Share

บทที่ 6

"ข้าหิวแล้ว ไปยกของกินมา" เซี่ยเชียนฮวันพูดอย่างเย็นชา

เนื่องจากกรดไหลย้อน ทำให้น้ำเสียงที่นางพูดค่อนข้างแหบ ฟังแล้วไม่มีความอ่อนโยนที่เป็นเสน่ห์ของผู้หญิงเลยสักนิด

ชิงถีเบ้ปากอย่างไม่สนใจ "พระชายา ไม่มีใครมาส่งข้าว ท่านก็กินขนมไปก่อนนะเพคะ"

นางคิดไปถึงอาหารที่คนจากตำหนักแม่นางซูส่งมาให้กินเมื่อตอนพลบค่ำ นั่นเรียกว่าอาหารชั้นเลิศเลยทีเดียว ต่อให้พระสนมในวังก็ไม่แน่ว่าจะได้กินของดีขนาดนี้!

ดีนะที่ยอมทิ้งทางมืดแล้วหันไปหาทางสว่าง ได้รับใช้แม่นางซู ไม่เช่นนั้นในตำหนักใหญ่จวนอ๋องนี้ จะมีที่ไหนให้อยู่อีก

เซี่ยเชียนฮวันเหลือบไปมองชิงถีอย่างเนือยๆ เพื่อที่จะมองความคิดในจิตใจผ่านสายตาของเด็กคนนี้ให้ชัดเจน

นางไม่ได้แสดงอารมณ์อะไร เพียงแค่พยายามจะลุกลงจากเตียง นางคลุมเสื้อนอกสีม่วงอีกตัวให้ตัวเองก่อนจะเดินกะเผลกๆ มานั่งที่ข้างโต๊ะ

"พระชายา ต้องการให้ช่วยเรียกท่านหมอให้หรือไม่เพคะ" ชิงถีเห็นว่าเซี่ยเชียนฮวันใบหน้าซีดขาวจริงๆ ก็เลยถามออกมา

"ไม่ต้อง"

เซี่ยเชียนฮวันหยิบขนมดอกสาลี่ที่ทั้งเย็นทั้งแข็งบนโต๊ะขึ้นมา ก่อนจะเอาเข้าปาก อย่างไรมันก็ช่วยทำให้อิ่มท้องได้

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆ ที่ดังออกมาจากนอกตำหนัก

เป็นใครกัน...

เซี่ยเชียนฮวันเลิกคิ้วไปพลางกินขนมไปอีกหลายชิ้นพลางเพื่อให้ท้องอิ่ม จากนั้นก็เตรียมจะออกไปดูให้แน่ใจ

ชิงถีรีบพูดห้ามไว้ทันที "พระชายา ท่านออกไปไม่ได้นะ ท่านอ๋องสั่งไว้แล้วนะเพคะ"

"นี่มันดึกดื่นค่อนคืนแล้ว ต่อให้ออกไปก็ไม่มีใครรู้หรอก"

"แต่ว่า..."

"ระวังปากเจ้าไว้ให้ดีเถอะ"

สายตาเซี่ยเชียนฮวันที่มองกลับมา เป็นสายตาที่ทั้งเย็นชาและไม่แยแสเป็นเหมือนพระจันทร์เสี้ยวในคืนที่หนาวเหน็บ แฝงไว้ด้วยรังสีที่เย็นชาจนน่าขนลุก

ชิงถีไม่กล้าพูดอะไรออกมาทันที

เซี่ยเชียนฮวันออกจากประตูโค้งของตำหนัก ตามเสียงร้องไห้เบาๆ ผ่านโถงทางเดิน มาถึงห้องที่ไม่คุ้นเคยห้องหนึ่ง

หลังจากผลักประตูห้อง เซี่ยเชียนฮวันมองเห็นผู้ชายที่ได้รับบาดเจ็บหลังเปลือยเปล่า กำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง แทบสลบไม่มีสติแล้ว ด้านข้างมีคนสูงวัยที่แต่งตัวเหมือนเป็นหมอนั่งอยู่ แล้วก็มีหญิงวัยกลางคนที่ยังนั่งร้องไห้ไม่หยุด

ที่แท้เสียงร้องไห้ก็มาจากหญิงวัยกลางคนนี่เอง

"พระชายามาทำอะไรที่นี่ ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า เชิญเจ้าออกไปด้วย"

เมื่อหญิงวัยกลางคนเงยหน้ามาเห็นเซี่ยเชียนฮวัน กลับไม่มีการทำความเคารพใดๆ แถมยังพูดจาเย็นชาใส่

แต่หมอคนนั้นกลับลุกขึ้นทำความเคารพเซี่ยเชียนฮวันทีหนึ่ง "ข้าน้อยคือห่าวเซินจากสำนักหมอหลวง คารวะพระชายา"

เขาหมุนตัวไปพูดกับหญิงวัยกลางคน "คุณชายเย่บาดเจ็บถึงอวัยวะภายใน ข้าเกรงว่าจะไม่สามารถรักษาได้ ขอฮูหยินและท่านอ๋องอย่าได้เสียใจไปเลย"

"ไม่...ข้าไม่เชื่อ..." ตึง หญิงคนนั้นทรุดเข่าลงบนพื้น คว้าจับเสื้อหมอหลวงห่าวไว้อย่างสิ้นหวัง "ท่านหมอหลวง ขอร้องล่ะ ข้ามีลูกชายคนนี้อยู่คนเดียว ท่านจะต้องหาวิธีช่วยเขาให้ได้สิ!"

เซี่ยเชียนฮวันขมวดคิ้วมุ่น ความทรงจำที่ผุดขึ้นมาทำให้เธอปวดหัว

ผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงชื่อเย่ซิ่น เป็นทหารองค์รักษ์ที่เซียวเย่หลันไว้ใจมากที่สุด เนื่องจากเขาขัดขวางเจ้าของร่างเดิมไม่ให้พบเซียวเย่หลันหลายครั้งหลายครา ทำให้เจ้าของร่างเดิมคิดแค้นในใจ จึงใส่ร้ายว่าเขาล่วงเกินตัวเองต่อหน้าพระพักคร์ของไทเฮา

ไทเฮามีรับสั่งให้เรียกตัวเย่ซิ่นมาเข้าเฝ้า จากนั้นก็สั่งโบยเขาหนึ่งร้อย

ส่วนผู้หญิงที่นั่งร้องไห้คร่ำครวอยู่ตรงหน้าก็คือนางเว่ยแม่ของเย่ซิ่น

"ฮูหยิน ยังดีที่ร่างกายเขาแข็งแรง ถึงทนมาได้จนตอนนี้ หากว่าเป็นคนทั่วไปโดนโบยยังไม่ทันครบหนึ่งร้อยก็น่าจะเสียชีวิตได้แล้ว" หมอหลวงห่าวส่ายหน้า แสดงว่าเขาเองก็จนปัญญาจริงๆ

"พระชายา ตอนนี้เจ้าพอใจแล้วหรือยัง ลูกของข้าจะตายแล้ว เจ้า...เจ้ามันจิตใจอำมหิตเป็นที่สุด!"

นางเว่ยจ้องหน้าเซี่ยเชียนฮวันอย่างโมโห นัยน์ตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความแค้น

เซี่ยเชียนฮวันไม่ได้ตอบอะไรหญิงวัยกลางคน แต่กลับลากสังขารของตัวเองเดินไปที่ข้างเตียง ยกมือของเย่ซิ่นขึ้นมาเพื่อจะจับชีพจรให้เขา ก่อนจะพูดเสียงต่ำว่า "เขายังช่วยได้"

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status