Share

บทที่ 6

Aвтор: จิ้งซิง
ผู้ที่มามีรูปร่างสูงสง่าราวกับไผ่สน สวมอาภรณ์เสื้อคลุมสีกรมท่า รูปลักษณ์สง่างาม โฉมหน้าหล่อเหลา

ชื่อของเขาคือเวินฉางอวิ้น เป็นพี่ใหญ่ของนาง และก็เป็นคุณชายใหญ่ของจวนกั๋วกง

“น้องห้า เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?”

เวินฉางอวิ้นมองเวินซื่อด้วยสายตาเย็นชา

ความรู้สึกกดดันที่แผ่ลงมาจากด้านบนทำให้เวินซื่อแทบหายใจไม่ออกนิดหน่อย

เมื่อก่อนนางโง่งม คิดเพียงว่าเวินฉางอวิ้นรูปร่างสูงใหญ่ ถึงมอบความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ให้นาง

ทว่าต่อมาจนกระทั่งเมื่อนางเห็นกับตาว่าเวินฉางอวิ้นก้มตัว ก้มหน้าให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับเวินเยวี่ยเพียงเพื่อรับฟังความคับข้องใจจากปากของนาง เวินซื่อถึงได้เข้าใจว่าที่แท้ตนเองเป็นเพียงคนชั้นล่างที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของพี่ใหญ่

“ข้าไม่เข้าใจคำพูดของพี่ใหญ่ ไม่ทราบว่าข้ามีความผิดอันใด ขอพี่ใหญ่โปรดชี้แจงด้วย”

ไม่ใช่ว่าเวินซื่อไม่เห็นชุดพิธีการที่เขาถืออยู่ในมือ

ดังนั้นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขามาเพราะเหตุใด

แต่แล้วอย่างไรเล่า?

ไม่ถามสักคำ มาถึงก็อยากให้นางยอมรับความผิด?

มีสิทธิอันใด?

เวินฉางอวิ้นทำสายตาเย็นชา แต่สายตาของเวินซื่อกลับเย็นชายิ่งกว่าเขา

เวินฉางอวิ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเผยความไม่พอใจ “เจ้ามีนิสัยเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร? โอหังทำตัวอำเภอใจถึงเพียงนี้ ไม่รู้หรือว่ากำลังพูดไร”

“ข้าแค่ไม่รู้ว่าข้าทำผิดตรงไหนเท่านั้น นี่ก็ทำให้พี่ใหญ่โมโหแล้วหรือ? คำว่า ‘โอหังทำตัวอำเภอใจถึงเพียงนี้ ไม่รู้หรือว่ากำลังพูดไร’ ช่างทำให้น้องรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมยิ่งกว่าคนที่ถูกปรักปรำที่สุดในโลกอีก”

“เจ้ายังกล้าบอกว่าไม่รู้ตนเองทำผิดตรงไหนหรือ? แล้วนี่คืออะไร?”

เวินฉางอวิ้นโกรธจัด โยนชุดพิธีการมาอยู่ข้างเท้าของเวินซื่อ “พี่รองของเจ้าบอกว่าเจ้าตัดมันกับมือ เดิมทีข้าไม่เชื่อ ถึงอย่างไรชุดนี้ก็เป็นชุดพิธีการที่เจ้ารักทะนุถนอมมากที่สุด แต่ตอนนี้ดูอารมณ์ของเจ้าแล้ว ข้าก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อ”

“ถูกต้อง ข้าตัดเองกับมือ ก็แค่ตัดชุดที่ไม่มีผู้ใดต้องการเท่านั้น หากพี่ใหญ่คิดว่านี่เป็นความผิดของข้า เช่นนั้นก็แล้วแต่พี่ใหญ่จะคิดอย่างไรเถิด”

ถึงอย่างไรในสายตาของเวินฉางอวิ้น ไม่ว่านางจะทำอย่างไรล้วนเป็นความผิดทั้งหมด

แตกต่างจากที่คาดเดาไว้ เวินฉางอวิ้นนึกว่านางจะเถียง เวินซื่อไม่เพียงไม่เถียง แต่ยอมรับโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย

“ชุดที่ไม่มีผู้ใดต้องการ?”

เวินฉางอวิ้นยิ่งโกรธขึ้นเรื่อย ๆ “ชุดพิธีการนี้เป็นชุดที่ข้ากับพี่ชายอีกสามคนของเจ้าตั้งใจสั่งทำให้เจ้าร่วมกัน ตอนแรกเจ้าเอาแต่พูดว่าตนเองหวงแหนมันอย่างยิ่ง ตอนนี้กลับบอกว่าเป็นชุดที่ไม่มีผู้ใดต้องการหรือ?”

“ใช่!”

เวินซื่อหันหน้ากลับมาฉับพลัน นัยน์ตาสองข้างของนางมองตรงไปที่นัยน์ตาของเวินฉางอวิ้น ก่อนจะเอ่ยทีละคำ

“ก็แค่ไม่มี ผู้ใด ต้องการ”

นางกล่อมตัวเองอยู่ในใจไม่หยุดว่าให้ใจเย็น ๆ การต่อต้านคนอย่างเวินฉางอวิ้นไม่มีผลดีอะไรกับนางเลย

นางแค่ต้องอดทน อดทนอีก อดทนจนกระทั่งออกจากบ้านหลังนี้...

“อะไรกัน? พี่ใหญ่โกรธมากหรือ? อยากลงโทษข้า? อยากใช้กฎตระกูลกับข้า หรืออยากบังคับให้ข้าคุกเข่าเล่า?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซื่อกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

นางเหมือนแบ่งออกเป็นสองคนก็ไม่ปาน

คนหนึ่งเกลี้ยกล่อมตัวเองอยู่ในใจว่าให้ใจเย็น ๆ อีกคนกลับคลุ้มคลั่งเหมือนสมองสูญเสียการควบคุม

สุดท้ายนางเลือกปลดปล่อยตนเอง ระบายออกมาก็ระบายออกมาเถิด

อยากลงโทษก็ลงโทษ

ก็แค่คุกเข่าในพิธีปักปิ่นอีกครั้งเท่านั้น

ไม่ใช่ว่าไม่เคยถูกเวินฉางอวิ้นบังคับให้คุกเข่ามาก่อน

“พี่ใหญ่ชอบน้องสาวที่เชื่อฟังมากที่สุดไม่ใช่หรือ? ดีเลย ขอเพียงพี่ใหญ่เอ่ย ข้าจะคุกเข่าให้ท่านทันที จะให้คุกเข่าที่นี่? หรือว่าคุกเข่าข้างนอก? ไม่เช่นนั้นจะให้ไปที่พิธีปักปิ่นหรือไม่? ขอเพียงพี่ใหญ่เอ่ยคำเดียว ข้าคุกเข่าให้พี่ใหญ่ต่อหน้าผู้คนก็ได้? หรือพี่ใหญ่คิดว่าเช่นนี้ยังไม่เพียงพอ...”

เวินซื่อยั่วยุเวินฉางอวิ้นประโยคแล้วประโยคเล่า จนกระทั่งเวินฉางอวิ้นอดทนไม่ไหวอีกต่อไป...

“พอได้แล้ว!”

เวินฉางอวิ้นมองนางอย่างตกใจระคนสงสัย เอ่ยถามว่า “เวินซื่อ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”

ท่าทางของเวินซื่อในตอนนี้แทบจะล้มล้างความเข้าใจเดิมที่เวินฉางอวิ้นมีต่อน้องสาวผู้นี้

ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนนางเคารพพี่ชายถึงเพียงนั้น เชื่อฟังถึงเพียงนั้น แม้ว่าต่อมานางจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นคิดมาก ชอบแย่งความรัก ชอบอิจฉา แต่ก็ไม่เคยไม่เห็นพี่ชายอยู่ในสายตาอย่างเช่นวันนี้เลย

ราวกับว่าบ้าไปแล้วจริง ๆ

เวินซื่อถูกขัดบท รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อย ๆ เลือนหายไป

เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาไม่เข้าใจของเวินฉางอวิ้น นางก็เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ใช่ ข้าแค่บ้าไปแล้ว”

ถูกพวกท่านบีบให้เป็นบ้า

เวินฉางอวิ้นอ้าปาก อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่มองแววตาเย็นชาเป็นพิเศษของเวินซื่อ เขาก็ขมวดคิ้วช้า ๆ ไม่เอ่ยวาจาอยู่เนิ่นนาน

จนกระทั่งเวินซื่อหมดความอดทนเล็กน้อย เขาถึงค่อยเอ่ยปากกล่าวว่า “พิธีปักปิ่นใกล้จะเริ่มแล้ว ไปกันเถิด”

แต่เขาเหมือนกลัวว่าอีกเดี๋ยวเวินซื่อจะเป็นบ้าเช่นนี้ในพิธีปักปิ่น เขาจึงเอ่ยเสริมเหมือนกับเตือนว่า

“มีแขกเหรื่อมากมายอยู่ที่เรือนด้านหน้า เจ้า...ระวังกิริยาวาจาของตนเองบ้าง อย่าให้สกุลเวินของเราอับอายขายหน้า”

เมื่อเวินฉางอวิ้นเดินออกไปหลายเมตร แต่ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง เขาจึงหันหน้ากลับไปดู ก่อนจะพบว่าเวินซื่อไม่ขยับเขยื้อนเลย

“เหตุใดถึงไม่ไป?”

“พี่รองไม่อนุญาต”

“เหลวไหล”

เวินฉางอวิ้นคิดเพียงว่าเวินซื่อกำลังงอน “วันนี้เป็นวันสำคัญของเจ้ากับน้องหก จะขาดไปไม่ได้”

เวินซื่อมองเขาอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าบอกแล้วว่าพี่รองไม่อนุญาต นี่พี่ใหญ่จะบังคับข้าให้ได้หรือ? หากเป็นเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวข้าไปแล้ว หากพี่รองจะตบตีข้า พี่ใหญ่จะขวางแทนข้าหรือไม่? หากไม่ขวาง เช่นนั้นข้าไม่ไปจะดีกว่า จะได้ไม่ถูกตบตีอีก”

เวินฉางอวิ้นหมดความอดทนแล้ว “พี่รองของเจ้าโมโหร้าย แค่ไม่เคยตบตีคนโดยไร้เหตุผล...”

“พี่ใหญ่ตาบอดไปแล้วหรือ?”

เวินซื่อใช้คำพูดเฉียบคมฝืนตัดบทเขา แล้วเอียงใบหน้า “ใบหน้าของข้ายังบวมอยู่เลยนะ? พี่ใหญ่มองไม่เห็น หรือว่าพี่ใหญ่รังเกียจที่จะมอง?”

เวินฉางอวิ้นเพ่งมอง ใบหน้าของเวินซื่อบวมแดงนิดหน่อยจริง ๆ ด้วย หากเดินออกไปเช่นนี้เลย เกรงว่าใครมองเห็นเข้า วันหน้าอาจจะลือคำพูดอะไรที่ไม่น่าฟังก็เป็นได้

เมื่อครู่นี้เขาเอาแต่โกรธเรื่องเวินซื่อตัดชุดพิธีการจนเละ ไม่ได้สังเกตเรื่องพวกนี้เลย

ตอนนี้เห็นแล้ว เขาก็อดขมวดคิ้วอีกครั้งไม่ได้

หรือว่าจื่อเฉินจะลงมือกับน้องห้าจริง ๆ?

เขารู้ว่าน้องรองเป็นคนเจ้าอารมณ์ชอบลงไม้ลงมือนิดหน่อย น้องห้าไม่เชื่อฟังเท่าน้องหกจริง ๆ แต่ว่าต่อให้น้องห้ากระทำความผิดก็ไม่ควรตบตีนางในวันงานสำคัญเช่นนี้ มีเรื่องอะไรรอให้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยตีไม่ได้หรือ?

ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย

เวินฉางอวิ้นที่มีปฏิกิริยาแรกก็คือปกป้องชื่อเสียงของจวนกั๋วกงคิดเช่นนี้

เดิมทีเวินฉางอวิ้นอยากให้เวินซื่อไปแต่งหน้าสักเล็กน้อย ปกปิดรอยแดงบนใบหน้า แต่ว่ามีคนมาเร่งข้างนอกอีกแล้ว

เขาจึงได้แต่พูดกับเวินซื่อว่า “อีกประเดี๋ยวเจ้าระวังปกปิดเสียหน่อย หากใครถามก็บอกว่าหกล้ม เข้าใจหรือไม่?”

หกล้ม?

หกล้มอย่างไรถึงโดนแค่ใบหน้าข้างเดียว แถมยังทิ้งรอยฝ่ามืออีก?

เวินซื่อไม่รู้สึกผิดหวังต่อปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ของเวินฉางอวิ้นเลยสักนิดเดียว นางถึงขนาดคุ้นชินนานแล้ว

“ได้เจ้าค่ะ ขอเพียงพี่ใหญ่ขวางพี่รองแทนข้า เช่นนั้น ข้า จะ ทำ ตามที่พี่ใหญ่บอก”

นางอยากดูว่าทุกคนจะตาบอดเหมือนคนสกุลเวินหรือไม่

ผ่านไปไม่นาน เวินซื่อเดินตามเวินฉางอวิ้นมาถึงเรือนด้านหน้า

เวลานี้เรือนด้านหน้าของจวนกั๋วกงมีผู้คนคับคั่ง คึกคักอย่างยิ่ง

ทันทีที่เวินซื่อเพิ่งปรากฏตัว สายตารอบด้านก็ทอดมองมาที่นาง

ในนั้นมีทั้งเหยียดหยาม เยาะหยันและชมเรื่องสนุก

เวินซื่อจับสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายหนึ่งในนั้นได้อย่างเฉียบคม นางมองตามไปก็เห็นเวินเยวี่ยกำลังยืนอยู่กับบุรุษที่หล่อเหลาสดใสมีความเด็ดเดี่ยวเยือกเย็น

และเจ้าของสายตามุ่งร้ายนั้นก็คือบุรุษผู้นั้นเอง

ชื่อของเขาคือชุยเส้าเจ๋อ ซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหว

และเป็นคู่หมั้นที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กของนาง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Комментарии (1)
goodnovel comment avatar
น.ส.นันทพร กิจสนาโยธิน
ยิ่งอ่านยิ่งสนุก
ПРОСМОТР ВСЕХ КОММЕНТАРИЕВ

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 938

    “บ้าเอ๊ย นางกลับกล้าทำแบบนี้กับจวนจงหย่งโหวของเราเช่นนี้!”หากเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าไม่เพียงแค่นางเท่านั้น แต่ท่านโหวและเส้าเจ๋อของนาง จะกลายเป็นหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยหญิงชั่วเวินเยวี่ยคนนั้นด้วย!เวินหย่าลี่นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลานซื่อ รีบถามว่า “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ หากท่านล่าช้าไปอีกสิบวันถึงครึ่งเดือนไข่แมลงพวกนี้จะฟักออกมา ถึงตอนนั้นท่านโหวของเราจะหมดทางช่วยเหลือแล้วหรือเปล่า?”หลานซื่อลูบคางพูดว่า “ใช่ว่าจะหมดทางช่วยเหลือโดยสิ้นเชิง แต่ถึงแม้จะรอดมาได้ ก็จะกลายเป็นคนไม่สมประกอบ ไม่โง่เขลาก็พิการ”“อย่างนั้นก็ไม่ได้การ! จำเป็นต้องรีบช่วยท่านโหวและเส้าเจ๋อ!”เวินหย่าลี่ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ก้าวไปข้างหน้าพลางคุกเข่าลง คุกเข่าลงตรงหน้าหลานซื่อทันที เอ่ยขอร้องอย่างเป็นกังวล “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ หม่อมฉันรู้ว่าท่านต้องมีวิธี ได้โปรดช่วยท่านโหว ช่วยลูกชายของข้าด้วย!”“ใช่แล้ว!”นางพูดไปก็นึกถึงอะไรออกในทันใด รีบล้วงของสิ่งหนึ่งที่ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื้อของตัวเอง “ของสิ่งนี้ เป็นสมบัติของประมุขตระกูลหลานของพวกท่าน”นางเปิดผ้าเช็ดหน้าออก เผยให้เห็นสิ่งของข้างในเป็นตราหยก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 937

    เวินหย่าลี่มองไปที่ไข่แมลงกองนั้น ไม่อาจเชื่อได้เลยทำไมในร่างกายของนางถึงได้มีสิ่งที่น่ากลัวมากมายเช่นนี้อยู่?!ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?เป็นใคร...ไม่ใช่สิ นางรู้ว่าเป็นใคร!เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ นอกจากหญิงชั่วเวินเยวี่ยคนนั้นแล้วจะยังมีใครได้อีกเล่า!และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ สิ่งที่หลานซื่อพูดกับนางในเวลาต่อมา...“ไข่แมลงเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่ ดูจากขนาดของมันแล้วน่าจะอาศัยอยู่ในร่างกายของท่านมาสักพักแล้ว อืม...ไม่น่าจะน้อยกว่าหนึ่งเดือนกระมัง”กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความจริงเวินเยวี่ยได้ลงมือกับผู้คนในจวนจงหย่งโหวไปตั้งนานแล้วเพียงแต่เมื่อไม่นานมานี้ ไข่แมลงในร่างกายของเวินหย่าลี่และคนอื่น ๆ ค่อย ๆ คงที่ ถึงได้เริ่มหยุดอำพรางโฉมหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว“ยัง...ยังมีชีวิตอยู่หรือ? อย่าบอกนะว่าสิ่งเหล่านี้ยังฟักออกมาได้?!”เวินหย่าลี่ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือหลานซื่อพยักหน้า “ถูกต้อง หากท่านล่าช้าไปสิบกว่าวันถึงครึ่งเดือนแล้วล่ะก็ แมลงพวกนี้น่าจะสามารถฟักตัวภายในร่างกายของท่านได้ จากนั้นก็เจาะเข้าไปในอวัยวะภายในของท่าน แขนขาทั้งสี่และกระดูกทั้งหมด เจาะเข้าไปแม้กระทั่งสมองของ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 936

    “ถ้าเป็นเวินเยวี่ยล่ะก็ จริงที่ว่าจะไม่มีทางปล่อยท่านไปง่าย ๆ เพราะอย่างไรตอนแรกที่นางแต่งเข้าไปในจวนจงหย่งโหวของพวกท่าน ก็ได้รับความทนทุกข์มาก”หลานซื่อพูดด้วยแววตาที่แฝงความหยอกล้อเอาไว้ ดูแสร้งยิ้มเวินหย่าลี่เผยความกระดากอายออกมาทางสีหน้าทันที “แต่นางเป็นคนวางแผนคิดร้ายกับเส้าเจ๋อของเราก่อน...”“เอาล่ะ ไม่จำเป็นต้องอธิบายแล้ว”หลานซื่อบอกให้นางหุบปากทันที ขี้เกียจจะฟังคำพูดไร้สาระเหล่านั้นของนาง“ในร่างกายของท่านนอกจากพิษงูที่หลงเหลืออยู่เล็กน้อย ก็ไม่มีพิษอื่นแล้ว แต่กลับมีอย่างอื่นอีกเล็กน้อย”“ข้ารู้อยู่แล้วเชียว!”เวินหย่าลี่เบิกตากว้างในทันใด ตื่นเต้นมากจนไม่สนใจชื่อเรียกของตัวเองด้วยซ้ำ มองหลานซื่อด้วยความร้อนใจ “มันคืออะไร? นางทำอะไรกับร่างกายของข้ากันแน่?!”“ในช่วงเวลานี้ ท่านได้กินหรือดื่มอะไรที่นางให้มาบ้างหรือเปล่า?”หลานซื่อไม่ตอบนางโดยตรง แต่กลับย้อนถามเวินหย่าลี่ยิ่งรู้สึกกระดากอาย “นางไม่เคยนำอาหารอะไรมาให้ข้า...หม่อมฉันกับมือเลย แต่ตอนนี้จวนจงหย่งโหวของเราอยู่ภายใต้การควบคุมของนางแล้ว ของกินดื่มอะไร นางก็ไม่จำเป็นต้องลงมือทำเอง มีคนไปทำให้”ดังนั้นหากเวิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 935

    “ให้นางเข้ามาสิ”หลานซื่อกลับไปที่ข้างโต๊ะแล้วนั่งลงเมื่อเป่ยเฉินหยวนได้ยินว่ามีคนมา ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเขาจำฮูหยินจงหย่งโหวท่านนั้นได้ ดูเหมือนจะเป็นน้องสาวของเจิ้นกั๋วกง อดีตน้าหญิงของอู๋โยวกระมัง?ครั้งหนึ่งเคยใส่ความอู๋โยวว่าขโมยของจากครอบครัวของนาง ความสัมพันธ์กับอู๋โยวดูจะแย่ทีเดียวเหตุใดวันนี้ถึงมาหาอู๋โยวได้?ไม่ใช่ว่าเป่ยเฉินหยวนคิดมากเกินไปแต่ที่สำคัญคือวันนี้ หากเวินหย่าลี่มาร่วมงานเลี้ยงในฐานะฮูหยินจงหย่งโหว ก็ไม่เห็นจะต้องมาหาหลานซื่อตามลำพังเมื่อครู่ไม่เห็นนางที่งานเลี้ยง ตอนนี้กลับมาหานางแบบส่วนตัวเห็นได้ชัดว่าผิดปกติเป่ยเฉินหยวนมองไปทางหลานซื่อ “ต้องการให้ข้าช่วยเหลืออะไรไหม?”หลานซื่อส่ายศีรษะ “แค่เรื่องเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องให้ท่านอ๋องลงมือ”“แล้วต้องให้ข้าหลบไปหรือไม่”“ไม่ต้องเช่นกัน หากท่านอ๋องอยากรู้ก็สามารถอยู่ฟังได้ ถือว่าเป็นเรื่องสนุก ๆ ก็พอ”เมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้กังวลและไม่หลบเลี่ยงของหลานซื่อเช่นนี้ เป่ยเฉินหยวนก็อดแย้มมุมปากไม่ได้วินาทีต่อมา เขาก็นั่งลงตรงข้ามกับหลานซื่อเช่นกันไม่นาน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอกประตูเวินหย่าล

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 934

    “ประมูลตระกูลหลานไม่จำเป็นต้องทักทายพวกเรา แค่เอาเหล้าฮัวเตียวมาสักหน่อย พวกเราก็จัดการกันเองได้แล้ว”เสนาบดีฉีในฝูงชนก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเช่นกันล้วนเป็นคนเฉลียวฉลาดกันทั้งนั้น ย่อมรู้ดีว่าเหตุการณ์คั่นเวลาเมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นดังนั้นนี่คือการให้หลานซื่อจัดการกับนางก่อน ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าบรรดาแขกเหรื่อจะไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเพราะถึงอย่างไรก็ยังมีพ่อตาฮ่องเต้ที่คอยช่วยสนับสนุนนาง และแม้แต่เสนาบดีฉีเองก็เริ่มเอ่ยปากถาม โดยมีใต้เท้าสองคนนี้อยู่ด้วย ยังให้เกียรติกันไม่พออีกหรือ?หลานซื่อที่มองเห็นเจตนาดีของทั้งสองก็ไม่ปฏิเสธ ตอนนี้นางก็ยังมีเรื่องต้องจัดการด้วยจริง ๆ“ขอบคุณทุกท่านที่เข้าใจ ทุกท่านกินดื่มให้เต็มที่ หากมีความต้องการอะไรก็สั่งคนรับใช้ในจวนได้เลย หากดูแลไม่ทั่วถึง ก็ต้องขออภัยด้วย”จนกระทั่งตอนนี้ หลานซื่อก็ยังเกรงใจและสุภาพมากแม้ว่าวันนี้จะมีแขกเหรื่อมามากมาย แต่ก็ไม่มีใครพูดได้ว่าประมูลตระกูลหลานคนใหม่นี้ดูแลไม่ทั่วถึงหรือผิดพลาด”เพราะถึงอย่างไรอีกหนึ่งสถานะของนาง ก็คือธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่เทียบเท่าองค์หญิงเมื่อพบนาง ควรเป็นพวกเขามากกว่าที่ต้องคุกเข่า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 933

    ขณะที่อันหมิงจูกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง อันปี่เค่อก็ชิงพูดก่อนนางหนึ่งก้าวด้วยน้ำเสียงจนปัญญา “เอาล่ะ ลูกสาวแสนดี เจ้าดูสภาพเจ้าในตอนนี้สิ อย่าเสียเวลาอยู่ที่เรือนของธิดาศักดิ์สิทธิ์ต่อไปเลย พ่อจะพาเจ้ากลับไปก่อน มีอะไรเอาไว้วันหลังค่อยคุยกัน เร็วเข้า บอกลาธิดาศักดิ์สิทธิ์สักคำ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ อันหมิงจูจะทำอะไรได้อีกนางทำได้เพียงอดทนกับอารมณ์คับข้องใจ เอาเสื้อกันลมที่สาวใช้เอามาให้คลุมไหล่ ปกปิดร่างกายเอาไว้ พร้อมกับทำความเคารพหลานซื่ออย่างไม่เต็มใจนัก“ขออภัยด้วยธิดาศักดิ์สิทธิ์ ข้าน้อยขอลา”หลานซื่อเหลือบมองนางอย่างเฉยชาเดิมทียังไม่อยากปล่อยอันหมิงจูและคนอื่น ๆ ไปง่าย ๆ แบบนี้ แต่ไม่นึกว่าอันปี่เค่อผู้นี้จะตาไวเช่นนี้สังเกตเห็นภัยอันตรายในชั่วพริบตา จากนั้นก็ตัดสินใจถอนตัวโดยไม่ลังเลถ้าเป็นเฒ่าสารพัดพิษอย่างเวินเฉวียนเซิ่งนั่น ต้องกลับมาลองหยั่งเชิงอีกครั้งอย่างแน่นอนยากที่จะรับมือจริง ๆหลานซื่อหรี่ตาลง “คุณหนูใหญ่สกุลอันตกน้ำตื่นตกใจ ทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สกุลหลาน ดื่มน้ำแกงขิงสักหน่อยแล้วค่อยไปล่ะ? จะได้ไม่เป็นหวัด”“แค่ก ๆ ขอบคุณธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นห่วง แต่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status