Share

บทที่ 624

Aвтор: จิ้งซิง
เมื่อถึงตรงนี้ คำตอบก็ชัดเจนอย่างยิ่งแล้ว

เวินฉางอวิ้นเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “น้องหก เงินอยู่ที่ไหน?”

เวินเยวี่ยพลันเบิกตากลมโตราวกับลูกกวางคู่นั้น ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรุนแรง “ไม่ใช่ข้า พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้ขโมยไปจริงๆ นะเจ้าคะ!”

เวินเยวี่ยบีบน้ำตาออกมาทันที พลางร้องไห้กล่าวว่า “ท่านพ่อ พี่สาม พวกท่านโปรดเชื่อเยวี่ยเอ๋อร์ เยวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้ขโมยเงินของพี่รองไปจริงๆ เจ้าค่ะ!”

“อย่ามาเรียกข้าว่าพี่รอง!”

เวินจื่อเฉินกำหมัดแน่น กล่าวอย่างเดือดดาล “เมื่อก่อนเป็นเพราะข้าตาบอด ถึงได้รักและเอ็นดูเจ้าประหนึ่งน้องสาวแท้ๆ แต่ดูสิว่าเจ้าปฏิบัติต่อข้าอย่างไร?”

“เจ้ารังแกน้องห้า โกหกข้า ขโมยเงินของข้า กระทั่งเมื่อก่อนยังให้คนไปขุดร่างไร้วิญญาณของท่านแม่ข้าขึ้นมา นั่นคือแม่แท้ๆ ของข้านะ! หากเจ้ามีเศษเสี้ยวของความเป็นคนอยู่บ้าง เจ้าก็ไม่ควรทำเรื่องเช่นนี้เลย!”

“พี่รอง ท่านพูดจาเหลวไหลอะไร!”

เวินจื่อเยวี่ยรีบเอ่ยปากแก้ต่างให้เวินเยวี่ยทันที “น้องหกอธิบายไปนานแล้ว เรื่องของท่านแม่นั้น น้องหกไม่ได้เป็นคนทำ แต่เป็นลูกน้องของนาง...”

“ข้าได้ยินกับหูตัวเอง นางเป็นคนยอมรับจากปากของนางเอง!”

เวินจื่อเฉิ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Заблокированная глава

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 626

    เวินจื่อเยวี่ยอ้าปาก แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของพี่รองเมื่อครู่ เรื่องที่ว่า “เฆี่ยนตีศพเพื่อระบายแค้น” อะไรนั่น...น้องหกนาง ตอนนั้นนางคิดจะทำเช่นนั้นกับท่านแม่ของพวกเขาจริงๆ หรือ?“ฮือๆๆ พี่สาม...”เวินเยวี่ยมองไปที่เขาด้วยท่าทางน่าสงสารอย่างยิ่ง หยาดน้ำตาผสมปนเปกับเลือดไหลอาบแก้ม สภาพทั่วทั้งร่างนั้น ดูน่าสังเวชจนแทบไม่อาจทนมองแต่เวลานี้ เวินจื่อเฉินกำหมัดแน่น ทั่วร่างแผ่ไอเย็นเยียบกดดันพลางเอ่ยขึ้นว่า “น้องสาม หากเจ้ากล้าเอ่ยปากแทนนางแม้แต่คำเดียว วันนี้ไม่เจ้าก็ข้าที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง”ในท้ายที่สุด เวินจื่อเยวี่ยก็หลับตาลงแล้วหันหน้าหนีไปดับความหวังสุดท้ายของเวินเยวี่ยลงอย่างสิ้นเชิง“น้องหก เจ้าไม่ควรทำเช่นนั้นเลย”ต่อให้น้องหกจะเป็นคนวางยาเขา เขาก็ยังสามารถให้อภัยได้เพราะว่านั่นคือสิ่งที่เขาติดค้างน้องหกแต่นางไม่ควรแตะต้องร่างไร้วิญญาณของท่านแม่!เวินจื่อเยวี่ยในตอนนั้นใช่ว่าจะไม่ระแคะระคายสิ่งใดเลย เพียงแต่ในเวลานั้นเขายังสามารถหลอกตัวเองได้อยู่อย่างไรเสีย ร่างไร้วิญญาณของท่านแม่ก็ถูกเวินซื่อชิงไปแล้วมิใช่หรือ?แต่ตอนนี้ เวินจื่อเฉินได้เปิดโปงความจริงออกมาต่อหน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 625

    เวินเยวี่ยร่ำไห้คร่ำครวญอยู่ตรงนั้น ราวกับได้รับความอยุติธรรมอย่างใหญ่หลวงนางคิดว่าการทำเช่นนี้จะยังสามารถทำให้ท่านพ่อใจอ่อน ทำให้พี่สามเวทนาสงสาร ร้องไห้จนทำให้ทุกคนต่างจนปัญญาที่จะจัดการกับนางเหมือนเช่นเคยแต่นางคาดไม่ถึงว่าคราวนี้ คนแรกที่ลงมือตบนางกลับเป็นบิดาของนางเอง“เพียะ!”เวินเฉวียนเซิ่งฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าอีกข้างหนึ่งที่ไม่ได้บาดเจ็บของเวินเยวี่ยใบหน้าซึ่งเดิมทีก็เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจากบาดแผลที่ปริแตกอยู่แล้ว ก็บวมเป่งขึ้นมาอีกครั้ง“ทะ...ท่านพ่อ?”เวินเยวี่ยหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาแต่กลับพบว่าในเวลานี้เวินเฉวียนเซิ่งกำลังยืนหันหลังให้นาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พ่อเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่า เจ้าจะสามารถทำเรื่องเช่นนี้กับท่านแม่ของเจ้าได้ลงคอ”“ฉางอวิ้น เรื่องนี้เป็นความผิดของพ่อเอง ก่อนหน้านี้พ่อหลงเชื่อคำพูดของเยวี่ยเอ๋อร์ง่ายเกินไปจริงๆ ตอนนี้เมื่อเรื่องราวกระจ่างแล้ว พ่อจะจัดการเรื่องนี้ให้พวกเจ้าเอง”เวินเยวี่ยมองไม่เห็นว่าฝั่งตรงข้ามกับเวินเฉวียนเซิ่งนั้น ในเวลานี้ เวินฉางอวิ้นกำลังมองมายังพวกเขาด้วยสีหน้าผิดหวังและชิงชังอย่างยิ่งด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 624

    เมื่อถึงตรงนี้ คำตอบก็ชัดเจนอย่างยิ่งแล้วเวินฉางอวิ้นเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “น้องหก เงินอยู่ที่ไหน?”เวินเยวี่ยพลันเบิกตากลมโตราวกับลูกกวางคู่นั้น ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรุนแรง “ไม่ใช่ข้า พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้ขโมยไปจริงๆ นะเจ้าคะ!”เวินเยวี่ยบีบน้ำตาออกมาทันที พลางร้องไห้กล่าวว่า “ท่านพ่อ พี่สาม พวกท่านโปรดเชื่อเยวี่ยเอ๋อร์ เยวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้ขโมยเงินของพี่รองไปจริงๆ เจ้าค่ะ!”“อย่ามาเรียกข้าว่าพี่รอง!”เวินจื่อเฉินกำหมัดแน่น กล่าวอย่างเดือดดาล “เมื่อก่อนเป็นเพราะข้าตาบอด ถึงได้รักและเอ็นดูเจ้าประหนึ่งน้องสาวแท้ๆ แต่ดูสิว่าเจ้าปฏิบัติต่อข้าอย่างไร?”“เจ้ารังแกน้องห้า โกหกข้า ขโมยเงินของข้า กระทั่งเมื่อก่อนยังให้คนไปขุดร่างไร้วิญญาณของท่านแม่ข้าขึ้นมา นั่นคือแม่แท้ๆ ของข้านะ! หากเจ้ามีเศษเสี้ยวของความเป็นคนอยู่บ้าง เจ้าก็ไม่ควรทำเรื่องเช่นนี้เลย!”“พี่รอง ท่านพูดจาเหลวไหลอะไร!”เวินจื่อเยวี่ยรีบเอ่ยปากแก้ต่างให้เวินเยวี่ยทันที “น้องหกอธิบายไปนานแล้ว เรื่องของท่านแม่นั้น น้องหกไม่ได้เป็นคนทำ แต่เป็นลูกน้องของนาง...”“ข้าได้ยินกับหูตัวเอง นางเป็นคนยอมรับจากปากของนางเอง!”เวินจื่อเฉิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 623

    “ใครขโมยเงินของเจ้าไป?”เวินฉางอวิ้นได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเวินจื่อเฉินพลันยกมือขึ้นชี้ไปข้างใน “นาง!”“นางเป็นคนขโมยเงินหนึ่งหีบที่ข้าเก็บไว้ใต้เตียงไป”เวินเยวี่ยซึ่งถูกชี้ตัวในเวลานี้ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด นางเอ่ยปากออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พวกท่านอย่าไปฟังพี่รองพูดจาเหลวไหล ข้าไม่ได้ขโมยเงินของพี่รองไปเลยแม้แต่น้อย หากพวกท่านไม่เชื่อก็ไปถามพี่สามได้ พี่สามเป็นพยานให้ข้าได้เจ้าค่ะ”“เจ้าสามล่ะ?”“อยู่นี่! ข้าอยู่นี่!”เวินจื่อเยวี่ยมาได้จังหวะพอดีเวินเฉวียนเซิ่งเพิ่งเอ่ยปากเรียกหาเขา เวินจื่อเยวี่ยก็กลับมาจากข้างนอกพอดีเขาขานรับ หลังจากเข้ามาในเรือนเล็กแล้ว ก็ยืนหอบหายใจอยู่ตรงนั้น พักอยู่ครู่ใหญ่ จึงเอ่ยขึ้น “ข้า...ข้าเป็นพยานให้น้องหกได้ นางไม่ได้เป็นคนขโมยไปจริงๆ ”“ในเมื่อเยวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้เป็นคนขโมย เช่นนั้นหรือว่าเจ้าสองโกหก?”สายตาเย็นชาของเวินเฉวียนเซิ่งมองไปยังเวินจื่อเฉินอีกครั้งแต่ในเวลานี้ เวินจื่อเยวี่ยก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ไม่ เงินของพี่รองน่าจะถูกขโมยไปจริงๆ ”มิฉะนั้นพี่รองคงไม่อารมณ์พลุ่งพล่านเช่นนั้นยิ่งไปกว่านั้น เดิมที

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 622

    ฝ่ายหนึ่งเป็นเพราะเรื่องเงินของตน อีกฝ่ายเป็นเพราะใบหน้าของตนแต่เมื่อครึ่งปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นเวินเยวี่ยหรือเวินจื่อเฉินก็ตาม ใครจะคาดคิดได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะมีวันมาถึงจุดนี้ได้พวกบ่าวรับใช้ที่อยู่รอบๆ ต่างก็ถูกพวกเขาสองคนทำให้ตกใจกลัวจนตัวสั่นในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังมาจากด้านนอกประตูที่เวินจื่อเฉินใช้หลังพิงอยู่“ก๊อก ก๊อก!”“เจ้าสอง เช้าตรู่เช่นนี้ เจ้ามาก่อเรื่องวุ่นวายอะไรในเรือนของน้องสาวเจ้า? ยังไม่รีบเปิดประตูอีก!”เมื่อได้ยินเสียงนี้ ดวงตาของเวินเยวี่ยก็พลันเป็นประกาย ร้องตะโกนด้วยความยินดี “ท่านพ่อ! ช่วยข้าด้วย! พี่รองเขาบ้าไปแล้ว เขาจะทำร้ายข้า!”ผู้ที่มาเยือนด้านนอกประตูก็คือเวินเฉวียนเซิ่งตรงกันข้ามกับความยินดีของเวินเยวี่ย คือใบหน้าที่พลันเคร่งขรึมลงของเวินจื่อเฉิน เขายังคงใช้แรงยันประตูไว้แน่น ไม่พูดจาและไม่คิดจะเปิดประตู“ปัง ปัง!”คนที่อยู่ด้านนอกราวกับจะรับรู้ความคิดของเวินจื่อเฉินได้ เสียงเคาะประตูในตอนแรกจึงเปลี่ยนเป็นการทุบประตูอย่างแรงในเวลาอันรวดเร็วเวินเฉวียนเซิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าสอง เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”เวินเยวี่ย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 621

    เวินเยวี่ยเพิ่งพูดจบ วินาทีต่อมาเวินจื่อเฉินก็พลันพุ่งพรวดมาอยู่ตรงหน้าของนาง“เพียะ!”ฝ่ามือข้างหนึ่งตบลงมาเสียงดังฟังชัด ฟาดลงบนใบหน้าของเวินเยวี่ยอย่างแรงเวินเยวี่ยถูกตบจนวิงเวียนศีรษะ หน้ามืดตาลายทั้งคนล้มลงไปกองกับพื้นทันที แถมยังกระแทกเข้ากับประตูเสียงดัง “ปึง” ผ่านไปเนิ่นนานก็ยังไม่ได้สติ“ว้ายยย! คุณหนูหก!”“คุณชายรอง โปรดหยุดเถิด!”“เร็วเข้า ห้ามคุณชายรองไว้!”บ่าวรับใช้ในเรือนของเวินเยวี่ยต่างตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้าจนหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นว่าเวินจื่อเฉินตบไปฉาดหนึ่งแล้วยังไม่คิดจะหยุดมือ กลับยกมือขึ้นหมายจะตบซ้ำอีก!พวกบ่าวรับใช้หน้าซีดเผือด รีบพุ่งเข้าไปใช้ร่างกายขวางเขาไว้ต่างคนต่างยื้อยุดฉุดกระชาก พยายามรั้งเขาไว้สุดกำลังหากคุณหนูหกเป็นอะไรไปเพราะถูกคุณชายรองทำร้ายจริงๆ ล่ะก็ เกรงว่าบ่าวรับใช้ทุกคนในเรือนนี้คงต้องจบสิ้นกันหมดแน่ดังนั้น แม้ว่าจะหวาดกลัวเวินจื่อเฉินที่กำลังเดือดดาลอย่างยิ่ง แต่ทุกคนก็ยังคงรีบร้อนเข้าไปขัดขวางเขาอยู่ดีเวินจื่อเฉินถูกพวกเขาออกแรงลากตัวออกห่างจากเวินเยวี่ยเป็นระยะสามเมตรแต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังคงจ้องเขม็งไปยัง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 620

    “ขอทานที่ไหนเนี่ย กล้ามาก่อกวนถึงจวนเจิ้นกั๋วกง ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”“แม่เจ้าสิไสหัวไป!”พลันเวินจื่อเฉินกระชากคนเฝ้าประตูออกมา “ลืมตาเจ้าดูให้ดีๆ ว่าข้าเป็นใคร!”หลังจากเข้าไปใกล้ๆ ในที่สุดคนเฝ้าประตูก็รู้แล้วว่าเป็นใคร เขาเบิกตากว้างกล่าว “คุณชายรอง? ท่านคือคุณชายรอง?!”“ในเมื่อรู้ว่าข้าเป็นใคร ยังไม่รีบเปิดประตูให้ข้าอีก!”คนเฝ้าประตูแทบจะไปเปิดประตูโดยไม่รู้ตัว แต่ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ การกระทำหยุดชะงัก“คือ…คุณชายรอง ไม่ใช่บ่าวไม่เปิดประตูให้ท่าน แต่ท่านกั๋วกงสั่งไว้ ท่านไม่ใช่คุณชายรองของจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นห้ามเข้าออกจวนเจิ้นกั๋วกงตามใจชอบ”“ได้”เมื่อเวินจื่อเฉินได้ยินคำพูดนี้ เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม และให้ความร่วมมืออย่างคาดไม่ถึงแต่วินาทีต่อมา คนเฝ้าประตูยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เวินจื่อเฉินก็ยกเท้าถีบใส่ประตูใหญ่จวนเจิ้นกั๋วกงกะทันหัน“เจ้าไม่เปิดให้ข้า ข้าเปิดเองก็ได้!”หลังจากถีบประตู เวินจื่อเฉินก็เดินปรี่เข้าไปในจวนเจิ้นกั๋วกง หลังจากนั้นตรงไปที่เรือนเล็กของเวินเยวี่ยอย่างไม่ลังเลท่าทางที่จะทำร้ายคนทำให้คนเฝ้าประตูตกใจจนตะโกนเสียงดัง “ใครก็ได้! ใค

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 619

    “ไม่ใช่? พี่รอง ข้าจะไปเรียกน้องหกกลับมาอย่างไร? ข้าบอกท่านไปแล้ว ตอนนี้น้องหกได้รับบาดเจ็บ จำเป็นต้องพักฟื้นในจวน นางมาที่นี่ไม่ได้”เวินจื่อเยวี่ยเริ่มรู้สึกว่าเวินจื่อเฉินไร้เหตุผลขึ้นเรื่อยๆ “ท่านต้องการเงิน ข้าให้ท่านก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ? แม้ตอนนี้ยังให้ไม่ได้ แต่อีกหน่อย ข้าสามารถกลับจวนเจิ้นกั๋วกงแน่นอน ถึงเวลาท่านต้องการเท่าไร? อืม? ห้าร้อยตำลึง? หรือหนึ่งพันตำลึง? ข้าคืนให้ท่านสองเท่าเลย เช่นนี้ท่านน่าจะพอใจแล้วกระมัง?”“ไสหัวไป!”เวินจื่อเฉินถลึงตาใส่เขา “ข้าบอกไปแล้ว ข้าไม่ต้องการเงินของเจ้า สิ่งที่ข้าต้องการคือเงินของข้า! เงินทองแดงที่ข้าเก็บพวกนั้น จึงจะเป็นของข้า! ใครก็แตะต้องไม่ได้!”“เศษเหรียญทองแดงที่ท่านต้องการมีอะไรดีนักหนา? เงินหรือตั๋วเงินมันไม่ดีหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยไม่เข้าใจ“เพราะนั่นเป็นเงินที่ข้าหามาด้วยตัวเอง!”เวินจื่อเฉินยืนอยู่ตรงที่เดิม เขากำหมัดแน่น “นั่นเป็นเงินที่ข้าหาให้น้องหญิง เงินทุกแดงล้วนแลกมาด้วยหยาดเหงื่อของข้า ไม่ว่าเท่าไร อย่างน้อยก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า ยิ่งไม่เกี่ยวกับจวนเจิ้นกั๋วกง”น้องหญิงรังเกียจจวนเจิ้นกั๋วกง ดังนั้นสิ่งที่เขา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 618

    ตอนที่เวินจื่อเยวี่ยเดินทางจากเมืองหลวงกลับถึงภูเขาหนานอีกครั้ง ก็ดึกมากแล้วแต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงคือ คืนนี้ในกระท่อมฟางของพี่ชายรองยังมีแสงไฟส่องสว่างอยู่เมื่อผลักประตูเข้าไป เห็นเวินจื่อเฉินนั่งอยู่ที่ข้างเตียง และบนโต๊ะยังมีอาหารที่เย็นแล้ววางอยู่“พี่รอง เหตุใดท่านยังไม่พักผ่อน? ท่านคงไม่ได้กำลังรอข้ากับน้องหกกลับมากระมัง?”เวินจื่อเยวี่ยเดินไปที่ข้างโต๊ะ มองดูอาหารที่จืดชืดไม่ค่อยน่ากินนัก แล้วถามด้วยความประหลาดใจเหมือนว่าเวินจื่อเฉินกอดของบางอย่างไว้ในอก หลังจากได้ยินเสียงเวินจื่อเยวี่ยกลับมา เขามองไปที่เวินจื่อเยวี่ยด้วยสายตาแข็งทื่อเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปที่ประตูอีกครั้ง“เวินเยวี่ยล่ะ? นางไปไหนแล้ว?”เสียงของเวินจื่อเฉินแหบเล็กน้อย ฟังแล้วเหมือนกำลังพยายามข่มอารมณ์เวินจื่อเยวี่ยที่ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติหยิบตะเกียบขึ้นมา ลองชิมอาหารไปสองคำ แต่วินาทีต่อมาก็ขมวดคิ้วโยนตะเกียบลงบนโต๊ะ“อาหารนี่เรียบง่ายเกินไปกระมัง? รสชาติก็แย่เช่นนี้ พี่รอง ท่านจะหาของที่มันอร่อยหน่อยไม่ได้เลยหรือ? เนื้อผัดผักสักจานก็ยังดี มีแต่ผักเช่นนี้จะกินอย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยไม่ได้ตอบคำถามข

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status