หลังจากที่ถามจ้าวเฉียวอวิ๋นแม่ของเธอ จ้าวเฉียวอวิ๋นมีท่าทางเหมือนไม่รู้อะไรสักอย่างเช่นนั้นมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวนั่นก็คือหลินเฟิงพี่หลินเฟิงเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอเช่นนั้นพูดแบบนี้แล้ว ร่างกายของเธอก็ถูกพี่หลินเฟิง…”ดังนั้นหลินเสวี่ยฮุ่ยจึงอยู่ในถาวะเขินอายและหวาดกลัว เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง อยากจะโทรศัพท์หาหลินเฟิง แต่ทุกคร้ังต่างไม่กล้าโทรออกไปและตอนนี้ เธอได้ยินหลินเฟิงบอกว่าจะมารับเธอไปเมืองเจิ้งเต๋อนั่นก็หมายความว่า พี่หลินเฟิงจะ…จะรับผิดชอบเธองั้นเหรอ?หลินเสวี่ยฮุ่ยถือโทรศัพท์เอาไว้ด้วยมือข้างเดียว อีกมือหนึ่งเปลี่ยนรองเท้าคนทั้งคนหูตาแดง ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม“เสวี่ยฮุ่ย? เสวี่ยฮุ่ย!จนกระทั่งในโทรศัพท์ เสียงเรียกของหลินเฟิงดังขึ้นเรื่อยๆ หลินเสวี่ยฮุ่ยถึงได้ตั้งสติกลับมาแต่ตอนนี้เธอพบว่าบนใบหน้าของเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงมีรอยยิ้มที่มีความสุขนี่จึงทำให้เธอรู้กระอักกระอ่วน และรีบตอบรับหลินเฟิง“พี่หลินเฟิง ค่ะ ฉันอยู่ ฉันอยู่”“พี่จะมารับฉันใช่ไหม ได้ค่ะ ฉันจะ…เอ๊ะ ไม่ใช่ไม่ใช่…”ได้ยินเสียงของหลินเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท
“อ่อ พวกเขาน่ะเหรอ”โจวเสี่ยวหงเบะปากดูถูก พูดอย่างรู้สึกเซ็งว่า:“พวกเขาเป็นรุ่นพี่ที่จบเร็วกว่าพวกเราสองสามปี ถูกพวกต้วนหย่าถงเรียกมา บอกว่าสามารถช่วยพวกเราจัดการปัญหาเรื่องฝึกงานได้”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”หลินเสวี่ยฮุ่ยพยักหน้า ไม่รอให้เธอพูดต่อ ชายคนหนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยตอหนวดเครา เดินเข้ามาด้วยเจตนาไม่ดีอย่างเห็นได้ชัดนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างหลินเสวี่ยฮุ่ยตามใจชอบ“รุ่นน้องคนนี้ ไม่ทราบว่าเธอชื่ออะไรเหรอ?”เขามองหลินเสวี่ยฮุ่ยตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเปิดเผย และขยับเข้าใกล้หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่หยุด“รุ่นพี่ ฉัน…ฉันชื่อหลินเสวี่ยฮุ่ย”หลินเสวี่ยฮุ่ยหลบเลี่ยงเล็กน้อย และขมวดคิ้วพูดแนะนำตัวเอง“อ๊ะ หลินเสวี่ยฮุ่ยเหรอ ชื่อนี้เพราะจัง”รุ่นพี่คนนี้หัวเราะร่า ชี้ไปทางตัวเองแล้วพูดว่า:“พี่ชื่อเซี่ยตงโป เป็นรุ่นพี่รุ่นที่แล้วของพวกน้อง ทำงานอยู่ในแผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลเจียงโจวแห่งที่ 2”“คนนั้นชื่อว่าชุยหยาง เขาอยู่ในแผนกโรคกระดูกของโรงพยาบาลเจียงโจวแห่งที่ 1”“ส่วนคนนั้นชื่อว่าเวินเจียเหลียง เขาเปิดโรงพยาบาลเล็กๆ ของตัวเองอยู่ที่เมืองหนิงโจว”คนที่ถูกแนะนำ ต่างยิ้มพยัก
“แต่ถ้ามีจดหมายแนะนำมันต่างกัน”เซี่ยตงโปหัวเราะอย่างเย็นชาพูดว่า:“เพียงแค่ไปฝึกงานสักเดือนหนึ่ง ก็ได้สัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง ใช้เวลาไม่กี่ปี ก็ได้เลื่อนตำแหน่ง”“ฉันถึงกับเสียสละตัวเอง เปิดทางลัดให้พวกเธอ แบบนี้จะเรียกว่าขายตัว แลกกับจดหมายแนะนำได้ยังไงกัน?”“จริงด้วยเสี่ยวหาง”ต้วนหย่าถงที่อยู่ไม่ไกลลุกขึ้น พูดอย่างเรียบเฉยว่า:“นี่เป็นโอกาสที่พวกรุ่นพี่พยายามหามาให้พวกเรา พวกเราจะต้องกุมเอาไว้ให้ดี อีกทั้ง…ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรไหม?”“ให้แฟนก็ถือว่าให้ ให้รุ่นพี่ก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”“ไสหัวไป!”โจวเสี่ยวหางพูดด่าทอว่า:“ต้วนหย่าถง เธอคิดใครก็เหมือนกับเธอจริงๆ งั้นเหรอ?”“ตอนที่แฟนของเธอทำงานหาเงินอยู่ข้างนอก ส่งเธอเรียนมหาวิทยาลัย เขารู้ไหมว่าตอนนี้เธอจะทำอะไร?”“ขายร่างกายของตัวเอง หลอกลวงความรักของแฟนเธอ เธออย่ามาชี้โบ๊ยชี้เบ๊ต่อหน้าพวกเรา!““หุบปาก!”ต้วนหย่าถงยืนขึ้นมา ดิ้นเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหางเธอตวาดพูดว่า:“ถึงม้เขาจะส่งเสียฉันเรียนมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้สถานะของฉันกับเขาแตกต่างกันแล้ว!”“เขาก็เป็นแค่แรงงานชั้นต่ำ ต่อไปฉันจะเป็นถึงหัวหน้าแพทย์ที่โรงพยาบาล!
”พี่หลินเฟิง…”เสื้อผ้าของหลินเสวี่ยฮุ่ยกำลังถูกฉีกขาด เห็นประตูห้องส่วนตัวถูกคนถีบออก ในดวงตาของเธอก็เผยความตื่นเต้นออกมาทันทีแต่…“หึ พวกสารเลว ไม่รอให้ฉันมาถึง ก็อดทนไม่ไหวจนลงมือแล้วงั้นเหรอ?”คนที่เข้ามาเป็นผู้ชายผิวคล้ำ สีหน้าไม่เป็นมิตรคนหนึ่งดูอายุ น่าจะมีอายุประมาณสามสิบ ไม่ถือว่าเยอะมากและด้านหลังเขา ยังมีคนตามเข้ามาอีกสามสี่คนประตูเมื่อครู่นี้ ถูกพวกเขาถีบออก“อ๊ะ…อ๊ะขอโทษด้วยจริงๆ ครับพี่สยง!”เห็นคนที่มาถึง ชุยหยางรีบเผยรอยยิ้มประจบประแจงออกมา อย่ากล้าที่จะยึกยักเซี่ยตงโปก็รีบปล่อยหลินเสวี่ยฮุ่ย และยืนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยกับเวินเจียเหลียง ทั้งสามคนเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่สยงที่ว่า ก็เหมือนกับเด็กที่นอนสอนง่าย“ไม่ใช่พี่หลินเฟิง…”ในใจของหลินเสวี่ยฮุ่ยเผยความผิดหวังออกมาแต่ไม่นานเธอก็ตั้งสติกลับมาได้ทุกครั้งที่เจออันตราย เธอมักจะคิดถึงหลินเฟิงเป็นคนแรกเธอพึ่งพาอาศัยเขามากเกินไปแล้วใช่ไหม?ไม่รอให้หลินเสวี่ยฮุ่ยตั้งสติได้ พี่สยงก็เดินมาที่ด้านข้างของหลินเสวี่ยฮุ่ย เผยรอยยิ้มดีใจออกมา และยื่นมือออกมาเชิดคางของหลินเสวี่ยฮุ่ย“จุ๊จุ๊จุ๊ ไม่เลวไม่เลว ส
หลังจากการตัดสินใจอันเจ็บปวดหลินเสวี่ยฮุ่ยทำได้เพียงฝืนพยักหน้า“ฮ่าฮ่าฮ่า ดี คนที่มีวิจารณญาณคือคนฉลาด!”พูดจบ สยงอวี่โบกมือพูดว่า:“มาเถอะ เลือกคนละคน!”“อย่าแย่งกับฉัน! เชี่ย นังร่าน แกกล้าตบฉันเหรอ?”ผู้ชายที่เข้ามาในห้องก็ทยอยเข้ามาทีละคน ลงไม้ลงมือต่อเพื่อนนักเรียนสาวของหลินเสวี่ยฮุ่ย ถึงขั้นที่มีบางคนจะพาไปที่โรงแรมโดยตรงเผชิญหน้ากับสถานการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นข้างหน้าหลินเสวี่ยฮุ่ยหลับตาลงด้วยความสิ้นหวังที่นอกห้องส่วนตัว ในกลุ่มบอดี้การ์ดเหล่านี้ ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีผ้าพันแผลพันรอบร่างกายและมีสีหน้าชั่วร้ายเธอก็คือเพื่อนรักของหลินเสวี่ยฮุ่ยก่อนหน้านี้หลี่ซืออวี่หลี่ซืออวี่ตั้งแต่อยู่ที่ตระกูลไป๋ ถูกจงเจว๋ของสำนักเสินฉือทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก เมื่อเธอตื่นมาก็เกลียดแค้นต่อตระกูลไป๋กับหลินเฟิงเข้ากระดูกดำต่อให้เวลาที่พักผ่อนสองเดือนกว่าๆ ตอนนี้เธอก็ทำได้แค่พอเดินได้เท่านั้นดังนั้นเธอยิ่งรู้สึกเกลียดหลินเฟิงหลี่ซื่ออวี่รู้กฎเกณฑ์ของคณะแพทยศาสตร์ผู้สำเร็จการศึกษาของทุกปี เพื่อที่จะหาที่ฝึกงาน มีเด็กผู้หญิงจำนวนมากที่ต่างขายร่างกายของตัวเองแลกกับจดหมายแน
“หือ?!”ได้ยินเสียงของหลินเสวี่ยฮุ่ย หลินเฟิงตั้งตัวได้ทันทีดูท่าหลินเสวี่ยฮุ่ยถูกคนควบคุมตัวไว้!ในตอนที่บอดี้การ์ดได้ยินคำสั่ง แล้วกรูกันเข้ามาหาเขาหลินเฟิงก็ได้ยินอย่างชัดเจนว่ามีคนที่อยู่ในห้องด่าเป็นคำหยาบ และตบหน้าของหลินเสวี่ยฮุ่ยอย่างแรงทำไมคนที่ถูกตบคือหลินเสวี่ฮุ่ย?เพราะหลินเฟิงได้ยินเสียงครางของหลินเสวี่ยฮุ่ยตอนถูกตบ“พวกแกรนหาที่ตาย!”หลินเฟิงดวงตาเปลี่ยนไปแดงก่ำทันทีเขาระเบิดเสียงออกมา และเข้าไปบีบคอของบอดี้การ์ดคนนั้น เหมือนกับบีบเต้าหู้ก้อนหนึ่งจนเละและเติมพลังชี่แท้ลงในร่างไร้วิญญาณของบอดี้การ์ดคนนั้นโดยตรง เตะไปยังบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ที่พุ่งเข้ามา“ตู้ม!”ด้วยการระเบิดของร่างกายอย่างรุนแรง เลือดสดกระเด็นไปทั่ว บอดี้การ์ดที่อยู่ใกล้ๆ ส่งเสียงกรีดร้องทันทีกระดูกที่ระเบิดออกมาจากศพพุ่งทะลุร่างกายของพวกเขา แต่ละคนร้องอนาถและล้มลงบนพื้น“อะไรกัน?!”บอดี้การ์ดคนอื่นๆ เห็นฝีมือที่น่าหวาดกลัวของหลินเฟิง สีหน้าซีดขาวทันที ทุกคนต้องการที่จะหลบหนีเหมือนคนคลุ้มคลั่งแต่ทว่าหลินเฟิงจะให้โอกาสพวกคนชั่วเหล่านี้ได้อย่างไรเขาตะโกนเสียงเย็นชา และพุ่งเข้าไปในหมู่
ไม่รอให้สยงอวี่ส่งเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งจนเสร็จ หลินเฟิงก็เหยียบลงไปอีกครั้ง บดขยี้จนข้อเท้าของเขาแตกละเอียด“อ้ากกกก!”สยงอวี่ส่งเสียงร้องอนาถที่แทบจะขาดใจออกมาอีกครั้งตอนนี้ ในที่สุดเขาก็รู้สึกกลัวแล้วเพราะว่าหลินเฟิงยังคงลงมือต่อไปโดยไม่สนเบื้องหลังของเขา นี่มีสองเหตุผลอย่างแน่นอนข้อแรก เบื้องหลังของหลินเฟิงใหญ่เกินเขาข้อที่สอง หลินเฟิงถึงแม้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะสู้เขาไม่ได้ แต่ก็ตัดสินใจแล้วที่จะฆ่าเขาให้ตายสองจุดนี้ ไม่ว่าพูดจากจุดไหนเขาสยงอวี่ต่างก็จบไม่สวยดังนั้นภายใต้การกระตุ้นของความเจ็บปวดอย่างรุนแรง สยงอวี่ขอร้องอ้อนวอนหลินเฟิงอย่างบ้าคลั่งและพูดว่า:“ผม…ผมยอมแพ้ ผมยอมแพ้ ขอร้องคุณ อย่าฆ่าผมนะ อย่าฆ่าผมนะครับ!”สัมผัสได้ถึงฝ่าเท้าที่อยู่บนลำคอของตัวเอง สยงอวี่เผยความหวาดกลัวออกมาถ้าหากหลินเฟิงเหยียบลงมาแบบนี้ เช่นนั้นชีวิตน้อยๆ ของเขาก็ไม่รอดแล้วจริงๆ!”“หึ…”สัผัสได้ว่าฝ่าเท้าที่อยู่ท้ายทอยของเขาถูกยกออกสยงอวี่ถือว่าโล่งออกแล้ว แต่จากน้น อาการปวดอย่างรุนแรงบริเวณฝ่ามือและข้อเท้า ทำให้เขาสบถด่าอย่างบ้าคลั่งในใจ “แม่งเอ๊ย…ไอ้ชาติชั่ว!”“สารเลว
“ขอ…ขอโทษครับ คุณ…หลินเฟิง เราฟังคำยุยงของผู้หญิงคนนั้น ถึงได้ลงมือกับรุ่นน้องหลินเสวี่ยฮุ่ย พวกเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะครับ!”เซี่ยตงโปเห็นสภาพที่น่าอนาถของสยงอวี่ ยังจะกล้าอวดเก่งที่ไหนกัน เขาคุกเข่าลงและก้มลงกราบหลินเฟิงเพื่อขอความเมตตาโดยตรง“ผู้หญิงคนนั้น? ใคร?”หลินเฟิงหรี่ตาลง ตวาดถามเสียงเย็นชา“คนที่ชื่อหลี่ซืออวี่ เธอบอกว่าเธอกับรุ่นน้องฮุ่ยหรานรู้จักกันมานาน”เซี่ยตงโปรีบปัดความรับผิดชอบส่วนหลินเฟิงในตอนที่ได้ยินชื่อนี้ สีหน้าก็เกิดความโมโหขึ้นมาทันทีในดวงตาของหลินเสวี่ยฮุ่ยก็เผยความโมโหและความสิ้นหวังออกมา“ถุย! ที่แท้ก็เป็นหลี่ซืออวี่ มิน่าพวกนายเหมือนกับเตรียมกันไว้ล่วงหน้าแล้ว!โจวเสี่ยวหางกลับสบถด่าเสียงดังเธอรู้สึกโมโหเพื่อนสนิทในอดีตคนนี้อย่างถึงที่สุด“หึ เดิมคิดว่าฉันไว้ชีวิตเธอ ก็ใจกว้างมากพอแล้ว แต่ตอนนี้ดูแล้ว…เธอรนหาที่ตายเอง งั้นก็ช่วยไม่ได้แล้ว”หลินเฟิงหน้าตาเย็นชา คำพูดดุดันออกมาจากปากเขารู้อยู่แล้วว่าหลี่ซืออวี่คนนี้โกรธแค้นเขา แต่คิดไม่ถึงว่าหลี่ซืออวี่จะร้ายกาจถึงขั้นลงมือกับเพื่อนสนิทในอดีตของตัวเองคนแบบนี้ เก็บไว้ก็จะเป็นพิษภัยส่วนหล
“เพียงแค่วางยาคุณหลงซิ่ว เพื่อดูว่าคุณมีพละกำลังพอที่จะเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า”หลินเฟิงมองไปที่หลงซิ่วที่สวมสูทสีชมพู แต่งเนื้อแต่งตัวเกินความพอดี รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจริงใจอย่างยิ่ง"แก......"“เอาล่ะ เอาล่ะ ผมรู้ว่าคุณทรมาน วางใจได้ ผมไม่มีทางไม่สนใจคุณ”ขณะพูดหลินเฟิงดีดนิ้วชายสองคนในชุดสูทก้าวออกมาจากด้านหลังของหลินเฟิง หามหลงซิ่วขึ้นและพาเขาไปที่ชั้นใต้ดินที่สองคนเหล่านี้คือคนของเผิงกวงฉี่ส่วนเผิงกวงฉี่ก่อนหน้านี้ เขาได้นำลูกน้องสี่หรือห้าคนของเขาไปที่ชั้นใต้ดินที่สอง ที่มีโซฟาสีชมพูขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ถ่ายภาพตั้งนานแล้วภายในห้องมีชายเปลือยกาย 2 คนล้มลงในแอ่งเลือดเมื่อถานหงเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวด้วยรอยยิ้มอาฆาตบนใบหน้า เห็นชายที่นั่งอยู่บนโซฟารอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแข็งทื่อ และกลายเป็นร่องรอยของความกลัวและความตื่นตระหนก“ถานหง ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน เธอก็ได้พบกับที่พึ่งใหม่แล้วเหรอ?”เผิงกวงฉี่นั่งสูบบุหรี่ซิการ์อยู่บนโซฟา และมองไปที่ถานหงอย่างไม่ใส่ใจ"ฉัน......"ถานหงรู้สึกสับสนในเวลานี้ เผิงกวงฉี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?หรือว่า...หัวใจของถานหงรู้ส
ชีพจรมังกร...จะเป็นจื่อเสวียนรึเปล่านะ? -อิ่นนั่วเจียตกใจอย่างมาก และไม่ทราบว่าจื่อเสวียนกลายมาเป็นชีพจรมังกรที่หลงซิ่วพูดถึงได้อย่างไรดูเหมือนว่าตระกูลหลงจะต้องการสิ่งที่เรียกว่าชีพจรมังกรอย่างมากและครั้งนี้หลงซิ่วช่วยเหลือถานหง ในที่สุดก็รู้เป้าหมายชัดเจนแล้วพวกเขามาที่นี่เพื่อสิ่งที่เรียกว่าชีพจรมังกรในมือของหลินเฟิง!หลังจากคิดเรื่องนี้ออก ใบหน้าของอิ่นนั่วเจียก็ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเลย นอกจากความคิดอันลึกซึ้งในทางกลับกัน จวงฉุนกลับถามหลงซิ่วด้วยสีหน้าสับสน:“คุณหลงซิ่ว ชีพจรมังกรคืออะไร?”“ชีพจรมังกรนั้นคือ…”หลงซิ่วไม่ต้องการตอบคำถามของจวงฉุน แต่เห็นว่าอินนั่วเจียยังคงจมอยู่กับความคิดเขาอธิบายอย่างเรียบง่ายว่า:"มีการกล่าวกันว่าชีพจรมังกรเป็นที่มาของโชคลาภของประเทศมังกร"“หากรวบรวมชีพจรมังกรครบทั้งแปดเส้นได้ ก็จะกลายเป็นราชาแห่งมังกรตัวจริงได้ ตามประวัติศาสตร์แล้ว ชีพจรมังกรเหล่านี้เป็นของตระกูลหลงของเรามาโดยตลอด”“เพราะเหตุนี้สถานที่นี้จึงเรียกได้ว่าเป็นประเทศมังกร”“แล้วนามสกุลของเราคือหลง (หลง แปลว่า มังกร) เข้าใจแล้วยัง?”“เราแค่อยากนำสิ่งที่เดิมเป็น
ดังนั้นการร่วมมือกับถานหง เพื่อจัดการกับอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงจึงเป็นเพียงงานเสริมเท่านั้นจุดประสงค์ที่แท้จริงของหลงซิ่วคือเพื่อสำรวจหรือแม้กระทั่งเอาชีพจรมังกรที่อยู่รอบตัวหลินเฟิงออกไป!มีเพียงแค่เอาชีพจรมังกรมาอยู่ในมือ หลงหยวนก็สามารถใช้พละกำลังของเขา จัดการกับหลินเฟิงอย่างกล้าหาญได้และเรื่องของชีพจรมังกรมีเพียงหลงซิ่วและสวีโจวซึ่งเป็นนักบู๊ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักบู๊ของตระกูลหลงที่เขาส่งออกไปเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ส่วนที่เหลือก็ไม่ชัดเจนนักแต่ในเวลานี้หลงซิ่วไม่รู้ว่าสวีโจวและคนอื่น ๆ ได้กลายเป็นวิญญาณที่ตายแล้วในมือของหลินเฟิง ด้วยความพยายามผลักดันของจวงฉุน ไม่มีใครหนีไปได้สักคนเหลือเพียงจวงฉุนเท่านั้น และเพื่อความอยู่รอด เขาจึงได้กลายมาเป็นคนทรยศหากหลงซิ่วรู้เรื่องนี้เกรงว่าเขาจะตบจวงฉุนคนไร้ประโยชน์คนนี้จนตายไปซะเลยแทนที่จะชื่นชมเขาเพราะเขาพาอิ่นนั่วเจียมาอยู่เคียงข้างเขา"เอาล่ะ"หลงซิ่วยืนขึ้นและโบกมือให้อิ่นนั่วเจียอย่างด้วยสีหน้านิ่งเฉย“ผมได้เตรียมคนและอุปกรณ์ไว้แล้ว อยู่ในห้องส่วนตัวใต้ดินชั้นสอง ถานหง คุณไปเตรียมตัวก่อนเถอะ”“รอผมถามคำถามอิ่
“ฉันคือลูกน้องของเธอ? คุณหลงซิ่ว นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฉันจำได้ว่าไม่มีข้อกำหนดนั้นในสัญญาของเราหรอกมั้ง?”อิ่นนั่วเจียขมวดคิ้วและมองไปที่หลงซิ่วหลงซิ่วสับสนเป็นอย่างมาก แต่ไม่ได้พูดอะไรยังคงเป็นถานหงที่ตอบคำถามของอิ่นนั่วเจียด้วยเสียงหัวเราะ“อิ่นนั่วเจีย เธอช่างไร้เดียงสาเกินไป เธอคิดจริงๆ เหรอว่าตระกูลหลงจะเต็มใจยอมรับเธอ เพราะพวกเขาเห็นคุณค่าในชื่อเสียงและความสามารถของเธอจริงๆ”ถานหงส่ายหน้าอย่างดูถูกและกล่าวว่า:“ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ตระกูลหลงจะยอมรับเธอได้ยังไง?”“อ่อใช่ ไม่ว่าฉันหรือตระกูลหลง ก็ไม่ได้โกหกเธอ เพราะฉันคือผู้รับผิดชอบบริษัทบันเทิงของตระกูลหลงที่เธอเข้าร่วมมาโดยตลอด”“ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อิ่นนั่วเจีย เธอต้องเชื่อฟังฉัน เข้าใจไหม?”“ฉันให้เธอถ่ายหนังอะไร เธอก็ต้องไปถ่าย”"เดี๋ยวนะ"อิ่นนั่วเจียยื่นมือออกไปและขมวดคิ้ว:“ถานหง เธอพูดรุนแรงเกินไปแล้ว ฉันจำได้ว่าฉันไม่เคยทำให้เธอขุ่นเคืองมาก่อน ทำไมเธอถึงตั้งใจจะจัดการกับฉันขนาดนั้น?”“ถึงขั้นยอมทุ่มเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเพื่อดึงตัวฉันมาจากหลี่ซื่อกรุ๊ปด้วย”“จุ๊จุ๊จุ๊”เมื่อได้ยินคำพูดของอิ่นนั
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ