แชร์

บทที่ 496

ผู้เขียน: จิ้งซิง
คนป่านั่นยังเอาแมลงกู่มาใส่บนตัวเขาอีกด้วย!

บ้าจริง คนป่านั่นคิดจะทำอะไรกันแน่?!

เวินเฉวียนเซิ่งในเวลานี้สงสัยไปถึงตัวคนที่ซ่อนอยู่ในจวนเจิ้นกั๋วของเขาโดยตรงแล้ว

มองดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของเวินเฉวียนเซิ่ง เป่ยเฉินหยวนเอ่ยปากอย่างใจเย็น “ดูเหมือนวันนี้เจิ้นกั๋วกงไปไม่ได้แล้ว เด็กๆ คุมตัวเจิ้นกั๋วกงกับบุตรสาวออกไป”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

“ไม่! พวกเจ้าทำอะไร? ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ!”

“ท่านพ่อ ทำอย่างไรดี?! ท่านรีบช่วยเยวี่ยเอ๋อร์สิ เยวี่ยเอ๋อร์ไม่อยากติดคุก!”

เวินเยวี่ยที่โดนลากออกมากลัวสุดขีด กรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก

“กลัวอะไร!”

เวินเฉวียนเซิ่งตวาด มองเป่ยเฉินหยวนอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “ก็แค่แมลงตัวหนึ่ง อยากตัดสินความผิดของข้า มันยังไม่ง่ายเช่นนั้น”

“เช่นนั้นก็ต้องดูว่าปากของเจิ้นกั๋วกงแข็ง หรือกระดูกแข็งกว่าแล้ว”

เป่ยเฉินหยวนหัวเราะอย่างเย้ยหยัน กล่าวออกคำสั่ง “ยืนนิ่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบเชิญเจิ้นกั๋วกงไปกรมอาญาอีก?”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ทหารรักษาพระองค์เดินเข้าไป คุมตัวเวินเฉวียนเซิ่งกับเวินเยวี่ยไปทันที

แต่ไม่ได้มีเพียงพวกเขา ยังมีอีกคนที่เข้าคุกเช่นเดียวกัน

นั่นก็คืออันปี่เค่อ

“ใต้เ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 497

    “จู๋เยวี่ย”ทันใดนั้นก็มีร่างเงาสายหนึ่งปรากฏตัวที่ข้างกายเวินฉางอวิ้นจู๋เยวี่ยยื่นมือไปอังครู่หนึ่ง หลังจากนั้นกล่าวกับเวินซื่อสามคำ “ใกล้ตายแล้ว”เวินซื่อ “?”ใกล้ตายแล้ว?นางขมวดคิ้ว หลังจากลังเลครู่หนึ่งจึงจะเดินเข้าไปตรวจชีพจรของเวินฉางอวิ้นที่นอนอยู่บนพื้นเดี๋ยวก่อนเวินซื่อเบิกตากว้างเล็กน้อย มองเวินฉางอวิ้นที่อยู่บนพื้นด้วยความประหลาดใจเกิดอะไรขึ้น เขาถูกพิษหรือ?ใครกันที่กล้าวางยาพิษคุณชายใหญ่ของจวนเจิ้นกั๋วกง? อีกทั้งเหตุใดลักษณะชีพจรนี่จึงคุ้นๆ?ขณะที่เวินซื่อกำลังจะตรวจดูอย่างละเอียด เวินฉางอวิ้นที่นอนหมดสติอยู่บนพื้นขยับกะทันหัน หลังจากนั้น ชีพจรที่อ่อนแอและยุ่งเหยิงของเขาในตอนแรกก็กลับมาเป็นปกติ นี่มันน่าแปลกมาก“น้องห้า ใช่เจ้าหรือไม่?”เวินฉางอวิ้นเพิ่งฟื้น การมองเห็นยังพร่ามัวเล็กน้อยตอนที่เห็นคนตรงหน้า เขายื่นมือไปคว้าอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวแต่น่าเสียดายที่เวินซื่อได้เตรียมตัวตั้งแต่ตอนที่เห็นเขาจะฟื้นแล้ว จึงถอยหลังหนึ่งก้าวได้ทันเวลารอการมองเห็นของเวินฉางอวิ้นกลับมาเป็นปกติ ก็เห็นว่าคนที่ตัวเองคว้าไม่ใช่น้องสาวของเขา แต่เป็นผู้หญิงที่สวมชุดสีดำค

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 498

    “โดน…วางยา?!”เวินฉางอวิ้นตะลึง “มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ช่วงนี้ข้าไม่อยู่ในจวนก็อยู่หออาลักษณ์หลวง จะมีคนวางยาข้าได้อย่างไร?”เขาพูดจบก็รู้สึกถึงความไม่ถูกต้อง จึงรีบกล่าวเสริม “ไม่ ความหมายของข้าไม่ได้กำลังสงสัยคำพูดของเจ้า ข้าแค่…”“คุณชายใหญ่เวินไม่ต้องอธิบายให้ข้าฟัง อย่างไรข้าก็ชินแล้ว”‘ชินแล้ว’ ประโยคเดียว คำพูดที่เรียบเฉยสามคำไม่ได้ทำให้เวินซื่อรู้สึกอะไร แต่เวินฉางอวี้ที่ได้ยินคำพูดนี้กลับทรมานใจมาก“นี่…นี่จะชินได้อย่างไรกัน โทษที่พี่ใหญ่ไม่ดีเอง เมื่อก่อนพี่ใหญ่ตามืดใจบอด ทำให้น้องห้าได้รับความคับข้องใจมากมาย พี่ใหญ่ทำผิดต่อ…”เวินฉางอวิ้นพูดยังไม่ทันจบ เวินซื่อก็ขัดจังหวะเขาอย่างหมดความอดทน “ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องอธิบาย คุณชายใหญ่เวินฟังไม่รู้เรื่องหรือ?”ความคิดที่อยากอธิบายของเวินฉางอวิ้นโดนเปิดโปง ความรู้สึกที่เหมือนเลือดอาบนี้ทำให้เขาทั้งเจ็บปวดและทรมาน ตอนนี้เขามีคำพูดมากมายอยากพูดกับน้องหญิง แต่ตอนนี้น้องหญิงของเขากลับไม่ยอมฟังเขาอีกแล้วก็เหมือนกับเขาในอดีตที่เคยทำกับน้องหญิงเช่นนี้…“พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้รังแกน้องหกจริงๆ ข้ากับน้องหกแค่ออกไปเล่นด้วยกัน ข้าไม่เค

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 499

    หลังจากที่เขาพูดประโยคนี้ เวินซื่อชะงักไปครู่หนึ่งอย่างเห็นได้ชัด บนใบหน้านางแสดงความเย้ยหยัน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นชา “น่าเสียดาย บนโลกนี้ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้”ในที่สุดเวินฉางอวิ้นที่ได้ยินคำพูดนี้ของนางก็ทนต่อกลิ่นคาวในลำคอไม่ไหว อ้าปากกระอักเลือดออกมากองใหญ่เวินซื่อปลายนิ้วเวินซื่อขยับเล็กน้อย แต่สายตาไม่เปลี่ยนแปลงจู๋เยวี่ยเหลือบมองนางแวบหนึ่งหลังจากกระอักเลือด เวินฉางอวิ้นเหมือนเป็นมะเขือที่ต้องน้ำค้าง ท่าทางนั่นดูอ่อนแอยิ่งกว่าเวินอวี้จือที่ป่วยเสียอีกแต่ที่น่าแปลกคือ แม้เป็นเช่นนี้แล้ว เวินฉางอวิ้นยังสามารถยืนอยู่ตรงที่เดิมเหมือนกับว่าในร่างกายเขามีแรงเฮือกหนึ่ง คอยพยุงไม่ให้เขาล้มลงหลังจากยืนพักอยู่ตรงที่เดิมครู่หนึ่ง เวินฉางอวิ้นจึงจะสามารถปรับลงหายใจให้สงบ หลังจากค่อยๆ เช็ดมุมปาก เขาเม้มปากที่ซีดเล็กน้อย แล้วมองไปทางเวินซื่ออีกครั้ง“ตอนนี้น้องรอง…สบายดีหรือไม่?”เวินซื่อกล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่รู้”นางไม่ได้รับเลี้ยงเวินจื่อเฉินเสียหน่อย เวินจื่อเฉินเป็นอย่างไรมาถามนางทำไม?เวินฉางอวิ้นไม่มีทางเลือก ตอนนี้อยู่ภายใต้การเฝ้าดูของบิดา เขาไม่สามารถไปเยี

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 500

    “น้องห้า!”น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาจากหางตาของเวินฉางอวิ้น ก่อนจะหมดสติไปในที่สุด เขาพึมพำเพียงประโยคเดียว“อย่า…ทิ้งพี่ใหญ่”……หลังออกจากวังหลวง เวินซื่อหยุดฝีเท้า แหงนมองท้องฟ้ากะทันหันผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงจะสามารถสงบสติอารมณ์ มองไปทางจู๋เยวี่ยที่อยู่ข้างกายนางตั้งแต่เมื่อครู่เวินซื่อยิ้มที่มุมปาก “จู๋เยวี่ย เลิกกังวลได้แล้ว ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”จู๋เยวี่ยจ้องใบหน้าที่ฝืนยิ้มของนาง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยปากกะทันหัน “อย่าเสียใจเลย ข้าจะอยู่เคียงข้างท่านตลอด”ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ข้าก็เชื่อท่านเวินซื่อตะลึงไปครู่หนึ่ง จึงจะเข้าใจว่าจู๋เยวี่ยหมายถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้ของนางเวินฉางอวิ้นเวินซื่อยิ้มทันที ครั้งนี้รอยยิ้มของนางดูดีขึ้น “อืม ข้ารู้แล้ว ขอบคุณมากจู๋เยวี่ย”หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เวินซื่อกลับไปที่รถม้าของนางทันทีที่ขึ้นรถม้า นางก็ปล่อยแมงมุมของนางออกมา ตรวจสอบทั้งนอกและในของรถม้าเป็นไปตามที่คาด จับแมลงสีดำได้หลายตัวจริงๆเวินซื่อกำจัดแมลงสีดำเหล่านั้นอย่างรังเกียจทั้งหมด ไม่ได้เอาให้แมงมุมของนางกินอย่างไรก็เป็นแมลงกู่ ถ้าหากหลังจากแมงมุมของนางกิน แมลงกู่เหล่า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 501

    นอกเมืองหลวง ภูเขาหนานอารามสุ่ยเยว่“อู๋โยว มีจดหมายถึงเจ้าหนึ่งฉบับ!”วันนี้ ขณะที่เวินซื่อกำลังคัดลอกบทสวดขอพรอยู่นั้น ศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่ก็กระโดดโลดเต้นเข้ามาจากข้างนอก“จดหมายหรือ? ใครเป็นคนเขียนจดหมาย?”เวินซื่อรับมาด้วยความสงสัย“ไม่รู้สิ บนซองจดหมายเขียนแค่คำว่า ‘หลิน' ถึงอย่างไรก็บอกว่าส่งให้เจ้า เจ้าต้องรู้จักแน่นอน”หลิน?!หัวใจของเวินซื่อเต้นแรง คนสกุลหลินที่นางรู้จัก นอกจากหลินจื่อฟูแล้ว ก็มีแค่คนผู้นั้น!หรือว่าจะเป็นนาง?เมื่อนึกถึงใครบางคนที่ไม่ได้เจอมานาน เวินซื่อก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที วางพู่กันในมือลง แล้วรีบเปิดจดหมายฉบับนั้นยังไม่ทันดึงกระดาษจดหมายออกมา เวินซื่อก็ได้กลิ่นหอมของดอกไม้โชยมาเมื่อดึงกระดาษจดหมายออกมาดู ไม่เพียงแต่เป็นกระดาษจดหมายเท่านั้น ยังมีก้านหอมดอกไม้แห้งบางๆ อีกดอกหนึ่งด้วยเมื่อเห็นก้านหอมดอกไม้แห้งนั้น บนใบหน้าของเวินซื่อก็ปรากฏรอยยิ้มในทันทีเมื่อเห็นนางยิ้มเช่นนั้น ศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่ก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ใครกัน? ทำให้เจ้ายังไม่ทันได้อ่านจดหมาย ก็ยิ้มออกมาเช่นนี้แล้ว”เวินซื่อหยิบก้านหอมดอกไม้แห้งนั้นด้วยความชื่นชอบอย่างยิ่ง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 502

    “ใครกัน? เมื่อครู่มีคนมาส่งเสียงดังเอะอะโวยวายที่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเรา!”“ไปๆๆ รีบไสหัวไปเสีย มิฉะนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!”หนึ่งในยามเฝ้าประตูถือกระบองจะเข้าไปไล่คน แต่ใครจะรู้ว่าวินาทีต่อมา องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังหลินเนี่ยนฉือก็ชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นคมดาบสีขาวราวหิมะทหารยามที่เดิมทีท่าทางโกรธเกรี้ยวก็ตกใจ ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว กลืนน้ำลายแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน? กล้าดีอย่างไรมาชักดาบที่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วกง?!”“ข้าเห็นว่าบ่าวโง่อย่างพวกเจ้าหูหนวกตาบอด ฟังคำพูดของข้าไม่รู้เรื่อง หรือว่ายังจำหน้าข้าไม่ได้อีกหรือ?”หลินเนี่ยนฉือก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สายตาเฉียบคมกวาดมองทหารยามผู้นั้นทหารยามอีกคนพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมาในหัว ในที่สุดก็นึกออก รีบเข้าไปกล่าวด้วยความนอบน้อม “ข้าน้อยคารวะคุณหนูใหญ่หลิน สหายคนนี้เพิ่งมาใหม่ ไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่เคยเห็นหน้าคุณหนูใหญ่หลิน คุณหนูใหญ่หลินโปรดอภัย ข้าน้อยจะรีบเข้าไปแจ้งให้ทราบเดี๋ยวนี้!”เขารีบดึงสหายของตัวเองไปข้างหลัง แล้วบังคับให้คารวะพร้อมกัน“ถือว่าบ่าวอย่างเจ้า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 503

    ขณะนี้หลินเนี่ยนฉือกำลังถือแส้ม้าไว้ในมือข้างหนึ่ง ด้านหนึ่งก็พิงตัวอยู่บนรถม้า เมื่อได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นมอง“พี่ใหญ่เวิน? เหตุใดท่านถึง...ดูอ่อนแอเช่นนี้?”เมื่อเห็นเวินฉางอวิ้นออกมา หลินเนี่ยนฉือเกือบคิดว่าตัวเองจำคนผิดเสียแล้วสีหน้าซีดเผือดนั่น ก้าวเดินอย่างอ่อนแรง...หากมิใช่เพราะนางคุ้นเคยกับพี่น้องทั้งสี่ของสกุลเวินเป็นอย่างดี คงคิดว่าเขาไม่ใช่เวินฉางอวิ้น แต่เป็นพี่สี่สกุลเวินที่ป่วยออดๆ แอดๆ มาตลอดทั้งปีเสียอีก?เวินฉางอวิ้นสะอึกกับคำว่า “อ่อนแอ” ของนาง ไอสองครั้ง หลังจากปรับลมหายใจให้เป็นปกติแล้ว จึงฝืนยิ้มกล่าวว่า “ช่วงนี้ป่วยนิดหน่อย สีหน้าเลยไม่ค่อยดี ทำให้เนี่ยนฉือต้องขบขันแล้ว”เขาอธิบายอย่างไม่ใส่ใจ ไม่ได้บอกความจริงว่าตัวเองถูกวางยาพิษจากนั้นเขาก็ถามว่า “จริงสิ เนี่ยนฉือมาถึงหน้าประตูบ้านแล้ว เหตุใดถึงไม่ยอมเข้าไปข้างใน? ข้างนอกอากาศหนาว พี่ใหญ่สั่งให้คนเตรียมถ่านไฟไว้แล้ว มีเรื่องอะไรก็เข้าไปนั่งคุยกันข้างในดีหรือไม่?”เมื่อหลินเนี่ยนฉือเห็นท่าทางน่าสงสารของเขา ความโกรธที่สะสมมาก็อดไม่ได้ที่จะลดลงไปบ้างเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่อาจลดความรู้สึกไม่เป็นธร

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 504

    “อ๊าก!”เวินจื่อเยวี่ยร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด จากนั้นจึงรู้สึกตัวและรีบหลบแส้ที่ฟาดลงมาอีกครั้ง“ไอ้คนตาบอดคนไหนกล้ามาตีข้า?!”เวินจื่อเยวี่ยจ้องมองไปยังคนที่ถือแส้ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียมในทันทีแต่เมื่อได้เห็นว่าเป็นใคร เวินจื่อเยวี่ยก็ยืนตกตะลึงอยู่กับที่ทันที“หลินเนี่ยนฉือ? เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”หลินเนี่ยนฉือถือแส้ม้าไว้ในมือ แค่นเสียงเย็นพลางเอ่ยขึ้น “ถ้าข้าไม่อยู่ที่นี่ แล้วไอ้หมาตาบอดอย่างท่านยังคิดจะช่วยบุตรนอกสมรสนั่นรังแกอาซื่อของข้าไปถึงเมื่อไรกัน?!”ตอนแรกที่เวินจื่อเยวี่ยเห็นหลินเนี่ยนฉือกลับมา ก็ยังรู้สึกยินดีอยู่บ้างถึงอย่างไรหลินเนี่ยนฉือก็เป็นคู่หมั้นของเขา ทั้งสองคนก็นับว่าเติบโตมาด้วยกันแต่เด็ก เป็นเพื่อนเล่นที่สนิทสนมกันตอนที่พวกเขาหมั้นหมายกันนั้น ก็เป็นเพราะว่าพวกเขาทั้งสองคนต่างมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ดังนั้น พอได้เห็นหลินเนี่ยนฉือที่ไม่ได้พบกันนาน ปฏิกิริยาแรกของเวินจื่อเยวี่ยก็ย่อมยินดีเป็นธรรมดาแต่ใครจะรู้ว่าวินาทีต่อมาก็ได้ยินหลินเนี่ยนฉือที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ด่าทอเขาและน้องหกเวินจื่อเยวี่ยขมวดคิ้วทันที “ไม่ได้เจอกันมาครึ่ง

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status