“พวกเจ้าสองคนหยุดเดี๋ยวนี้!”คนที่มาคือเวินเฉวียนเซิ่งส่วนบ่าวชายที่อยู่ด้านหลังเขา ก็คือบ่าวชายคนเมื่อครู่ที่หนีรอดไปได้จากมือของฟ่านจุ้ยเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายรู้ว่าระหว่างเวินจื่อเยวี่ยกับฟ่านจุ้ยจะชกต่อยกันจริง ดังนั้นจึงรีบไปเรียกคนมาโชคดีที่บ่าวชายผู้นี้รวดเร็วมากพอ ไม่อย่างนั้นคุณชายของเขาคงต้องตายด้วยคมมีดของฟ่านจุ้ยแล้วทว่ารอให้เวินเฉวียนเซิ่งกับบ่าวชายเดินไปถึงหน้าประตู กลับพบว่าสถานการณ์เหมือนไม่ค่อยปกติเพราะขณะที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกเวินเฉวียนเซิ่ง ฟ่านจุ้ยรีบเก็บมีดสั้นทันใด แล้วจับตัวเวินจื่อเยวี่ยให้พลิกกลับมายังไม่ทันที่เวินจื่อเยวี่ยจะรู้สึกตัว ในยามที่พวกเวินเฉวียนเซิ่งปรากฏตัว ฟ่านจุ้ยดึงมือสองข้างของเวินจื่อเยวี่ย รีบนำไปวางไว้บนลำคอของตัวเองดังนั้นตอนที่เวินเฉวียนเซิ่งเดินเข้ามา ภาพเหตุการณ์จึงกลายเป็นฟ่านจุ้ยถูกเวินจื่อเยวี่ยทำร้ายจนล้มลงพื้น กระทั่งยังถูกเวินจื่อเยวี่ยบีบคอจะฆ่าเขาเพื่อตบตาให้แนบเนียนยิ่งขึ้น ฟ่านจุ้ยกระทั่งแสร้งดิ้นรนหันไปร้องไห้ขอความช่วยเหลือจากเวินเฉวียนเซิ่งตรงทางเข้า “แค่ก แค่ก แค่ก ท่านพ่อ ช่วยข้า!” เวินจื่อเยวี่ยที่ไม่ท
“คนที่รนหาที่ตายก็คือเจ้า!”เวินจื่อเยวี่ยยกหมัดขึ้น อยากจะชกฟ่านจุ้ยอีกหมัดทว่าวินาทีต่อมา“พลั่ก!”คนที่ถูกซัดหมัดใส่จนกระเด็นออกไปคือเวินจื่อเยวี่ยเองฟ่านจุ้ยลงมืออย่างไม่ปรานีเลยสักนิดเขาในยามนี้มีจิตสังหารต่อเวินจื่อเยวี่ยแล้ว ดังนั้นพลังของหมัดเมื่อครู่จึงสูงมาก ซัดใส่ช่วงท้องของเวินจื่อเยวี่ยอย่างแรง ทำให้เขากระอักเลือดออกมาทันที“ข้าขอเตือนให้เจ้ารีบลุกขึ้นยืนดีกว่า เพราะหมัดต่อไปของข้ากำลังจะมาแล้วนะ”“พลั่ก!”ฟ่านจุ้ยเดินไปเบื้องหน้าเวินจื่อเยวี่ยอย่างเชื่องช้า ยิ้มแย้มเตือนเวินจื่อเยวี่ยเหมือนคนใจดีไปพลาง ทั้งซัดหมัดลงมาอีกครั้งไปด้วย ทำให้เวินจื่อเยวี่ยที่โซซัดโซเซลุกขึ้นล้มลงบนพื้นอีกครั้งเวินจื่อเยวี่ยนึกไม่ถึง บุตรชายนอกสมรสที่ดูเหมือนผ่ายผอมคนนี้จะมีแรงมากขนาดนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เพียงหมัดเดียวก็ทำให้เวินจื่อเยวี่ยแทบจะไม่มีทางตอบโต้หลังซัดลงไปสองหมัด เขากระทั่งลุกขึ้นไม่ไหว ได้แต่ยันพื้นเอาไว้ กระอักเลือดออกมาไม่หยุด“เจ้า...ตกลงเจ้า...”เวินจื่อเยวี่ยอยากถามว่าตกลงเขาคือใคร?หากเป็นบุตรชายนอกสมรสที่เร่ร่อนอยู่ข้างนอก เหตุใดวรยุทธ์จึงร้ายกาจเช่นน
“เอาละ เอาละ รีบไปกันเถอะ อย่าเสียเวลาอีกเลย ข้ายังรอกลับไปกินข้าวที่จวนนะ”อย่างไรก็เป็นอาหารมื้อแรกที่เขากลับไปกินในจวนเจิ้นกั๋วกง เขาวางแผนจะสนิทชิดเชื้อกับครอบครัวของเขากลุ่มนี้บนโต๊ะอาหารให้ดีน่าเสียดายที่แผนการของฟ่านจุ้ยไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น เพราะหลังจากเขากลับไปถึงจวนเจิ้นกั๋วกงก็มีเรื่องชกต่อยกันหลังเวินจื่อเยวี่ยพาฟ่านจุ้ยกลับไปถึงจวนเจิ้นกั๋วกง ก็ทิ้งเขาไว้หน้าประตู แล้วหันหลังจากไปทันทีเมื่อเวินจื่อเยวี่ยจากไป พ่อบ้านก็รีบจากไปทันทีนี่เป็นนายที่น่าปวดหัวอีกคนรอให้ใต้เท้าเจิ้นกั๋วกงมารับมือเองดีกว่า“เฮ้ย ไม่ใช่สิ? ไปไหนกันหมด?”“รีบจากไปขนาดนี้ทำไมกัน?”“พี่สาม? พ่อบ้าน? มีใครอยู่หรือไม่ นี่ยังไม่บอกกันเลยว่าข้าพักที่ไหน?”ฟ่านจุ้ยยังไม่ทันได้ตั้งตัว สิ่งที่เห็นในสายตา คือไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียวทำราวกับหลบหลีกเชื้อโรคก็ไม่ปานฟ่านจุ้ยแค่นเสียงอย่างไม่ยี่หระหนึ่งครั้ง “ได้เลย ในเมื่อไม่มีใคร ถ้าอย่างนั้นข้าไปเดินเล่นเองคนเดียวแล้วนะ?”ระหว่างที่เขาพูด ได้เลือกทิศทางหนึ่งแล้ว ทำท่าราวกับคุ้นเคยเหลือเกิน มุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้นทันทีอีกด้านหนึ่ง เวินจ
“หุบปาก!”เวินจื่อเยวี่ยได้ยินเขาเอ่ยถึงเวินเยวี่ย จึงโมโหทันใด “เจ้านึกว่าเจ้าเทียบกับน้องหกได้หรือ?!”เขาเพิ่งพูดจบ ก็พลันนึกถึงบางสิ่งขึ้นมา “ช้าก่อน ใบหน้าของเจ้า...หรือเจ้ากับน้องหกเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน?”“ถุย!”ฟ่านจุ้ยถ่มน้ำลายใส่เขาทันที แล้วกลอกตากล่าว “ใครจะเป็นพี่น้องฝาแฝดกับนาง? ใบหน้าอย่างนางหรือ สวยสู้พี่สาวข้าก็ไม่ได้ อีกทั้งขาวใสสู้ข้าก็ไม่ได้ อย่างนางยังอยากจะเป็นน้องสาวของข้ากับพี่หญิง นางช่างเพ้อเจ้อ”หากว่ากันตามเวลาเกิด เวินเยวี่ยสมควรจะแก่กว่าเวินซื่อและฟ่านจุ้ยหลายเดือนแต่ขณะนั้นเพื่อปิดบังความจริงที่เวินเยวี่ยเป็นบุตรสาวนอกสมรส เวินเฉวียนเซิ่งจงใจทำให้นางกลายเป็นน้องหกส่วนเวินซื่อหากว่ากันตามเวลาเกิดเดิม กระทั่งอายุน้อยกว่าฟ่านจุ้ยครึ่งเดือนเพียงแต่ฟ่านจุ้ยหน้าด้าน อยากเรียกเวินซื่อว่าพี่สาวก่อนนี้เวินซื่อไม่ยอมให้เขาเรียกว่าพี่สาว แต่บางคนอาศัยวิชาหน้าด้านของตัวเอง เวินซื่อจึงขี้เกียจจะถือสาเขา“แล้วทำไมเจ้าถึงได้เหมือนน้องหกขนาดนี้?”เวินจื่อเยวี่ยขมวดคิ้ว เมื่อครู่เขามัวแต่โมโห ขณะนี้ยิ่งมองกลับยิ่งรู้สึกว่าทั้งตะลึงทั้งโกรธนี่คงไม่ต้องหยดเลือ
ท่านเป็นถึงท่านกั๋วกงที่ยิ่งใหญ่ มีสตรีนางใดที่ไม่สามารถเอาเข้าจวนได้โดยตรง?ไฉนจึงต้องมีลูกนอกสมรสอยู่ข้างนอกเต็มไปหมด?ปีก่อนพาบุตรสาวนอกสมรสกลับมา ปีนี้พาบุตรชายนอกสมรสกลับมาอีกก่อนนี้ยังปิดบังซ่อนเร้น พากลับมาในนามบุตรสาวบุญธรรม อย่างไรแรกเริ่มก็ยังไม่มีใครรู้แต่บุตรชายนอกสมรสในปีนี้กลับเป็นที่รู้กันไปทั่วเพียงเวลาแค่หนึ่งเที่ยงวัน ก็รู้กันไปทั่วเมืองหลวงแล้วยามนี้ใครบ้างจะไม่รู้ว่าเจิ้นกั๋วกงที่นึกว่ารักเดียวลึกซึ้ง มีฮูหยินเอกหลานซื่อเป็นภรรยาเพียงคนเดียว อยู่ข้างนอกถึงขนาดมีบุตรชายหญิงนอกสมรสหนึ่งคู่?เดิมทีสามารถเป็นเรื่องที่เปิดเผยมีเกียรติ ทว่ายามนี้กลับอับอายขายหน้ากันหมดนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!พ่อบ้านเองก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ตลอดทางที่มาก็มองดูสีหน้าเวินจื่อเยวี่ยอย่างระมัดระวังแค่มองดูก็รู้ ชีวิตในจวนหลังจากนี้เกรงว่าคงไม่สงบแล้วในฐานะบ่าวคนหนึ่ง พ่อบ้านเองก็ไม่กล้าเกลี้ยกล่อมอะไรมาก จึงทำใจแข็งเอ่ยกับฟ่านจุ้ย “คุณชายน้อย สัมภาระของท่านต้องการให้บ่าวสั่งคนไปช่วยท่านนำออกมาหรือไม่?”“ไม่ต้องหรอก ไปทั้งอย่างนี้เถอะ”ฟ่านจุ้ยกระโดดลงมา แล้วเดินผ่านเวินจ
“จริงแท้แน่นอน”เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แต่หากเจ้าเป็นเช่นพี่ใหญ่ของเจ้า ไม่เชื่อฟังคำพูดของพ่อ ทำเรื่องที่พ่อไม่ชอบใจ เช่นนั้นเจ้าอย่าคิดว่าจะได้สิ่งใดเลย”“พี่ใหญ่ทำเรื่องใดหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยถามด้วยความสงสัย จากนั้นหันมองรอบด้าน “ใช่สิ ท่านพ่อพี่ใหญ่กลับมาพร้อมท่านไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้เห็นแต่ท่านพ่อไม่เห็นพี่ใหญ่ล่ะ? พี่ใหญ่ไปไหนหรือ?”“สำหรับพี่ใหญ่ของเจ้าพ่อจัดการเอง ทางที่ดีเจ้าอย่าถามให้มาก”เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยเตือนเขาด้วยสายตาเย็นชาทำให้เวินจื่อเยวี่ยหุบปากทันทีเขาในยามนี้ยังไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ของเขาได้ถูกบิดาจับไปขังไว้ในคุกน้ำแล้วนึกแค่ว่าบิดาจัดแจงให้พี่ใหญ่ไปทำธุระอย่างอื่น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามอีก“ตอนนี้พ่อยังมีธุระอีกสองเรื่องต้องให้เจ้าไปจัดการ”“ท่านพ่อโปรดกล่าว”“เรื่องที่หนึ่ง เจ้าจงพาคนจำนวนหนึ่งไปจับโจรขโมยคนหนึ่งให้พ่อ คนผู้นั้นคือบ่าวรับใช้ข้างกายพี่ใหญ่เจ้า นามว่าอันเซิ่ง”เวินจื่อเยวี่ยย่อมรู้ว่าอันเซิ่งคือใคร อย่างไรคนผู้นั้นคือบ่าวคนสนิทของพี่ใหญ่พวกเขา ยามปกติพี่ใหญ่มีเรื่องใดก็ล้วนมอบให้อันเซิ่งไปจัดการ“เหตุใดจึงต้องจับอันเ