Share

บทที่ 234

Author: จิ้งซิง
“มือสังหารหรือ?”

ฮ่องเต้น้อยทรงเต็มไปด้วยความสงสัย “เหตุใดจึงมีมือสังหารไปที่อารามสุ่ยเยว่เพื่อลอบสังหารท่าน? ใครเป็นคนส่งมา?”

เวินซื่อก้มหน้าลง “อู๋โยวมิกล้าทูลเพคะ”

“มิกล้าทูล?”

ฮ่องเต้น้อยทรงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย การที่ไม่กล้าทูลนั่นแสดงว่ารู้ว่าเป็นใคร

และในเมืองหลวงนี้จะมีสักกี่คนกันที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่กล้าเอ่ยถึง?

ทันใดนั้น ฮ่องเต้น้อยก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

เนื่องด้วยเหตุการณ์ที่จินโจวก่อนหน้านี้ พิธีขอฝนเพียงครั้งเดียวก็บันดาลให้ฝนตกหนักในจินโจว ซึ่งไม่เคยตกมานานถึงสามเดือน

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ หรืออะไรก็ตาม แต่สรุปแล้ว ฝนก็ตกลงมาจริงๆ

เวลานี้ เวินซื่อซึ่งเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิงผู้นี้ได้กลายเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงในใจของชาวเมืองจินโจวแล้ว

ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงของนางจะโด่งดังไปทั่ว แม้แต่ฮ่องเต้น้อยผู้ประทานสมญานามให้เวินซื่อ ก็ยังได้รับเสียงชื่นชมจากราษฎรจำนวนมาก

ทำให้ฮ่องเต้น้อยผู้เยาว์วัยและอ่อนประสบการณ์สามารถครองบัลลังก์ได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น ไร้ผู้ต่อต้าน

และยังได้รับความเชื่อมั่นมากขึ้นในราชสำนัก

แม้แต่เหล่าขุนนางที่เคยคัดค้านเรื่องนี้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
สราลี กิจเจริญศักดิ์กุล
มีออกเป็นหนังสือยังคะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 235

    ตอนนี้เป่ยเฉินหยวนโกรธมากเนื่องจากไปที่จินโจวกับเวินซื่อ ถึงได้รู้ว่ามีอันตรายอยู่รอบๆ ตัวนังหนูคนนี้มากมายเพียงใดดังนั้น วันนี้หลังจากที่ได้ยินจากฝ่าบาทว่าเวินซื่อถูกลอบสังหารอีกครั้ง ปฏิกิริยาแรกของเขาคือต้องเป็นฝีมือของคนจินโจวพวกนั้นแน่ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ชื่อว่าจินซือถู อีกฝ่ายจะต้องกลับมาอีกแน่ๆดังนั้นเป่ยเฉินหยวนจึงเป็นห่วงความปลอดภัยของเวินซื่อมาก“ไม่ได้โกหก!”เวินซื่อรีบอธิบาย “ข้าแค่ไม่อยากรบกวนท่าน...”“เจ้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นการรบกวนข้าหรือ?”เป่ยเฉินหยวนยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีกเขาก้มศีรษะเข้าไปใกล้ๆ ดวงตาเรียวยาวดุจหงส์จ้องมองเวินซื่อด้วยสายตาเป็นประกาย ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความจริงจังอย่างยิ่งเขาเอ่ยขึ้นทีละคำ “อู๋โยว ฟังให้ดี สำหรับข้าแล้ว เรื่องของท่านไม่เคยเป็นการรบกวนเลย”ทันใดนั้น เวินซื่อก็รู้สึกใจสั่นนางจ้องมองเป่ยเฉินหยวนที่อยู่ใกล้นางมากด้วยความตกตะลึงในชั่วขณะนั้น เวินซื่อดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างรางๆ “เพราะฉะนั้น ต่อไปอย่าปิดบังข้าอีกเลย ได้หรือไม่?”น้ำเสียงทุ้มต่ำไพเราะ แฝงไปด้วยความอ่อนโยนและความเด็ดขาด ค่อยๆ กระตุ้นให้เวินซื่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 236

    “ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าเป็นคนของใคร และไม่สนใจว่าพวกเจ้ามาเพราะเหตุใด คืนนี้ เมื่อพวกเจ้าก้าวเข้ามาในอารามสุ่ยเยว่แห่งนี้ ก็เป็นการเริ่มกำหนดวันตายของพวกเจ้าแล้ว”เป่ยเฉินหยวนปักกระบี่เล่มยาวไว้ข้างหน้า ก้มลงมองเหล่าองครักษ์ลับที่ถูกกดลงกับพื้นพวกเขาถูกค้นตัวจนหมด แม้กระทั่งฟันที่ซ่อนยาพิษไว้ ก็ถูกงัดออกมาทีละซี่จนหมด พวกเขาในตอนนี้ ก็เหมือนปลาที่อยู่บนเขียงสายตาเยือกเย็นของเป่ยเฉินหยวนมองไปยังพวกเขาหลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง องครักษ์ลับคนสุดท้ายก็ถูกพามา“ตุบ!”จู๋เยวี่ยผู้มีบาดแผลจากดาบเพิ่มขึ้นบนร่างกาย ลากคนคนหนึ่งที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดออกมาอย่างช้าๆ แล้วโยนเขาไปข้างหน้าองครักษ์ลับทั้งหมดองครักษ์ลับของสกุลเวินต่างรู้จักคนผู้นี้ดี เพราะเขาคือซานเตา องครักษ์ลับคนสนิทที่อยู่ข้างกายเวินเฉวียนเซิ่งแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนไร้ประโยชน์เสียแล้ว“ดีมาก คราวนี้คนครบแล้ว”เป่ยเฉินหยวนกำกระบี่เล่มยาวที่อยู่ในมือแน่น ลุกขึ้นเดินไปอยู่ตรงหน้าของซานเตา“หน้าพระพุทธรูปไม่พึงเห็นเลือด หน้าอารามไม่พึงฆ่าสัตว์ตัดชีวิต”เป่ยเฉินหยวนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ลากตัวไป ฆ่าทิ้งที่จวนเจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 237

    “ไม่มีการเข้าใจผิด เป็นนางอย่างแน่นอน”เวินเฉวียนเซิ่งสีหน้าบูดบึ้งเขาไม่อาจอธิบายเหตุผลเหล่านั้นให้จงหย่งโหวฟังได้ จึงได้แต่ตอบอย่างหนักแน่นเช่นนี้จงหย่งโหวส่ายหน้า “ช่างเถอะ ไม่ว่าจะเข้าใจผิดหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวข้องกับจวนจงหย่งโหวของเราอยู่แล้ว วันนี้ข้ามาเพราะฝ่าบาทมีรับสั่งให้มาเยี่ยมเยียนขุนนางอาวุโสที่ล้มป่วยกะทันหันอย่างท่าน”“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเป็นห่วง”เวินเฉวียนเซิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “แต่ช่วงนี้จวนเจิ้นกั๋วกงมีธุระมากมาย คงมิอาจรั้งท่านให้กินอาหารด้วยแล้ว”จงหย่งโหวได้ยินก็รู้ทันทีว่านี่เป็นการไล่แขกของอีกฝ่ายเขาเพียงแค่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ถึงอย่างไรเขาก็ทำตามที่ฝ่าบาทรับสั่งแล้วส่วนจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ไม่เกี่ยวกับจวนจงหย่งโหวของพวกเขาแล้วจงหย่งโหวคิดเช่นนี้ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งจะกลับมาถึงจวนของตน ก็มีเสียงร้องไห้โหยหวนดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน“น้องเยวี่ยเอ๋อร์! ข้าจะไปหาน้องเยวี่ยเอ๋อร์!”ชุยเส้าเจ๋อร้องไห้โวยวายจะออกไปข้างนอกเวินหย่าลี่ด่าทอด้วยความโมโห “เจ้าจะออกไปทำอะไร?! ท่านพ่อของเจ้าก็ขังเจ้าไว้ในเรือนแล้ว ถ้าตอนนี

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 238

    หลังจากที่จงหย่งโหวเอ่ยคำพูดนั้นแล้ว ก็สะบัดแขนเสื้อหันหลังกลับต้องการจะเข้าห้องแต่ท่าทางเช่นนั้นของเขา กลับไปกระตุ้นเวินหย่าลี่เสียแล้ว“ชุยเหลียงเฟิง หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”จู่ๆ เวินหย่าลี่ก็ตะโกนเรียกชื่อเต็มของเขานางจ้องมองจงหย่งโหวด้วยความไม่พอใจและโกรธเกรี้ยว “ท่านปกป้องนางเด็กสารเลวเวินซื่อนั่น เป็นเพราะในใจท่านยังไม่เคยลืมหลานจื่อจวินใช่หรือไม่?!”ทันใดนั้น สีหน้าของจงหย่งโหวก็มืดมนลงเขาหันกลับมามองเวินหย่าลี่ด้วยสายตาเย็นชา “ข้าบอกเจ้าไปหลายครั้งแล้วว่า ข้ากับจื่อจวินเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็กเท่านั้น”“ถ้าพวกท่านเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็กกัน เช่นนั้นเหตุใดท่านต้องเข้าข้างนางเด็กสารเลวเวินซื่อนั่นด้วย?! ก็เพราะนางเป็นลูกสาวของหลานจื่อจวินใช่หรือไม่?”เวินหย่าลี่ไม่เชื่อเลยสักนิด นางร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้ม “ดูท่าทางที่ท่านปฏิบัติต่อข้า ปฏิบัติต่อลูกชายสิ! ท่านยังกล้าพูดอีกหรือว่าไม่ลืมหลานจื่อจวิน! ท่านยังคิดถึงนางอยู่ชัดๆ ถึงได้ดีกับลูกสาวของนางเช่นนี้!”“ฮือๆๆ ชุยเหลียงเฟิง ท่านมันคนจิตใจโหดเหี้ยม! ในเมื่อท่านไม่ได้ชอบข้า แล้วตอนนั้นท่านแต่งงานกับข้าทำไม?!”เวลานี้ ชุยเส้าเจ๋อที

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 239

    แม้แต่เจิ้นกั๋วกงเวินเฉวียนเซิ่ง ก็ยังให้หลานจื่อจวินให้กำเนิดบุตรให้เขาถึงห้าคนสุดท้ายยังไปมีบุตรนอกสมรสอีกเมื่อเวินหย่าลี่ได้ฟังคำพูดของเขา จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดจริงๆถึงแม้จะไม่รู้ว่าคำพูดของชุยเหลียงเฟิงที่ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับหลานจื่อจวินนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่หลังจากที่แต่งงานกันมา เขาก็ดูเหมือนจะไม่ได้ทำอะไรผิดต่อนางจริงๆเมื่อหาเหตุผลมาแก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้ นางก็บ่นพึมพำออกมา “ตอนนั้นข้าแสดงออกชัดเจนตั้งหลายครั้ง ท่านก็ยังปฏิเสธ ไม่ใช่เพราะหลานจื่อจวินมาหาท่าน ไม่รู้ว่าพูดอะไรกับท่าน ท่านถึงได้ยอมตกลง”“นางไม่ได้พูดอะไร แค่พูดประโยคเดียว”จงหย่งโหวถอนหายใจเวินหย่าลี่ถามขึ้นมาทันที “พูดว่าอะไร?”“ลืมไปแล้ว”จงหย่งโหวไม่อยากพูดนัก รู้สึกว่าถ้าพูดออกไป เวินหย่าลี่ต้องโวยวายใส่เขาอีกแน่ๆแต่ยิ่งเขาไม่พูด เวินหย่าลี่ก็ยิ่งไม่ยอมแพ้ “เช่นนั้นท่านก็ลองนึกดูสิ บอกข้ามาเร็วๆ ว่าหลานจื่อจวินพูดอะไรกับท่านกันแน่?!”“โอ๊ย วุ่นวายจริง ดึกป่านนี้แล้ว ยังจะไม่ให้คนเขานอนอีกหรือ? ดูลูกชายเจ้าสิ เกือบจะหลับไปกับพื้นแล้ว!”“โอ๊ย เส้าเจ๋อ! เจ้าเด็กคนนี้นี

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 240

    “แมลงชีวิต?”เวินซื่อกำลังยุ่งจนเหงื่อท่วมตัว เมื่อได้ยินเสียงนั้นก็เงยหน้าขึ้นมอง “อ้อ ที่แท้ก็เป็นเจ้าหรอกหรือ”หลังจากพูดประโยคนี้จบ นางก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ราวกับมองข้ามจินซือถูโดยสิ้นเชิงเมื่อเห็นนางทำท่าทางไม่กลัวตนเองเลยแม้แต่น้อย จินซือถูก็รู้สึกอัดอั้นขึ้นมาทันที “บอกข้ามาเดี๋ยวนี้! แมลงชีวิตของข้าอยู่ที่ไหนกันแน่ เจ้าเอามันไปซ่อนไว้ที่ไหน?!”เวินซื่อเกลียดที่สุดเวลาที่มีคนมารบกวนตอนที่นางทำงานนางเงยหน้าขึ้นมองจินซือถูด้วยความรำคาญ “เจ้าหมายถึงตะขาบตัวใหญ่นั่นน่ะหรือ? มันอยู่ที่ข้าจริงๆ แต่ทำไมข้าต้องคืนให้เจ้าด้วย?”เวินซื่อถือจอบแล้วหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “ข้าเกือบจะโดนตะขาบพิษของเจ้ากัดตายแล้ว ตอนนี้เจ้ายังกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก ไม่กลัวข้าจะเรียกคนมาฆ่าเจ้าหรือไร?”“เจ้าไม่กล้าหรอก”จินซือถูเชิดคางขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างชาวต่างเผ่าเผยรอยยิ้มเหยียดหยาม “ถ้าเจ้ากล้าเรียกคนมาฆ่าข้า ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจแม่ชีเฒ่าแม่ชีน้อยในอารามนี้ก็แล้วกัน!”“เจ้าเป็นถึงธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้สง่าผ่าเผย ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะทนดูพวกนางเป็นอะไรไปได้ลงคอหรอก!”จินซือถูคิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 241

    เมื่อเดินกลับไปหยิบตะเกียบออกมาอีกครั้ง นางก็เรียกทั้งสองคนนั้นโดยไม่ได้คิดอะไร “เลิกสู้กันได้แล้ว รีบมากินข้าวเร็วเข้า”จู๋เยวี่ยวางมือลงในทันใด แล้วรีบเหาะไปหาเวินซื่อทางด้านนั้นทันทีจินซือถูที่ฉวยโอกาสกำลังจะได้เปรียบอยู่แล้วก็คว้าน้ำเหลวในทันใดจินซือถู “...”ไม่มีใครต่อยตีกับเขาแล้ว เขาจึงต้องเดินตามไปด้วย จากนั้นก็ยืนบนโต๊ะหินอย่างไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง มองไปที่บะหมี่หยางชุนชามที่เพิ่มขึ้นมาชามหนึ่งแบบคล้ายสนใจแต่ก็เหมือนไม่สนใจ“ท่านเป็นถึงธิดาศักดิ์สิทธิ์ยังมาทำบะหมี่ให้คนอื่นกินอีกหรือ? ชามที่เพิ่มมานี่คงไม่ใช่ของข้ากระมัง?”เวินซื่อกินบะหมี่ของตัวเองโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า “ไม่ใช่ ให้จู๋เยวี่ยกิน นางค่อนข้างกินจุ”จู๋เยวี่ยพยักหน้า “อืม ๆ”จินซือถูเบิกตากว้างทันที จ้องมองจู๋เยวี่ยอย่างไม่เชื่อสายตา “เจ้ากินจุขนาดไหนกินบะหมี่ชามใหญ่ได้ตั้งสองชาม? ข้าไม่สน ตะเกียบมีสามคู่ ทำไมชามนี้ถึงไม่ใช่ของข้าล่ะ?”เขานั่งลงอย่างไม่ลังเลด้วยความโมโห หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วเริ่มกินทันทีอย่าว่าไป แม้ว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์จะไม่ได้มีดีอะไรมากมาย อารมณ์ก็ร้าย แต่ฝีมือการทำบะหมี่หยางชุนถือว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 242

    “แน่นอนว่าต้องเป็น...ตั้งแต่ตอนที่ท่านก้าวเข้ามาในเรือนของข้า”เวินซื่อยิ้มเล็กน้อย นางมองไปที่สมุนไพรที่ปลูกไว้ในสวนสมุนไพรอีกด้านหนึ่งในเรือนเล็กของตัวเองในนั้นมียาพิษชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดภาพหลอนได้ได้ยินมาว่าข้างนอกนั้นหาซื้อสมุนไพรชนิดนี้ได้น้อยมาก แต่เนื่องจากเวินซื่อต้องการศึกษาเรื่องพิษ ดังนั้นท่ามกลางเมล็ดพันธุ์สมุนไพรเหล่านั้นที่เป่ยเฉินหยวนเก็บมาให้เขาในครั้งนี้ จึงมีเมล็ดพันธุ์ยาพิษ ตลอดจนต้นกล้าสมุนไพรอยู่ไม่น้อยตอนนี้ที่ปลูกไว้ในสวนสมุนไพรแห่งนี้ คือยาสำเร็จรูปที่กำลังจะออกดอกแล้วเป็นสิ่งที่เป่ยเฉินหยวนหามาให้นางเช่นกัน มีเพียงยาสำเร็จรูปที่หาซื้อได้ในท้องตลาดไม่กี่ต้นเท่านั้นเดิมทีเวินซื่อเห็นจินซือถูยืนอยู่ข้างนอกเรือนเล็กตลอดเวลา ยังคิดว่าเขาแยกแยะยาพิษไม่กี่ต้นนั้นได้แล้วแต่ไม่คาดคิดว่าหลังจากนั้นไม่นาน ตัวเขาเองได้เดินเข้ามาอีกครั้งเห็นได้ชัดว่าชายต่างชนเผ่าผู้นี้ถึงแม้จะใช้พิษด้วย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องยาพิษมากนักมิฉะนั้นจะไม่มีทางเสียท่าให้กับอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ส่วนบะหมี่หยางชุนชามนั้นแค่เอาไว้ใช้เร่งการออกฤทธิ์ยาภายในร่างกายข

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status