“ประมูลตระกูลหลานไม่จำเป็นต้องทักทายพวกเรา แค่เอาเหล้าฮัวเตียวมาสักหน่อย พวกเราก็จัดการกันเองได้แล้ว”เสนาบดีฉีในฝูงชนก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเช่นกันล้วนเป็นคนเฉลียวฉลาดกันทั้งนั้น ย่อมรู้ดีว่าเหตุการณ์คั่นเวลาเมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นดังนั้นนี่คือการให้หลานซื่อจัดการกับนางก่อน ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าบรรดาแขกเหรื่อจะไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเพราะถึงอย่างไรก็ยังมีพ่อตาฮ่องเต้ที่คอยช่วยสนับสนุนนาง และแม้แต่เสนาบดีฉีเองก็เริ่มเอ่ยปากถาม โดยมีใต้เท้าสองคนนี้อยู่ด้วย ยังให้เกียรติกันไม่พออีกหรือ?หลานซื่อที่มองเห็นเจตนาดีของทั้งสองก็ไม่ปฏิเสธ ตอนนี้นางก็ยังมีเรื่องต้องจัดการด้วยจริง ๆ“ขอบคุณทุกท่านที่เข้าใจ ทุกท่านกินดื่มให้เต็มที่ หากมีความต้องการอะไรก็สั่งคนรับใช้ในจวนได้เลย หากดูแลไม่ทั่วถึง ก็ต้องขออภัยด้วย”จนกระทั่งตอนนี้ หลานซื่อก็ยังเกรงใจและสุภาพมากแม้ว่าวันนี้จะมีแขกเหรื่อมามากมาย แต่ก็ไม่มีใครพูดได้ว่าประมูลตระกูลหลานคนใหม่นี้ดูแลไม่ทั่วถึงหรือผิดพลาด”เพราะถึงอย่างไรอีกหนึ่งสถานะของนาง ก็คือธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่เทียบเท่าองค์หญิงเมื่อพบนาง ควรเป็นพวกเขามากกว่าที่ต้องคุกเข่า
ขณะที่อันหมิงจูกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง อันปี่เค่อก็ชิงพูดก่อนนางหนึ่งก้าวด้วยน้ำเสียงจนปัญญา “เอาล่ะ ลูกสาวแสนดี เจ้าดูสภาพเจ้าในตอนนี้สิ อย่าเสียเวลาอยู่ที่เรือนของธิดาศักดิ์สิทธิ์ต่อไปเลย พ่อจะพาเจ้ากลับไปก่อน มีอะไรเอาไว้วันหลังค่อยคุยกัน เร็วเข้า บอกลาธิดาศักดิ์สิทธิ์สักคำ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ อันหมิงจูจะทำอะไรได้อีกนางทำได้เพียงอดทนกับอารมณ์คับข้องใจ เอาเสื้อกันลมที่สาวใช้เอามาให้คลุมไหล่ ปกปิดร่างกายเอาไว้ พร้อมกับทำความเคารพหลานซื่ออย่างไม่เต็มใจนัก“ขออภัยด้วยธิดาศักดิ์สิทธิ์ ข้าน้อยขอลา”หลานซื่อเหลือบมองนางอย่างเฉยชาเดิมทียังไม่อยากปล่อยอันหมิงจูและคนอื่น ๆ ไปง่าย ๆ แบบนี้ แต่ไม่นึกว่าอันปี่เค่อผู้นี้จะตาไวเช่นนี้สังเกตเห็นภัยอันตรายในชั่วพริบตา จากนั้นก็ตัดสินใจถอนตัวโดยไม่ลังเลถ้าเป็นเฒ่าสารพัดพิษอย่างเวินเฉวียนเซิ่งนั่น ต้องกลับมาลองหยั่งเชิงอีกครั้งอย่างแน่นอนยากที่จะรับมือจริง ๆหลานซื่อหรี่ตาลง “คุณหนูใหญ่สกุลอันตกน้ำตื่นตกใจ ทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สกุลหลาน ดื่มน้ำแกงขิงสักหน่อยแล้วค่อยไปล่ะ? จะได้ไม่เป็นหวัด”“แค่ก ๆ ขอบคุณธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นห่วง แต่
“ข้าว่านะใต้เท้าอัน ท่านกำลังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ธิดาศักดิ์สิทธิ์แค่ลงโทษคนรับใช้ที่กล้าบุ่มบ่ามบุกเข้ามาในงานเลี้ยงของสกุลหลาน นี่จะถือว่าเป็นการใช้กฎหมู่ได้อย่างไร?”ทันทีที่คนที่ก้าวออกมาข้างหน้าเอ่ยปากพูด บรรดาแขกเหรื่อที่กำลังดูอะไรสนุก ๆ อยู่ก็จำคนที่เข้ามาได้เพราะถึงอย่างไรท่านนี้คือบิดาของฮองเฮาองค์ปัจจุบัน พ่อตาฮ่องเต้คนใหม่ในปัจจุบัน หลินหงเหวินแห่งสกุลหลินเมื่อเห็นคนที่เข้ามา หลานซื่อที่นั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมมาตลอดก็ลุกขึ้นทันทีเผยรอยยิ้มออกมา “ลุงหลิน ท่านมาแล้ว”หลินหงเหวินประสานมือเคารพนาง พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอแสดงความยินดีด้วยธิดาศักดิ์สิทธิ์ วันนี้ฝ่าบาทมีธุระให้กระหม่อมรออยู่ที่ห้องทรงพระอักษรสักครู่หนึ่ง ถึงได้มาสายเล็กน้อย ไม่ทราบว่าจะยังทันงานฉลองของท่านหรือไม่?”“ไม่สาย ไม่สาย ท่านลุงไม่ต้องกังวล ไม่ว่าท่านจะมาเมื่อใด ซื่อเอ๋อร์จะจองโต๊ะไว้ให้ท่านกับปู่หลินในงานฉลองแน่นอน”หลานซื่อเชิญหลินหงเหวินให้นั่งลง ส่วนคนอื่น ๆ นั้นไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ไม่มีใครกล้าตัดพ้ออะไรเพราะเมื่อมองย้อนกลับไป อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนก็ยังคงยืนอยู่ นอกจากสองคนนั
ทันทีที่สาวใช้พูดเช่นนี้ออกไป ทุกคนที่อยู่ที่ประตูต่างมองไปที่หลานซื่อโดยไม่รู้ตัวเสี่ยวหานกำลังจะตำหนิ แต่หลานซื่อก็ยกมือขึ้นห้ามนางไว้นางไม่สนใจคำพูดของสาวใช้ แต่หันไปมองแขกเหรื่อจำนวนมากที่อยู่ที่ประตูว่ากันตามเหตุผล แขกเหรื่อมากมายเช่นนี้โดยทั่วไปจะไม่เดินเข้าไปใกล้เรือนหลังบ้านของเจ้าของเรือนตามใจชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานะธิดาศักดิ์สิทธิ์ของหลานซื่อที่มียศสูงกว่าพวกเขาเหล่านี้ดังนั้นต้องมีใครจงใจล่อพวกเขามาที่นี่ในเวลานี้มันเห็นได้อย่างชัดเจน หลานซื่อไม่ต้องคาดเดาก็รู้ว่าเป็นใครแล้วเพียงแต่นางไม่ค่อยเข้าใจ นางเคยคิดว่าคนที่สามารถทำลายงานเลี้ยงในวันนี้ถ้าไม่ใช่จวนเจิ้นกั๋วกง ก็ต้องเป็นเวินเยวี่ยแต่นางไม่คิดว่าจะเป็นสกุลอันหรือว่าจะเป็นอันหลันซินที่เป็นคนบงการ?สายตาของหลานซื่อประสานกับเป่ยเฉินหยวนที่ยืนอยู่ข้างหลังทุกคนไม่ไกลจากประตูชั่วพริบตาหนึ่งเป่ยเฉินหยวนเอามือทั้งสองกอดอก ริมฝีปากบางแย้มพราย พูดกับนางสามคำโดยไม่มีเสียงหลานซื่อที่ได้เห็นก็เข้าใจบางอย่างในทันทีในขณะที่ความคิดกำลังโคจรอย่างรวดเร็วภายในหัว นางก็มองไปที่อันปี่เค่อและคนอื่น ๆ “ใต้เท้าอัน คนรั
ใครจะรู้ว่าอุตส่าห์ลงแรงไปตั้งครึ่งค่อนวันกลับเสียแรงเปล่า!แถมยังถูกหลานซื่อจับได้อีก!ไม่ได้ ต้องไม่ยอมรับเด็ดขาด!“ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?! หรือท่านสงสัยว่าตุ๊กตาคนตัวเล็กนี่ เป็นข้าอันหมิงจูโยนลงไปในสระน้ำหลังเรือนของพวกท่านหรือ!”หากยอมรับในตอนนี้ หลานซื่อไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ในทางกลับกัน ตราบใดที่หลานซื่อไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าตุ๊กตาคนตัวเล็กนี้เป็นนางที่โยนลงไป หลานซื่อก็ทำอะไรนางไม่ได้!เมื่อคิดเช่นนี้ อันหมิงจูก็ยิ่งทำใจแข็งขึ้นเล็กน้อย นางเชิดคอขึ้น พลางจ้องมองหลานซื่อและกล่าวอย่างมีเหตุผลชอบธรรมและมั่นใจ “ตุ๊กตาคนตัวเล็กนี่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ใครจะไปรู้ว่ามันเป็นของที่สกุลหลานของพวกท่านทำตกไว้ในสระนั่นตั้งแต่เมื่อก่อนหรือไม่!”“หรือบางทีท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์อาจจะเห็นว่าข้าอันหมิงจูรังแกง่าย ก่อนหน้านี้จะตบจะด่าอย่างไรก็ได้ มาตอนนี้ยังคิดจะปรักปรำข้าอีก แต่ถึงข้าอันหมิงจูจะรังแกง่าย สกุลอันของเรากลับไม่ใช่พวกที่จะยอมให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ !”อันหมิงจูกล่าวจบรวดเดียวอย่างเกรี้ยวกราด คิดว่าหลานซื่อคงจะต้องตกตะลึงในท่าทีของนางเป็นแน่แต่ผลลั
“ท่าน...ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดอะไรอยู่”สายตาของอันหมิงจูสั่นไหวเล็กน้อย หลังจากรู้สึกผิดในใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็รีบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อะไรคือสารภาพแต่โดยดีหรือถูกเปิดโปง อะไรกัน ข้าตกน้ำที่สกุลหลานของพวกท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นประมุขตระกูลหลาน ไม่คิดที่จะขอขมาและอธิบายกับข้า แต่กลับคิดจะใช้กำลังบังคับให้ข้ารับสารภาพที่นี่ นี่คือธรรมเนียมการต้อนรับแขกของสกุลหลานของท่านหรือ?!”อันหมิงจูกุมใบหน้าที่ถูกตบของตนเอง กล่าวอย่างขุ่นเคือง “ต่อให้ท่านจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ แต่พ่อของข้าก็เป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนัก ข้ายังเป็นพี่หญิงของกุ้ยเฟย ท่านจะมาข่มเหงรังแกข้าอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ไม่ได้ มิฉะนั้น สกุลอันของเราจะต้องทูลฟ้องเรื่องนี้ต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทแน่!”หลานซื่อเห็นว่านางยังไม่ยอมพูดความจริง ก็ขี้เกียจที่จะเค้นถามต่อ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านก็รออยู่ที่นี่เถอะ”อันหมิงจูเอนกายพิงเตียง กอดร่างที่เปียกโชกของตนเองไว้ กัดริมฝีปากล่าง สายตาคอยลอบเหลือบมองหลานซื่อเป็นครั้งคราวเมื่อเห็นว่าหลานซื่อยังคงมีท่าทีสงบนิ่งและใจเย็นตลอดเวลา พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ อันหมิงจูเองกลับเริ่มร้อนใจข