แชร์

บทที่ 471

ผู้เขียน: จิ้งซิง
“อย่าว่าแต่นางเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์เลย แม้แต่ฝ่าบาทเสด็จมา ก็ยังต้องเคารพผู้อาวุโส หากนางกล้าลงไม้ลงมือกับข้า ท่านลองดูสิว่าคนเหล่านั้นจะรุมประณามนางจนจมดินหรือไม่!”

“ปึง!”

จงหย่งโหวกระแทกหนังสือในมือลงบนโต๊ะโดยตรง

“เลิกวางตัวเป็นผู้อาวุโสแล้วไปข่มผู้อื่นเสียที ถึงแม้ว่าเวินซื่อนางจะไม่กล้า แต่เจ้าลองดูคนข้างกายคนอื่นๆ สิว่า พวกเขากล้าหรือไม่?”

“ไม่ต้องพูดถึงท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ม่อโฉวซือไท่แห่งอารามสุ่ยเยว่นั่น แม้กระทั่งพี่ใหญ่ของเจ้ายังกล้าตี แล้วจะไม่กล้าตีเจ้าหรือ?”

เวินหย่าลี่ได้ยินดังนั้น ก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ ก่อนจะพึมพำว่า “ซือไท่คนหนึ่งแล้วอย่างไร ตอนนั้นพี่ชายของข้าไม่ตอบโต้ก็เพราะไม่อยากทำร้ายผู้หญิงเท่านั้น ไม่เช่นนั้นนางคงถูกพี่ชายข้าจัดการไปนานแล้ว ยังคิดจะมาจัดการข้าอีก? หึ”

จงหย่วนโหวยกมือขึ้นปิดตำราหมากรุก แล้วโยนลงบนโต๊ะ กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อเจ้ามีความคิดเป็นของตัวเองเช่นนี้ แล้วจะฟังคำพูดของข้าไปทำไม? ไปหาพี่ใหญ่ของเจ้าสิ”

เวินหย่าลี่หันกลับไปมอง ก็รู้ว่าเขาโกรธจริงๆ แล้ว จึงรีบยอมแพ้แล้วกล่าวว่า “ได้ๆๆ ข้าไม่พูดแล้วก็ได้ พอใจหรือยัง? ข้าฟังท่า
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 472

    “พี่สี่ เมล็ดพันธุ์สมุนไพรและต้นกล้าที่ซื้อมาถึงหมดแล้ว คนงานและแปลงสมุนไพรก็เตรียมพร้อมแล้วนะ พวกเรารออะไรอยู่ล่ะ? หรือว่าเราจะเริ่มปลูกตอนนี้เลยดี?”ภายในลานบ้านของเวินอวี้จือ เวินเยวี่ยถือสมุดบัญชีแล้วพลิกดูสองสามครั้งอย่างหงุดหงิด จากนั้นก็เอ่ยถามเวินอวี้จือตรงๆ ก่อนจะหมดความอดทน“นาง...พี่หญิงห้าคนนั้นนำหน้าพวกเราไปก้าวหนึ่งแล้ว ปลูกไปเกือบเดือนหนึ่งแล้ว ถ้าพวกเรายังรอต่อไป ถึงตอนนั้นก็จะตามไม่ทันแล้ว”“น้องหกอย่าใจร้อน”เวินอวี้จือก็กำลังพลิกดูอะไรบางอย่างเช่นกัน แต่สิ่งที่อยู่ในมือเขาไม่ใช่สมุดบัญชีเมื่อดูเนื้อหาข้างในอย่างละเอียด จะเห็นได้ชัดว่าเป็นสมุดบันทึกการเพาะปลูกสมุนไพรเล่มหนึ่งหากเวินซื่ออยู่ที่นี่ในตอนนี้ จะต้องพบว่า ลายมือในสมุดบันทึกเล่มนี้คุ้นตาเป็นพิเศษ“สมุดบันทึกการปลูกสมุนไพรที่ท่านพ่อให้มาเล่มนี้ละเอียดมาก เพียงแค่ปลูกสมุนไพรตามวิธีการข้างบนนี้ ก็จะทำให้สมุนไพรของเราเติบโตทันเวลาได้อย่างแน่นอน”เวินเยวี่ยได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังสมุดบันทึกในมือของเขา “จริงหรือ? เก่งขนาดนี้เชียวหรือ นี่เป็นสมุดบันทึกที่ใครเขียนกัน? หรือไม่ก็ให้ท่านพ่อไปสืบด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 473

    ไม่นานนัก ชุยเส้าเจ๋อก็มาเคาะประตู“น้องเยวี่ยเอ๋อร์ เจ้ามาอยู่ที่นี่กับน้องสี่ได้อย่างไร?”ทันทีที่เห็นชุยเส้าเจ๋อ สีหน้าอ่อนโยนบนใบหน้าของเวินอวี้จือก็จางหายไปเขาไม่ลืมว่าชุยเส้าเจ๋อผู้นี้เป็นคนเจ้าชู้ ตอนที่ถอนหมั้นกับเวินซื่อ ก็ยังอยากจะแต่งกับน้องหกของเขา แถมภายหลังยังคิดจะจับปลาสองมืออีก ไม่ดูตัวเองเลยว่าคู่ควรหรือไม่คิดว่าจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเขาเป็นสถานที่หาความสุขส่วนตัวหรือไร ถึงได้คิดจะเสวยสุขท่ามกลางภรรยาหลายคนเขากล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “น้องหกเป็นน้องสาวของข้า มานั่งเล่นในลานบ้านของพี่สี่อย่างข้า มีปัญหาอะไรหรือ?”“เอ่อ...แน่นอนว่าไม่มีปัญหา”เขาก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง เหตุใดจึงรู้สึกเหมือนว่าวันนี้เวินอวี้จืออารมณ์ไม่ค่อยดีจึงสำนึกผิดเล็กน้อย แต่ชุยเส้าเจ๋อก็สำนึกผิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้นรู้ว่าคำพูดที่ตนเองเคยพูดกับเวินซื่อเมื่อก่อนนั้น ดูเหมือนจะเกินไปหน่อย แต่มันเกี่ยวข้องอะไรกับคนอื่นด้วยเล่า? เขาไม่ได้พูดกับเวินอวี้จือพวกเขาสักหน่อยดังนั้น เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเวินอวี้จือพวกเขาแล้ว ชุยเส้าเจ๋อจึงไม่คิดเลยว่าตัวเองทำอะไรผิด แม้กระทั่งยังรู้สึกว่าท่าทีของเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 474

    สีหน้าของเวินเยวี่ยแข็งค้างแค่นี้?แค่ของเก่าพังๆ นี่ ยังกล้าเอามามอบให้นางเป็นของหมั้นอีกหรือ?!จวนจงหย่งโหวของพวกเจ้า ยากจนถึงขนาดไม่มีอะไรจะกินแล้วหรือ?เวินเยวี่ยมองปิ่นปักผมหักอันนั้น ดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ“ชุยเส้าเจ๋อ!”เวินอวี้จือที่ได้ยินคำพูดของชุยเส้าเจ๋อเมื่อครู่เช่นเดียวกัน ก็รู้สึกโกรธมากเขาลุกขึ้นยืนทันที “ท่านรนหาที่ตาย แค่กๆๆ ...ท่าน... ท่านรนหาที่ตายใช่หรือไม่?!”ใครจะรู้ว่าลุกขึ้นเร็วเกินไป เกือบจะหายใจไม่ทัน จึงไอเสียจนใบหน้าที่ซีดขาวแดงก่ำไปหมดแล้วเขาเอามือปิดปากไอไปพลาง จ้องมองชุยเส้าเจ๋ออย่างดุร้ายไปพลาง ชี้หน้าเขาแล้วด่าทอ“แค่กๆๆ ...คนสารเลวอย่างท่านอย่าได้คิดที่จะแตะต้องน้องหกแม้แต่น้อย ไสหัวไป...ไสหัวไปเสีย!”“ไม่ใช่ น้องสี่ เจ้าดูแลตัวเองให้ดีเถอะ เรื่องระหว่างข้ากับน้องเยวี่ยเอ๋อร์ พวกเราจะตัดสินใจกันเอง ยังไม่ถึงคราวที่ต้องให้เจ้ามาจัดการ”ชุยเส้าเจ๋อปัดมือของเวินอวี้จือที่ชี้หน้าเขาออกไป แล้วกล่าวอย่างไม่พอใจเมื่อครู่เขาเห็นเวินอวี้จือก็รู้สึกขัดหูขัดตาแล้ว ตอนนี้ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตาเข้าไปใหญ่“ข้า...ข้าเป็นพี่สี่ของน้องหก เรื่องสำค

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 475

    ในคืนนั้น ร่างหนึ่งหลบเลี่ยงคนทั้งหมดของจวนเจิ้นกั๋วกง ปรากฏตัวขึ้นในห้องของเวินอวี้จืออย่างเงียบเชียบจู๋เยวี่ยที่ยืนอยู่ข้างเตียงจ้องมองคนที่อยู่บนเตียง กริชเล่มหนึ่งแนบชิดกับลำคอของเวินอวี้จืออย่างเงียบงันทันทีที่คมกริชอันเย็นเฉียบเข้ามาใกล้ คอของเวินอวี้จือก็ปรากฏรอยเลือดเส้นหนึ่งดูเหมือนว่าเพียงออกแรงอีกนิด ก็จะสามารถตัดหลอดลมของเขาได้โดยตรงแต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วจู๋เยวี่ยก็ไม่ได้ลงมือต่อ“จะให้พวกเขาตายเมื่อไรก็ได้ แต่ข้าไม่อยากให้พวกเขาตายง่ายเกินไป การแก้แค้นของข้า ตั้งแต่แรกก็คือต้องการให้พวกเขามีชีวิตอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น”นี่คือคำพูดที่เวินซื่อเคยกล่าวกับจู๋เยวี่ยจู๋เยวี่ยไม่เข้าใจ แต่ไม่เป็นไร ขอเพียงเป็นสิ่งที่นายหญิงของนางกล่าว นางก็จะทำตามหลังจากเก็บกริชกลับไป จู๋เยวี่ยก็หยิบแมงมุมขนาดเท่าฝ่ามือออกมา วางไว้บนตัวของเวินอวี้จือแมงมุมตัวนั้นไต่ไปทั่วตัวของเวินอวี้จือสองสามรอบ สุดท้ายเหมือนจะหาที่ได้ มันไต่ไปที่คอของเวินอวี้จือ แล้วกัดลงไปเวินอวี้จือที่กำลังหลับใหลดูเหมือนจะรับรู้ถึงบางสิ่ง ร่างกายขยับเล็กน้อยอย่างดิ้นรน แต่สุดท้ายก็ยังคงหลับสนิทต่อไป

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 476

    หากมีคนมาหยั่งเชิง นั่นก็ต้องเป็นคนของเวินเยวี่ยอย่างแน่นอนหากไม่มีใครมา เช่นนั้นก็น่าจะเป็นไปได้ว่าคือผู้ช่วยที่เวินเฉวียนเซิ่งเชิญมาจากข้างนอก และดูจากสถานการณ์เมื่อคืน ก็เป็นประเภทที่คอยคุ้มกันเวินเยวี่ยเท่านั้นเวินซื่อหรี่ตาลงเล็กน้อย สั่งให้จู๋เยวี่ยระมัดระวังตัวและนางยังได้ฝังบางสิ่งบางอย่างไว้ใกล้ๆ กับอารามสุ่ยเยว่แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางคิดมากไปเองหรือไม่ ผ่านไปหลายวันแล้ว จวนเจิ้นกั๋วกงนั่นก็ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ หรือว่าจะเป็นผู้ช่วยที่เวินเฉวียนเซิ่งเชิญมาจริงๆ?จะเป็นผู้ช่วยหรือไม่นั้นก็ยังไม่รู้ แต่ในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่จู๋เยวี่ยไปที่จวนเจิ้นกั๋วกง เวินอวี้จือก็อาการทรุดหนักอีกครั้งและในครั้งนี้บรรดาหมอทั้งหมดรวมทั้งหมอหลวง หลังจากตรวจดูอาการของเวินอวี้จือแล้วต่างบอกว่าหมดหนทางรักษา ถึงขนาดมีบางคนบอกให้เวินเฉวียนเซิ่งเตรียมตัวสำหรับงานศพแต่หลายวันผ่านไป ภายในจวนเจิ้นกั๋วกงกลับไม่มีข่าวคราวใดๆ เล็ดลอดออกมาคนภายนอกที่ได้ยินข่าวลือบางอย่างต่างก็พูดกันไปต่างๆ นานาบางคนพูดว่าคุณชายสี่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงคงจะตายไปแล้วอย่างแน่นอนส่วนบางคนก็คาดเดาว่าน่าจะย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 477

    จวนเจิ้นกั๋วกง“พี่สี่ วันนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง ดีขึ้นหรือไม่?”เวินเยวี่ยมาเยี่ยมเวินอวี้จืออีกแล้วนางนั่งลงข้างเตียงของเวินอวี้จือ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สีหน้าแฝงไปด้วยความกังวลบนเตียง เวินอวี้จือมีสีหน้าซีดเซียว สภาพจิตใจย่ำแย่มาก แต่เมื่อเห็นเวินเยวี่ยมา ก็ยังฝืนยิ้มออกมา “วันนี้รู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อวานอีก ต้องขอบคุณยาของน้องหก ไม่เช่นนั้น เกรงว่าพี่สี่ของเจ้าคงจะไปอยู่ที่ปรโลกแล้ว”“พี่สี่อย่าพูดเช่นนี้ พี่สี่เป็นคนดีมีวาสนา ย่อมไม่เป็นอะไร ที่จริงแล้วยาของข้านั่นแหละ หากมันดีกว่านี้อีกหน่อย ก็คงจะไม่ทำให้พี่สี่ต้องเป็นแบบนี้ เป็นความผิดของข้า...”เวินเยวี่ยก้มหน้าลง แสดงสีหน้าตำหนิตัวเองอย่างเต็มที่ตอนนี้เวินอวี้จือจะไปโทษนางได้อย่างไร “ไม่ นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า และต้องขอบคุณยาของเจ้าด้วยซ้ำ ทำให้ข้ารอดชีวิตมาได้ การที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ก็ดีมากแล้ว”เขาฝืนยิ้มแม้ว่าปากจะพูดเช่นนั้น แต่สวรรค์รู้ว่าตอนนี้เขาได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจมากแค่ไหนสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือการที่คนอื่นมองว่าเขาเป็นคนพิการไร้ประโยชน์เพราะว่าเขาเพียงแค่ร่างกายอ่อนแอขี้โรคเท่านั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 478

    เวินเยวี่ยยังคงแสร้งทำท่าทางไร้เดียงสาเมื่อได้ยินเช่นนั้น เวินอวี้จือก็จ้องมองไปที่ใบหน้าของนาง สบตากับนางครู่หนึ่งเวินเยวี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง ถูกเขามองจนรู้สึกผิดเล็กน้อยอย่างบอกไม่ถูกมองนางแบบนี้ทำไม?เดี๋ยวก่อน หรือว่าเวินอวี้จือจะพบอะไรบางอย่างแล้ว?เวินเยวี่ยหัวใจเต้นแรงทันที จากนั้นกลืนน้ำลายแต่ในตอนนั้นเอง เวินอวี้จือก็เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งออกมา “น้องหก ที่จริงเจ้าไม่ต้องกลัว พี่สี่ของเจ้ารู้ทุกอย่าง ดังนั้น เจ้าไม่ต้องเสแสร้งต่อหน้าพี่สี่ก็ได้ ปล่อยตัวตนที่แท้จริงของเจ้าออกมาเถิด”เวินเยวี่ย “...”ไม่ใช่สิ เขารู้อะไรกัน?ตอนนี้สีหน้าของเวินเยวี่ยดูฝืนๆ ยิ่งกว่าเวินอวี้จือเมื่อครู่นี้เสียอีกโชคดีที่เวินอวี้จือมองนางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า “เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าอยากจะเสแสร้งก็แล้วแต่เจ้าเถิด พี่สี่ไม่ถือสา”เวินเยวี่ยไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ต่อแล้ว จึงเปลี่ยนเรื่องอย่างกระทันหัน “จริงสิ พี่สี่ ดอกไม้กระถางนั้นที่ข้าให้ท่านก่อนหน้านี้ยังอยู่หรือไม่?”เวินอวี้จือพยักหน้า “แน่นอน ข้าวางไว้ในห้องลับ เกิดอะไรขึ้น?”“เมื่อวานข้าเพิ่งรู้ว่าดอกไม้นั่นก็เป็นสม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 479

    ปีนี้จวนเจิ้นกั๋วกงถูกกำหนดให้ต้องใช้ชีวิตอย่างไม่สงบสุขแต่ปีนี้เวินซื่อกลับใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจมาก“คืนพรุ่งนี้ลงเขาไปดูงานโคมไฟหรือไม่?”วันนี้เป่ยเฉินหยวนเอ่ยชวนขึ้นมากะทันหัน“งานโคมไฟ?”เวินซื่อชะงักไปครู่หนึ่ง “งานโคมไฟอะไร?”เป่ยเฉินหยวน “คืนพรุ่งนี้ก็เป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ในเมืองหลวงก็จัดงานโคมไฟเหมือนกับทุกปี”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เวินซื่อก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เวลาผ่านไปครึ่งปีแล้วนับตั้งแต่ที่นางทูลขอพระบรมราชานุญาตออกบวช เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้วเมื่อผ่านพ้นวันส่งท้ายปีเก่าไปก็จะเป็นเทศกาลปีใหม่ และก็จะเป็นปีใหม่แล้วเวินซื่อพ่นลมหายใจอุ่นๆ ออกมา ถูมือเล็กๆ ที่เริ่มจะแข็งเพราะความหนาวเย็น ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ได้สิ แต่ว่าข้าต้องถามท่านอาจารย์ก่อน”สายตาของเป่ยเฉินหยวนจับจ้องอยู่ที่มือเล็กๆ ของนางที่เริ่มแดงเพราะความหนาวเย็นวันรุ่งขึ้น หลังจากทำสิ่งที่ต้องทำเสร็จแล้ว เวินซื่อก็บอกเรื่องนี้กับม่อโฉวซือไท่“ได้แน่นอน”ม่อโฉวซือไท่ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ไปเที่ยวเล่นให้สนุกเถิด อย่าตึงเครียดกับตัวเองมากเกินไป”ไม่ใช่แค่เวินซื่อเท่านั้น หลังจากทำ

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status