Share

บทที่ 123

Author: จิ้งซิง
“ท่าน...อึก! เวินจื่อเฉิน...พู่! ข้า...ข้าเอาท่านตายแน่!”

ชุยเส้าเจ๋อก็ถูกต่อยตีจนอดรนทนไม่ไหวเช่นกัน หลังจากฉวยโอกาสตะเกียกตะกายขึ้นมาได้ ก็เปิดฉากตอบโต้กลับทันที

ชายกำยำทั้งสองเริ่มวางมวยกันที่หน้าประตูใหญ่ของจวนเจิ้นกั๋วกง

เวินฉางอวิ้นและคนอื่น ๆ พยายามห้ามแต่ก็ห้ามไม่อยู่

สุดท้ายก็ต้องเรียกคนออกมา องครักษ์เจ็ดถึงแปดนายเข้าไปพร้อมกัน ขวางไว้ฝั่งละคน ถึงจับพวกเขาแยกออกจากกันได้ในที่สุด

กระนั้น ทั้งสองก็ยังคงมีท่าทีอยากจะกัดกันจนตายไปข้าง

เวินฉางอวิ้นกุมหน้าผากด้วยความปวดหัว

คุณชายรองแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงผู้สูงศักดิ์ วิวาทกับซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหวกันข้างถนน ใช้ไม่ได้จริง ๆ

“ใครก็ได้ พาจงหย่งโหวซื่อจื่อกลับไปส่งเดี๋ยวนี้!”

ก่อนที่องครักษ์จะพาเขาไปส่ง เวินฉางอวิ้นยังกำชับอีกครั้งว่า “หากท่านอาหญิงกับท่านอาถามเข้า พวกเจ้าก็บอกพวกเขาว่ามันเกี่ยวพันถึงอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน หากยังดึงดันซักไซ้ ก็ให้พวกเขามาถามท่านพ่อ”

“ขอรับ”

หลังจากที่ชุยเส้าเจ๋อถูกพาตัวไป เวินฉางอวิ้นก็มองไปที่น้องชายตัวแสบอีกคน นึกถึงปัญหาที่เขาก่อขึ้นจากการทะเลาะวิวาทในช่วงนี้ แล้วออกคำสั่งด้วยความโกรธเกรี้ยว

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Kobki Katiya
ขอโทษช้าไปแล้วไอ้โง่
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 124

    หลังผ่านคืนนั้นมา เวินจื่อเฉินก็เฝ้าอยู่ในโถงบรรพชนเป็นเวลาสิบกว่าวันเต็ม ๆไม่ว่าจะเป็นเวินเยวี่ย เวินฉางอวิ้น หรือเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นบิดาของพวกเขาจะไปเรียก เขาก็ไม่ยอมออกมาเวินฉางอวิ้นยังนึกว่าตนลงโทษหนักเกินไป ทำร้ายความเคารพในตัวเองของน้องรองเข้าแล้วแต่เมื่อถามเขา เวินจื่อเฉินก็พูดเพียงว่า “พี่ใหญ่ ไม่ใช่ปัญหาของท่าน แต่เป็นตัวข้าเอง ข้าแค่อยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียวสักพัก”ต่อมา เวินฉางอวิ้นและคนอื่น ๆ ก็ไม่ไปรบกวนเขาอีกเพียงแต่ว่าในวันที่สาม ได้นำข่าวไปแจ้งแก่เวินจื่อเฉิน...ชุยเส้าเจ๋อถูกคนทุบตีอีกแล้วซ้ำยังเกิดขึ้นภายในจวนจงหย่งโหวอีกด้วย ถูกคนจับคลุมกระสอบลากออกไปทุบตีตอนที่พบเห็น ชุยเส้าเจ๋อก็ถูกตีจนร่อแร่แล้ว นอนอยู่ในตรอกโดยมีบาดแผลทั่วร่างกายสิ่งที่ทำให้รู้สึกขำขันที่สุดก็คือ ไม่รู้เช่นกันว่าโจรนั้นจงใจหรือไม่ ที่ทุบตีจนฟันของชุยเส้าเจ๋อหลุดออกไปอีกหลายซี่ ตอนนี้ปากของเขาพูดจาอะไรก็มีลดออกมาหมดเมื่อจงหย่งโหวและเวินหย่าลี่รู้เรื่องเข้า ก็เกือบจะสงสัยว่าเป็นฝีมือของเวินจื่อเฉินหรือไม่เพราะเขาเพิ่งต่อยชุยเส้าเจ๋อจนฟันหลุดไปสองซี่ ผลปรากฏว่าอีกสองวันต่อมาชุยเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 125

    สีหน้าของจงหย่งโหวแข็งทื่อทันที ก่อนจะรีบหัวเราะกล่าวว่า “ฝีมืออะไรที่ไหนกัน แค่ได้ชาดี ๆ มาหลายกระป๋องเมื่อไม่กี่วันก่อน ถ้าท่านอ๋องชื่นชอบ เดี๋ยวข้าจะให้คนเอาไปส่งให้ท่านที่จวนท่านอ๋อง”ชาถูกส่งให้ท่านแล้ว ตัวท่านก็ไม่จำเป็นต้องมาแล้ว!จงหย่งโหวไม่คิดจะคบค้าสมาคมกับอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้นี้สักนิดประการที่หนึ่งเพราะทางฝั่งจวนเจิ้นกั๋วกงและเป่ยเฉินหยวนเดิมทีก็ไม่ค่อยลงรอยกันอยู่แล้ว ประการที่สองเขามักจะรู้สึกว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้นี้ทุกครั้งที่มาเยี่ยมเยียนล้วนมาด้วยเจตนาร้ายคราวก่อนเป็นเช่นนี้ คราวนี้สัญชาตญาณของเขาบอกว่า ก็ยังต้องเป็นเช่นนี้!เขารู้ได้อย่างรวดเร็วตามคาด ตนเองนั้นคาดเดาถูกจริง ๆ“แบบนี้ไม่ค่อยดีกระมัง?”เป่ยเฉินหยวนมองไปที่น้ำชาในถ้วยชาที่อยู่ในมือ พลางถามด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “ถ้าเกิดคล้อยหลังไปฮูหยินของท่านวิ่งมาถึงหน้าประตูของจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน บอกว่าข้าเป็นคนขโมยใบชาของท่านไป จะเกิดความเข้าใจผิดกันยกใหญ่”จงหย่งโหวที่ฟังออกว่าคำพูดของเขามีความหมายอื่นแฝงอยู่หนังตากระตุกทันทีเขาฝืนยิ้ม แสร้งทำเป็นถามด้วยความไม่เข้าใจ “เหตุใดท่านอ๋องถึงพูดเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 126

    จงหย่งโหวมีหรือจะไม่รู้ว่าภรรยาของเขาคนนี้เป็นคนอย่างไร?กับคนอื่นยังดี แต่พอกับหลานสาวคนนั้นของนาง ก็มักจะพูดจาเหน็บแนมจนสุดจะบรรยายจงหย่งโหวก็รู้สึกจนปัญญากับเรื่องนี้เช่นกันเมื่อก่อนยังคิดว่าหากเด็กสองคนหมั้นหมายกัน ก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่ดี ดังนั้นในระหว่างนั้นเขายังเคยประนีประนอมอยู่หลายครั้งเพียงแต่ในพิธีปักปิ่นในเวลาต่อมา การหมั้นหมายได้ถูกยกเลิก จงหย่งโหวก็ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องเหล่านี้อีกต่อไปแต่ไม่นึกว่าแค่สองครั้งที่ไม่ยุ่งเกี่ยว นังหนูคนนั้นก็มีคนอื่นมาช่วยนางแล้วยังเป็นเป่ยเฉินหยวนที่มาหาถึงหน้าประตูด้วยตัวเองถ้าไม่มีปัญหาอะไรในนั้นจริง ๆ เกรงว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่ยุ่งอยู่กับงานปกครองมากมายท่านนี้จะไม่มีทางปรากฏตัวขึ้นที่นี่แน่จงหย่งโหวสูดหายใจเข้าลึก ๆ รวดเดียว “เจ้าหยุดก่อน เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ายาหยกหิมะสามขวดนั้นถูกธิดาศักดิ์สิทธิ์เอาไป?”เวินหย่าลี่ที่ยังไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องราวได้กล่าวอย่างคิดว่าต้องเป็นเช่นนั้น “หลายวันนั้นนางกับไอ้แก่...กับอาจารย์ของนางมาที่จวนจงหย่งโหวของเรา ถ้าไม่ใช่พวกนางขโมยไปแล้วจะเป็นใครได้อีกเล่า?”ภายใ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 127

    เมื่อฟังมาถึงประโยคสุดท้าย จงหย่งโหวก็หลับตาลงทันทีธิดาศักดิ์สิทธิ์อยู่ในระดับเดียวกับองค์หญิงกล่าวคือ การใส่ร้ายธิดาศักดิ์สิทธิ์เทียบเท่ากับการใส่ร้ายองค์หญิง ไม่อาจลดหย่อนโทษได้เขาอดทอดถอนใจอยู่ในใจไม่ได้ เห็นทีคราวนี้จะหนีไม่พ้นจริง ๆ แล้วเป่ยเฉินหยวนบอกว่าจะสืบก็สืบเลยกองทัพธงดำที่เขาพาได้ปิดล้อมจวนจงหย่งโหวทั้งหมดไว้โดยตรงเวินหย่าลี่ไม่คาดคิดว่าเป่ยเฉินหยวนจะทำให้เรื่องราวใหญ่โตถึงเพียงนี้ความสับสนพรั่งพรูอยู่ในส่วนลึกภายในใจของนางจนไม่อาจบรรยาย “พวกท่านคิดจะทำอะไร ที่นี่คือจวนจงหย่งโหว ต่อให้ท่านเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ก็ไม่สามารถข่มเหงจวนจงหย่งโหวของเราเช่นนี้กระมังเพคะ?!”“ไม่สามารถข่มเหงจวนจงหย่งโหวของพวกท่าน ไม่อย่างนั้นตอนนี้ท่านก็เขียนจดหมายสักฉบับ ไปเรียกเจิ้นกั๋วกงผู้เป็นพี่ชายของท่านมาด้วยไหม?”เป่ยเฉินหยวนชำเลืองมองนางแวบหนึ่งสายตาเย็นเยียบทำให้เวินหย่าลี่รู้สึกเกรงกลัวอย่างไม่มีขอบเขตนางกัดฟันอย่างฝืนใจ “เขียนก็เขียน หม่อมฉันจะเรียกพี่ชายของหม่อมฉันมา!”จงหย่งโหวไม่อยากพูดอะไรแม้เพียงสักคำพอดีกัน อันที่จริงหากวันนี้จวนจงหย่งโหวของพวกเขาโชคร้าย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 128

    นั่นคือยาหยกหิมะสามขวดเต็ม ๆต่อให้เขาต้องการนำไปง้อเวินเยวี่ย อย่างน้อยก็ควรทิ้งไว้ให้มารดาอย่างนางสักขวดสิเมื่อใดที่เวินหย่าลี่นึกถึงว่ายาหยกหิมะมากมายขนาดนั้น ตัวเองยังไม่ได้ใช้เลยสักนิด ก็ถูกลูกชายนำไปให้คนอื่นทั้งหมด นางก็เจ็บปวดหัวใจสุดขีดเวินหย่าลี่รู้ว่าลูกชายชอบเวินเยวี่ย แต่ไม่นึกว่ายังไม่ทันได้แต่งงานเข้ามาด้วยซ้ำ ลูกชายตัวเองก็เริ่มแอบช่วยคนนอกหลอกแม่แท้ ๆ แล้วเวินหย่าลี่รู้สึกโกรธอยู่ในใจ แต่ต่อให้โกรธแล้วใครใช้ให้เป็นลูกชายแท้ ๆ ของนางเล่า“ไม่นึกเลยจริง ๆ ที่แท้ก็เป็นเจ้าเด็กนั่น ต้องขอบคุณท่านอ๋อง ในเมื่อสืบสวนกระจ่างแล้ว ที่เหลือก็มอบหมายให้พวกหม่อมฉันก็แล้วกัน ท่านวางใจได้ หม่อมฉันจะสั่งสอนบทเรียนให้เจ้าเด็กนั่นอย่างเต็มที่แน่นอนเพคะ”เป่ยเฉินหยวนเหลือบมองนางด้วยรอยยิ้มที่ดูเสแสร้ง “ท่านสั่งสอนหรือ?ท่านคิดจะสั่งสอนอย่างไร?”เวินหย่าลี่ที่ลงมือตีลูกชายของตัวเองไม่ลงย่อมพูดเพียงว่า “ก็ลงโทษให้เขาคุกเข่าในโถงบรรพชนดีไหมเพคะ?”“ได้สิ”เป่ยเฉินหยวนตอบตกลงอย่างเหนือความคาดหมายเวินหย่าลี่ฉีกยิ้มด้วยความดีใจอีกครั้งทันที นางว่าแล้ว ต่อให้เป็นท่านอ๋องก็เถอะ จะไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 129

    “พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!”ทันทีที่เวินหย่าลี่เห็นเวินเฉวียนเซิ่ง ก็ร้องไห้ออกมาด้วยความคับข้องใจทันที “ถ้าท่านยังไม่มาอีก น้องสาวของท่านรวมถึงหลานชายของท่านกำลังจะถูกตาแก่สารเลวชุยเหลียงเฟิงข่มเหงรังแกแล้ว!”“พูดจาเลอะเทอะอะไร”เวินเฉวียนเซิ่งตำหนิเวินหย่าลี่ก่อนคำหนึ่ง “ตาแก่สารเลวอะไรกัน เหลียงเฟิงเป็นสามีของเจ้า เจ้าเป็นฮูหยินจงหย่งโหวมานานหลายปีแล้ว ยังไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ให้สุขุมขึ้นบ้าง”“พี่ใหญ่ ท่านมาช่วยข้าจริงหรือเปล่า?”เวินเฉวียนเซิ่งชำเลืองมองนางอย่างเฉยชา เวินหย่าลี่มีอะไรจะพูดก็ไม่กล้าพูดทันที“ข้ามาช่วยเจ้า แต่จะไม่ปล่อยให้อารมณ์ของเจ้าเป็นใหญ่”พูดจบประโยคนี้ เวินเฉวียนเซิ่งถึงหันไปมองจงหย่งโหว“เหลียงเฟิง น้องสาวของข้าถูกเลี้ยงดูตามใจมาตั้งแต่เด็กในจวนเจิ้นกั๋วกง เจ้าแต่งงานกับนางมาหลายปีแล้ว ควรจะเข้าใจและยอมรับนิสัยใจคอของนางได้แล้ว ทำไมวันนี้ถึงทนไม่ไหวขึ้นมาเล่า? จะให้นางที่อยู่ในฐานะฮูหยินจงหย่งโหวไปก้มหัวขอโทษคนอื่นหรือ?”จงหย่งโหวทำเสียงยิ้มเยาะหากเป็นวันอื่นทั่วไป เขาอาจจะไว้หน้าเวินเฉวียนเซิ่งอยู่บ้างแต่ในวันนี้ เขาทำให้ไม่ได้“คนอื่นหรือ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 130

    เวินเฉวียนเซิ่งมองไปทางจงหย่งโหวด้วยความไม่พอใจเวลานี้จงหย่งโหวกลับสงสารเด็กคนนั้น “ถ้าไม่ใช่เพราะปกติท่านปล่อยปละละเลย นังหนูเวินซื่อจะกลายเป็นคนอย่างในวันนี้ได้อย่างไร?”“นางเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของท่าน แต่ว่าเจิ้นกั๋วกง ท่านเริ่มปฏิบัติกับนังหนูไม่เหมือนลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองตั้งแต่เมื่อใด? แค่ลูกสาวบุญธรรมคนหนึ่ง ยังเป็นที่โปรดปรานมากกว่าบุตรภรรยาเอกเสียอีก ทั้งหมดเป็นเพราะเจิ้นกั๋วกงลำเอียงเข้าข้าง หรือว่ามีเรื่องอะไรที่บอกใครไม่ได้?!”“ท่านพ่อ!”“ชุยเหลียงเฟิง!”ทั้งเวินหย่าลี่และชุยเส้าเจ๋อสองแม่ลูกไม่คิดว่าเขาจะพูดจาเช่นนี้ออกมาต่อหน้าเวินเฉวียนเซิ่งเพราะเวลาปกติ จงหย่งโหวไม่เคยแสดงความเดือดดาลต่อคนของจวนเจิ้นกั๋วกงเลยสักนิดบัดนี้เขามาคาดคั้นเวินเฉวียนเซิ่งเพราะเวินซื่อจริง ๆเวินหย่าลี่หวังว่าพี่ใหญ่จะคอยหนุนหลังนาง แต่นางก็ไม่อยากให้เกิดการโต้เถียงระหว่างสามีของตนกับพี่ใหญ่เพราะถึงอย่างไรตอนนี้นางก็เป็นฮูหยินจงหย่งโหว คนที่นางต้องการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตก็ต้องเป็นสามีของนางอยู่แล้วเวินหย่าลี่รีบดึงจงหย่งโหวไว้ “ท่านพี่ ท่านหยุดพูดเถอะ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 131

    ยามเวินซื่อได้รับข่าวนางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ“นางจะมาไม้ไหนอีก?”เวินซื่อรู้ดีว่าเวินหย่าลี่เป็นคนเช่นไร ครั้งที่แล้วนางพ่ายแพ้กลับไปจากอารามสุ่ยเยว่ ไม่มาหาเรื่องตนอีกก็ดีเท่าใดแล้ว จะยอมมาขอขมานางได้อย่างไร?เวินซื่อลูบคางพร้อมครุ่นคิด “ศิษย์พี่หญิง ยังมีผู้ใดติดตามฮูหยินจงหย่งโหวมาหรือไม่?”“มี เป็นชายวัยกลางคนท่านหนึ่งที่สวมชุดขุนนาง แล้วยังมีชายหนุ่มรูปงามอีกคน” สวมชุดขุนนางหรือ ซ้ำยังยอมมาเป็นเพื่อนเวินหย่าลี่ หากไม่ใช่เวินเฉวียนเซิ่งก็คงเป็นจงหย่งโหวครั้งที่แล้วเวินเฉวียนเซิ่งเคยมาที่นี่แล้ว ซ้ำยังหน้าหงายกลับไปภายในเวลาอันสั้นคนผู้นั้นไม่น่าจะมาอีกดังนั้นผู้มาเยือนอาจเป็นจงหย่งโหวส่วนอีกคนที่เหลือคงเป็นชุยเส้าเจ๋ออย่างไม่ต้องสงสัยพวกเขามากันทั้งครอบครัว ตกลงอยากทำสิ่งใดกันแน่?หลังเวินซื่อขมวดคิ้ว นางวางคัมภีร์ในมือลง “เช่นนั้นข้าจะออกไปดูสักหน่อย”“ศิษย์น้องหญิงไม่ต้องกลัว ข้าจะไปพร้อมเจ้า”เมื่อได้ยินว่านางจะออกไป ศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่ที่ชอบไปมาหาสู่กับนางเอ่ยทันควัน“ศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่วางใจ ครั้งนี้ไม่น่าจะมีเรื่องอะไร”เวินซื่อเอ่ยพร้อมยิ้ม“เช่นนั้

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status