Share

บทที่ 6

Author: จิ้งซิง
ผู้ที่มามีรูปร่างสูงสง่าราวกับไผ่สน สวมอาภรณ์เสื้อคลุมสีกรมท่า รูปลักษณ์สง่างาม โฉมหน้าหล่อเหลา

ชื่อของเขาคือเวินฉางอวิ้น เป็นพี่ใหญ่ของนาง และก็เป็นคุณชายใหญ่ของจวนกั๋วกง

“น้องห้า เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?”

เวินฉางอวิ้นมองเวินซื่อด้วยสายตาเย็นชา

ความรู้สึกกดดันที่แผ่ลงมาจากด้านบนทำให้เวินซื่อแทบหายใจไม่ออกนิดหน่อย

เมื่อก่อนนางโง่งม คิดเพียงว่าเวินฉางอวิ้นรูปร่างสูงใหญ่ ถึงมอบความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ให้นาง

ทว่าต่อมาจนกระทั่งเมื่อนางเห็นกับตาว่าเวินฉางอวิ้นก้มตัว ก้มหน้าให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับเวินเยวี่ยเพียงเพื่อรับฟังความคับข้องใจจากปากของนาง เวินซื่อถึงได้เข้าใจว่าที่แท้ตนเองเป็นเพียงคนชั้นล่างที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของพี่ใหญ่

“ข้าไม่เข้าใจคำพูดของพี่ใหญ่ ไม่ทราบว่าข้ามีความผิดอันใด ขอพี่ใหญ่โปรดชี้แจงด้วย”

ไม่ใช่ว่าเวินซื่อไม่เห็นชุดพิธีการที่เขาถืออยู่ในมือ

ดังนั้นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขามาเพราะเหตุใด

แต่แล้วอย่างไรเล่า?

ไม่ถามสักคำ มาถึงก็อยากให้นางยอมรับความผิด?

มีสิทธิอันใด?

เวินฉางอวิ้นทำสายตาเย็นชา แต่สายตาของเวินซื่อกลับเย็นชายิ่งกว่าเขา

เวินฉางอวิ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเผยความไม่พอใจ “เจ้ามีนิสัยเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร? โอหังทำตัวอำเภอใจถึงเพียงนี้ ไม่รู้หรือว่ากำลังพูดไร”

“ข้าแค่ไม่รู้ว่าข้าทำผิดตรงไหนเท่านั้น นี่ก็ทำให้พี่ใหญ่โมโหแล้วหรือ? คำว่า ‘โอหังทำตัวอำเภอใจถึงเพียงนี้ ไม่รู้หรือว่ากำลังพูดไร’ ช่างทำให้น้องรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมยิ่งกว่าคนที่ถูกปรักปรำที่สุดในโลกอีก”

“เจ้ายังกล้าบอกว่าไม่รู้ตนเองทำผิดตรงไหนหรือ? แล้วนี่คืออะไร?”

เวินฉางอวิ้นโกรธจัด โยนชุดพิธีการมาอยู่ข้างเท้าของเวินซื่อ “พี่รองของเจ้าบอกว่าเจ้าตัดมันกับมือ เดิมทีข้าไม่เชื่อ ถึงอย่างไรชุดนี้ก็เป็นชุดพิธีการที่เจ้ารักทะนุถนอมมากที่สุด แต่ตอนนี้ดูอารมณ์ของเจ้าแล้ว ข้าก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อ”

“ถูกต้อง ข้าตัดเองกับมือ ก็แค่ตัดชุดที่ไม่มีผู้ใดต้องการเท่านั้น หากพี่ใหญ่คิดว่านี่เป็นความผิดของข้า เช่นนั้นก็แล้วแต่พี่ใหญ่จะคิดอย่างไรเถิด”

ถึงอย่างไรในสายตาของเวินฉางอวิ้น ไม่ว่านางจะทำอย่างไรล้วนเป็นความผิดทั้งหมด

แตกต่างจากที่คาดเดาไว้ เวินฉางอวิ้นนึกว่านางจะเถียง เวินซื่อไม่เพียงไม่เถียง แต่ยอมรับโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย

“ชุดที่ไม่มีผู้ใดต้องการ?”

เวินฉางอวิ้นยิ่งโกรธขึ้นเรื่อย ๆ “ชุดพิธีการนี้เป็นชุดที่ข้ากับพี่ชายอีกสามคนของเจ้าตั้งใจสั่งทำให้เจ้าร่วมกัน ตอนแรกเจ้าเอาแต่พูดว่าตนเองหวงแหนมันอย่างยิ่ง ตอนนี้กลับบอกว่าเป็นชุดที่ไม่มีผู้ใดต้องการหรือ?”

“ใช่!”

เวินซื่อหันหน้ากลับมาฉับพลัน นัยน์ตาสองข้างของนางมองตรงไปที่นัยน์ตาของเวินฉางอวิ้น ก่อนจะเอ่ยทีละคำ

“ก็แค่ไม่มี ผู้ใด ต้องการ”

นางกล่อมตัวเองอยู่ในใจไม่หยุดว่าให้ใจเย็น ๆ การต่อต้านคนอย่างเวินฉางอวิ้นไม่มีผลดีอะไรกับนางเลย

นางแค่ต้องอดทน อดทนอีก อดทนจนกระทั่งออกจากบ้านหลังนี้...

“อะไรกัน? พี่ใหญ่โกรธมากหรือ? อยากลงโทษข้า? อยากใช้กฎตระกูลกับข้า หรืออยากบังคับให้ข้าคุกเข่าเล่า?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซื่อกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

นางเหมือนแบ่งออกเป็นสองคนก็ไม่ปาน

คนหนึ่งเกลี้ยกล่อมตัวเองอยู่ในใจว่าให้ใจเย็น ๆ อีกคนกลับคลุ้มคลั่งเหมือนสมองสูญเสียการควบคุม

สุดท้ายนางเลือกปลดปล่อยตนเอง ระบายออกมาก็ระบายออกมาเถิด

อยากลงโทษก็ลงโทษ

ก็แค่คุกเข่าในพิธีปักปิ่นอีกครั้งเท่านั้น

ไม่ใช่ว่าไม่เคยถูกเวินฉางอวิ้นบังคับให้คุกเข่ามาก่อน

“พี่ใหญ่ชอบน้องสาวที่เชื่อฟังมากที่สุดไม่ใช่หรือ? ดีเลย ขอเพียงพี่ใหญ่เอ่ย ข้าจะคุกเข่าให้ท่านทันที จะให้คุกเข่าที่นี่? หรือว่าคุกเข่าข้างนอก? ไม่เช่นนั้นจะให้ไปที่พิธีปักปิ่นหรือไม่? ขอเพียงพี่ใหญ่เอ่ยคำเดียว ข้าคุกเข่าให้พี่ใหญ่ต่อหน้าผู้คนก็ได้? หรือพี่ใหญ่คิดว่าเช่นนี้ยังไม่เพียงพอ...”

เวินซื่อยั่วยุเวินฉางอวิ้นประโยคแล้วประโยคเล่า จนกระทั่งเวินฉางอวิ้นอดทนไม่ไหวอีกต่อไป...

“พอได้แล้ว!”

เวินฉางอวิ้นมองนางอย่างตกใจระคนสงสัย เอ่ยถามว่า “เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”

ท่าทางของเวินซื่อในตอนนี้แทบจะล้มล้างความเข้าใจเดิมที่เวินฉางอวิ้นมีต่อน้องสาวผู้นี้

ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนนางเคารพพี่ชายถึงเพียงนั้น เชื่อฟังถึงเพียงนั้น แม้ว่าต่อมานางจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นคิดมาก ชอบแย่งความรัก ชอบอิจฉา แต่ก็ไม่เคยไม่เห็นพี่ชายอยู่ในสายตาอย่างเช่นวันนี้เลย

ราวกับว่าบ้าไปแล้วจริง ๆ

เวินซื่อถูกขัดบท รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อย ๆ เลือนหายไป

เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาไม่เข้าใจของเวินฉางอวิ้น นางก็เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ใช่ ข้าแค่บ้าไปแล้ว”

ถูกพวกท่านบีบให้เป็นบ้า

เวินฉางอวิ้นอ้าปาก อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่มองแววตาเย็นชาเป็นพิเศษของเวินซื่อ เขาก็ขมวดคิ้วช้า ๆ ไม่เอ่ยวาจาอยู่เนิ่นนาน

จนกระทั่งเวินซื่อหมดความอดทนเล็กน้อย เขาถึงค่อยเอ่ยปากกล่าวว่า “พิธีปักปิ่นใกล้จะเริ่มแล้ว ไปกันเถิด”

แต่เขาเหมือนกลัวว่าอีกเดี๋ยวเวินซื่อจะเป็นบ้าเช่นนี้ในพิธีปักปิ่น เขาจึงเอ่ยเสริมเหมือนกับเตือนว่า

“มีแขกเหรื่อมากมายอยู่ที่เรือนด้านหน้า เจ้า...ระวังกิริยาวาจาของตนเองบ้าง อย่าให้สกุลเวินของเราอับอายขายหน้า”

เมื่อเวินฉางอวิ้นเดินออกไปหลายเมตร แต่ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง เขาจึงหันหน้ากลับไปดู ก่อนจะพบว่าเวินซื่อไม่ขยับเขยื้อนเลย

“เหตุใดถึงไม่ไป?”

“พี่รองไม่อนุญาต”

“เหลวไหล”

เวินฉางอวิ้นคิดเพียงว่าเวินซื่อกำลังงอน “วันนี้เป็นวันสำคัญของเจ้ากับน้องหก จะขาดไปไม่ได้”

เวินซื่อมองเขาอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าบอกแล้วว่าพี่รองไม่อนุญาต นี่พี่ใหญ่จะบังคับข้าให้ได้หรือ? หากเป็นเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวข้าไปแล้ว หากพี่รองจะตบตีข้า พี่ใหญ่จะขวางแทนข้าหรือไม่? หากไม่ขวาง เช่นนั้นข้าไม่ไปจะดีกว่า จะได้ไม่ถูกตบตีอีก”

เวินฉางอวิ้นหมดความอดทนแล้ว “พี่รองของเจ้าโมโหร้าย แค่ไม่เคยตบตีคนโดยไร้เหตุผล...”

“พี่ใหญ่ตาบอดไปแล้วหรือ?”

เวินซื่อใช้คำพูดเฉียบคมฝืนตัดบทเขา แล้วเอียงใบหน้า “ใบหน้าของข้ายังบวมอยู่เลยนะ? พี่ใหญ่มองไม่เห็น หรือว่าพี่ใหญ่รังเกียจที่จะมอง?”

เวินฉางอวิ้นเพ่งมอง ใบหน้าของเวินซื่อบวมแดงนิดหน่อยจริง ๆ ด้วย หากเดินออกไปเช่นนี้เลย เกรงว่าใครมองเห็นเข้า วันหน้าอาจจะลือคำพูดอะไรที่ไม่น่าฟังก็เป็นได้

เมื่อครู่นี้เขาเอาแต่โกรธเรื่องเวินซื่อตัดชุดพิธีการจนเละ ไม่ได้สังเกตเรื่องพวกนี้เลย

ตอนนี้เห็นแล้ว เขาก็อดขมวดคิ้วอีกครั้งไม่ได้

หรือว่าจื่อเฉินจะลงมือกับน้องห้าจริง ๆ?

เขารู้ว่าน้องรองเป็นคนเจ้าอารมณ์ชอบลงไม้ลงมือนิดหน่อย น้องห้าไม่เชื่อฟังเท่าน้องหกจริง ๆ แต่ว่าต่อให้น้องห้ากระทำความผิดก็ไม่ควรตบตีนางในวันงานสำคัญเช่นนี้ มีเรื่องอะไรรอให้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยตีไม่ได้หรือ?

ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย

เวินฉางอวิ้นที่มีปฏิกิริยาแรกก็คือปกป้องชื่อเสียงของจวนกั๋วกงคิดเช่นนี้

เดิมทีเวินฉางอวิ้นอยากให้เวินซื่อไปแต่งหน้าสักเล็กน้อย ปกปิดรอยแดงบนใบหน้า แต่ว่ามีคนมาเร่งข้างนอกอีกแล้ว

เขาจึงได้แต่พูดกับเวินซื่อว่า “อีกประเดี๋ยวเจ้าระวังปกปิดเสียหน่อย หากใครถามก็บอกว่าหกล้ม เข้าใจหรือไม่?”

หกล้ม?

หกล้มอย่างไรถึงโดนแค่ใบหน้าข้างเดียว แถมยังทิ้งรอยฝ่ามืออีก?

เวินซื่อไม่รู้สึกผิดหวังต่อปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ของเวินฉางอวิ้นเลยสักนิดเดียว นางถึงขนาดคุ้นชินนานแล้ว

“ได้เจ้าค่ะ ขอเพียงพี่ใหญ่ขวางพี่รองแทนข้า เช่นนั้น ข้า จะ ทำ ตามที่พี่ใหญ่บอก”

นางอยากดูว่าทุกคนจะตาบอดเหมือนคนสกุลเวินหรือไม่

ผ่านไปไม่นาน เวินซื่อเดินตามเวินฉางอวิ้นมาถึงเรือนด้านหน้า

เวลานี้เรือนด้านหน้าของจวนกั๋วกงมีผู้คนคับคั่ง คึกคักอย่างยิ่ง

ทันทีที่เวินซื่อเพิ่งปรากฏตัว สายตารอบด้านก็ทอดมองมาที่นาง

ในนั้นมีทั้งเหยียดหยาม เยาะหยันและชมเรื่องสนุก

เวินซื่อจับสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายหนึ่งในนั้นได้อย่างเฉียบคม นางมองตามไปก็เห็นเวินเยวี่ยกำลังยืนอยู่กับบุรุษที่หล่อเหลาสดใสมีความเด็ดเดี่ยวเยือกเย็น

และเจ้าของสายตามุ่งร้ายนั้นก็คือบุรุษผู้นั้นเอง

ชื่อของเขาคือชุยเส้าเจ๋อ ซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหว

และเป็นคู่หมั้นที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กของนาง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
น.ส.นันทพร กิจสนาโยธิน
ยิ่งอ่านยิ่งสนุก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1225

    กระโดดโลดเต้นวุ่นวาย มารยาสาไถย เหมือนมารดาผู้นั้นของนางไม่มีผิดประจวบเหมาะกับตอนนั้นไม่ได้ลงมือจัดการไป๋ชูโหรวด้วยตัวเอง ตอนนี้ได้จัดการลูกสาวของนางก็นับว่าไม่เลวเหมือนกันไป๋เยวี่ยโหรวก้าวพรวดตรงไปหาเวินเยวี่ยด้วยมาดอันดุดันเวินเยวี่ยพลันตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “ช้าก่อน ท่านจะทำอะไร?! ท่านหยุดอยู่ตรงนั้น!”เมื่อเห็นไป๋เยวี่ยโหรวพุ่งเข้ามา เวินเยวี่ยที่ตื่นตระหนกไม่ไหวก็รีบถอยหลัง หลบหลีกไปพลาง ร้องถามเสินอ๋องผู้เฒ่าที่อยู่เบื้องบนอย่างร้อนรนไปพลางว่า “เสินอ๋อง ข้าเพิ่งบอกเรื่องสายเลือดสกุลหลานแก่ท่านไป ท่านบอกว่าจะตกรางวัลให้อย่างงามมิใช่หรือ? เหตุใดถึงทำกับข้าเช่นนี้?!”ไป๋เยวี่ยโหรวเห็นนางยังกล้าหนีจึงตวาดลั่น “ปาถูเอ่อร์ เจ้าท่อนไม้ยังยืนบื้อทำอะไรอยู่ตรงนั้น ยังไม่รีบสกัดนางไว้อีก!”ปาถูเอ่อร์ที่กำลังคิดอยู่พอดีว่าจะเรียกคนมาช่วยเยวี่ยโหรวของเขาพลันสะดุ้งโหยง รีบลุกขึ้นเตรียมจะเข้าไปช่วยทันทีแต่ยังไม่ทันที่เขาจะเข้าไป ปลอกดาบเล่มหนึ่งก็พุ่งผ่านหน้าปาถูเอ่อร์ไป แล้วกระแทกใส่ศีรษะของเวินเยวี่ยดัง ‘ตึง’ เข้าอย่างจัง“โอ๊ย!”เวินเยวี่ยที่ศีรษะเกือบแตกร้องโหยหวนด้วยความเจ็บป

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1224

    เสินอ๋องผู้เฒ่าเอ่ยถามพลางกวาดสายตาอันคมกริบมองไปยังผู้มาเยือนต่างถิ่นหลายคนในตำหนักใหญ่บุตรชายตนเองไม่จำเป็นต้องพูดถึง ลูกสะใภ้ก็ถือกำเนิดจากสกุลไป๋ ย่อมเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่จะเป็นคนสายเลือดนั้นส่วนสองคนจากราชสำนักชั้นนอกนั่นก็ไม่ต่างกัน ดังนั้นจึงต้องเป็นหนึ่งในผู้มาเยือนต่างถิ่นกลุ่มนี้เท่านั้นสองพ่อลูกสกุลเวินคู่นั้นตัดทิ้งไปได้ ถ้าอย่างนั้นที่เหลือก็มีเพียงแค่ความเป็นไปได้สองอย่าง!เสินอ๋องผู้เฒ่าจับจ้องไปที่หลานซื่อด้วยแววตาลุกวาวทันที จากนั้นก็ปรายตามองบุรุษที่ยืนอยู่เบื้องหลังนางเป็นนาง? หรือว่าเป็นเขา?เวินเยวี่ยให้คำตอบเขาอย่างทนรอไม่ไหว “เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราเพคะ แม้ว่าเมื่อก่อนนางจะมีนามว่าเวินซื่อ แต่ต่อมาตัวนางทรยศออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงของเรา ทั้งยังเปลี่ยนไปใช้สกุลมารดา ตอนนี้มีนามว่า ‘หลานซื่อ’ หลานของสกุลหลาน ย่อมต้องเป็นสายเลือดของสกุลหลานอยู่แล้ว”เป็นไปดังคาด!เสินอ๋องผู้เฒ่าได้รับคำตอบที่แน่ชัด บนใบหน้าพลันฉีกยิ้มกว้างจนดูเกินจริงไปอย่างผิดปกติใช้สกุลตามมารดามารดาเป็นคนสกุลหลานดังนั้นในกายจึงมีเลือดของคนสายเลือดนั้นไหลเวียนอยู่โดยเฉพาะอย่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1223

    “ศิษย์น้อง เจ้ามีอะไรจะกล่าวหรือไม่?”เอ้อถานหลัวไม่อยากพูดสิ่งที่เขารู้เขาผู้นี้ย่อมรู้อยู่ก่อนแล้ว ส่วนสิ่งที่เขาไม่รู้ ศิษย์พี่ก็คงรู้แล้วเช่นกันดังนั้นเขาจะพูดหรือไม่พูดยังมีความหมายอะไรอีก?แต่เสินอ๋องผู้เฒ่ายืนกรานจะถามเขา เห็นได้ชัดว่าพยายามดึงเขาให้พัวพันไปด้วยกันเอ้อถานหลัวได้แต่ถอนหายใจ ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากนั้น...“ทูลเสินอ๋อง หม่อมฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ ท่านพ่อเขามีเรื่องหนึ่งที่น่าจะลืมพูดไปเพคะ”เสียงของเวินเยวี่ยดังขึ้นกะทันหัน ทำให้เอ้อถานหลัวชะงักไปเล็กน้อยเวินเฉวียนเซิ่งขมวดคิ้วทันควัน ปรายตามองลูกสาวผู้ไม่รู้จักสงบเสงี่ยมผู้นี้แวบหนึ่ง “เหลวไหล เสินอ๋องและแขกผู้มีเกียรติอยู่ที่นี่ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูด ยังไม่รีบถอยออกไปอีก!”“เฮ้อ เจิ้นกั๋วกงไม่ต้องทำเช่นนี้ บอกแล้วว่าวันนี้ข้าเชิญทุกท่านมาช่วย อนุญาตให้ทุกท่านพูดจาได้อย่างเสรี ย่อมไม่ต้องใส่ใจเรื่องพวกนี้”เสินอ๋องผู้เฒ่าคิดไม่ถึงว่านังหนูที่ศิษย์น้องของเขาเพิ่งรับเป็นศิษย์ได้ไม่นานผู้นี้ จะพรวดพราดออกมาในช่วงเวลาเช่นนี้อย่างกะทันหันผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนฉลาดหลักแหลม มีหรือจะดูสายตาที่ไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1222

    หมู่บ้านเซียนเมาแห่งลำธารซีถง?ไป๋เยวี่ยโหรวและปาถูเอ่อร์เพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรกจึงหันไปมองหลานซื่อและเป่ยเฉินหยวนทั้งสองคนโดยไม่รู้ตัวเมื่อครู่สุนัขเฒ่าสกุลเวินนั่นบอกว่าพวกเขารับคำสั่งจากฮ่องเต้ต้าหมิงมาตามหาสถานที่ซ่อนสมบัติในภาพวาดที่นี่ เช่นนั้นอู๋โยวกับพวกก็จะไปตามหาหมู่บ้านเซียนเมาแห่งลำธารซีถงด้วยหรือ?หลังจากไป๋เยวี่ยโหรวมองพวกหลานซื่อทั้งสองคนแวบหนึ่ง นางก็เม้มริมฝีปากเล็กน้อย สีหน้าครุ่นคิด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่หลานซื่อสังเกตเห็นสายตาของนาง แต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเวลานี้นางสนใจเรื่องที่จิ้งจอกเฒ่าเวินเฉวียนเซิ่งผู้นั้นยอมพูดเรื่องภาพวาดออกมาตรง ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ โดยไม่มีเล่ห์เหลี่ยมสักนิดเสียมากกว่า นี่ดูไม่เหมือนวิสัยของเขาเลยหรือจะบอกว่า แท้จริงแล้วเขามีแผนการอื่นใด?หลานซื่อหรี่ตาทั้งสองลงเล็กน้อย นางไม่ได้เข้าไปขัดขวางเวินเฉวียนเซิ่งเวลานี้นางเองก็ขัดขวางไม่ได้ เพราะอย่างไรเสียปากก็อยู่ที่เขากลับกันหากนางแสดงท่าทีมากเกินไป นั่นต่างหากที่จะดึงดูดความสนใจจากเสินอ๋องผู้เฒ่าและคนอื่น ๆดังนั้นหลานซื่อจึงนั่งอย่างสงบเงียบ หลังจากฟังเวินเฉวียนเซิ่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1221

    นั่นก็คือ...ความลับที่แท้จริงของเขตหวงห้ามพวกเขาไม่รู้ว่าความลับที่แท้จริงของเขตหวงห้ามคืออะไร แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ‘ประตูซีถง’ ที่ว่านี้มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับความลับนี้ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องรู้ให้ได้!“เกี่ยวกับเรื่องซีถงนี้ เล่าให้พวกท่านฟังเสียหน่อยก็ไม่เสียหาย คิดว่าท่านอื่น ๆ ก็คงมีความสงสัยใคร่อยากถามเช่นกัน แต่อย่างน้อยพวกท่านก็น่าจะรู้มากกว่าเด็กสองคนจากราชสำนักชั้นนอกนี้อยู่บ้าง ใยท่านทั้งหลายต่างไม่เล่าสิ่งที่พวกท่านรู้ออกมาดูบ้าง จากนั้นข้าค่อยไขข้อข้องใจให้พวกท่านทีละข้อ หรือเสริมให้ในภายหลังเป็นอย่างไร?”เวินเฉวียนเซิ่งย่อมมีสิ่งที่อยากรู้อยู่แล้วหรืออาจกล่าวได้ว่า ในบรรดาผู้คนทั้งหมดที่นี่เขาต่างหากที่ควรจะเป็นผู้ที่อยากรู้ที่สุดว่าหมู่บ้านเซียนเมาแห่งลำธารซีถงแห่งนี้เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จกันแน่เพราะหากหมู่บ้านเซียนเมาแห่งลำธารซีถงมีสถานที่อยู่จริง และในนั้นมีเซียนอยู่จริง ๆ ล่ะก็ นั่นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นโอกาสที่เขาจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้อย่างสิ้นเชิง!พูดกันให้กว้างขึ้นสักนิด ยาอายุวัฒนะที่ว่านั่น หากมีอยู่ เพียงแค่เขานำกลับไปสักเม็ด ไม่ว่า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 1220

    เปิดประตูบานหนึ่งหรือ?“ประตูอะไรกันที่ทำให้เสินอ๋องลำบากใจถึงเพียงนี้ ถึงขั้นต้องให้พวกเรามาช่วยโดยเฉพาะ?”ผู้คนที่นั่งอยู่ในตำหนักใหญ่นี้มีจำนวนไม่น้อยเลยเอ้อถานหลัวเป็นศิษย์น้องของเสินอ๋องผู้เฒ่า ก่อนหน้านี้ก็อยู่ที่นี่อยู่แล้ว แล้วยังพาเวินเยวี่ยมาด้วยจากนั้นเวินเฉวียนเซิ่งและสองพี่น้องชางชิงหลานและฮาหลานก็มาต่อจากนั้น เสินอ๋องผู้เฒ่าก็ให้คนไปพาตัวปาถูเอ่อร์และไป๋เยวี่ยโหรวมายังตำหนักเสินอ๋องสุดท้ายก็คือหลานซื่อกับเป่ยเฉินหยวนสองคนผู้คนแปดเก้าคนนั่งรวมกันอยู่ที่นี่ แต่เสินอ๋องผู้เฒ่ากลับเอ่ยปากบอกว่าจะให้พวกเขาช่วยเปิดประตูบานหนึ่งสีหน้าของคนทั้งหลายไม่อาจอธิบายได้ ส่วนมากแฝงความสงสัยไว้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นในตอนที่เสินอ๋องผู้เฒ่าเอ่ยถึงเรื่องนี้ สีหน้านั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย รูม่านตาหดตัวลงเดิมทีหลานซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็น แต่อวิ่นซิงที่ปลอมตัวเป็นเครื่องประดับผมรูปผีเสื้ออยู่บนศีรษะนางได้เก็บสีหน้าของทุกคนทั้งหมดไว้ในสายตา แล้วจึงแอบบอกหลานซื่อที่เอ้อถานหลัวมีการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าผิดปกติเพียงคนเดียวหลานซื่อกวาดตามองไปทางนั้นแวบหนึ่งอย่างแนบเนียนดูท่าหลวงจีน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status