แชร์

บทที่ 10

ผู้เขียน: จิ้งซิง
“พวกท่านกล่าวถูกต้อง ข้าไม่ใช่น้องสาวของข้า และข้าก็ไม่ได้ใจดีเหมือนนาง ทุกคนที่เคยรังแกข้าและเคยเหยียดหยามข้า ข้าจะเอาคืนให้หมด”

น้ำเสียงของเวินซื่อเย็นชา นางมองชุยเส้าเจ๋อ จากนั้นก็เอ่ยคำพูดที่ชาติก่อนนางนึกเสียใจนับครั้งไม่ถ้วนที่ไม่อาจเอ่ยออกมาต่อหน้าผู้คนด้วยปากของตัวเอง...

“ชุยเส้าเจ๋อ ท่านอยากถอนหมั้นไม่ใช่หรือ? ได้ ข้าตกลง และไม่ต้องให้ท่านตกลงเงื่อนไขใด ๆ ด้วย เพียงแต่ว่าหลังจากนี้ไป ข้าเวินซื่อไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับจวนจงหย่งโหวของพวกท่านอีกต่อไปแล้ว!”

เมื่อสิ้นคำพูดของนาง ทั่วทั้งงานก็เงียบกริบ

แม้แต่ชุยเส้าเจ๋อก็อดตกตะลึงไม่ได้

ยะ....ยอมตกลงเช่นนี้เลย?

เขานึกว่าเรื่องการถอนหมั้นในวันนี้จะไม่มีทางราบรื่นเป็นอันขาด

เขานึกว่าเวินซื่อคงไม่ยินยอมง่าย ๆ

นึกว่าเวินซื่อจะตามตื๊อ จะร้องไห้โวยวาย...

ก่อนจะมาชุยเส้าเจ๋อเคยคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยคิดก็คือเวินซื่อจะยอมตกลงง่ายดายเช่นนี้จริง ๆ

ไม่สิ ก็ไม่ถือว่าง่ายดาย

นางยังตบเขาหนึ่งฉาดด้วย

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชุยเส้าเจ๋อที่รู้สึกเสียหน้าก็ทำหน้าเคร่งขรึมทันที

เขาลูบแก้มที่แสบร้อนของตัวเอง มองเวินซื่ออย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “เห็นว่าเจ้ายังรู้จักดูสถานการณ์ คนใจกว้างเช่นข้าจะไม่ถือสาเจ้าเรื่องฝ่ามือนี้ แต่ทางที่ดีเจ้าจำเอาไว้ว่าต่อไปหากเจ้ากล้าตามตื๊อข้า หรือว่าเล่นลูกไม้อะไรกับน้องเยวี่ยเอ๋อร์อีก ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เป็นอันขาด!”

“ปัง!”

เสียงฟาดโต๊ะอย่างหนักหน่วงพลันดังขึ้นจากตรงตำแหน่งที่นั่งของประธานพิธี

เวินเฉวียนเซิ่งค่อย ๆ ลุกขึ้น กวาดตามองพวกเขาสองคนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

“พูดจบหรือยัง?”

เวินซื่อหลุบตา เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ลูกพูดจบแล้วเจ้าค่ะ ที่เหลือท่านพ่อโปรดตัดสินใจเถิด”

นางรู้ว่าหลังจากผ่านเหตุการณ์วุ่นวายในวันนี้ ต่อให้เวินเฉวียนเซิ่งให้เกียรติหลานชายอย่างชุยเส้าเจ๋ออีกแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นและเลิกแล้วต่อกันเช่นนี้

เป็นไปตามที่คาดไว้เลย วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยปาก

“ในเมื่อเจ้าคิดดีแล้ว เช่นนั้นเรื่องการหมั้นหมายนี้ก็สิ้นสุดลงเพียงแค่นี้ วันพรุ่งนี้จะคืนของหมั้นให้กัน”

เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นชุยเส้าเจ๋อหรือว่าเวินหย่าลี่ สองแม่ลูกคู่นี้ล้วนมีสีหน้าปีติยินดี

“แต่ว่า...”

เวินเฉวียนเซิ่งทองมองไปที่ชุยเส้าเจ๋อด้วยสายตากดดันถึงที่สุด “ถอนหมั้นได้ แต่ขอแต่งงานไม่ได้”

“ท่านลุง!”

ชุยเส้าเจ๋อร้อนใจแล้ว “แต่ข้ากับน้องเยวี่ยเอ๋อร์มีใจให้กัน ท่านไม่อาจ...”

“เหลวไหล!”

“หุบปากสุนัขของเจ้าไปเสีย!”

“เจ้าอย่าพูดให้ร้ายน้องหกนะ!”

เวลานี้ชุยเส้าเจ๋อบอกว่ามีใจให้กัน เช่นนั้นก็เป็นการยอมรับว่าเวินเยวี่ยล่อลวงคู่หมั้นพี่สาวของตนเองจริง ๆ ไม่ใช่หรือ?

พวกเวินจื่อเฉินมีปฏิกิริยาเร็วสุด ตวาดเสียงดังด้วยความโกรธเกรี้ยวขัดคำพูดของชุยเส้าเจ๋อทันที

แม้แต่เวินเยวี่ยก็อดไม่ได้ลอบด่าในใจอย่างลับ ๆ ว่า ‘โง่เง่า’

หลังจากที่ถูกตัดบท ชุยเส้าเจ๋อก็ตระหนักได้ว่าตนกล่าวผิดไปแล้ว จึงรีบหุบปาก

แต่ถ้าเกิดเขาไม่ต่อสู้เช่นนี้ แล้วเขากับน้องเยวี่ยเอ๋อร์จะทำอย่างไร?

ชุยเส้าเจ๋ออดส่งสายตาไปหามารดาของตนเองเพื่อขอความช่วยเหลือไม่ได้

เวินหย่าลี่รู้สึกปวดใจแทนบุตรชาย ทำได้เพียงเอ่ยปากพูดอึกอักอย่างระมัดระวังว่า “พี่ใหญ่ ท่านก็รู้ว่าความจริงแล้วข้าชอบเยวี่ยเอ๋อร์มากมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้น...”

นางยังไม่ทันกล่าวจบ สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งก็ทำให้นางหุบปากในพริบตา

“เยวี่ยเอ๋อร์ไม่เลว แต่ว่าชุยเส้าเจ๋อนับเป็นอะไรได้?”

บุตรสาวของเขาเวินเฉวียนเซิ่งต่อให้โง่งมชั่วร้ายอีกเพียงใด ก็ไม่ถึงตาให้ชุยเส้าเจ๋อมาเหยียดหยามต่อหน้าผู้คน

คำพูดที่ชุยเส้าเจ๋อกล่าวในวันนี้ดูเหมือนด่าทอแค่เวินซื่อ แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับการท้าทายบารมีของจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว

วันนี้คนที่เขาดูหมิ่นคือเวินซื่อ วันหน้าเกรงว่าคงจะเหยียบศีรษะของเวินเฉวียนเซิ่งแล้ว

ถอนหมั้นแล้วขอแต่งงานกับอีกคน เห็นสกุลเวินเป็นสวนหลังบ้านของเขาหรือไร?

เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “วันนี้เห็นแก่หน้าของจงหย่งโหว ข้าจะยังไม่ถือสาเอาความมากกว่านี้”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เวินหย่าลี่ก็ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกทันที

เพียงแต่นางเป็นฮูหยินของจงหย่งโหวผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อถูกพี่ใหญ่หักหน้าต่อหน้าผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ ในใจก็ตำหนิอยู่บ้างอย่างยากจะหลีกเลี่ยงได้

นางไม่กล้าตำหนิพี่ใหญ่ของตนเอง และไม่อย่าโทษบุตรชายของตนเอง ถึงอย่างไรบุตรชายแค่ไม่อยากแต่งงานกับสตรีชั่วช้าเท่านั้น เขามีความผิดอะไร?

คนที่มีความผิดคือเวินซื่อ!

ทั้งหมดต้องโทษนางแพศยาผู้นี้

น่ารังเกียจเหมือนมารดาของนางจริง ๆ!

“เอาละ เริ่มงานเลี้ยงเถิด”

แม้วันนี้จะได้เห็นเรื่องครึกครื้นใหญ่โต แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นเจิ้นกั๋วกง ใครจะกล้าหัวเราะสกุลเวินได้จริง ๆ?

ในเมื่อเวินเฉวียนเซิ่งยังจัดงานเลี้ยงต่อได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน บรรดาแขกเหรื่อย่อมไปนั่งลงบนที่นั่งด้วยความเกรงใจ

ทว่าสุดท้ายบรรยากาศในนั้นยังคงอึดอัดเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดลง แขกทุกคนจากไปหมดแล้ว...

“มาที่ห้องหนังสือ”

เวินเฉวียนเซิ่งทิ้งคำพูดนี้ไว้ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินจากไป

เขาไม่ได้เรียกชื่อใคร แต่ไม่มีใครกล้าไม่ไป

หนึ่งเค่อต่อมา พี่น้องสกุลเวินยืนรวมกันอยู่ในห้องหนังสือของเวินเฉวียนเซิ่ง

เมื่อเห็นเวินเฉวียนเซิ่งถือพู่กันเขียนคำว่า ‘สงบ’ ลงไปหลาย ๆ ตัว ทุกคนล้วนไม่กล้าส่งเสียงอยู่ชั่วขณะ

บรรยากาศภายในห้องหนังสือเงียบสนิทอย่างยิ่ง

“เวินซื่อ”

เวินซื่อไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ตนเองถูกเรียกชื่อเป็นคนแรก

นางก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ท่านพ่อ”

“เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?”

เวินเฉวียนเวินโยนพู่กันลงบนโต๊ะ คราบหมึกหยดลงมาเปื้อนตัวอักษรคำว่า ‘สงบ’ นั้น

เป็นคำพูดประโยคนี้อีกแล้ว

เวินซื่อรู้สึกเหมือนหัวใจหนาวเหน็บ

นางหลุบตาเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “เจ้าค่ะ ลูกผิดไปแล้ว”

เวินเฉวียนเซิ่งไม่ใช่เวินฉางอวิ้น

ท่านเจิ้นกั๋วกงที่มีอำนาจสูงส่งมาหลายปีผู้นี้ไม่สนใจว่าเจ้าจะได้รับความคับข้องใจอะไรหรือไม่

ขอเพียงทำให้สกุลเวินอับอายขายหน้า ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็มีความผิด

อ่อไม่สิ ยกเว้นเวินเยวี่ยที่เป็นไข่มุกในมือของเขานะ

ชาติที่แล้ว ต่อให้เวินเยวี่ยก่อความวุ่นวายข้างนอกมากมายเพียงใด เขาก็จะช่วยสะสางให้นาง ถึงขนาดที่งอเข่าโน้มตัวเอ่ยกับเวินเยวี่ยด้วยน้ำเสียงที่เวินซื่อไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า...

“เจ้าเป็นบุตรสาวของเวินเฉวียนเซิ่ง ใครก็รังแกเจ้าไม่ได้”

ครั้งหนึ่งในอดีตเมื่อนางได้ยินคำพูดนี้ นางอยากบอกเวินเฉวียนเซิ่งมากว่าตนเองก็เป็นบุตรสาวของเขาเช่นกัน เหตุใดเมื่อนางถูกรังแก เขากลับไม่สนไยดีเลย?

หรือว่าเวินเยวี่ยเป็นบุตรสาวของเขา ส่วนนางไม่นับหรือ?

เวินซื่อที่ย้อนนึกถึงตอนนั้นก็หลับตาลง กำหมัดแน่น ใช้ความเจ็บปวดทำให้ตนเองกลับมามีสติแจ่มชัด

“วันนี้ลูกถูกถอนหมั้นต่อหน้าผู้คน ทำให้สกุลเวินอับอายขายหน้า และยังตบหน้าซื่อจื่อของจวนจงหย่งโหวอย่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอีก จนทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลอาจได้รับผลกระทบเพราะเหตุนี้ได้”

เวินซื่อกล่าวพลางคุกเข่าลงดัง ‘ตุบ’ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ก่อนจะเอ่ยปากด้วยใบหน้าเย็นชาว่า “ดังนั้นท่านพ่อไม่จำเป็นต้องลำบากใจ ลูกขอรับโทษตามกฎตระกูลเฆี่ยนห้าสิบที ใช้บทลงโทษนี้มาไถ่โทษ ขอท่านพ่อโปรดช่วยทำให้สมหวังด้วย”

“เฆี่ยนห้าสิบที?”

“เวินซื่อ เจ้าจะฆ่าตนเองหรือไร?!”

ทุกคนในห้องหนังสือพากันตกใจ

เวินจื่อเฉินที่เดิมทียังไม่กล้าส่งเสียงก็ตกตะลึงจนเผลอส่งเสียงดัง
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (9)
goodnovel comment avatar
เจ้าสำราญ พัทยา
สนุกดีน่าติดตาม
goodnovel comment avatar
Duangchan Horthong
สนุกอยากอ่านตอนต่อไป
goodnovel comment avatar
นาวี อมฤกษ์
เราโง้ขนาดนี้
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 934

    “ประมูลตระกูลหลานไม่จำเป็นต้องทักทายพวกเรา แค่เอาเหล้าฮัวเตียวมาสักหน่อย พวกเราก็จัดการกันเองได้แล้ว”เสนาบดีฉีในฝูงชนก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเช่นกันล้วนเป็นคนเฉลียวฉลาดกันทั้งนั้น ย่อมรู้ดีว่าเหตุการณ์คั่นเวลาเมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นดังนั้นนี่คือการให้หลานซื่อจัดการกับนางก่อน ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าบรรดาแขกเหรื่อจะไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเพราะถึงอย่างไรก็ยังมีพ่อตาฮ่องเต้ที่คอยช่วยสนับสนุนนาง และแม้แต่เสนาบดีฉีเองก็เริ่มเอ่ยปากถาม โดยมีใต้เท้าสองคนนี้อยู่ด้วย ยังให้เกียรติกันไม่พออีกหรือ?หลานซื่อที่มองเห็นเจตนาดีของทั้งสองก็ไม่ปฏิเสธ ตอนนี้นางก็ยังมีเรื่องต้องจัดการด้วยจริง ๆ“ขอบคุณทุกท่านที่เข้าใจ ทุกท่านกินดื่มให้เต็มที่ หากมีความต้องการอะไรก็สั่งคนรับใช้ในจวนได้เลย หากดูแลไม่ทั่วถึง ก็ต้องขออภัยด้วย”จนกระทั่งตอนนี้ หลานซื่อก็ยังเกรงใจและสุภาพมากแม้ว่าวันนี้จะมีแขกเหรื่อมามากมาย แต่ก็ไม่มีใครพูดได้ว่าประมูลตระกูลหลานคนใหม่นี้ดูแลไม่ทั่วถึงหรือผิดพลาด”เพราะถึงอย่างไรอีกหนึ่งสถานะของนาง ก็คือธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่เทียบเท่าองค์หญิงเมื่อพบนาง ควรเป็นพวกเขามากกว่าที่ต้องคุกเข่า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 933

    ขณะที่อันหมิงจูกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง อันปี่เค่อก็ชิงพูดก่อนนางหนึ่งก้าวด้วยน้ำเสียงจนปัญญา “เอาล่ะ ลูกสาวแสนดี เจ้าดูสภาพเจ้าในตอนนี้สิ อย่าเสียเวลาอยู่ที่เรือนของธิดาศักดิ์สิทธิ์ต่อไปเลย พ่อจะพาเจ้ากลับไปก่อน มีอะไรเอาไว้วันหลังค่อยคุยกัน เร็วเข้า บอกลาธิดาศักดิ์สิทธิ์สักคำ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ อันหมิงจูจะทำอะไรได้อีกนางทำได้เพียงอดทนกับอารมณ์คับข้องใจ เอาเสื้อกันลมที่สาวใช้เอามาให้คลุมไหล่ ปกปิดร่างกายเอาไว้ พร้อมกับทำความเคารพหลานซื่ออย่างไม่เต็มใจนัก“ขออภัยด้วยธิดาศักดิ์สิทธิ์ ข้าน้อยขอลา”หลานซื่อเหลือบมองนางอย่างเฉยชาเดิมทียังไม่อยากปล่อยอันหมิงจูและคนอื่น ๆ ไปง่าย ๆ แบบนี้ แต่ไม่นึกว่าอันปี่เค่อผู้นี้จะตาไวเช่นนี้สังเกตเห็นภัยอันตรายในชั่วพริบตา จากนั้นก็ตัดสินใจถอนตัวโดยไม่ลังเลถ้าเป็นเฒ่าสารพัดพิษอย่างเวินเฉวียนเซิ่งนั่น ต้องกลับมาลองหยั่งเชิงอีกครั้งอย่างแน่นอนยากที่จะรับมือจริง ๆหลานซื่อหรี่ตาลง “คุณหนูใหญ่สกุลอันตกน้ำตื่นตกใจ ทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สกุลหลาน ดื่มน้ำแกงขิงสักหน่อยแล้วค่อยไปล่ะ? จะได้ไม่เป็นหวัด”“แค่ก ๆ ขอบคุณธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นห่วง แต่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 932

    “ข้าว่านะใต้เท้าอัน ท่านกำลังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ธิดาศักดิ์สิทธิ์แค่ลงโทษคนรับใช้ที่กล้าบุ่มบ่ามบุกเข้ามาในงานเลี้ยงของสกุลหลาน นี่จะถือว่าเป็นการใช้กฎหมู่ได้อย่างไร?”ทันทีที่คนที่ก้าวออกมาข้างหน้าเอ่ยปากพูด บรรดาแขกเหรื่อที่กำลังดูอะไรสนุก ๆ อยู่ก็จำคนที่เข้ามาได้เพราะถึงอย่างไรท่านนี้คือบิดาของฮองเฮาองค์ปัจจุบัน พ่อตาฮ่องเต้คนใหม่ในปัจจุบัน หลินหงเหวินแห่งสกุลหลินเมื่อเห็นคนที่เข้ามา หลานซื่อที่นั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมมาตลอดก็ลุกขึ้นทันทีเผยรอยยิ้มออกมา “ลุงหลิน ท่านมาแล้ว”หลินหงเหวินประสานมือเคารพนาง พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอแสดงความยินดีด้วยธิดาศักดิ์สิทธิ์ วันนี้ฝ่าบาทมีธุระให้กระหม่อมรออยู่ที่ห้องทรงพระอักษรสักครู่หนึ่ง ถึงได้มาสายเล็กน้อย ไม่ทราบว่าจะยังทันงานฉลองของท่านหรือไม่?”“ไม่สาย ไม่สาย ท่านลุงไม่ต้องกังวล ไม่ว่าท่านจะมาเมื่อใด ซื่อเอ๋อร์จะจองโต๊ะไว้ให้ท่านกับปู่หลินในงานฉลองแน่นอน”หลานซื่อเชิญหลินหงเหวินให้นั่งลง ส่วนคนอื่น ๆ นั้นไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ไม่มีใครกล้าตัดพ้ออะไรเพราะเมื่อมองย้อนกลับไป อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนก็ยังคงยืนอยู่ นอกจากสองคนนั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 931

    ทันทีที่สาวใช้พูดเช่นนี้ออกไป ทุกคนที่อยู่ที่ประตูต่างมองไปที่หลานซื่อโดยไม่รู้ตัวเสี่ยวหานกำลังจะตำหนิ แต่หลานซื่อก็ยกมือขึ้นห้ามนางไว้นางไม่สนใจคำพูดของสาวใช้ แต่หันไปมองแขกเหรื่อจำนวนมากที่อยู่ที่ประตูว่ากันตามเหตุผล แขกเหรื่อมากมายเช่นนี้โดยทั่วไปจะไม่เดินเข้าไปใกล้เรือนหลังบ้านของเจ้าของเรือนตามใจชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานะธิดาศักดิ์สิทธิ์ของหลานซื่อที่มียศสูงกว่าพวกเขาเหล่านี้ดังนั้นต้องมีใครจงใจล่อพวกเขามาที่นี่ในเวลานี้มันเห็นได้อย่างชัดเจน หลานซื่อไม่ต้องคาดเดาก็รู้ว่าเป็นใครแล้วเพียงแต่นางไม่ค่อยเข้าใจ นางเคยคิดว่าคนที่สามารถทำลายงานเลี้ยงในวันนี้ถ้าไม่ใช่จวนเจิ้นกั๋วกง ก็ต้องเป็นเวินเยวี่ยแต่นางไม่คิดว่าจะเป็นสกุลอันหรือว่าจะเป็นอันหลันซินที่เป็นคนบงการ?สายตาของหลานซื่อประสานกับเป่ยเฉินหยวนที่ยืนอยู่ข้างหลังทุกคนไม่ไกลจากประตูชั่วพริบตาหนึ่งเป่ยเฉินหยวนเอามือทั้งสองกอดอก ริมฝีปากบางแย้มพราย พูดกับนางสามคำโดยไม่มีเสียงหลานซื่อที่ได้เห็นก็เข้าใจบางอย่างในทันทีในขณะที่ความคิดกำลังโคจรอย่างรวดเร็วภายในหัว นางก็มองไปที่อันปี่เค่อและคนอื่น ๆ “ใต้เท้าอัน คนรั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 930

    ใครจะรู้ว่าอุตส่าห์ลงแรงไปตั้งครึ่งค่อนวันกลับเสียแรงเปล่า!แถมยังถูกหลานซื่อจับได้อีก!ไม่ได้ ต้องไม่ยอมรับเด็ดขาด!“ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?! หรือท่านสงสัยว่าตุ๊กตาคนตัวเล็กนี่ เป็นข้าอันหมิงจูโยนลงไปในสระน้ำหลังเรือนของพวกท่านหรือ!”หากยอมรับในตอนนี้ หลานซื่อไม่มีทางปล่อยนางไปแน่ในทางกลับกัน ตราบใดที่หลานซื่อไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าตุ๊กตาคนตัวเล็กนี้เป็นนางที่โยนลงไป หลานซื่อก็ทำอะไรนางไม่ได้!เมื่อคิดเช่นนี้ อันหมิงจูก็ยิ่งทำใจแข็งขึ้นเล็กน้อย นางเชิดคอขึ้น พลางจ้องมองหลานซื่อและกล่าวอย่างมีเหตุผลชอบธรรมและมั่นใจ “ตุ๊กตาคนตัวเล็กนี่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ใครจะไปรู้ว่ามันเป็นของที่สกุลหลานของพวกท่านทำตกไว้ในสระนั่นตั้งแต่เมื่อก่อนหรือไม่!”“หรือบางทีท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์อาจจะเห็นว่าข้าอันหมิงจูรังแกง่าย ก่อนหน้านี้จะตบจะด่าอย่างไรก็ได้ มาตอนนี้ยังคิดจะปรักปรำข้าอีก แต่ถึงข้าอันหมิงจูจะรังแกง่าย สกุลอันของเรากลับไม่ใช่พวกที่จะยอมให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ !”อันหมิงจูกล่าวจบรวดเดียวอย่างเกรี้ยวกราด คิดว่าหลานซื่อคงจะต้องตกตะลึงในท่าทีของนางเป็นแน่แต่ผลลั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 929

    “ท่าน...ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดอะไรอยู่”สายตาของอันหมิงจูสั่นไหวเล็กน้อย หลังจากรู้สึกผิดในใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็รีบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อะไรคือสารภาพแต่โดยดีหรือถูกเปิดโปง อะไรกัน ข้าตกน้ำที่สกุลหลานของพวกท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นประมุขตระกูลหลาน ไม่คิดที่จะขอขมาและอธิบายกับข้า แต่กลับคิดจะใช้กำลังบังคับให้ข้ารับสารภาพที่นี่ นี่คือธรรมเนียมการต้อนรับแขกของสกุลหลานของท่านหรือ?!”อันหมิงจูกุมใบหน้าที่ถูกตบของตนเอง กล่าวอย่างขุ่นเคือง “ต่อให้ท่านจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ แต่พ่อของข้าก็เป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนัก ข้ายังเป็นพี่หญิงของกุ้ยเฟย ท่านจะมาข่มเหงรังแกข้าอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ไม่ได้ มิฉะนั้น สกุลอันของเราจะต้องทูลฟ้องเรื่องนี้ต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทแน่!”หลานซื่อเห็นว่านางยังไม่ยอมพูดความจริง ก็ขี้เกียจที่จะเค้นถามต่อ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านก็รออยู่ที่นี่เถอะ”อันหมิงจูเอนกายพิงเตียง กอดร่างที่เปียกโชกของตนเองไว้ กัดริมฝีปากล่าง สายตาคอยลอบเหลือบมองหลานซื่อเป็นครั้งคราวเมื่อเห็นว่าหลานซื่อยังคงมีท่าทีสงบนิ่งและใจเย็นตลอดเวลา พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ อันหมิงจูเองกลับเริ่มร้อนใจข

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status