แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: จิ้งซิง
เวินซื่อที่โซเซจนไปชนกับมุมโต๊ะเครื่องแป้งก็เม้มริมฝีปากแน่น

ชาติที่แล้วนางเสียรู้ในน้ำมือของเวินเยวี่ยไปมากมายถึงเพียงนั้น ตอนนี้แค่เห็นเวินเยวี่ยทำท่าทางเช่นนี้ เวินซื่อก็รู้ว่านางจะเล่นตุกติกอะไรอีกแล้ว

นางหยิบชุดพิธีการที่ร่วงลงพื้นขึ้นมา

“ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าข้าทำอะไรถึงทำให้น้องหกมีปฏิกิริยายกใหญ่เช่นนี้ ไม่สู้รบกวนน้องหกอธิบายให้ข้าเถิด”

“เจ้าทำอะไรไว้เจ้ารู้อยู่แก่ใจ!”

ไม่รอให้เวินเยวี่ยเอ่ยวาจา เวินจื่อเฉินก็ตวาดใส่นางเสียงดุดันก่อน

แววตาของเวินซื่อเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อก่อนนางยังดูไม่ออก ตอนนี้นางรู้สึกว่าเวินจื่อเฉินช่างตาบอดจริง ๆ

อยู่ต่อหน้าต่อตาของเขา ใครทำอะไร ใครไม่ได้ทำอะไร เขามองไม่เห็นเองทั้งนั้น

บางทีต่อให้เห็น เขาก็แค่เชื่อคำพูดของคนผู้เดียว

เวินจื่อเฉินถลึงตามองเวินซื่ออย่างอำมหิตแวบหนึ่งแล้วตบไหล่เวินเยวี่ยเบา ๆ ปลอบโยนด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “น้องหกไม่ต้องกลัวนะ มีเรื่องอะไรก็บอกกับพี่รอง ไม่ว่าอย่างไร พี่รองก็จะตัดสินแทนเจ้าเอง”

ทั้งสองคนมีท่าทางแทบจะใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก

แต่เวินจื่อเฉินกลับเหมือนไม่สังเกตเห็นเลย เขาไม่เก็บงำเลยแม้แต่น้อย

ดวงตาที่เหมือนกับลูกกวางของเวินเยวี่ยแดงระเรื่อ “พี่รอง ขะ...ข้าเจ็บมากเลย”

แต่ไหนแต่ไรมาเวินเยวี่ยก็รู้ว่าจะหลอกล่อพี่รองที่ใจร้อนหัวทึบตรงหน้านี้อย่างไร

นางไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจนมากมาย แค่ใช้สามคำก็เพียงพอที่จะกระตุ้นโทสะของเวินจื่อเฉินแล้ว

เป็นไปตามที่คาดไว้ เมื่อเวินจื่อเฉินเห็นท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจไร้ที่พึ่งของเวินเยวี่ย เขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที

เขานึกได้ว่าเมื่อกี้เวินเยวี่ยสัมผัสชุดพิธีการถึงได้จู่ ๆ ร้องด้วยความเจ็บปวด ดังนั้นเขาพลันปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างที่เขาคิดไว้สมอง...

“เพียะ!”

ฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าของเวินซื่อ

“ดีมากเวินซื่อ ข้ายังนึกว่าเจ้าตกลงมอบชุดพิธีการให้น้องหกเป็นเพราะกลับตัวกลับใจแล้วเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะจิตใจชั่วช้าถึงเพียงนี้ เล่นตุกติกบนชุดพิธีการ!”

แก้มซ้ายถูกตบจนแสบร้อนทำให้เวินซื่อกัดฟันกรอด ความเคียดแค้นชิงชังพรั่งพรูขึ้นมาในใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

นางจะต้องออกจากสกุลเวินให้ได้

หากอยู่ที่นี่ ไม่ว่านางทำสิ่งใด ทุกคนก็จะเข้าข้างเวินเยวี่ย

มีเพียงออกไปจากสกุลเวิน นางถึงจะมีโอกาสแก้แค้นได้

แต่ว่าก่อนหน้านั้น นางยังต้องทำพิธีปักปิ่นของวันนี้ให้จบ

เนื่องจากยังมีสัญญาหมั้นหมายบัดซบนั่นรอนางอยู่ในพิธีปักปิ่น

ส่วนเรื่องที่เวินจื่อเฉินบอกว่าไม่ให้นางเข้าร่วมพิธีปักปิ่น...

เหอะ ต่อให้เขาเป็นคุณชายรองของจวนกั๋วกง ก็ยังไม่ถึงเวลาที่เขาสามารถตัดสินใจเองได้ในจวนกั๋วกงแห่งนี้

คนทั้งเมืองหลวงต่างรู้ว่าวันนี้จวนเจิ้นกั๋วกงมีบุตรสาวสองคนกำลังจะจัดพิธีปักปิ่น หากนางไม่ปรากฏตัวจะต้องก่อให้เกิดการคาดเดาต่าง ๆ นานาจากภายนอกอย่างแน่นอน

และท่านกั๋วกงผู้นั้นของนางคงไม่ยอมให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น

เวินซื่อหยุดคิดแล้ววางชุดพิธีการลงบนโต๊ะ

“หากพี่รองคิดว่าชุดพิธีการมีปัญหาก็ตรวจสอบได้ตามใจชอบ”

นางไม่อยากสิ้นเปลืองคำพูดกับอันธพาลหูหนวกตาบอดที่เอาแต่วู่วามทำร้ายคนแล้ว

เวินซื่อกล่าวจบก็หันตัวเดินเข้าไปในห้อง ค้นหาชุดสีฟ้าครามเรียบ ๆ ออกมาจากในตู้เสื้อผ้า

ในขณะเดียวกัน เวินจื่อเฉินที่อยู่ข้างนอกยังคงไม่จบไม่สิ้น

“ฮึ ได้สิ ตรวจสอบก็ตรวจสอบ หากข้าพบว่าเจ้าเล่นตุกติกกับชุดพิธีการนี้จริง ๆ เจ้าก็รอข้าจัดการเจ้าอย่างหนักได้เลย!”

ครู่ต่อมา

เมื่อเวินซื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินออกไป ชุดพิธีการที่เคยพับไว้เรียบร้อยนั้นถูกเวินจื่อเฉินรื้อจนเละเทะไปแล้ว

เวินเยวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ เขาชะโงกหน้ามอง

แม้นางไม่ได้ลงมือค้นหา แต่เนื่องจากนางมั่นใจว่าเวินซื่อจะต้องเล่นตุกติก ดังนั้นจึงคอยจับจ้องอยู่ตลอด

แต่จนกระทั่งเวินจื่อเฉินค้นดูทั้งชุดแล้วก็ไม่พบร่องรอยเล่นตุกติกใด ๆ เลย

เวินเยวี่ยขมวดคิ้ว

หรือว่านางเดาผิดไป?

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า สองพี่น้องก็เงยหน้ามองไปพร้อมกัน

ก่อนจะเห็นเวินซื่อที่เปลี่ยนชุดแล้วเดินออกมาอย่างช้า ๆ

เมื่อก่อนเวินซื่อแต่งตัวเรียบง่ายเช่นนี้น้อยมาก บวกกับรูปโฉมอันโดดเด่นของนาง มองแวบแรกก็ให้ความรู้สึกสง่างามบริสุทธิ์

เมื่อเทียบกับเวินซื่อที่แต่งตัวหรูหราในอดีต นางในเวลานี้เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจริง ๆ

ดวงตาของเวินเยวี่ยฉายแววอิจฉาทันที

สิ่งที่นางเกลียดที่สุดก็คือใบหน้านี้ของเวินซื่อ

หากมองมากเข้าจริง ๆ จะทำให้คนแทบอยากข่วนมันแรง ๆ!

เวินซื่อรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตอย่างบอกไม่ถูกจึงเชยตามองตรงไปยังต้นตอ แล้วสบเข้ากับดวงตาของเวินเยวี่ยทันใด

เวินเยวี่ยคิดไม่ถึงว่าเวินซื่อจะสัมผัสไวถึงเพียงนี้

ถึงขนาดที่ใบหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยชะงักงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติกลับมารีบเก็บงำซ่อนเร้นไว้ทันที

เวินซื่อหัวเราะหยันในใจ ปรายตามองชุดพิธีการที่เละเทะบนโต๊ะ

“เป็นอย่างไรบ้าง หาอะไรเจอหรือไม่?”

เวินจื่อเฉินที่ไม่พบอะไรเช่นกันก็มีสีหน้าดูไม่ดีเล็กน้อย

แต่เขาไม่ทันเอ่ยปาก เวินเยวี่ยก็เอ่ยก่อนว่า “พี่หญิงห้า ท่านอย่าโมโหเลย เมื่อครู่นี้จู่ ๆ มือของข้าก็เป็นตะคริว พี่รองเป็นห่วงข้ามากเกินไป พอได้ยินข้าบอกว่าเจ็บก็เข้าใจผิดแล้ว”

นางแสดงท่าทีขออภัย และจงใจแลบลิ้นเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “ขออภัยด้วยนะเจ้าคะพี่หญิงห้า ท่านอย่าโทษพี่รองเลยนะ หากจะโทษ ท่านก็โทษข้าเถิด”

“เรื่องนี้จะโทษเจ้าได้อย่างไร? หากจะโทษก็ต้องโทษตัวนางเองต่างหาก”

เวินจื่อเฉินขมวดคิ้วไม่เห็นด้วยทันที ก่อนจะปรายตามองเวินซื่อแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงรังเกียจว่า “หากไม่ใช่เพราะคนบางคนมีจิตใจชั่วช้าเป็นปกติ ทำเรื่องเลวทรามเอาไว้ถึงที่สุด ข้าก็คงไม่คิดมากเช่นนี้ นางสมควรโดนปรักปรำแล้ว”

เวินซื่อรู้สึกขยะแขยงสองคนนี้อีกครั้ง

นางหยิบชุดพิธีการชุดนั้นขึ้นมา แล้วถามเวินเยวี่ยอย่างเย็นชาว่า “เจ้ายังจะต้องการชุดพิธีการนี้อยู่หรือไม่? หากต้องการก็เอาไป”

เวินเยวี่ยอยากได้แน่นอน

แต่นางเพิ่งเดินหมากพลาดไปก้าวหนึ่ง ต่อให้อยากได้ก็ไม่ใช่เวลานี้

ดังนั้นนางจึงแสดงด้านที่ใจดีมีเมตตาและใจกว้างของตัวเองออกมาอย่างเหมาะสม “ช่างเถิดเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าชุดพิธีการนี้เป็นชุดที่พี่หญิงห้าชอบมากที่สุด พี่หญิงห้าจะต้องตัดใจไม่ลงอยู่แล้ว”

“เมื่อครู่นี้เป็นเพราะข้าทำให้พี่รองปรักปรำท่านโดยไม่ได้ตั้งใจ ถือว่าพวกเราหายกันแล้ว พี่หญิงห้าไม่ต้องชดใช้ให้ข้าหรอก ถึงอย่างไรต่อไปพวกเรายังเป็นพี่น้องที่ดี!”

ถึงอย่างไรวันนี้ก็ยังเหลือเวลา ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนตอนนี้ก็ได้

สิ่งที่นางต้องการก็จะต้องเป็นของนาง

ชุดพิธีการของพิธีปักปิ่นไม่จำเป็นต้องสวมทันที แต่จะสวมตอนปักปิ่นสวมเครื่องประดับศีรษะและเปลี่ยนชุดในพิธีปักปิ่น

ดังนั้นเวินเยวี่ยจึงไม่รีบร้อน

สีหน้าของเวินจื่อเฉินดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย ก่อนจะเชิดคางขึ้นทำสีหน้าเย่อหยิ่ง

“ได้ยินแล้วกระมัง? ในเมื่อน้องหกบอกว่าหายกันแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็เก็บไว้เองเถิด แต่เจ้าอย่าคิดว่าจะจบลงแค่นี้นะ ต่อไปหากเจ้ากล้ารังแกน้องหกอีก ข้า...เจ้ากำลังทำอะไร?!”

เวินจื่อเฉินยังกล่าวไม่ทันจบ ม่านตาก็หดลงฉับพลัน เขามองการเคลื่อนไหวบนมือของเวินซื่ออย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ฉับ!”

เวินซื่อถือกรรไกรแล้วตัดลงไป

ชุดพิธีการที่หรูหราชุดนั้นถูกนางตัดเละโดยไม่มีความปรานีเลยแม้แต่น้อย
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Surinna Hathaisaard
สนุกคะ อ่านต่อคะ
goodnovel comment avatar
นิว งามโรจน์
สนุกดีจังคับ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1126

    การจับคนทรยศเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ต้องไล่ตามนางให้ทันก่อนเพื่อไม่ให้แผนการของชางชิงหลานล้มเหลว ปรมาจารย์กู่ชุดดำจำต้องควักแมลงกู่ที่ทุ่มเทเลี้ยงดูออกมาหลายตัวขณะที่เขาปล่อยแมลงกู่เรียวยาวที่ยาวเท่าแขนแต่เรียวกว่าเมล็ดข้าวลงไปในน้ำ ใบหน้าภายใต้เสื้อคลุมสีดำนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดแมลงกู่พิเศษชนิดนี้ใช้ไปหนึ่งตัวก็จะหายไปหนึ่งตัวแต่ตอนนี้จะมัวสนใจไม่ได้แล้ว ต่อให้จับนางไม่ได้ ก็ต้องติดตามร่องรอยของธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งต้าหมิงอย่างใกล้ชิดดังนั้นเขาจึงปล่อยแมลงกู่เรียวยาวสามตัวออกมาในคราวเดียว แล้วให้ตะขาบยาวอื่น ๆ คุ้มกันหลังจากจัดการแมลงพิษที่เฝ้าทางลับลงแล้ว แมลงกู่เรียวยาวสามตัวนั้นก็พาฝูงตะขาบยาวชอนไชเข้าไปในทางลับทันที ก่อนจะไล่ตามไปในทิศทางที่หลานซื่อกับพวกหลบหนีไปส่วนปรมาจารย์กู่ชุดดำแน่นอนว่าไม่ยอมนั่งรออยู่ที่นี่ ทิ้งกำลังคนส่วนหนึ่งคอยเฝ้าริมสระน้ำไว้ จากนั้นเขาก็นำคนอื่น ๆ ทยอยกระโดดลงน้ำตามไปทันทีที่แมลงพิษที่ทิ้งไว้ตาย หลานซื่อก็สังเกตเห็นได้ทันทีและจากข้อมูลสุดท้ายที่เหล่าแมลงพิษส่งกลับมา ผู้ที่ไล่ตามมาต้องเป็นปรมาจารย์กู่ชุดดำที่เป็นผู้ใต้บ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1125

    ชาวต่างเผ่าที่อยู่ข้างสระน้ำเหล่านั้น หลังจากที่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงบนร่างกายแล้ว ก็สลัดแมลงพิษบนตัวอย่างบ้าคลั่ง บางคนถึงกับคิดจะวิ่งหนีน่าเสียดายที่สายเกินไปแล้วฝูงแมงมุมพิษร้ายแรง ฝูงตะขาบพิษร้ายแรง...หลังจากฝูงแมลงพิษเหล่านี้ตกลงบนร่างกายของชาวต่างเผ่า ก็กัดพวกเขาไว้ไม่ยอมปล่อยในชั่วขณะเดียว ก็มีคนกว่าสิบคนถูกฝูงแมงมุมปกคลุมและกัดกินส่วนคนที่ถูกฝูงตะขาบปกคลุม ตะขาบเหล่านั้นไม่เหมือนพวกแมงมุมที่ชอบกัดกินจากข้างนอกเข้าไปข้างใน พวกมันชอบกัดกินจากข้างในออกสู่ข้างนอก ดังนั้นตะขาบที่หนาเท่ากับนิ้วมือแต่ละตัวจึงเล็งไปที่ปาก จมูก ตา และหูของชาวต่างเผ่าโดยตรง จากนั้นก็รีบเร่งเจาะเข้าไปในร่างกายของพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นกัดกินอย่างดุเดือด“โอ๊ยยยย!!”“ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย!”“อย่ากินข้า! อย่ากินข้า!”เสียงกรีดร้องอันโหยหวน เสียงขอความช่วยเหลืออย่างเจ็บปวด...ในชั่วขณะนั้น ภาพริมสระเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งชาวต่างเผ่าที่ถูกฝูงแมลงพิษพัวพันดิ้นรนได้ไม่นาน ก็ล้มลงบนพื้นทีละคนด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว ไม่นานก็กลายเป็นซากศพกระดูกขาวที่ยังคงมีเส้นเลือดและเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1124

    ทางเข้าลับแห่งหนึ่งถ่ายทอดผ่านสายตาของแมลงพิษที่ค้นพบ แวบผ่านสายตาหลานซื่ออย่างรวดเร็วนางพูดกับเกาหยางและพวกทันทีว่า “รีบไป! ถอยกลับ ไปที่ริมสระน้ำที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตร!”เกาหยางและพวกก็สังเกตเห็นการเข้าใกล้ของเวินเฉวียนเซิ่งที่พาชาวต่างเผ่าเหล่านั้นมาเช่นกันเมื่อเห็นว่ากำลังจะถูกพบ คำสั่งของหลานซื่อก็ถูกส่งลงมาในทันทีพวกเขาเคลื่อนไหวทันที ถอยหนีไปข้างหลังโดยไม่ลังเลคนสิบกว่าคนมีฝีมือดีเยี่ยม เคลื่อนไหวว่องไวถ้าเป็นเพียงพวกเขาเอง การจะถอยออกไปอย่างไร้สุ้มเสียงโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็นนั้น ย่อมไม่มีปัญหาแน่นอนแต่พวกเขายังพาเวินเยวี่ยมาด้วยอีกคนเวินเยวี่ยได้ยินเสียงบิดาของนางมานานแล้ว เพียงแต่ถูกเกาหยางควบคุมไว้ นางจึงไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ หรือสร้างความเคลื่อนไหวใด ๆ เลยเพราะเมื่อใดที่นางมีความคิด ชายชั่วที่จับนางไว้ผู้นั้นก็เหมือนมีตาเพิ่มมาสิบคู่ มองทะลุความคิดของนางได้ในทันที จากนั้นก็ออกแรงบีบกระดูกสะบักของนางไว้แน่นความเจ็บปวดเช่นนั้น ทำให้เวินเยวี่ยรู้สึกเหมือนกระดูกสะบักของตนเองกำลังจะถูกเขาบีบให้แหลกละเอียดดังนั้นก่อนหน้านี้เวินเยวี่ยจึงทำได้เพียงอยู่เฉย ๆ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1123

    แต่พอถึงที่ ก่อนที่เกาหยางและพวกจะพุ่งออกไป ฝูงแมงมุมก็ปรากฏตัวขึ้นขวางทางพวกเขาไว้อย่างฉับพลันเมื่อจำได้ว่าแมลงกู่เหล่านี้หลานซื่อเป็นผู้ส่งออกมา เกาหยางก็เข้าใจทันทีมีคนขวางทาง ทางข้างหน้าไปไม่ได้พวกเขาไปจากที่นี่ไม่ได้แล้วแมงมุมผลึกตัวหนึ่งปีนขึ้นไปบนหัวไหล่ของเกาหยางอย่างรวดเร็ว เสียงที่คุ้นเคยเข้าสู่หูของเกาหยาง...“ตามมา กลับไปที่สวนพฤกษา”กลับสวนพฤกษา?จะไม่ไปปะทะกับทหารที่ไล่ตามหลังมาหรอกหรือ?ช่างเถิด ทำตามที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์สั่ง!เกาหยางลังเลเพียงชั่วครู่ ก็ทำตามคำสั่งของหลานซื่อทันที พาเวินเยวี่ยที่ถูกมัดและอุดปากไว้ กลับไปที่สวนพฤกษาพร้อมกับคนอื่น ๆแต่หลานซื่อย่อมไม่ปล่อยให้พวกเขาหันกลับไปประจันหน้ากับปรมาจารย์กู่ชุดดำและพวกเช่นนั้นที่นางไม่ปรากฏตัวนานเช่นนี้ ก็เพื่อให้อวิ่นซิงวางหมากไว้ทั่ววังหลวง เพื่อจับตาดูผู้คนในทุกทิศทางเพราะนางไม่คิดจะเชื่อมั่นองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองอย่างสมบูรณ์อยู่แล้วไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาควรค่าแก่การเชื่อถือหรือไม่ ต่อให้พวกเขาจะไม่หักหลัง แต่คนอื่น ๆ ในวังหลวงนี้เป็นคนโง่เขลาหรืออย่างไร?โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้ารื่อหวังผู้นั้น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1122

    “ท่านมีราชากู่ ข้าก็มีราชากู่ ข้าจะดูว่าของใครจะเหนือกว่ากัน!”ปรมาจารย์กู่ชุดดำตะโกนเสียงแหบห้าวออกมาราชากู่ตะขาบสีแดงเลือดตัวนั้นยืนเด่นอยู่เหนือศีรษะของเขา จากนั้นก็ส่งเสียงร้องอันเล็กแหลมออกมาเช่นกันขัดขวางเสียงของอวิ่นซิงที่ใช้ข่มขวัญฝูงกู่ตะขาบ และในขณะเดียวกันก็เหมือนมีดแหลมที่ไร้เสียงและรูปร่างพุ่งตรงเข้าเสียบศีรษะของเกาหยางกับพวกเกาหยางและพวกรู้สึกทันใดว่าศีรษะถูกกระแทกอย่างแรงสิบกว่าผู้คนต่างตัวโยก เดินโซเซฝูงตะขาบยาวที่เพิ่งไล่ตามมาคว้าโอกาสไว้แล้วพุ่งเข้าใส่ทันที เพียงพริบตาเดียวก็เลื้อยขึ้นไปถึงน่องของเกาหยางและคนอื่น ๆแต่เมื่อพวกมันเพิ่งเลื้อยขึ้นไปถึงหัวเข่า แมงมุมขนาดเท่าฝ่ามือก็พากันกระโดดออกมาจากหัวไหล่ของเกาหยางกับพวกคนละตัวแมงมุมเหล่านั้นพ่นพิษลงใส่ตะขาบยาวด้านล่างทันใด เมือกพิษสาดกระเซ็นลงมาทันทีทั้งหมดตกลงบนลำตัวตะขาบเหล่านั้นตะขาบที่เลื้อยขึ้นมาไม่มีรอดสักตัว ในทันใดที่สัมผัสกับเมือกพิษเหล่านั้น แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ก็จะถูกพิษกัดกร่อนจนหมดสิ้น ยังไม่ทันได้ดิ้นรนด้วยซ้ำ“เป็นไปไม่ได้!”ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ปรมาจารย์กู่ชุดดำที่ควบคุมตะขาบยาวนั้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1121

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาหยางกับพวก ท่าทางการฆ่าปิดปากนั้นไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อยตอนแรกพวกปรมาจารย์กู่ชุดดำที่ล้อมเวินเยวี่ยไว้ตรงกลางยังสามารถรับมือได้บ้าง แต่ไม่นานพวกเขาก็ถูกทะลวงฟันจนแตกกระเจิงส่วนเกาหยางนั้นมีเป้าหมายชัดเจนนั่นคือ สังหาร...จับกุมตัวหลังจากฆ่าฟันจนเลือดนองเป็นสาย เขาก็จับตัวเวินเยวี่ยได้เวินเยวี่ยหันหลังกลับและคิดจะหนี แต่ในเวลานี้พวกเขาทั้งหมดถูกล้อมไว้หมดแล้วและการเคลื่อนไหวของเกาหยางนั้นรวดเร็วรุนแรงและแม่นยำยิ่งกว่า เมื่อนางเพิ่งวิ่งออกไปได้ก้าวเดียว เขาก็จับหัวไหล่นางไว้ทันทีหลังจากควบคุมตัวเวินเยวี่ยไว้ได้แล้ว เกาหยางก็ต้องการจะพานางออกไปทันทีแต่ปรมาจารย์กู่ชุดดำจะยอมเห็นเขาพานางไปได้อย่างไร!“รนหาที่ตาย!”หลังจากปรมาจารย์กู่ชุดดำตะโกนด้วยโทสะ ก็ยกเท้าขวาขึ้นแล้วกระทืบพื้นอย่างแรงในชั่วพริบตา ตะขาบยาวนับไม่ถ้วนก็ร่วงลงมาจากใต้เสื้อคลุมสีดำที่หลวมโคร่งของเขาราวกับเทพธิดาโปรยดอกไม้ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่เกาหยางกับพวกด้วยความเร็วสูงภาพอันเนืองแน่นนั้นชวนขนหัวลุกเสียจริง แม้แต่เกาหยางที่เคยเห็นซากศพและฉากนองเลือดมานับไม่ถ้วน ก็ยังทนดูภาพที่มีแมลงเต็

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status