แชร์

บทที่ 146

ผู้เขียน: จิ้งซิง
“นั่นคือเวินซื่อคุณหนูห้าแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงในอดีตมิใช่หรือ?”

“ใช่แล้ว นางนั่นแหละ แต่ตอนนี้นางไม่ใช่คุณหนูห้าอะไรนั่นแล้ว แต่เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งด้วยตัวเอง”

“ธิดาศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน ก็แค่แม่ชีคนหนึ่งเท่านั้น”

“เบาๆ หน่อย ถึงจะเป็นแม่ชี ก็เป็นแม่ชีที่พวกเราจะไปยั่วยุไม่ได้”

“ไม่รู้จริงๆ ว่าฝ่าบาททรงคิดอะไรอยู่ เหตุใดถึงได้แต่งตั้งเด็กสาวที่ใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์”

“ข้าว่าก็ดีนะ อย่างน้อยพิธีขอพรคราวก่อนก็ดูสมจริงสมจังดี”

“ดูสมจริงสมจังตรงไหน? ก็แค่หน้าตางดงามเท่านั้น หากพูดถึงจิตใจดีงาม เวินซื่อเทียบน้องสาวนางไม่ได้เลยสักนิด”

“จิ๊ ให้คนแบบนี้มาสวดขอพรให้บ้านเมืองช่างเป็นลางร้ายจริงๆ เจ้าว่าใช่หรือไม่ ฉีเซิ่ง?”

คนที่พูดนั้นโผล่ศีรษะออกมาจากรถม้า แล้วมองไปทางเวินซื่อและคนอื่นๆ พูดไปพลาง แสดงสีหน้ารังเกียจไปพลาง

แต่ในเวลานี้ รถม้าของสกุลฉีที่จอดอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่ยื่นออกมาจากข้างใน “เพียะ” ฟาดเข้าที่หน้าผากของเขา

คุณชายที่โดนตบจนมึนงง เงยหน้ามองไปยังฝั่งตรงข้าม “ฉีเซิ่งเจ้าตบข้าทำไมกัน?”

ฉีเซิ่งจ้องเขาเขม็ง

“ปากเหม็นขนาดนี้ ก็ไม่ร
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 147

    “ใคร?”ฉีเซิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเบิกตากว้างทันที “อย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือของชุยเส้าเจ๋อ?”“ใช่แล้ว! เป็นเจ้าหมอนั่นแหละ ได้ยินมาว่าเขาขโมยเองแล้วยังไม่ยอมรับ แถมยังใส่ร้ายเวินซื่อ!”คุณชายคนนั้นส่งเสียง “จุ๊ๆ ” สองที “ตอนแรกข้ายังไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ดูท่าจะเป็นเรื่องจริงแปดเก้าส่วนแล้ว”ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ได้ยินเสียงด่าทอดังมาจากรถม้าฝั่งตรงข้าม“ชุยเส้าเจ๋อไอ้คนสารเลว!”ก่อนหน้านี้ ฉีเซิ่งมักจะอยู่กับชุยเส้าเจ๋อบ่อยๆ เขาคิดว่าตัวเองก็ยังพอรู้จักชุยเส้าเจ๋ออยู่บ้างแต่หลังจากครั้งที่แล้วที่ได้ยินชุยเส้าเจ๋อพูดแบบนั้นที่จวนเจิ้นกั๋วกง ความเข้าใจที่เขามีต่อชุยเส้าเจ๋อก็เปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดว่า ซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหวผู้สูงศักดิ์จะทำเรื่องใส่ร้ายคู่หมั้นของตนเองเช่นนี้ได้!ต่อให้ถอนหมั้นไปแล้ว แต่เขากับเวินซื่อก็เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่เติบโตมาด้วยกันเขาไม่เพียงแต่ดูถูกนาง ยังทำลายชื่อเสียงของนางอีก ช่างทำกันเกินไปแล้วจริงๆ!ฉีเซิ่งยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโมโหหลังจากที่รถม้าเข้ามาในวังแล้ว เขาก็รีบลงจากรถแล้ววิ่งไปหาชุยเส้า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 148

    การที่เวินเฉวียนเซิ่งมาหานางในวันนี้ เวินซื่อคาดการได้แต่แรกแต่นางนึกไม่ถึงว่าบิดาที่หนักแน่นมาโดยตลอดของนางผู้นี้ ก็มีวันที่ร้อนรนเช่นนี้เหมือนกันเพิ่งมาถึงวังหลวง ก็รีบเป็นฝ่ายมาหาทันทีม่อโฉวซือไท่หันมองนางตั้งแต่แรก “ให้อาจารย์ออกไปรับมือหรือไม่?”“ข้ารู้ว่าเขามาหาข้าเพื่อสิ่งใด ไม่ต้องรบกวนอาจารย์เจ้าค่ะ”เวินซื่อยิ้ม พร้อมเอ่ยกับม่อโฉวซือไท่“ดี จำสิ่งที่อาจารย์พูดกับเจ้าเอาไว้ให้ดี”หลังจากเวินซื่อพยักหน้า จึงก้าวออกไปตามนางกำนัลเวินเฉวียนเซิ่งรออยู่ตรงหัวมุมของตำหนักที่อยู่ไม่ไกลนักเมื่อเห็นเวินซื่อออกมา เขาไม่ขยับ เพียงแต่รอให้เวินซื่อเดินมาหาแต่น่าเสียดายที่เวินซื่อไม่ได้ทำในสิ่งที่เขาหวัง หลังจากกวาดมองจุดที่เขายืนอยู่ ก็ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าตำหนักด้านข้าง ซ้ำเอ่ยถามเขาจากไกล ๆ “ในเมื่อใต้เท้าเจิ้นกั๋วกงต้องการพบข้า เหตุใดจึงไม่เข้ามาใกล้?”เวินเฉวียนเซิ่งที่ได้ยินดังนั้นประหลาดใจเล็กน้อยเขานึกไม่ถึงว่าเวลาผ่านไปเพียงสองเดือน บัดนี้ลูกสาวของเขาคนนี้ระแวงเขาถึงเพียงนี้เชียวหรือหลังจากหยุดไปสักครู่ เวินเฉวียนเซิ่งทำท่าเอามือไพล่หลัง ค่อยก้าวเข้าไปหาเวินซ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 149

    สิ่งที่นางต้องการ นางเอาคืนได้เองเวินเฉวียนเซิ่งมองดูแผ่นหลังของนางที่หายไปอย่างรวดเร็วหลังจากเดินเข้าตำหนักหลังจากยืนอยู่ที่เดิมสักครู่ เขาหันหลังไปจากที่นั่นทันทีแล้วกลับไปตรงหัวมุมอีกครั้ง องครักษ์ลับที่ซ่อนอยู่ตรงนั้นจึงปรากฏตัว“ใต้เท้า”เวินเฉวียนเซิ่งยกมือขึ้น “ไม่ต้องเฝ้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้ารีบไปที่อารามสุ่ยเยว่ แล้วไปค้นที่พักของเวินซื่อและม่อโฉวให้ดี ดูสิว่าจะเจอยาถอนพิษหรือไม่”“ขอรับ”หลังจากองครักษ์ลับจากไป เวินเฉวียนเซิ่งหัวเราะเสียงต่ำ“จื่อจวินนะจื่อจวิน ลูกสาวเจ้าคนนี้เหมือนเจ้าไม่มีผิด ช่างใจร้ายใจดำ”“แต่ว่า อยากให้ข้าเวินเฉวียนเซิ่งก้มหัวคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”หนำซ้ำยังเป็นเพียงลูกชั่วคนหนึ่งจากนั้นเวินเฉวียนเซิ่งสะบัดแขนเสื้อ แล้วจากไปอย่างใจเย็นหลังเขาจากไป จู๋เยวี่ยนำสิ่งที่ได้ยินกลับไปบอกเวินซื่อเวินซื่อยิ้มเย็น “เป็นไปตามคาด ตั้งแต่แรกเขาก็ไม่เคยคิดจะหารือกับข้าโดยดี”หากเมื่อครู่นางเดินไปหาเวินเฉวียนเซิ่งจริง เกรงว่าองครักษ์ลับคนนั้นของเขาคงลงมือทันทีในเมื่อข่มขู่กันได้โดยตรง เหตุใดยังจำเป็นต้องเจรจาหารือกันอีก?สิ่งที่เวินเฉวียนเซิ่งคิดไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 150

    เมื่อเวินเยวี่ยเอ่ยปาก ดึงความสนใจของทุกคนในงานเลี้ยงทันทีทั้งสงสัยบ้าง อยากดูฉากเด็ดบ้าง สายตาของแต่ละคนหันมองเวินซื่อเพราะบุคคลที่ช่วงก่อนกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ดุเดือดในเมืองหลวง ยามนี้มาอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้วเวินเยวี่ยถือจอกเหล้าเดินเข้ามา “ตอนนี้พี่หญิงจากบ้านไปสองเดือนเศษ ในใจคงมีความคิดถึงอย่างมากสินะ?”เวินซื่อเอ่ยเสียงเรียบ “น่าเสียดาย ไม่มีเลย”เวินเยวี่ยป้องปากหัวเราะทันที จากนั้นจงใจนั่งลงข้างกายเวินซื่อ อาศัยจังหวะที่ป้องปากเหน็บแนมเสียงต่ำ “พี่หญิงอย่าปากแข็งอีกเลย ดูสิท่านจากไปไม่นาน ทั้งสกุลเวินก็กลายเป็นของข้าแล้ว ตอนนี้ท่านพ่อมีข้าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว พวกพี่ชายก็มีข้าเป็นน้องสาวเพียงคนเดียว”“ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อก่อนข้าอยากให้ท่านไสหัวออกจากสกุลเวินมากเพียงใด จะได้ไม่ขัดหูขัดตาข้า แต่น่าเสียดายที่เมื่อก่อนท่านมักไม่รู้จักกาลเทศะ จนกระทั่งเมื่อสองเดือนก่อนท่านก็ฉลาดขึ้นมากะทันหัน”ทันใดนั้นน้ำเสียงของเวินเยวี่ยเปลี่ยนเป็นมีเลศนัย นางกดบ่าของเวินซื่อ ยิ้มแล้วเอ่ยถาม “พี่หญิงคนดี ท่านบอกข้าได้หรือไม่ ว่าใครเป็นคนสอนวิชาให้ท่าน?”เวินซื่อเลิกคิ้วเล็กน้อยดูท่าเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 151

    มิหนำซ้ำหลังจากที่เวินซื่อพูดจบ ยังเลิกคิ้วขึ้น แล้วยังมองเวินเยวี่ยด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามในนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ยั่วยุราวกับกำลังตอบสนองต่อการกระทำก่อนหน้านี้ของเวินเยวี่ย“เวินซื่อ! เจ้าพอได้แล้ว!”ผู้คนจากจวนเจิ้นกั๋วกงกำลังจะเอ่ยปาก แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีคนที่เร็วกว่าพวกเขาชุยเส้าเจ๋อในฐานะผู้คุ้มกันอันดับหนึ่งของเวินเยวี่ย จ้องมองเวินซื่ออย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าขึ้นเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็จะสามารถดูหมิ่นน้องหญิงเยวี่ยเอ๋อร์ได้ตามอำเภอใจ! มีข้าอยู่ที่นี่ เจ้าอย่าได้คิดจะข่มเหงนาง!”ทว่าทันทีที่สิ้นเสียงของเขา คนที่นั่งอยู่ข้างหลังเขาก็ยื่นมือออกมาโอบรอบคอของเขาไว้โดยพลันฉีเซิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ “ข้าว่านะชุยเส้าเจ๋อ แม่นางทั้งสองกำลังพูดคุยกัน เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยเล่า?”ก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มฉีเซิ่งที่มองหาชุยเส้าเจ๋ออยู่พักหนึ่งก็ไม่พบ เดิมทีตั้งใจจะเผชิญหน้ากับเจ้าคนนี้หลังจากงานเลี้ยงจบลงแต่ไม่คิดว่างานเลี้ยงยังไม่ทันเลิกเลย ก็มีบางคนกระโดดออกมาเต้นเร่า ๆ ก่อนฉีเซิ่งย่อมก้าวออกมาโดยไม่ลังเล เพื่อคุมชุยเส้าเจ๋อไว้ “มีอะไรจะพูดเจ้าสามารถพูดกับข้าไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 152

    “สวรรค์! เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?”“ข้าว่าแล้วทำไมถึงรู้สึกว่าวันเกิดของเวินซื่อปีนี้ดูไม่ชอบมาพากล ที่แท้วันนั้นไม่ใช่วันเกิดของนางจริง ๆ!”“แล้วเป็นวันเกิดของใครกัน?”“มีบุตรสาวแค่สองคน จะเป็นใครได้เล่า?”“ซี้ด! ดูเหมือนว่าจะพบความลับบางอย่างที่สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วหล้า!”“หึๆ ที่แท้พี่สาวไม่ใช่พี่สาว น้องสาวไม่ใช่น้องสาว ละครเรื่องนี้ของจวนเจิ้นกั๋วกงสนุกครบรสจริง ๆ”“อะไรนะ อะไรนะ? หมายความว่าอย่างไรกันแน่? ทำไมข้าดูเหมือนจะฟังไม่เข้าใจ?”ยังมีคนไม่เข้าใจ จึงรีบสอบถามจากคนอื่นคนที่เข้าใจแล้วต่างก็แสร้งทำเป็นฉลาดลุ่มลึก ต่างไม่พูดจา แต่กลับมองไปทางเวินเฉวียนเซิ่งทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจในขณะนี้สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งบึ้งตึงดำทะมึน เขาลุกพรวดขึ้น พลางก้าวสวบ ๆ เข้าไปหา แล้วคว้าเวินจื่อเยวี่ยไว้เวินจื่อเยวี่ยถูกดึงจนสะดุดล้มลงชั่วขณะ เมื่อหันกลับมาเวินเฉวียนเซิ่งย่อมไม่พลาดท่าทางเหม่อจากสายตาของเขาอยู่แล้ว“ดี ดี เวินซื่อ เจ้าเก่งมากจริง ๆ”จนป่านนี้หากยังมองไม่ออกว่าลูกชายคนที่สามของตัวเองตกหลุมพรางเหมือนกับลูกชายคนที่สี่แล้วล่ะก็ เวินเฉวียนเซิ่งคงใช้ชีวิตมาถึงหลายสิบป

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 153

    แต่ถึงกระนั้น เวินเฉวียนเซิ่งก็มั่นคงดุจขุนเขาไท่ซาน“ร้อนใจอะไรกัน นั่งลงก่อน”ภายใต้แรงกดดันจากสายตาของเวินเฉวียนเซิ่ง เวินเยวี่ยทำได้เพียงข่มความกังวลไว้ แล้วรีบนั่งลงต่อมาเวินเฉวียนเซิ่งก็ได้ส่งเวินจื่อเยวี่ยให้กับลูกชายคนโต “วันนี้เจ้าสามไม่ค่อยสบาย เจ้าใหญ่ เจ้าช่วยพาเขากลับไปก่อนแล้วคอยดูไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้เขาเพ่นพ่าน”แม้ว่าเวินฉางอวิ้นจะมีข้อสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ยังรับปากแต่โดยดี “ขอรับ ท่านพ่อ”หลังจากที่เวินฉางอวิ้นพาเวินจื่อเยวี่ยไปแล้ว เวินเฉวียนเซิ่งถึงพูดกับเวินเยวี่ยอย่างเฉยชา “หากยังไม่มีหลักฐานอย่างแท้จริง ทุกอย่างก็เป็นเพียงการเดาที่ไม่มีมูล ตั้งสติให้ดี จะได้ไม่ถูกรบกวน”เมื่อเข้าใจแล้วเวินเยวี่ยก็กระจ่างในทันทีถูกต้อง ต่อให้เวินซื่อจะเปิดเผยวันเกิดของนางออกมาแล้วจะเป็นไรไป ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานที่แน่นอน นางก็ยังคงเป็นบุตรสาวบุญธรรมของจวนเจิ้นกั๋วกงอยู่!พูดแบบนี้ก็จริง แต่เวินเยวี่ยมีหรือจะยอมเป็นเพียงบุตรสาวบุญธรรมเท่านั้น?นางกัดฟัน แล้วแอบจ้องเขม็งใส่เวินซื่อทั้งหมดนี้ต้องโทษนางสารเลวนั่น ขัดหูขัดตามากขึ้นทุกวันจริง ๆเวินอวี้จือและเวินจื่อเยวี่ยก็

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 154

    “อะไรคือเกิดไมตรีจิต?! ชุยเส้าเจ๋อ เจ้าอย่าเอาแต่อ้าปากก็ดูถูกความบริสุทธิ์ของผู้อื่น! ตัวเองไม่ได้เป็นคนขาวสะอาด ยังจะมีหน้าไปว่าคนอื่นอีก!”เวินซื่อยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ฉีเซิ่งก็พ่นไฟโทสะใส่ชุยเส้าเจ๋อยกใหญ่แทบจะถ่มน้ำลายรดหน้าเขาอยู่แล้ว“เจ้าพูดอะไรน่ะ?! เจ้าเก่งจริงก็พูดอีกครั้งสิ ใครไม่ได้เป็นคนขาวสะอาด!”“พูดถึงเจ้านั่นแหละ!”เวลานี้ฉีเซิ่งเห็นชุยเส้าเจ๋อแล้วรู้สึกขัดหูขัดตาไปหมด“ทำไมเล่า? ต้องการให้ข้าเปิดเผยอดีตอันน่ารังเกียจของเจ้า ให้ทุกคนฟังว่าก่อนหน้านี้เจ้าแอบลักเล็กขโมยน้อย แล้วยังยัดของกลางใส่ร้ายคนอื่นอย่างนั้นหรือ?”“เจ้าหุบปากซะ!”ชุยเส้าเจ๋อแค่ได้ยินคำพูดนี้ก็รู้แล้วว่าฉีเซิ่งกำลังพูดถึงเรื่องอะไรเขาโกรธจนหน้าแดงขึ้นมาทันใดนึกด่าทออยู่ในใจ ไอ้สารเลวคนไหนกล้าเอาเรื่องของข้าไปพูดข้างนอก!ถ้าให้เขารู้ล่ะก็ เขาจะฉีกคนผู้นั้นให้เป็นชิ้น ๆ แน่!จงหย่งโหวเห็นท่าเด็กสองคนนี้เหมือนกำลังต่อยตีกัน จึงลุกขึ้นเพื่อจะห้ามทัพแต่ปรากฏว่าเพิ่งจะขยับตัวก็ถูกเสนาบดีฉีดึงแขนไว้ “เฮ้อเหล่าชุย แค่เด็ก ๆ วิวาทกันโต้เถียงกันเท่านั้น ผู้ใหญ่อย่างเราจะเข้าไปยุ่งทำไม? ปล่อย

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status