาต อารักขาทำตามหน้าที่อย่างสุจริต แต่ในสายตาของเจ้า กลับกลายเป็นหมาเฝ้าจวน”

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? เป็นเพียงสาวใช้ตัวเล็ก ๆ แต่กล้าดูหมิ่นอารักขาของข้า แถมยังกล่าววาจาโอ้อวดว่าจะควักลูกตาของพวกเขา... เจ้ารู้หรือไม่ว่า หากคนไม่มีลูกตาแล้ว ก็เท่ากับเป็นคนไร้ค่า นี่เจ้ากำลังจะเอาชีวิตของพวกเขา!”

หยางฝานกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “ข้าว่า คนที่ควรถูกควักลูกตา คือเจ้าต่างหาก!”

“หนอยแหนะ หยางฝาน ท่านว่าอะไรนะ?”

ชุนหลิ่วได้ยินดังนั้น แต่ไม่ตกใจ กลับโกรธจัด

ชี้หน้าด่าหยางฝานด้วยสีหน้าโมโห “ท่านก็แค่คุณชายเสเพล เป็นซื่อจื่อบ้าบออะไรกัน? หยางฝาน ท่านลืมตาดูเสียบ้างสิ ตอนนี้คุณหนูของเราเป็นถึงแม่ทัพขั้นหนึ่ง เป็นอู่โหวหญิงเชียวนะ!”

“ข้าเป็นถึงสาวใช้คนสนิทของอู่โหวหญิง ท่านเป็นแค่ซื่อจื่อที่ไร้อำนาจไร้บารมี ก็กล้ามาตำหนิข้า? เมื่อก่อนคุณหนูของเราตาบอดจริง ๆ ถึงได้ชอบท่าน! สมควรแล้วที่ท่านถูกทิ้ง!”

ชุนหลิ่วมีสีหน้าเย็นชาและเย่อหยิ่ง เห็นได้ชัดว่ายังคงแค้นเคืองกับคำตำหนิเมื่อครู่

“หยางฝาน ตอนนี้ข้าให้โอกาสท่าน หากท่านขอโทษข้าเดี๋ยวนี้ แล้วควักลูกตาของพวกหมาเฝ้าจวนพวกนี้เสีย เรื่องนี้ก็ถือว่าแล้วกันไป มิฉะนั้น ข้าจะนำเรื่องที่ท่านทำทั้งหมดในวันนี้ไปบอกคุณหนู!”

“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ในใจของท่านยังหมายปองคุณหนูของเราอยู่ตลอด ฉีกสัญญาหมั้นอะไรนั้น? ท่านก็แค่แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจเท่านั้น หากข้าบอกเรื่องวันนี้ไปล่ะก็ ต่อให้วันหน้าท่านมาขอคืนดีกับคุณหนู คุณหนูก็จะไม่ให้โอกาสท่านอีกแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำพูดหยาบคายของชุนหลิ่ว ใบหน้าของหยางฝานก็ปรากฏรอยยิ้มเยาะตัวเอง

“ดูเหมือนว่า ข้าจะยังมีเมตตาเกินไป... ขนาดสาวใช้ตัวเล็ก ๆ ยังกล้าข่มขู่ข้า!”

“เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าคิดว่าข้าแกล้งทำเป็นวางมาด งั้นวันนี้ข้าก็จะแสดงอำนาจจริงๆ สักครั้ง!”

“เยียนเป่ย!”

หยางฝานหันไปมองเยียนเป่ย “ดูหมิ่นเชื้อพระวงศ์ มิอาจอภัยโทษได้! ลากนังบ่าวชั้นต่ำคนนี้ออกไปควักลูกตา แล้วโยนกลับไปที่หน้าประตูจวนแม่ทัพ!”

“ขอรับ!”

เยียนเป่ยยิ้มร่าและรับคำสั่งทันที

เดิมทีเขาเป็นจอมยุทธ์พเนจร กระทั่งสองปีก่อนได้มาพึ่งพิงหยางฝาน และรับผิดชอบความปลอดภัยของจวนอ๋องเรื่อยมา

เหล่าอารักขาในจวนล้วนได้รับการฝึกฝนจากเขาทั้งสิ้น

ถูกชุนหลิ่วดูหมิ่นขนาดนี้ เขาก็ไม่พอใจมานานแล้ว คำสั่งของหยางฝานก็ตรงตามความต้องการของเขาพอดี!

“ท่านกล้ารึ! หยางฝาน ท่านเอาความกล้ามาที่ใดมาทำร้ายข้า? ท่านรีบสั่งให้พวกมันปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”

“หยางฝาน! เจ้า...อ๊าย!”

ชุนหลิ่วกรีดร้องโวยวาย แต่ถูกเยียนเป่ยตบหน้าไปหนึ่งฉาดจนสลบทันที

ครู่ต่อมา เยียนเป่ยลากชุนหลิ่วที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดและหมดสติอยู่กลับมารายงานว่า “ซื่อจื่อ ข้าได้สอบถามชัดเจนแล้ว นังทาสชั้นต่ำผู้นี้มาที่นี่เพื่อขอยืมเงินหนึ่งแสนตำลึงจากท่านซื่อจื่อแทนแม่ทัพเถาฮวา เพื่อเตรียมจัดงานเลี้ยงต้อนรับแขกในคืนพรุ่งนี้ขอรับ”

หยางฝานผงกศีรษะอย่างพึงพอใจกับความละเอียดรอบคอบที่แม้จะดูหยาบกร้านของเยียนเป่ย

จากนั้นกล่าวด้วยสายตาคมกริบว่า “มาขอยืมเงินจากข้า แต่กลับหยิ่งยโสโอหังขนาดนี้ ช่างไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยจริง ๆ!”

“ว่าแต่... จัดงานเลี้ยงต้อนรับแขก ฮึ ถ้าข้าจำไม่ผิด โฉนดที่ดินของจวนแม่ทัพเถาฮวายังอยู่ในจวนใช่หรือไม่? เยียนเป่ย เจ้าส่งคนไปที่สมาคมการค้าต้าเซี่ย นำโฉนดที่ดินไปมอบให้นายกสมาคม แล้วแจ้งว่าพรุ่งนี้เที่ยง ข้าจะประมูลจวนแม่ทัพเถาฮวา ทุกคนสามารถเสนอราคาได้ ใครให้ราคาสูงสุดก็จะได้ไป!”

“ขอรับ!” เยียนเป่ยยิ้มกว้าง ขณะที่เขากำลังจะจากไปก็เห็นฉิงเอ๋อร์เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน

“ซื่อจื่อ องค์หญิงใหญ่ฟูหรงเสด็จมา! อารักขาไม่กล้าขวาง ตอนนี้เข้าไปในห้องโถงด้านในแล้วเจ้าค่ะ...”

“องค์หญิงใหญ่ฟูหรง? เซี่ยรั่วหลิน?”

หยางฝานประหลาดใจเล็กน้อย

อายุของเซี่ยรั่วหลินอ่อนกว่าเซี่ยหลงยวนเพียงสองปีเท่านั้น

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เซี่ยรั่วหลินก็เป็นเพื่อนเล่นที่โตมาด้วยกันกับหยางฝานเช่นกัน

เพียงแต่เซี่ยรั่วหลินเป็นคนหยิ่งยโสมาแต่เล็ก ไม่เคยเห็นหยางฝานอยู่ในสายตาเลย

ก่อนที่หยางฝานจะทะลุมิติมา เจ้าของร่างเดิมมักจะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อหน้าเซี่ยรั่วหลินเสมอ ราวกับหนูเห็นแมวยังไงยังงั้น และพยายามหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด

เพราะทุกครั้งที่พบกัน เซี่ยรั่วหลินก็มักจะหาข้ออ้างมากมายมาพูดสาธยายให้เจ้าของร่างเดิม

ต่อมาเจ้าของร่างเดิมโตเป็นผู้ใหญ่ และย้ายไปอยู่ที่จวนเยียนอ๋อง ทั้งสองคนก็ติดต่อกันน้อยลงเรื่อย ๆ...

และนับตั้งแต่เยียนอ๋อง บิดาของเขาเสียชีวิต หยางฝานกับเซี่ยรั่วหลินก็ไม่ได้พบกันอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“เซี่ยรั่วหลินมาเยือนกะทันหัน หรือว่าจะเป็นเรื่องการเจรจาสงบศึก?”

หยางฝานครุ่นคิดในใจ แต่ก็ไม่ได้ลังเล กล่าวกับฉิงเอ๋อร์ว่า “เชิญเข้ามา!”

ทว่า ฉิงเอ๋อร์ยังไม่ทันได้ไปเชิญ สตรีงดงามที่สวมชุดหรูหรา แต่งกายคล้ายบุรุษ ก็เดินเข้ามาในห้องโถงอย่างสง่างาม

ซึ่งก็คือเซี่ยรั่วหลินนั่นเอง!

“หยางฝาน เหตุใดเจ้ายังไม่รีบออกไปเตรียมเรื่องการเจรจาสงบศึก ซ่อนตัวอยู่ในจวนทำกระไร? เดี๋ยวก่อน สาวใช้นางนี้เป็นใคร? นางทำผิดอันใด เจ้าถึงได้ลงโทษอย่างทารุณเช่นนี้!”

ทันทีที่พบหน้ากัน เซี่ยรั่วหลินก็กล่าวด้วยน้ำเสียงตำหนิ

ความรังเกียจที่มีหยางฝานเอ่อล้นออกมาทางคำพูดและสีหน้า

“องค์หญิงใหญ่!”

หยางฝานประสานมือคารวะ

เนื่องด้วยอดีตฮ่องเต้สวรรคตกะทันหัน เซี่ยหลงยวนจึงต้องขึ้นครองราชย์ เซี่ยรั่วหลินในฐานะองค์หญิงใหญ่ จึงมีสถานะที่ไม่ธรรมดา

เซี่ยรั่วหลินชอบยกตนข่มท่าน มองผู้อื่นต่ำต้อย แถมยังมีนิสัยดื้อรั้น แม้แต่เซี่ยหลงยวนก็ยังต้องปวดหัวกับน้องสาวคนนี้อยู่เนือง ๆ...

เมื่อยั่วยุไม่ได้ ก็ต้องหลีกเลี่ยง

หยางฝานก็ไม่อยากที่จะอธิบายต้นสายปลายเหตุทั้งหมดให้เซี่ยรั่วหลินฟัง จึงชี้ไปที่ชุนหลิ่วและตอบอย่างขอไปทีว่า “สงสัยว่าคนผู้นี้จะเป็นไส้ศึก บุกรุกจวนอย่างอุกอาจจึงถูกอารักขาจับตัวไว้ได้ กำลังจะลงโทษอยู่พอดีพ่ะย่ะค่ะ”

“ไส้ศึก?”

เซี่ยรั่วหลินเผยแววตาสงสัย “หมายความว่า หยางฝาน เจ้ากำลังทำเรื่องสำคัญอยู่อย่างนั้นรึ? ไหนเจ้าลองบอกมาสิว่า เรื่องการเจรจาสงบศึก เตรียมการไปถึงไหนแล้ว?”

เซี่ยรั่วหลินเงียบไปชั่วขณะ และมีสีหน้าเย็นชาลง “ใช่ ลืมบอกเจ้าไป หยางฝาน ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาให้ข้าเป็นรองจางวางกรมพิธีการ และรองทูตเจรจาสงบศึก เพื่อกำกับดูแลทุกการกระทำของเจ้า...”

“หากเจ้าทุ่มเททำงานเต็มที่ก็แล้วไป แต่หากเจ้ากล้าละเลยหน้าที่ อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้า!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 32

    “ชิงเยว่ แม้ว่าหยางฝานผู้นี้จะไม่สามารถทำการใหญ่สำเร็จได้ แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันกับชาวฉุน เรายังควรต้องใส่ใจให้มากขึ้น ข้าได้ยินมาว่าองค์หญิงใหญ่ ซึ่งเป็นรองทูตเจรจาสันติ ตอนนี้ประทับอยู่ที่จวนเยียนอ๋อง เพื่อหารือเรื่องการเจรจาสันติกับหยางฝาน ชิงเยว่ เจ้าลองใช้โอกาสนี้ไปสืบดูว่าเขาเตรียมจะจัดการเรื่องการเจรจาสันติอย่างไรบ้าง”เหลียงเส้าเหวยกล่าวด้วยสีหน้าจริงใจเขาไม่ต้องการเห็นหยางฝานประสบความสำเร็จในการเจรจาสันติจริง ๆในเมื่อเป็นเช่นนั้น การรู้แผนการของหยางฝานล่วงหน้าจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งทว่าเมื่อหลินชิงเยว่ได้ยินว่าต้องการให้นางไปหาหยางฝาน ในใจก็เกิดรู้สึกต่อต้านขึ้นมาทันที“คุณชายเหลียงคิดมากไปแล้ว ข้ารู้จักหยางฝานผู้นี้ดีที่สุด เขาไม่มีความรู้ความสามารถอะไรเลย เรื่องการเจรจาสันตินี้ เขาจะมีวิธีรับมือได้อย่างไรกัน!”หลินชิงเยว่กล่าวเสียงเย็นชาทว่าเหลียงเส้าเหวยกลับส่ายหน้า“ชิงเยว่ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชาวฉุน เจ้าอย่าได้ต่อต้านเลย มีเพียงหาวิธีทำให้หยางฝานเจรจาสันติล้มเหลวเท่านั้น เราจึงจะสามารถช่วยชาวฉุนออกมาได้อย่างปลอดภัย มิเช่นนั้น แม้จะจ่ายเงินไปแล้ว

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 31

    เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ที่ชัดเจนและมีเหตุผลของเซี่ยรั่วหลิน หยางฝานก็ปรบมือรัว ๆเด็กคนนี้ฉลาดไม่เบาเลยนะ!และในขณะนั้นเอง ฉิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวขึ้นอย่างเหมาะเจาะว่า “องค์หญิงเพคะ หม่อมฉันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าท่านอ๋องจะตั้งราคานมนี้เท่าใด แต่วิธีการถนอมนม ท่านอ๋องได้คิดไว้เรียบร้อยนานแล้วเพคะ!”เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยรั่วหลินก็มองไปยังหยางฝานด้วยความประหลาดใจทันที“ท่านมีวิธีเก็บรักษานมไม่ให้เสียหรือ?”หยางฝานผงกศีรษะทว่าเซี่ยรั่วหลินกลับแสดงสีหน้าสงสัย“ข้าไม่เชื่อว่าจะมีวิธีใดใต้หล้านี้ที่สามารถเก็บรักษานมสดไม่ให้เสียได้ ต่อให้เจ้าจะใช้ก้อนน้ำแข็งตลอดเวลาก็เก็บได้ไม่กี่วันแน่นอน”เซี่ยรั่วหลินจ้องหยางฝานอย่างสงสัยหยางฝานผงกศีรษะ“เป็นจริงอย่างที่องค์หญิงตรัส แม้นมนี้จะเก็บรักษาด้วยก้อนน้ำแข็งก็เก็บได้ไม่นาน!”เมื่อเห็นว่าแม้แต่เขาเองก็ยังพูดเช่นนี้ เซี่ยรั่วหลินก็หัวเราะออกมา“แล้วเจ้ายังกล้าพูดจาโอ้อวดว่ามีวิธีเก็บรักษาแล้วงั้นรึ?”หยางฝานหัวเราะเบา ๆ “ข้าก็ไม่ได้บอกว่าข้าจะใช้น้ำแข็งในการเก็บรักษานมนี่พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อเห็นเขามีท่าทางมั่นใจเต็มร้อยขนาดนั้น เซี

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 30

    “เจ้าค่ะ!”ฉิงเอ๋อร์มองเซี่ยรั่วหลินด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปไม่นานนัก ฉิงเอ๋อร์ก็กลับมาพร้อมแก้วที่บรรจุของเหลวสีขาวขุ่นอึก!เซี่ยรั่วหลินมองของเหลวสีขาวขุ่นที่บรรจุในแก้ว แล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากตอนนั้นนางเห็นหยางฝานรีดนมด้วยตาตัวเองพอนึกถึงภาพนั้น เซี่ยรั่วหลินก็เริ่มอยากจะถอนตัวกลางคัน“เชิญองค์หญิงชิมพ่ะย่ะค่ะ!”หยางฝานกล่าวพร้อมรอยยิ้มเมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยรั่วหลินก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง“ไม่ได้ เสด็จย่าบอกว่าข้าต้องใช้ข้อเท็จจริงมาโต้แย้งไอ้หมอนี่ ถอยกลับตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด!”เมื่อคิดได้ดังนั้น เซี่ยรั่วหลินก็เผยสีหน้าเหมือนตายเป็นตายพร้อมยกแก้วนมขึ้นมาดื่มแต่พอนมโคมาจ่อที่ปาก เซี่ยรั่วหลินกลับไม่ยอมนำเข้าปากสักทีพอคิดว่านมนี้ถูกรีดมาจากโค ในใจของนางก็รู้สึกต่อต้านอย่างประหลาดใจ“องค์หญิงไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง”หยางฝานเห็นสีหน้าตายเป็นตายของเซี่ยรั่วหลินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะในใจทว่า ราวกับถูกคำกล่าวของเขายั่วโมโห เซี่ยรั่วหลินจึงส่งเสียงเย็นชาออกมาทันที“ก็แค่นมโคมิใช่รึ วันนี้ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่าของสิ่งนี้ไร้ค่าสิ้นดี เจ้า

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 29

    เมื่อเห็นตั่วเหยียนเอ่ยพลางกำลังจะเผาจดหมาย กุนซือก็รีบกล่าวขึ้นว่า“องค์หญิงจะคิดอย่างนั้นไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าจุดประสงค์ของการเดินทางของเราในครั้งนี้จะเพื่อขอเสบียงและเงินบรรณาการ แต่หากมีคนในราชสำนักต้าเซี่ยคอยช่วยเหลือ การบรรลุเป้าหมายนี้ก็จะง่ายขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”พอเขากล่าวเช่นนี้ ตั่วเหยียนก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จากนั้นจึงผงกศีรษะ“ท่านกุนซือกล่าวมีเหตุผล เช่นนั้นเราก็ร่วมมือกับเขาดูสักครั้งเถิด แต่ว่าตามที่ระบุไว้ในจดหมายนี้ ผู้ที่จะมาเจรจากับเรา เป็นถึงท่านอ๋องของต้าเซี่ยเลยหรือ?”ตั่วเหยียนมองดูชื่อหยางฝานที่เขียนอยู่ในจดหมาย แล้วถามด้วยความแคลงใจกุนซือได้ยินดังนั้นแล้วก็หัวเราะเยาะอย่างดูแคลน“หยางฝาน เยียนอ๋องผู้นี้ ข้าก็เคยสืบมาแล้ว คนผู้นี้มีสัญญาหมั้นกับหลินชิงเยว่ แม่ทัพเถาฮวา แต่คนผู้นี้กลับเป็นคนเหลวไหลที่ไม่มีทั้งเกียรติยศและพรสวรรค์ในการบัญชาการรบ ได้ยินมาว่าวัน ๆ เอาแต่คลุกคลีอยู่กับพวกพ่อค้า เป็นแค่ท่านอ๋องรุ่นที่สองที่ไม่ได้เรื่องเท่านั้น ฮ่องเต้ต้าเซี่ยก็คงจะเสียสติไปแล้วจริง ๆ คิดว่าแค่ดันคนไม่เอาถ่านอย่างเยียนอ๋องขึ้นมา จะสามารถทำให้เราหวาดกลัวจนต้องถอยรนไปไ

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 28

    “จดหมายธนู?!”ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นรีบลุกขึ้นยืนทันที“จับคนยิงได้หรือไม่!”กุนซือรีบถามกองกำลังคุ้มกันคณะเจรจาสันติภาพในครั้งนี้เป็นถึงกองทัพรักษาพระองค์ของท่านข่าน ปล่อยให้มีคนลอบเข้ามาถึงข้างค่ายโดยไม่รู้ตัวเลยหรือ?“ขอองค์หญิงและท่านกุนซือโปรดอภัยด้วย พวกข้าจับคนผู้นั้นไม่ได้!”ทหารผู้กล้าส่ายหน้าขณะคุกเข่า“ฮึ! พวกไร้ประโยชน์!”องค์หญิงตั่วเหยียนกล่าวอย่างเย็นชาทหารผู้กล้าที่คุกเข่าอยู่รีบก้มหน้าลงทันทีส่วนกุนซือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกวักมือเรียกทหารผู้กล้าผู้นั้น“นำจดหมายธนูนั้นมา!”“ขอรับ!”กุนซือรับจดหมายธนูมา แต่ไม่ได้เปิดจดหมายออกในทันที กลับมองไปที่ลูกศรขนนกในมือแทน“ของสิ่งนี้มีอะไรน่าดูนักหนา ก็แค่คำยั่วยุจากพวกไร้ประโยชน์ของต้าเซี่ยเท่านั้นเอง มีคนแบบนี้ตลอดทาง ไม่น้อยไม่ใช่หรือ”องค์หญิงตั่วเหยียนกล่าวด้วยสีหน้าดูแคลนต้าเซี่ยกับโม่เป่ยทำสงครามกันทุกปี คณะทูตอย่างพวกเขาเจอคนต้าเซี่ยที่โกรธแค้นไม่น้อยเลยระหว่างทางที่ผ่านมาทว่ากุนซือได้ยินดังนั้นแล้วกลับยิ้มพลางส่ายหน้า“องค์หญิง ข้าคิดว่าครั้งนี้อาจจะต่างออกไป”กล่าวจบ กุนซือก็แกะจดหมายออกเ

  • หลังจบความสัมพันธ์ ข้ากลายเป็นอ๋องต่างสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์   บทที่ 27

    ทันทีที่ก้าวเข้าประตูมา เซี่ยรั่วหลินก็เห็นไทเฮากำลังสวดมนต์อยู่ทันทีที่เห็นไทเฮา น้ำตาแห่งความน้อยใจก็เอ่อล้นในดวงตาของเซี่ยรั่วหลิน“เสด็จย่า!”เซี่ยรั่วหลินร้องเสียงดังพร้อมกับโผเข้ากอดไทเฮา แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความน้อยใจ“โธ่เอ้ย! ผู้ใดทำให้เด็กดื้อของเราไม่พอใจละเนี้ย ย่าจะไปสั่งสอนเขาเดี๋ยวนี้!”ไทเฮาลูบหลังเซี่ยรั่วหลินเบา ๆ พลางกล่าวด้วยความรู้สึกสงสารยิ่งเซี่ยรั่วหลินเปล่งเสียงฮึดฮัดเบา ๆ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟังทันที“เสด็จย่า ท่านโปรดตัดสินว่านี่ใช่ความผิดของหยางฝานคนอวดดีคนนั้นหรือไม่ ข้าอุตส่าห์เป็นห่วงเขาแท้ ๆ เขาก็ยังไม่ฟังคำของข้าอีก ฮึ! โมโหจนจะตายอยู่แล้ว!”ไทเฮามองดูท่าทางโกรธขึ้งของเซี่ยรั่วหลินแล้วก็ไม่รู้จะตอบนางอย่างไรในทันทีเมื่อเทียบกับเซี่ยรั่วหลินที่ไม่รู้อะไรเลย ไทเฮากลับเข้าใจหยางฝานค่อนข้างมากหากหยางฝานไม่ได้แบ่งกำไรจากเครื่องประทินโฉมให้นางครึ่งหนึ่ง แม้นางจะเป็นไทเฮา ก็ไม่สามารถสร้างโบสถ์อันงดงามวิจิตรเช่นนี้ได้กระนั้น ในความคิดของไทเฮา หยางฝานเป็นคนที่มีความสามารถอย่างแน่นอนและนางยังรู้ด้วยว่าเหตุใดฮ่องเต้ถึงต้องใ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status