ไม่มีใครคาดคิดว่า นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ฟ่านหลิงชางก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสทันทีทั้ง ๆ ที่ทั้งคู่ได้เริ่มลงมือพร้อมกัน แต่ความเร็วของเป่ยเฉินหยวนนั้นเร็วมากจนพวกเขาไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจนในชั่วพริบตา พวกเขาก็เห็นหลานชายสายตรง (พี่ใหญ่) ของตัวเองคุกเข่าอยู่บนพื้นในสภาพจนตรอกและดาบของเป่ยเฉินหยวนก็ถูกพาดไว้ที่ซอกคอของฟ่านหลิงชาง“ท่านอ๋อง หยุดนะ!”ฟ่านเจินซื่อตะโกนลั่นอย่างร้อนใจเป่ยเฉินหยวนพูดอย่างหงุดหงิดใจ “ร้อนใจทำไม? ก็บอกแล้วว่าจะไม่เอาชีวิตเขา ข้าก็ย่อมไม่ฆ่าเขา”อันที่จริงขอเพียงเขายังไม่ยอมแพ้ ก็ขึ้นอยู่กับเขาว่าจะทรมานอย่างไรฟ่านเจินซื่อที่คาดเดาความคิดของเป่ยเฉินหยวนได้อย่างชัดเจนได้เปลี่ยนคำพูดทันทีเพื่อเตือนสติฟ่านหลิงชาง “ชางเอ๋อร์ ยอมแพ้เร็วเข้า!”แม้ว่าหลังจากยอมแพ้จะเสียมือข้างหนึ่ง นั่นก็ยังดีกว่าตอนนี้!มิฉะนั้นผลที่ตามมาจะร้ายแรงยิ่งกว่า!น่าเสียดายที่ฟ่านเจินซื่อคิดได้ แต่เป่ยเฉินหยวนกลับไม่ให้โอกาสนี้แก่ฟ่านหลิงชาง“เจ้าช่างมีใจหาญกล้านัก กล้าที่จะเหิมเกริมไม่เจียมตัวต่อหน้าข้า เจ้ายังเป็นคนแรกอีกด้วย”“รู้ไหมว่าคนก่อนหน้าที่ยั่วยุข้ามีจุดจบเช่นไร?
ชายวัยกลางคนหน้าสวยละมุนละไมยังคงมีสีหน้าเดิม หันกลับมาประสานมือให้ฟ่านเจินซื่อกล่าวว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า บ่าวยินดีจะไปแทนคุณชายใหญ่เองขอรับ”“ไม่ได้”“ไม่ได้!”ที่น่าประหลาดใจก็คือ ทั้งฟ่านหลิงชางและฟ่านเจินซื่อสองย่าหลานต่างไม่เห็นด้วยที่จะให้เขาไปหลังจากที่ฟ่านเจินซื่อปฏิเสธก็ไม่ได้พูดอะไรอีกฟ่านหลิงชางขมวดคิ้วพูดว่า “เยว่กง เรื่องนี้หลิงชางเป็นคนก่อขึ้นมาคนเดียว ต่อให้ต้องเสียมือข้างหนึ่งก็ไม่เห็นเป็นไร เยว่กงไม่จำเป็นต้องไปแทนข้า”พูดจบ เขาก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ท่านอ๋อง รายละเอียดการประลองท่านต้องการเช่นไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มเล็กน้อย “ของ่าย ๆ ในเมื่อเป็นการประลอง ถ้าอย่างนั้นก็ประลองยุทธ ใครที่ยอมแพ้ก่อนก็ต้องตัดมือข้างหนึ่ง”หลังจากที่เขาพูดจบก็เสริมอีกประโยคหนึ่ง “อ้อ เพื่อไม่ให้มีคนพูดว่าข้าผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย ดังนั้นข้าจะต่อให้เจ้าโดยใช้มือข้างเดียว แบบนี้จะกล้าไหม?”ฟ่านหลิงชางได้ยินดังนั้นดวงตาก็เป็นประกายก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ศักยภาพของเป่ยเฉินหยวน ดังนั้นพอมาถึงก็เริ่มยั่วยุทันทีแต่ต่อมาเมื่อเห็นเป่ยเฉินหยวนใช้ดาบที่โยนออกไปทุบศีรษะน้องชายลูกพี่
ฟ่านหลิงชางกำธนูในมือแน่น รู้สึกเพียงว่าแววตาและวาจาของเวินซื่อนั้นเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามเขาอย่างถึงที่สุด!ลงจากลานประลอง?ให้เขาลงจากลานประลองในตอนนี้เนี่ยนะ?!“หลิงชาง!”ฟ่านชิงเฟิงตวาดเรียกฟ่านหลิงชางอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “อย่าลืมที่ท่านย่าของเจ้ากำชับไว้!”เขาต้องการจะเตือนให้ฟ่านหลิงชางคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวมเป็นหลักแต่ฟ่านหลิงชางในตอนนี้จะฟังอะไรเข้าหูได้อย่างไร?“ท่านอาเจ็ดมิต้องพูดมาก หลิงชางย่อมรู้จักขอบเขต”ฟ่านหลิงชางมองเวินซื่อด้วยสายตาคมกริบ “จะให้เก็บเป้าแล้วยิงใส่กันใช่หรือไม่? ข้าไม่กลัวหรอก ก็แค่กลัวว่าเจ้าจะกล้าพูดแต่ไม่กล้าทำ อย่างไรเสียหัวลูกศรก็แหลมคมนัก หากระหว่างการประลองเกิดพลาดพลั้งขึ้นมา ก็อาจจะได้เห็นเลือดกันบ้าง”เวินซื่อแค่นเสียงเย็นชา “จะมัวพูดมากทำไม รีบให้คนนำม้ามา”สายตาของฟ่านหลิงชางปรากฏเจตนาสังหารแวบหนึ่งพูดกันดีๆ ไม่ชอบ ต้องให้ใช้กำลังสินะ“ดี! ใครก็ได้ ไปนำ...”“หยุดเดี๋ยวนี้!”ฟ่านหลิงชางยังไม่ทันพูดจบ ทว่าในขณะนั้น ก็มีเสียงแก่ชราเสียงหนึ่งดังขึ้นมาทันทีเวินซื่อและคนอื่นๆ หันไปมอง ก็เห็นฟ่านเจินซื่อมาถึงตั้งแต่เมื่อใด
“แพ้แล้ว...”“พี่ใหญ่หลิงชางถึงกับแพ้แล้ว”“เป็นไปได้อย่างไร ธิดาศักดิ์สิทธิ์นั่นดูแล้วก็...”อ่อนแอขนาดนั้นพวกเขาอยากจะพูดเช่นนี้แต่ตอนนี้กลับไม่กล้าพูดแล้วฟ่านหลิงชางที่พวกเขาคิดว่ามีฝีมือยิงธนูไร้เทียมทาน กลับมาพ่ายแพ้ในมือของเวินซื่อยิ่งไปกว่านั้น ฟ่านหลิงชางยังเป็นฝ่ายเริ่มท้าทายก่อนเองแต่ผลสุดท้ายกลับพ่ายแพ้ยับเยินจนไม่เหลือทั้งหน้าตาและศักดิ์ศรีแล้วไม่ต้องพูดถึงฟ่านหลิงชาง แม้แต่ฟ่านชิงเฟิงเองก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจไปชั่วขณะธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้...เป็นพวกเขาที่ดูแคลนนางเกินไปแล้วยังคิดว่าอีกฝ่ายได้เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์เพราะอาศัยเพียงแค่ใบหน้านั่น คาดไม่ถึงว่าจะมีความสามารถที่แท้จริงอยู่บ้าง “...ฝีมือยิงธนูของท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ช่างเก่งกาจเหนือความคาดหมายจริงๆ”แม้ฟ่านชิงเฟิงจะกระอักกระอ่วนใจเพียงใด ก็ต้องทำต่อไปเวลายังไม่ถึงกำหนด ใครจะไปรู้ว่าหลิงชางจะแพ้เร็วขนาดนี้ต้องยื้อเวลาต่อไปอีกสักหน่อย“ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์แสดงฝีมือไปคราหนึ่ง คงจะเหนื่อยแล้ว เชิญกลับไปนั่งพักผ่อนก่อนเถิด”ครั้งนี้เวินซื่อไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปยังที่น
“ดี! แค่กๆๆ ...”เหล่าลูกหลานสกุลฟ่านพลันส่งเสียงฮือฮา แต่ทันทีที่ส่งเสียงออกมาก็พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงเหลือบมองไปทางเป่ยเฉินหยวนอย่างระแวดระวัง แล้วรีบหุบปากลง“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ ยังจะต่ออีกหรือไม่?”ฟ่านหลิงชางเอ่ยถามเวินซื่อด้วยความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง“ต่อ”สีหน้าของเวินซื่อไม่เปลี่ยนแปลงฟ่านหลิงชางเลิกคิ้ว “ดี เช่นนั้นก็ย้ายไปอีกสิบจั้ง”หลังจากย้ายเป้าเสร็จ ฟ่านหลิงชางก็แสร้งถ่อมตนอีกครั้ง “เชิญธิดาศักดิ์สิทธิ์ก่อน”เวินซื่อเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่านางรู้แล้วว่าเขาคิดจะทำอะไรแต่เวินซื่อก็ไม่ได้ปฏิเสธนางพยักหน้า แล้วยิงลูกศรออกไปอีกครั้ง เข้ากลางเป้าพอดีฟ่านหลิงชางยิงตาม และยิงผ่าลูกศรของเวินซื่อออกเป็นสองซีกอีกครั้งฟ่านหลิงชางรู้สึกได้ใจอีกครั้ง “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ เป็นเช่นนี้แล้วยังจะต่ออีกหรือไม่?”“ต่อ”“ดี เช่นนั้นย้ายไปอีกสิบจั้ง”เวินซื่อยิงออกไป เข้ากลางเป้าเป็นครั้งที่สามฟ่านหลิงชางยิงออกไป ยิงทะลุลูกศรของนางเป็นครั้งที่สาม“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...”“ต่อ”คราวนี้ ไม่รอให้ฟ่านหลิงชางได้ภาคภูมิใจจนจบ และไม่รอให้เขาพูดจนจบประโยค เวินซ
เป็นอยู่บ้าง?นี่เรียกว่าเป็นอยู่บ้างอย่างนั้นหรือ?ลูกศรเมื่อครู่นั้นเล็งมาที่ศีรษะของเขาโดยตรงหากไม่ใช่เพราะเขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างและหลบทัน เกรงว่าบัดนี้ศีรษะของเขาคงถูกยิงทะลุไปแล้วเมื่อตระหนักว่าเวินซื่อดูเหมือนจะมีฝีมืออยู่บ้าง ฟ่านหลิงชางก็หรี่ตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อย “ฝีมือยิงธนูของท่านไม่เลว แต่หากคิดจะเอาชนะข้า แค่นี้ยังไม่พอหรอก”“เช่นนั้นก็มาประลองกันเถิด จะได้ทำให้คุณชายฟ่านได้รู้ว่า คำพูดที่ข้าเอ่ยไปก่อนหน้านี้ มิใช่คำพูดโอ้อวด”ฟ่านหลิงชางรู้ดีว่านางหมายถึงอะไร ดังนั้นเมื่อได้ยินแล้วจึงแค่นเสียงเย็นชาออกมา “ดี!”ประลองก็ประลองเขาไม่เชื่อว่าตนเองจะพ่ายแพ้ให้แก่สตรี!“ใครก็ได้ ย้ายเป้าถอยหลังไปอีกสามจั้ง”ฟ่านหลิงชางตะโกนสั่งทว่ายังไม่ทันที่คนรับใช้จะได้ย้ายเป้า เวินซื่อก็ส่ายหน้า “สามจั้งยังไม่พอ”“สามจั้งยังไม่พอหรือ? เช่นนั้นท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์คิดว่าควรเป็นเท่าใด?”เวินซื่อเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “อย่างน้อยต้องครั้งละสิบจั้ง หากยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ ก็ให้ย้ายไปอีกสิบจั้ง”“ช่างพูดจาโอ้อวดนัก”ฟ่านหลิงชางหัวเราะเยาะ ไม่ใช่แค่เขา แม้แต่บรรดาลูกหลานสก