INICIAR SESIÓN“ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร สรุปว่าวันนั้นท่านต้องจับตาดูพี่ชายและน้องสาวของท่านให้ดี”ไป๋เยวี่ยโหรวทำหน้าเย็นชา พลางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ปาถูเอ่อร์รีบรับปากทันที “อย่าโมโห อย่าโมโห ข้าจะส่งคนจับตาดูพวกเขาให้ไม่ให้คลาดสายตา เพียงแต่ถึงเวลานั้นหากมีสิ่งใดดูแลไม่ทั่วถึง ขอคุณชายหยินเป่ยและแม่นางอู๋โยวได้โปรดอย่าได้วู่วามเป็นอันขาด”เขาเกลี้ยกล่อมว่า “วิชากู่ของเสินอ๋องนั้นล้ำเลิศ ทั่วทั้งราชสำนักนอกและในไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของทั้งสองท่าน หากถึงเวลานั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง ๆ ขอให้ทั้งสองท่านปล่อยให้ข้าเป็นคนออกหน้าจัดการเถิด”หลานซื่อกับเป่ยเฉินหยวนที่อยู่ตรงข้ามสบตากันแวบหนึ่งหลานซื่อไม่เอ่ยคำใด เป่ยเฉินหยวนกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชาว่า “หากปาถูเอ่อร์ชินอ๋องจัดการเองได้ย่อมดีที่สุด แต่หากท่านจัดการไม่ได้ หรือสกัดไม่อย่ะก็ ก็อย่าโทษที่พวกเราจะไม่เกรงใจพี่ชายและน้องสาวของท่านก็แล้วกัน”หลานซื่อรอจนเขาพูดจบ จึงค่อยยิ้มตาหยีพร้อมเอ่ยปากแสดงท่าที “เสินอ๋องผู้เฒ่าอาจจะมีวิชากู่ที่ล้ำเลิศ แต่พวกเราก็ใช่ว่าจะไม่มีการเตรียมพร้อม หากถึงเวลานั้นปาถูเอ่อร์ชินอ๋องจัดการไม่ไ
ข้ารับใช้ผู้มาถ่ายทอดคำสั่งน้อมกายก้มศีรษะกล่าวว่า “เสินอ๋องกล่าวว่า งานที่ปาถูเอ่อร์ชินอ๋องจัดขึ้นครั้งนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดภายในครอบครัว ในเมื่อเป็นงานเลี้ยงในครอบครัว คนในครอบครัวก็สมควรมากันให้ครบ”“สมควรมากันให้ครบ? เช่นนั้นเสด็จพี่ปาเก๋อหลู่ก็จะไปด้วยหรือ?”ปาหย่าฟังออกถึงนัยบางอย่างในทันที จึงเอ่ยถามอย่างฉับไวข้ารับใช้ตอบรับ “ปาเก๋อหลู่ชินอ๋องจะไปพ่ะย่ะค่ะ”ปาหย่าได้ยินดังนั้น ดวงตากลอกกลิ้งไปมา ก่อนจะเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา “ช่างเถอะ ในเมื่อเสด็จพี่ปาเก๋อหลู่จะไป เช่นนั้นข้าก็จะไปด้วย”นางกล้าพนันได้เลยว่า งานเลี้ยงวันเกิดภายในครอบครัวของปาถูเอ่อร์ครานี้ จะต้องครึกครื้นเป็นอย่างยิ่งแน่นอนคนอย่างปาเก๋อหลู่จะต้องทำลายงานจนพังพินาศ เพื่อให้ปาถูเอ่อร์ต้องอับอายขายหน้าเป็นแน่ถึงเวลานั้นไม่แน่ว่านางอาจจะฉวยโอกาสสั่งสอนไป๋เยวี่ยโหรวสักตั้ง หรือไม่ก็ไปหาชายผู้นั้นพอคิดถึงตรงนี้ อารมณ์ที่เดิมทีไม่ค่อยดีของปาหย่า ก็พลันสดใสเบิกบานขึ้นมาทันตาในขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง...ปาถูเอ่อร์เพิ่งกลับมาถึงจวนอ๋องได้ไม่นาน ก็รู้ว่าเสด็จพ่อของเขาได้ช่วยเชิญอาจารย์อาผู้นั้นมาร่วมงานให้แล
“ไม่แน่ว่าจะยังใช่คนหรือไม่? แล้วนั่นคือสิ่งใด?”เสินอ๋องผู้เฒ่าถามซักไซ้อีกครั้งด้วยความสงสัยเอ้อร์ถานหลัวกลับยิ้มทีหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ก็ต้องเป็นผีสิ ผีตนหนึ่งที่ตายไปแล้ว”เสินอ๋องผู้เฒ่าได้ยินดังนั้น ยังนึกว่าเขากำลังล้อเล่นอะไรอยู่“ผีสางอะไรกัน ศิษย์น้องเป็นถึงหลวงจีนชั้นสูงกลับยังเชื่อเรื่องแบบนั้น”เอ้อร์ถานหลัวเห็นเขาไม่เชื่อ ทว่าก็มิได้อธิบายอันใด เพียงแต่ลูบคลำนิ้วมือที่หยิบออกมาจากกล่องนั้น เลิกคิ้วแต่ไม่พูดอะไร“สรุปแล้วศิษย์น้องยินดีไปร่วมงานวันเกิดลูกชายข้าหรือไม่?”เอ้อร์ถานหลัวเดิมทีไม่อยากไปร่วม แต่บัดนี้พอได้เห็นนิ้วมือนี้ก็เปลี่ยนใจในทันใดเพราะเขาเดาได้แล้วว่าคนผู้นั้นที่อยู่ในจวนอ๋องของปาถูเอ่อร์ในเวลานี้คือผู้ใดและฝ่ายตรงข้ามใช้นิ้วมือนี้ให้ปาถูเอ่อร์มาเชิญแทน จุดประสงค์ก็ชัดเจนยิ่งนักเอ้อร์ถานหลัวคิดในใจว่าประจวบเหมาะพอดีการซ่อมแซมศพไม่กี่ร่างของเขานี้กำลังถึงจุดคอขวด ยังคิดอยู่เลยว่าจะยกระดับอย่างไรดีคิดไม่ถึงว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นจะชิงเอาผีดิบร่างนั้น มาจากมือของอ๋องชางแห่งราชสำนักฝ่ายนอกได้แล้วเช่นนี้ ต่อให้ทำเพื่อผีดิบร่างนั้น เขาก็จำต้
เขายกเท้าก้าวเดินไปยังโลงศพเหล่านั้นอย่างไม่เร่งรีบ เพียงปรายตาก็มองเห็นศพไม่กี่ร่างที่อยู่ภายในหากหลานซื่ออยู่ที่นี่ในเวลานี้ล่ะก็ คาดว่าย่อมต้องจำศพสองร่างในนั้นได้อย่างแน่นอนอย่างเช่น...เวินอวี้จือในโลงศพใบที่สองชุยเส้าเจ๋อในโลงศพใบที่สามบนศพของคนทั้งสองล้วนมีร่องรอยการเย็บซ่อมแซมอยู่เต็มไปหมด โดยเฉพาะศพของเวินอวี้จือ เพียงดูก็รู้ว่าสภาพตอนตายในตอนนั้นน่าเวทนาเพียงใดสีผิวเนื้อหนังหลายแห่งดูเหมือนจะแตกต่างไปจากเดิม ราวกับว่าพยายามเอาชิ้นส่วนศพอื่นมาต่อเติมลงบนร่างของเขาในเวลานี้ศพในโลงหลายใบล้วนถูกเอ้อร์ถานหลัวนำมาปรับปรุงซ่อมแซมใหม่อีกครั้งพวกเขาสวมใส่ชุดของชาวต่างถิ่น บนศีรษะมีหน้ากากห้อยเฉียงอยู่ ดวงตาแต่ละคู่เบิกโพลง หากไม่ใช่เพราะก้นบึ้งดวงตานั้นไร้ชีวิตชีวา อีกทั้งยังมีรอยเย็บที่เผยให้เห็นภายนอก เกรงว่าคนที่ไม่รู้เรื่องมาเห็นเข้าคงนึกว่าพวกนี้ล้วนเป็นคนเป็นเอ้อร์ถานหลัวไม่ได้ตอบคำถามของเสินอ๋องผู้เฒ่าในทันทีเขาดีดนิ้วส่งหนอนกู่จำนวนหนึ่งเข้าไปภายในศพเหล่านั้น หลังจากแน่ใจแล้วว่าการผสานกันอีกครั้งระหว่างหนอนกู่กับซากศพไม่มีปัญหา จึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แล้วพ่นลมห
“จริงสิเสด็จพ่อ ไม่ทราบว่าสหายเก่าของเสด็จพ่อเมื่อวันก่อนยังอยู่ที่ตำหนักเสินอ๋องหรือไม่? ลูกคิดว่างานเลี้ยงวันเกิดจะได้ครึกครื้นขึ้นอีกหน่อย ทำไมไม่เชิญปรมาจารย์ท่านนั้นมาร่วมงานด้วยเล่า? ประจวบเหมาะกับที่เสด็จพ่อเคยบอกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนนอกมิใช่หรือ?”ปาถูเอ่อร์จัดการให้ปาหย่าให้สงบลงก่อน จึงวกกลับเข้าสู่จุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาตำหนักเสินอ๋องในครั้งนี้ของตนทันทีเสินอ๋องผู้เฒ่าพยักหน้า “นั่นคือศิษย์น้องของพ่อ พวกเจ้าเรียกเขาว่าอาจารย์อาได้”ปาถูเอ่อร์ได้ยินดังนั้นก็สงสัยท่านผู้นั้นมองปราดเดียวก็รู้ว่าสายพุทธ ส่วนเสด็จพ่อไม่ได้มาจากสายพุทธ เหตุใดคนทั้งสองจึงเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันได้?แม้จะสงสัย แต่ปาถูเอ่อร์ก็ยังสงบปากสงบคำไม่ซักไซ้มากความ เพียงพยักหน้าอย่างเชื่อฟังปาหย่าที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำว่าอาจารย์อาอะไรกัน? ทำไมนางไม่เคยเห็นมาก่อน?เป็นเรื่องที่นางไม่รู้อีกแล้วปาหย่าขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ทันที ชำเลืองมองปาถูเอ่อร์ที่อยู่ด้านล่าง ตัดสินใจว่าจะลองฟังดูอีกหน่อย ให้รู้แน่ชัดเสียก่อนว่าอาจารย์อาอะไรนั่นมีความเป็นมาอย่างไรค่อยว่ากัน“ให้อาจารย์อาของเจ้ามาร่วมงานเลี
เสินอ๋องผู้เฒ่าใช้นิ้วจิ้มหน้าผากนางเบา ๆ บนใบหน้าเหี่ยวย่นเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ พี่รองของเจ้ายังอยู่ที่นี่นะ ต้องการอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถิด อย่ามาอ้อมค้อมวางกับดักพ่อ”สีหน้าของปาถูเอ่อร์ไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อยปาหย่าชำเลืองมองเขาปราดหนึ่ง แล้วกล่าวพร้อมหัวเราะคิกคัก “ลูกอยากได้อะไรเสด็จพ่อยังไม่รู้อีกหรือเพคะ? นึกว่าเมื่อครู่เสด็จพี่อยู่ที่หน้าประตูคงจะได้ยินแล้ว หากเสด็จพี่ยังรักน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองอยู่ละก็ เพียงแค่ยกชายผมเงินผู้นั้นให้เป็นของชดเชยแก่น้องสาวก็สิ้นเรื่อง”คำพูดนี้ช่างน่าขันสิ้นดีต่อให้ปาถูเอ่อร์อารมณ์ดีเพียงใด เวลานี้สีหน้าก็ยังอดขรึมลงไม่ได้เขาเงยหน้ามองปาหย่าที่เกาะติดอยู่ข้างกายเสินอ๋องผู้เฒ่า แล้วเอ่ยถามว่า “น้องหญิงยังจำได้หรือไม่ที่เมื่อครู่พี่บอกว่า อีกสองวันจะเป็นวันเกิดของพี่?”ปาหย่าย่อมจำได้แน่นอนนางรู้สึกว่าปาถูเอ่อร์กำลังถามคำถามไร้สาระนางหาใช่คนสมองไม่ดีที่ผ่านไปครู่เดียวก็ลืมเสียเมื่อไหร่ จะจำเรื่องที่เพิ่งคุยไปไม่กี่คำก่อนหน้านี้ไม่ได้หรืออย่างไร?ด้วยความเห็นแก่หน้าของเสินอ๋องผู้เฒ่า ปาหย่าย่อมไม่ด่าออกมาตรง ๆ เพียงแต่แสร้งยิ้มแล้วกล่







