Share

บทที่ 6

Author: จิ้งซิง
ผู้ที่มามีรูปร่างสูงสง่าราวกับไผ่สน สวมอาภรณ์เสื้อคลุมสีกรมท่า รูปลักษณ์สง่างาม โฉมหน้าหล่อเหลา

ชื่อของเขาคือเวินฉางอวิ้น เป็นพี่ใหญ่ของนาง และก็เป็นคุณชายใหญ่ของจวนกั๋วกง

“น้องห้า เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?”

เวินฉางอวิ้นมองเวินซื่อด้วยสายตาเย็นชา

ความรู้สึกกดดันที่แผ่ลงมาจากด้านบนทำให้เวินซื่อแทบหายใจไม่ออกนิดหน่อย

เมื่อก่อนนางโง่งม คิดเพียงว่าเวินฉางอวิ้นรูปร่างสูงใหญ่ ถึงมอบความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ให้นาง

ทว่าต่อมาจนกระทั่งเมื่อนางเห็นกับตาว่าเวินฉางอวิ้นก้มตัว ก้มหน้าให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับเวินเยวี่ยเพียงเพื่อรับฟังความคับข้องใจจากปากของนาง เวินซื่อถึงได้เข้าใจว่าที่แท้ตนเองเป็นเพียงคนชั้นล่างที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของพี่ใหญ่

“ข้าไม่เข้าใจคำพูดของพี่ใหญ่ ไม่ทราบว่าข้ามีความผิดอันใด ขอพี่ใหญ่โปรดชี้แจงด้วย”

ไม่ใช่ว่าเวินซื่อไม่เห็นชุดพิธีการที่เขาถืออยู่ในมือ

ดังนั้นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขามาเพราะเหตุใด

แต่แล้วอย่างไรเล่า?

ไม่ถามสักคำ มาถึงก็อยากให้นางยอมรับความผิด?

มีสิทธิอันใด?

เวินฉางอวิ้นทำสายตาเย็นชา แต่สายตาของเวินซื่อกลับเย็นชายิ่งกว่าเขา

เวินฉางอวิ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเผยความไม่พอใจ “เจ้ามีนิสัยเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร? โอหังทำตัวอำเภอใจถึงเพียงนี้ ไม่รู้หรือว่ากำลังพูดไร”

“ข้าแค่ไม่รู้ว่าข้าทำผิดตรงไหนเท่านั้น นี่ก็ทำให้พี่ใหญ่โมโหแล้วหรือ? คำว่า ‘โอหังทำตัวอำเภอใจถึงเพียงนี้ ไม่รู้หรือว่ากำลังพูดไร’ ช่างทำให้น้องรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมยิ่งกว่าคนที่ถูกปรักปรำที่สุดในโลกอีก”

“เจ้ายังกล้าบอกว่าไม่รู้ตนเองทำผิดตรงไหนหรือ? แล้วนี่คืออะไร?”

เวินฉางอวิ้นโกรธจัด โยนชุดพิธีการมาอยู่ข้างเท้าของเวินซื่อ “พี่รองของเจ้าบอกว่าเจ้าตัดมันกับมือ เดิมทีข้าไม่เชื่อ ถึงอย่างไรชุดนี้ก็เป็นชุดพิธีการที่เจ้ารักทะนุถนอมมากที่สุด แต่ตอนนี้ดูอารมณ์ของเจ้าแล้ว ข้าก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อ”

“ถูกต้อง ข้าตัดเองกับมือ ก็แค่ตัดชุดที่ไม่มีผู้ใดต้องการเท่านั้น หากพี่ใหญ่คิดว่านี่เป็นความผิดของข้า เช่นนั้นก็แล้วแต่พี่ใหญ่จะคิดอย่างไรเถิด”

ถึงอย่างไรในสายตาของเวินฉางอวิ้น ไม่ว่านางจะทำอย่างไรล้วนเป็นความผิดทั้งหมด

แตกต่างจากที่คาดเดาไว้ เวินฉางอวิ้นนึกว่านางจะเถียง เวินซื่อไม่เพียงไม่เถียง แต่ยอมรับโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย

“ชุดที่ไม่มีผู้ใดต้องการ?”

เวินฉางอวิ้นยิ่งโกรธขึ้นเรื่อย ๆ “ชุดพิธีการนี้เป็นชุดที่ข้ากับพี่ชายอีกสามคนของเจ้าตั้งใจสั่งทำให้เจ้าร่วมกัน ตอนแรกเจ้าเอาแต่พูดว่าตนเองหวงแหนมันอย่างยิ่ง ตอนนี้กลับบอกว่าเป็นชุดที่ไม่มีผู้ใดต้องการหรือ?”

“ใช่!”

เวินซื่อหันหน้ากลับมาฉับพลัน นัยน์ตาสองข้างของนางมองตรงไปที่นัยน์ตาของเวินฉางอวิ้น ก่อนจะเอ่ยทีละคำ

“ก็แค่ไม่มี ผู้ใด ต้องการ”

นางกล่อมตัวเองอยู่ในใจไม่หยุดว่าให้ใจเย็น ๆ การต่อต้านคนอย่างเวินฉางอวิ้นไม่มีผลดีอะไรกับนางเลย

นางแค่ต้องอดทน อดทนอีก อดทนจนกระทั่งออกจากบ้านหลังนี้...

“อะไรกัน? พี่ใหญ่โกรธมากหรือ? อยากลงโทษข้า? อยากใช้กฎตระกูลกับข้า หรืออยากบังคับให้ข้าคุกเข่าเล่า?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซื่อกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

นางเหมือนแบ่งออกเป็นสองคนก็ไม่ปาน

คนหนึ่งเกลี้ยกล่อมตัวเองอยู่ในใจว่าให้ใจเย็น ๆ อีกคนกลับคลุ้มคลั่งเหมือนสมองสูญเสียการควบคุม

สุดท้ายนางเลือกปลดปล่อยตนเอง ระบายออกมาก็ระบายออกมาเถิด

อยากลงโทษก็ลงโทษ

ก็แค่คุกเข่าในพิธีปักปิ่นอีกครั้งเท่านั้น

ไม่ใช่ว่าไม่เคยถูกเวินฉางอวิ้นบังคับให้คุกเข่ามาก่อน

“พี่ใหญ่ชอบน้องสาวที่เชื่อฟังมากที่สุดไม่ใช่หรือ? ดีเลย ขอเพียงพี่ใหญ่เอ่ย ข้าจะคุกเข่าให้ท่านทันที จะให้คุกเข่าที่นี่? หรือว่าคุกเข่าข้างนอก? ไม่เช่นนั้นจะให้ไปที่พิธีปักปิ่นหรือไม่? ขอเพียงพี่ใหญ่เอ่ยคำเดียว ข้าคุกเข่าให้พี่ใหญ่ต่อหน้าผู้คนก็ได้? หรือพี่ใหญ่คิดว่าเช่นนี้ยังไม่เพียงพอ...”

เวินซื่อยั่วยุเวินฉางอวิ้นประโยคแล้วประโยคเล่า จนกระทั่งเวินฉางอวิ้นอดทนไม่ไหวอีกต่อไป...

“พอได้แล้ว!”

เวินฉางอวิ้นมองนางอย่างตกใจระคนสงสัย เอ่ยถามว่า “เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”

ท่าทางของเวินซื่อในตอนนี้แทบจะล้มล้างความเข้าใจเดิมที่เวินฉางอวิ้นมีต่อน้องสาวผู้นี้

ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนนางเคารพพี่ชายถึงเพียงนั้น เชื่อฟังถึงเพียงนั้น แม้ว่าต่อมานางจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นคิดมาก ชอบแย่งความรัก ชอบอิจฉา แต่ก็ไม่เคยไม่เห็นพี่ชายอยู่ในสายตาอย่างเช่นวันนี้เลย

ราวกับว่าบ้าไปแล้วจริง ๆ

เวินซื่อถูกขัดบท รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อย ๆ เลือนหายไป

เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาไม่เข้าใจของเวินฉางอวิ้น นางก็เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ใช่ ข้าแค่บ้าไปแล้ว”

ถูกพวกท่านบีบให้เป็นบ้า

เวินฉางอวิ้นอ้าปาก อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่มองแววตาเย็นชาเป็นพิเศษของเวินซื่อ เขาก็ขมวดคิ้วช้า ๆ ไม่เอ่ยวาจาอยู่เนิ่นนาน

จนกระทั่งเวินซื่อหมดความอดทนเล็กน้อย เขาถึงค่อยเอ่ยปากกล่าวว่า “พิธีปักปิ่นใกล้จะเริ่มแล้ว ไปกันเถิด”

แต่เขาเหมือนกลัวว่าอีกเดี๋ยวเวินซื่อจะเป็นบ้าเช่นนี้ในพิธีปักปิ่น เขาจึงเอ่ยเสริมเหมือนกับเตือนว่า

“มีแขกเหรื่อมากมายอยู่ที่เรือนด้านหน้า เจ้า...ระวังกิริยาวาจาของตนเองบ้าง อย่าให้สกุลเวินของเราอับอายขายหน้า”

เมื่อเวินฉางอวิ้นเดินออกไปหลายเมตร แต่ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง เขาจึงหันหน้ากลับไปดู ก่อนจะพบว่าเวินซื่อไม่ขยับเขยื้อนเลย

“เหตุใดถึงไม่ไป?”

“พี่รองไม่อนุญาต”

“เหลวไหล”

เวินฉางอวิ้นคิดเพียงว่าเวินซื่อกำลังงอน “วันนี้เป็นวันสำคัญของเจ้ากับน้องหก จะขาดไปไม่ได้”

เวินซื่อมองเขาอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าบอกแล้วว่าพี่รองไม่อนุญาต นี่พี่ใหญ่จะบังคับข้าให้ได้หรือ? หากเป็นเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวข้าไปแล้ว หากพี่รองจะตบตีข้า พี่ใหญ่จะขวางแทนข้าหรือไม่? หากไม่ขวาง เช่นนั้นข้าไม่ไปจะดีกว่า จะได้ไม่ถูกตบตีอีก”

เวินฉางอวิ้นหมดความอดทนแล้ว “พี่รองของเจ้าโมโหร้าย แค่ไม่เคยตบตีคนโดยไร้เหตุผล...”

“พี่ใหญ่ตาบอดไปแล้วหรือ?”

เวินซื่อใช้คำพูดเฉียบคมฝืนตัดบทเขา แล้วเอียงใบหน้า “ใบหน้าของข้ายังบวมอยู่เลยนะ? พี่ใหญ่มองไม่เห็น หรือว่าพี่ใหญ่รังเกียจที่จะมอง?”

เวินฉางอวิ้นเพ่งมอง ใบหน้าของเวินซื่อบวมแดงนิดหน่อยจริง ๆ ด้วย หากเดินออกไปเช่นนี้เลย เกรงว่าใครมองเห็นเข้า วันหน้าอาจจะลือคำพูดอะไรที่ไม่น่าฟังก็เป็นได้

เมื่อครู่นี้เขาเอาแต่โกรธเรื่องเวินซื่อตัดชุดพิธีการจนเละ ไม่ได้สังเกตเรื่องพวกนี้เลย

ตอนนี้เห็นแล้ว เขาก็อดขมวดคิ้วอีกครั้งไม่ได้

หรือว่าจื่อเฉินจะลงมือกับน้องห้าจริง ๆ?

เขารู้ว่าน้องรองเป็นคนเจ้าอารมณ์ชอบลงไม้ลงมือนิดหน่อย น้องห้าไม่เชื่อฟังเท่าน้องหกจริง ๆ แต่ว่าต่อให้น้องห้ากระทำความผิดก็ไม่ควรตบตีนางในวันงานสำคัญเช่นนี้ มีเรื่องอะไรรอให้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยตีไม่ได้หรือ?

ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย

เวินฉางอวิ้นที่มีปฏิกิริยาแรกก็คือปกป้องชื่อเสียงของจวนกั๋วกงคิดเช่นนี้

เดิมทีเวินฉางอวิ้นอยากให้เวินซื่อไปแต่งหน้าสักเล็กน้อย ปกปิดรอยแดงบนใบหน้า แต่ว่ามีคนมาเร่งข้างนอกอีกแล้ว

เขาจึงได้แต่พูดกับเวินซื่อว่า “อีกประเดี๋ยวเจ้าระวังปกปิดเสียหน่อย หากใครถามก็บอกว่าหกล้ม เข้าใจหรือไม่?”

หกล้ม?

หกล้มอย่างไรถึงโดนแค่ใบหน้าข้างเดียว แถมยังทิ้งรอยฝ่ามืออีก?

เวินซื่อไม่รู้สึกผิดหวังต่อปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ของเวินฉางอวิ้นเลยสักนิดเดียว นางถึงขนาดคุ้นชินนานแล้ว

“ได้เจ้าค่ะ ขอเพียงพี่ใหญ่ขวางพี่รองแทนข้า เช่นนั้น ข้า จะ ทำ ตามที่พี่ใหญ่บอก”

นางอยากดูว่าทุกคนจะตาบอดเหมือนคนสกุลเวินหรือไม่

ผ่านไปไม่นาน เวินซื่อเดินตามเวินฉางอวิ้นมาถึงเรือนด้านหน้า

เวลานี้เรือนด้านหน้าของจวนกั๋วกงมีผู้คนคับคั่ง คึกคักอย่างยิ่ง

ทันทีที่เวินซื่อเพิ่งปรากฏตัว สายตารอบด้านก็ทอดมองมาที่นาง

ในนั้นมีทั้งเหยียดหยาม เยาะหยันและชมเรื่องสนุก

เวินซื่อจับสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายหนึ่งในนั้นได้อย่างเฉียบคม นางมองตามไปก็เห็นเวินเยวี่ยกำลังยืนอยู่กับบุรุษที่หล่อเหลาสดใสมีความเด็ดเดี่ยวเยือกเย็น

และเจ้าของสายตามุ่งร้ายนั้นก็คือบุรุษผู้นั้นเอง

ชื่อของเขาคือชุยเส้าเจ๋อ ซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหว

และเป็นคู่หมั้นที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กของนาง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
น.ส.นันทพร กิจสนาโยธิน
ยิ่งอ่านยิ่งสนุก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1134

    เก่อถูโล่งอกที่เกราะป้องกันหัวใจตรงหน้าอกของเขาช่วยต้านไว้ได้ส่วนหนึ่ง จึงทำให้หอกนั้นแทงเฉไปเล็กน้อยแต่ก็แค่ทำให้เขาทนอยู่ได้อีกเพียงครู่หนึ่งเท่านั้นภายใต้การโจมตีขนาบหน้าหลังของกองทัพธงดำและฝูงแมลงพิษ ทหารต่างเผ่าเหล่านั้นก็ไม่อาจต้านทานไว้ได้นานเพียงไม่นาน ในป่าเขาก็เต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณของทหารต่างเผ่าที่ล้มตายเป็นทิวแถวสุดท้ายก็เหลือเพียงเก่อถูผู้เดียวเขาคุกเข่าลงกับพื้น หันกลับไปต้องการมองไปทางที่ตั้งของราชสำนักคราหนึ่งน่าเสียดายที่ยอดไม้อันหนาทึบบดบังทุกสิ่งไว้เขาจึงได้แต่หันกลับมา “ข้า...”“ฉัวะ!”เก่อถูดูเหมือนยังอยากจะพูดสั่งเสียอะไรสักอย่าง แต่เป่ยเฉินหยวนที่เต็มไปด้วยโทสะมานานแล้วย่อมไม่คิดจะให้โอกาสนี้แก่เขา ก้าวขึ้นหน้าไปก้าวหนึ่ง แล้วเชือดคอเขาทันทีเสียง ‘ตุบ’ ดังขึ้น คนล้มลงกับพื้นหลังจากเช็ดคราบเลือดบนมือจนสะอาดแล้ว เป่ยเฉินหยวนจึงกลับมายังข้างกายหลานซื่อ“ตกใจหรือเปล่า?”หลานซื่อยิ้มเล็กน้อย “ท่านคิดว่าข้าตกใจง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ?”เป่ยเฉินหยวนได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเช่นกัน “ก็จริง เจ้าใจกล้ามาก กลับเป็นข้าที่เกือบจะขวัญเสียเพราะเจ้าเสียแล้ว”

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1133

    ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นเข้ามาจากกลางหน้าอก เก่อถูไม่ทันได้ตั้งตัวแต่เก่อถูก็ยังคงเป็นเก่อถู ถึงจะเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้ล้มลงในทันทีเขาดิ้นรนอย่างไม่ย่อท้อเพื่อให้หลุดพ้นจากปลายหอกของเป่ยเฉินหยวน ก่อนจะกุมบาดแผลที่หน้าอกโซเซถอยหลังไปหลายก้าวเมื่อทหารใต้บัญชาของเขาเข้ามาประคองไว้ หันกลับไปก็มองเห็นชัดเจนว่าศัตรูที่โผล่ออกมาตรงหน้าคือใคร ผมสีเงินอันเป็นเอกลักษณ์ปลิวไสวไปตามลมภูเขา การโจมตีอย่างหนักที่กระหน่ำใส่เก่อถูทำให้เขาตกใจกลัวยิ่งกว่าหอกที่อยู่บนหน้าอกเสียอีก“ท่าน...เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้...ท่านจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?!”เก่อถูมองเป่ยเฉินหยวนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงเขาจับท่อนแขนทหารข้างกายไว้แน่น ถอยหลังไปทีละก้าวอย่างควบคุมไม่ได้ท่าทีอันผิดแผกของแม่ทัพผู้นำทำให้เหล่าทหารต่างเผ่าคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างกายต่างสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลเหล่าทหารยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ในใจของเก่อถูนั้นกลับร้อนรุ่มวุ่นวายอยู่นานแล้ว“ท่านคืออ๋องผู้สำเร็จราชการแทนแห่งต้าหมิง! เป็นท่าน! เป็นท่านนั่นเอง!”“เหตุใดท่านถึงมาปรากฏตัวที่นี่?! เป่ยเฉินหยวน พวกท่านชาวต้า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1132

    เก่อถูมองไม่เห็นทิศทางที่ลูกธนูยิงมา รู้เพียงว่ายิงออกมาจากส่วนลึกของป่าลูกธนูดอกนั้นปักคาอยู่กลางฝ่ามือของเขาพอดีก้านธนูที่คุ้นเคยทำให้หลานซื่อและเกาหยางกับพวกจำได้แทบจะในทันที“อ๋องผู้สำเร็จราชการแทน!”“ท่านอ๋อง!”“ท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”เกาหยางกับพวกตื่นเต้นดีใจยิ่งนักหลานซื่อก็อดรู้สึกยินดีอยู่ในใจไม่ได้ในที่สุดก็มาแล้ว!เมื่อเห็นหลานซื่อกับพวกที่ถูกล้อมอยู่ตรงกลางเปลี่ยนสีหน้าไปอย่างฉับพลัน เก่อถูก็รู้ทันทีว่ากำลังเสริมของชาวต้าหมิงเหล่านี้มาถึงแล้วเก่อถูที่กำลังหลงใหลในความงามก็ได้สติขึ้นมาทันทีจะปล่อยให้ชาวต้าหมิงเหล่านี้หนีไปไม่ได้!“สังหารพวกเขาเดี๋ยวนี้! ห้ามปล่อยไว้แม้แต่คนเดียว!”ครั้งนี้เก่อถูไม่คิดที่จะไว้ชีวิตหลานซื่อไว้อีกต่อไป เพราะต่อให้หญิงงามเพียงใด ก็เทียบกับชีวิตของเขาไม่ได้หากครั้งนี้ เขาทำเรื่องนี้ล้มเหลว แม้ว่าเขาจะไม่ถึงตาย แต่องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองก็ไม่มีทางยกโทษให้เขาง่าย ๆ เด็ดขาดดังนั้นคนต้าหมิงเหล่านี้ต้องตาย!เก่อถูตัดสินใจหมายจะสังหารในทันทีทว่าตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว...ทันทีที่ลูกธนูของเป่ยเฉินหยวนปรากฏขึ้น เกาหยางกับพวกก็เหม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1131

    จู๋เยวี่ยรีบตรวจดูใบหน้าของหลานซื่อเป็นอย่างแรกแน่นอน หลานซื่อไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะนางสวมหน้ากากอยู่บนใบหน้าตลอดเวลาเพียงแต่ถึงแม้ใบหน้าจะไม่ถูกยิงบาดเจ็บ แต่ลูกธนูดอกนั้นกลับปัดหน้ากากบนใบหน้าของนางออกไปใบหน้าที่เย็นชาดุจเทพธิดาถูกเปิดเผยต่อสายตาของทุกคนในป่าเขาทันทีเก่อถูมองจนตะลึงงันอยู่กับที่สตรีต่างเผ่ามีไม่น้อย หญิงต่างเผ่าที่สะสวยก็มีไม่น้อยแต่สตรีที่งดงามราวกับเดินออกมาจากภาพวาด งามดั่งเทพธิดาเช่นนี้ กลับมีน้อยจนเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย!ไม่ถูก!เก่อถูได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว เขาเบิกตากว้างมองหญิงงามที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าอวบหนาของเขาเผยรอยยิ้มที่ตื่นเต้นและเหิมเกริมออกมาทันที “ท่านเป็นหญิงหรือ? ไม่สิ ท่านน่ะเป็นหญิง!”“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไม่นึกเลยว่าต้าหมิงจะมีสตรีที่งดงามเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังมาหาถึงที่อีก ดีจริง ดีเหลือเกิน!”เก่อถูหัวเราะลั่น อาจเป็นเพราะคล้อยตามอารมณ์ของเขา หรืออาจเป็นเพราะเสน่ห์ของความงามที่เย้ายวน ทหารต่างเผ่าที่เขาพามาด้านหลังต่างก็อดไม่ได้ที่จะร้อนรนขึ้นมาสายตาหลายคู่จับจ้องหลานซื่อ มีไม่น้อยที่เผยความหยาบโลนอันน่ารังเกียจออกมาแน่นอน เวลานี้ไม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1130

    เก่อถูโกรธจัดถึงขีดสุด สาบานว่าจะต้องสังหารหลานซื่อกับพวกให้ได้ทหารชั้นยอดที่ประตูเมืองตายไปเกือบหมด แต่ในเมืองเขายังมีกำลังคนอยู่หลังจากระดมทหารต่างเผ่าสองร้อยนายอย่างรวดเร็ว เขาก็รีบพาคนไล่ล่าไปตามทิศทางที่หลานซื่อกับพวกหนีไปทันทีเวลานี้หลานซื่อและเกาหยางกับพวกได้หนีออกมาเป็นระยะทางพอสมควรในเวลาอันสั้นแต่ถึงกระนั้น เกาหยางกับพวกก็ยังคงรู้สึกตกใจไม่หายไม่ใช่เพราะทหารที่ไล่ตามมาด้านหลัง แต่เป็นเพราะที่ประตูเมืองเมื่อครู่นี้พวกเขาสามารถรอดชีวิตมาได้อย่างปลอดภัยท่ามกลางผงพิษร้ายแรงเรื่องนี้ช่างน่าตกตะลึง แปลกประหลาด และน่ายำเกรงเกินไปแล้วกองทัพธงดำจำนวนไม่น้อยอดไม่ได้ที่จะแอบมองผีเสื้อสีทองตัวนั้นที่อยู่บนศีรษะของธิดาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเมื่อครู่ผีเสื้อตัวเล็ก ๆ เพียงตัวหนึ่ง ใช้ผงเกล็ดพิษร้ายที่กระพือออกจากปีกของมัน ล้มทหารต่างเผ่าไปเป็นจำนวนมากสภาพทหารต่างเผ่าเหล่านั้นที่กลายเป็นกระดูกแห้งในชั่วพริบตา ทำให้พวกเขายังคงจดจำได้ติดตาจนถึงตอนนี้ ไม่มีทางลืมได้เลยอย่าว่าแต่กองทัพธงดำเหล่านี้ แม้แต่เกาหยางก็ยังไม่นึกว่า จะมีแมลงที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้อยู่ข้างกายธิดาศักดิ์

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1129

    ทหารต่างเผ่าหลายสิบคนที่พุ่งเข้ามาล้วนแต่ร่างสูงใหญ่กำยำ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นขุนพลที่เก่งกาจในการต่อสู้ถึงอย่างไรก็เคยพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองสองพี่น้องคู่นี้ตัดสินใจแล้วว่าจะแก้แค้นหลังจากได้ยาถอนพิษ แล้วจะไม่มีการเตรียมตัวเพิ่มได้อย่างไรดังนั้นครั้งนี้พวกเขาจึงตั้งใจคัดเลือกทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในมือ ปลอมตัวเป็นทหารลาดตระเวนในวังหลวง ทั้งหมดฟังคำสั่งของเก่อถูคำสั่งขององค์ชายใหญ่ต่อเก่อถูมีเพียงข้อเดียว...หลังจากได้ยาถอนพิษแล้ว ให้สังหารชาวต้าหมิงเหล่านี้ทันที!ไม่ว่าต้องจ่ายด้วยราคาใดก็ตาม เอาเป็นว่าห้ามปล่อยให้หนีไปได้แม้แต่คนเดียว!เขาต้องการให้หลานซื่อกับพวกสิ้นชีพในวังหลวงทั้งหมด!ไม่ว่านางจะมีฐานะอะไรก็ตามหากเก่อถูรู้จักตัวตนที่แท้จริงของหลานซื่อ บางทีเขาอาจทัดทานองค์ชายใหญ่ของพวกเขา เพราะหากธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งต้าหมิงสิ้นชีพในวังหลวงจริง เกรงว่าจะนำความยุ่งยากไม่น้อยมาสู่พวกเขาแต่ตอนนี้เก่อถูไม่รู้ดังนั้นเขาจึงปฏิบัติตามคำสั่งที่องค์ชายใหญ่ของพวกเขามอบหมายให้ด้วยความภักดีเป็นอย่างยิ่งทหารต่างเผ่าคนอื่น ๆ ทั้งหมดกรูเข้าล้อมสังหารเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status