Share

เจ้าเป็นตัวนำโชคของข้า

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-09-21 07:18:20

“ร่างกายของเจ้าก็ยังมิฟื้นตัวดี หากล้มป่วยลง ที่เรือนข้าไม่มีเงินพาเจ้าไปหาหมอเข้าใจหรือไม่” เขาเอ่ยขู่นางออกมา

“ข้ามียาที่ช่วยให้เจ้าหายดีได้ ข้าจะปล่อยให้ตัวเองตายหรืออย่างไร” นางปรือตาขึ้นมามองเขาอย่างไม่พอใจ

น้ำวิเศษที่กินไปก่อนหน้านี้ คงหมดฤทธิ์ไปเสียแล้ว ด้วยนางมิได้กินเข้าไปเยอะกลัวว่าร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากเกินไป อีกทั้งนางยังไม่กล้าจะนำออกมากินเพิ่ม กลัวว่าชุยหยุนจะสงสัยถึงที่มาของมัน

ชุยหยุนจ้องมองนางอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะช้อนร่างของนางขึ้นไปนอนบนเตียง แม้หลิงเฟิ่งจะดิ้นรนแค่ไหนก็ไม่อาจจะสลัดเขาให้หลุดได้

“ตระกูลหลี่ จะปล่อยให้เจ้าอดตายจริงรึ” เขาอุ้มนางจึงได้รู้ว่าน้ำหนักตัวของนางน้อยกว่าที่เห็นมากนัก

“ท่านคิดเช่นใดเล่า” หลิงเฟิ่งเขยิบตัวเข้าไปจนติดกำแพงด้านในสุด แต่ตัวของชุยหยุนและนางก็ยังใกล้ชิดกันอยู่ดี

“ต่อไปเจ้าไม่ต้องกลัวแล้ว ต่อให้ตระกูลซ่งของข้าจะไม่ได้ร่ำรวย แต่จะไม่ปล่อยให้เจ้าอดตายอย่างแน่นอน” เขาจ้องมองนางอย่างยิ่งจัง

“อืม” หลิงเฟิ่งเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะมองสำรวจเตียงว่านางควรล้มตัวนอนเช่นใดดี

ในเมื่อหมอนก็มีเพียงหนึ่งเดียว และผ้าห่มก็มีผืนเดียวเช่นกัน

“นอนเถิด หมอนกับผ้าห่มเจ้าใช้ได้ตามสบาย”

“ขอบคุณ” หลิงเฟิ่งดึงหมอนกับผ้าห่มมาทางนางทันที แล้วล้มตัวลงนอนทันที

ชุยหยุนได้แต่ส่ายหัวมองนาง ก่อนจะล้มตัวลงนอนด้านข้างของหลิงเฟิ่ง เขานอนมองเพดานห้องอยู่เนิ่นนาน พอจะเอ่ยชวนหลิงเฟิ่งพูดคุย ก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของนางเสียแล้ว

“หายบ้าได้อย่างไรกัน” เขาพลิกตะแคงตัวหันมามองทางนางอย่างสงสัย

แม้แต่หมอในหมู่บ้านหรือในเมืองที่เห็นอาการของหลิงเฟิ่ง ต่างก็พูดเช่นเดียวกันว่า นางไม่มีทางหายดี อีกอย่างตระกูลหลี่ดูจะไม่ได้ต้องเการลี้ยงดูนางที่เป็นเพียงตัวไร้ค่า จึงได้ปล่อยให้นางมีสภาพอย่างที่เห็น

ไม่รู้ว่าหลิงเฟิ่งนำยาอันใดให้เขากิน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะนางที่ทำให้เขาหายดีเช่นนี้ ชุยหยุนได้แต่สาบานในใจ นับจากนี้เขาจะดูแลนางให้ดี ไม่ปล่อยให้นางต้องถูกรังแกอีกแล้ว

ชุยหยุนคิดเรื่องต่างๆ อีกเพียงครู่เขาก็ข่มตาหลับตามหลิงเฟิ่งไป แต่อากาศยามค่ำคืนที่หนาวเหน็บ ไม่มีหมอนหนุนยังไม่เป็นอันใด แต่พอไม่มีผ้าห่ม มันช่างชวนให้คนทรมานยิ่งนัก

มือของชุยหยุนจึงคลำหาผ้าห่มตามนิสัยเดิม แต่พอคลำไปโดนร่างของหลิงเฟิ่ง เขาก็สะดุ้งตื่นทันที เกือบจะล่วงเกินนางเข้าเสียแล้ว แต่ให้ทนหนาวเช่นนี้ก็เห็นจะทนไม่ไหว จะเดินออกไปขอผ้าห่มจากมารดาก็กลัวว่าเรื่องที่เขาหายดีแล้ว จะทำให้นางป่าวประกาศไปทั่วทั้งหมู่บ้าน จำต้องค่อยๆ ดึงผ้าห่มจากร่างของหลิงเฟิ่งแบ่งมาห่มด้วยกัน

“หื้ม...” หลิงเฟิ่งคำรามออกมาเบาๆ เมื่อนางถูกรบกวน

แต่เพียงเท่านั้น เมื่อร่างกายนางเริ่มขยับตามผ้าห่มเข้ามาใกล้ชิดกับชุยหยุนอย่างไม่รู้ตัว ชุยหยุนได้แต่นอนตัวแข็งนิ่งทำอันใดไม่ถูก ยิ่งใบหน้าของหลิงเฟิ่งซุกอยู่ที่หัวไหล่ของเขาอีกด้วย

ตลอดจนท้องฟ้าด้านนอกสว่าง ชุยหยุนก็ข่มตาหลับไม่ได้อีกเลย เมื่อประตูหน้าห้องถูกถอดกลอนออก หลิงเฟิ่งนางก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นทันที

“หือออ” นางอุทานเบาๆ ในลำคอ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วใบหน้าของนางอยู่ใกล้กับชุยหยุนจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกคน

ร่างของหลิงเฟิ่งดีดตัวออกห่างจากชุยหยุนราวกับถูกของร้อน แต่นางจะหนีไปไหนได้ไกลในเมื่อเตียงมันก็เล็กเพียงเท่านี้

พอประตูห้องถูกเปิดออก หลิงเฟิ่งก็พิงหัวกับผนังห้อง พร้อมดวงตาของนางที่กลับมาเลื่อนลอยไร้สติอีกครั้ง ชุยหยุนได้แต่จ้องมองการแสดงของนางอย่างตกตะลึง เขาเกือบจะเอ่ยชมออกมาแล้ว หากมารดาไม่วิ่งเข้ามาร้องไห้อยู่ข้างกายของเขาเสียก่อน

“ฮึก...สวรรค์ สวรรค์เมตตาตระกูลซ่งของสามีข้าแล้ว เฟิ่งเออร์เจ้าเป็นตัวนำโชคของข้า บุตรชายของข้าไม่ตาย เขายังไม่ตาย”

“แค่ก แค่ก ทะ ท่านแม่ ท่านอย่าได้ร้องไห้เลยขอรับ ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว” ชุยหยุนเองก็แสร้งป่วยได้สมจริง จนหลิงเฟิ่งลอบมองเขายามที่จูซื่อไม่ได้สังเกตอย่างชื่นชม

“เพียงแค่เจ้าดีขึ้นแม่ก็ดีใจแล้ว” นางยิ้มทั้งน้ำตา ลูบคลำตัวบุตรชายอย่างยินดี

“ท่านแม่ ตระกูลหลี่ได้ให้ใบรับรองตัวตนของเฟิ่งเออร์มาหรือไม่ขอรับ”

“จริงด้วย แม่ไม่คิดว่า...เอาเถิด แม่จะไปเอามาเก็บไว้ เจ้าคงหิวแล้ว แม่จะรีบไปเอาข้าวมาให้ เฟิ่งเออร์ไปกับข้า ข้าจะพาเจ้าไปล้างหน้าล้างตาก่อน” จูซื่อดึงมือของหลิงเฟิ่งให้ออกไปนอกห้องกับนาง

“หนังสือตัดขาด” นางขยับปากเตือนชุยหยุน เมื่อเขามิได้บอกกล่าวมารดาเรื่องหนังสือตัดขาด

“เอ่อ...ท่านแม่ ท่านให้ตระกูลหลี่ทำเรื่องตัดขาดกับเฟิ่งเออร์ด้วยเลยขอรับ”

“เพราะอันใด” จูซื่อหยุดชะงักแล้วหันมามองชุยหยุนอย่างไม่เข้าใจ

หากสตรีมิมีบ้านเดิมหนุนหลัง ต่อไปหากนางเกิดปัญหาแล้วจะมีผู้ใดช่วยเหลือ

“ท่านดูร่างกายของเฟิ่งเออร์ ท่านคิดว่าตระกูลหลี่ดูแลนางดีหรือไม่ ในเมื่อข้ารอดตายได้เป็นเพราะแต่งนางเข้าเรือน การที่ข้าจะเลี้ยงดูนางต่อ โดยไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับคนตระกูลหลี่ก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”

“จริงเช่นเจ้าว่า เฟิ่งเออร์ต่อให้เจ้าจะสติไม่ดี แต่ในเมื่อเจ้าช่วยให้บุตรชายของข้าดีขึ้น ข้าจะดูแลเจ้าราวกับว่าเป็นบุตรสาวอีกคนก็แล้วกัน” นางลูบหัวหลิงเฟิ่งอย่างเอ็นดู

หลิงเฟิ่งเงยหน้าขึ้นมองเพดานห้อง จะบอกว่านางไม่ซาบซึ้งกับคำพูดของสองแม่ลูกตระกูลซ่งเลยก็เห็นจะไม่ใช่ ถึงนางจะเสียสติเช่นนี้ แต่ทั้งสองก็ยังคงทำดีต่อนางจากใจจริง

“ท่านแม่ วันนี้ท่านไม่ต้องยกอาหารเข้ามาในห้องข้า ข้าจะออกไปกินเองขอรับ”

“จะ เจ้าไหวรึ”

ชุยหยุนลุกขึ้นมานั่งให้จูซื่อดู เพื่อให้มารดาเห็นว่าเขาเริ่มจะดีขึ้นแล้วอย่างที่พูด

“ดียิ่ง ได้ ได้ แม่ต้มน้ำไว้แล้ว เจ้ารีบไปล้างหน้าเสีย แม่จะไปเตรียมอาหาร เจ้าพาเฟิ่งเออร์ไปล้างหน้าด้วยเลยก็แล้วกัน” จูซื่อรีบออกไปเตรียมอาหารอย่างมีความสุข

หลิงเฟิ่งและชุยหยุนได้แต่มองหน้ากันอย่างตกตะลึง นี่นางต้องให้เขาล้างหน้าให้นางด้วยรึ

“ไปเถิด ประเดี๋ยวท่านแม่จะสงสัยได้” ชุยหยุนดึงมือของหลิงเฟิ่งให้เดินออกไปด้านหลังเรือน

แม้นางจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่อาจขัดได้ จำต้องนั่งลงข้างโอ่งนิ่งๆ ให้ชุยหยุนเช็ดใบหน้าให้นาง มือของเขาสั่นไม่น้อยเลย ด้วยไม่เคยใกล้ชิดสตรีเช่นนี้มาก่อน แม้รูปร่างของหลิงเฟิ่งจะไม่น่ามอง แต่นางก็ยังได้ชื่อว่าเป็นสตรีคนหนึ่ง

“พอ” หลิงเฟิ่งเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมาเบาๆ เมื่อเขาเช็ดอยู่ที่ลำคอของนาง

“อืม บ้วนปากเสีย” เขาจ่อแก้วน้ำมาที่ริมฝีปากของนาง

“มีเกลือหรือไม่” หลิงเฟิ่งกระซิบถามเขาเสียงเบา นางอยากใช้เกลือขัดฟันเสียหน่อย

“รอประเดี๋ยว” แม้จะสงสัยว่านางต้องการเกลือมาทำสิ่งใด แต่ชุยหยุนก็ยังลุกไปหาเกลือในครัวมาให้นางหยิบมือหนึ่ง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   บทสรุป

    แต่เรื่องที่น่าประหลาดอีกเรื่องของตระกูลโจว ที่ทำให้จวนโจวถูกแม่สื่อเข้ามาพูดคุยกับพานซื่อทุกวันเห็นจะเป็นเรื่องคลอดของอวี้หลินหลังจากที่ผ่านมาได้ห้าเดือนหลังจากที่หลิงเฟิ่งนางคลอดบุตรชายทั้งสามออกมา ตำหนักอ๋องก็มีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้น เมื่ออวี้หลินนางปวดท้องคลอดในกลางดึกหลิงเฟิ่งเมื่อรู้เรื่องก็รีบไปที่ตำหนักอ๋องพร้อมกับชุยหยุนทันที พานซื่อและบุรุษตระกูลโจวทั้งสามตามมาทันนางที่หน้าตำหนักพอดีจึงได้เข้าไปด้านในพร้อมกันหลิงเฟิ่งกับพานซื่อเข้าไปอยู่ภายในห้องคลอดด้วย นางเทน้ำวิเศษให้อวี้หลินได้ดื่ม เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของนางหมอตำแยก็เป็นคนเดียวกันกับที่ทำคลอดให้หลิงเฟิ่งพอเด็กทารกสองคนแรกออกมา นางก็ต้องกรีดร้องเสียงดังอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อมีหัวน้อยๆ โผล่ออกมาจากช่องคลอดอีกหัวหนึ่ง“สวรรค์!!! ดะ เด็ก เด็กอีกคนเจ้าค่ะ”อวี้หลินคลอดบุตรชายฝาแฝดออกมาสามคนเช่นกัน เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นมาก่อนในแคว้นต้าเยี่ยทำให้บุรุษตระกูลโจวอีกสองคนที่เหลือที่ยังไม่ยอมแต่งฮูหยินเข้าจวน ถึงกับหนักใจ ด้วยแม่สื่อที่เดินเข้าออกไปขาดสาย“อาเหว่ย ข้าจะขอไปอยู่ที่ค่ายนอกเมืองกับเจ้าสั

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   เจ้าแบ่งให้ข้าคนหนึ่งมิได้รึ

    เพียงไม่นาน ขบวนกองทัพก็ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้น ลู่เหวินกับโจวเฉิงเหว่ยที่นำอยู่ด้านหน้า ฉีกยิ้มกว้างให้พานซื่อและอวี้หลิน ก่อนที่ทั้งสองจะรีบควบม้าเข้าไปหาคนที่รออยู่“เฟิ่งเออร์เล่า” พานซื่อเอ่ยถามหาหลิงเฟิ่งทันที เมื่อลู่เหวินลงจากหลังม้ามาหานาง“ท่านแม่ ลูกกลับมาแล้วขอรับ” โจวเฉิงเหว่ยคุกเข่าลงตรงหน้าของพานซื่อ แล้วก้มคำนับสามครั้งให้นาง“อาเหว่ย เจ้าจากบ้านไปเสียหลายปี ครั้งนี้ได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้าแล้วนะลูก” นางลูบใบหน้าของบุตรชายคนรองอย่างคิดถึง“ฟะ เฟิ่งเออร์ เจ้า...”พานซื่อถูกเสียงร้องอย่างตกใจของอวี้หลิน ทำให้หันไปมองที่ด้านหลังของโจวเฉิงเหว่ยอย่างรวดเร็วดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา ตอนที่เดินทางออกจากเมืองหลวงไป ท้องของหลิงเฟิ่งมิได้ดูเหมือนจะตั้งครรภ์มาก่อน แต่ยามนี้ท้องของนางราวกับว่าใกล้คลอดเต็มทีแล้วนี่คงเป็นเหตุผลที่นางไม่อาจเดินทางกลับเมืองหลวงได้ตามที่เคยรับปากเอาไว้“เฟิ่งเออร์ เจ้าท้องกี่เดือนกัน ตั้งแต่เมื่อใด หรือว่าเจ้าท้องก่อนที่จะเดินทางแล้ว เหตุใดถึงไม่บอกแม่เล่า” พานซื่อเอ่ยถามออกมาระรัว“ท่านแม่ ครรภ์ของข้าเพิ่งจะหกเดือนเท่านั้นเจ้าค่ะ ข้าก็เ

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   ส่งเสริมอาชีพให้ชาวบ้าน

    โจวเฉิงเหว่ยนั่งอยู่บนหลังม้า ยืนอยู่หน้าเหล่าทหารหลายหมื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังร่างกำยำของแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานอย่างเย็นชา“บิดาเจ้าเหล่า เหตุใดต้องส่งลูกเต่าเช่นเจ้ามาเอาชีวิตข้า”“ท่านพ่อไม่คิดว่าท่านจะตัดสินใจเช่นนี้”“หึหึ บุรุษตระกูลโจวเก่งกาจนัก หากข้ารู้สักนิดว่าโจวลู่เหวินมิได้สูญเสียวรยุทธ์ก็คงจะทูลขอให้ฝ่าบาททรงเปลี่ยนใจ แต่ในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว ข้าเกาซือหม่า ขอแลกชีวิตกับเหล่าทหารแคว้นต้าหานทั้งหมด หวังว่าแม่ทัพน้อยโจว จะปล่อยให้ทหารของข้ากลับคืนสู่แคว้นต้าหาน”แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหาน ดึงดาบออกมาพาดที่คอ เขาตัดคอตนเองออกโดยไม่เผยความหวั่นเกรงใดออกมา โจวเฉิงเหว่ยจ้องมองหัวของแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานหลุดลงพื้นด้วยสายตาที่เรียบเฉย“เก็บกลับค่าย ถอยทัพ!!! ไม่ต้องตามทหารแคว้นต้าหาน ปล่อยพวกมันกลับไป แต่หากยังรั้งอยู่ภายในสองวันนี้ ฆ่าให้หมดไม่ต้องเหลือเอาไว้”เสียงของโจวเฉิงเหว่ยประกาศกร้าว จนแม้แต่ทหารแคว้นต้าหานที่ออกมาดูท่านแม่ทัพใหญ่ของตนปลิดชีพได้ยินอย่างชัดเจนหัวของแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานถูกเก็บกลับไปที่ค่ายของแคว้นต้าเยี่ย เหลือเพียงร่างไร้ศีรษะให้ทหารแคว้นต้าหานเ

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   การตัดสินใจของเกาซือหม่า

    ลู่เหวินยกธนูขึ้นเล็งไปทางแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหาน ก่อนจะปล่อยลูกธนูออกจากสายไป แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานได้แต่มองเยาะเย้ยอย่างได้ใจ ระยะไกลเพียงนี้ ต่อให้เก่งการเพียงใดก็ยิงไม่ถึงเขาเป็นแน่“เฮือกกกก” เสียงสูดลมหายใจของทหารแคว้นต้าหานเมื่อลูกธนูที่ลู่เหวินปล่อยออกมา มันทะลุคอม้าที่แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานขี่ราวกับจับวาง นี่คือสิ่งที่ลู่เหวินต้องการ เขาไม่ได้ต้องการสังหารแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานภายในลูกธนูเดียว แต่เป็นการย้ำเตือนว่าตนมิได้สูญเสียวรยุทธ์เช่นที่คิดกัน“บุก!!!” แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหาน เปลี่ยนม้าตัวใหม่ได้ ก็ร้องตะโกนบอกทหารของตนทันทีความยับยั้งชั่งใจหายไปจนสิ้น เมื่อถูกหยามเช่นนี้ เขาควบม้าเข้าไปหาลู่เหวินอย่างไม่เกรงกลัว“บุก!!! ฆ่าให้หมด อย่าให้เหลือรอด” ลู่เหวินควบม้าพุ่งทะยานเข้าไปในสนามรบเช่นกันหลิงเฟิ่ง ที่นอนพักอยู่ภายในเรือนสะดุ้งตกใจตื่น นางกับชุยหยุนมิได้เข้าไปนอนภายในมิติ จึงได้ยินเสียงต่อสู้อย่างชัดเจน“ท่านพี่”“สงครามเริ่มแล้ว หากเจ้ากลัวเข้าไปหลบในมิติก่อนดีหรือไม่” ชุยหยุนกอดหลิงเฟิ่งเอาไว้แน่น“ไม่เจ้าค่ะ” นางส่ายหน้าหลิงเฟิ่งมิอาจข่มตาให้หลับลงได้ นางเป็นห่วงบิดาแ

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   กองทัพแคว้นต้าหานประชิดเมืองแล้ว

    หลิงเฟิ่งอยู่ภายในมิตินางก็ไม่ได้ทำสิ่งใดมาก นอกจากตื่นมากินแล้วนอนต่อ ตั้งแต่ตั้งครรภ์มา นางรู้สึกว่าขี้เกียจจะขยับร่างกายไปเสียหมด ต่อให้หลิงเฟิ่งอยู่แต่ภายในมิติ เสียงขององครักษ์ที่อยู่ด้านนอกนางก็ยังได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันจึงได้รู้ว่า กองทัพของแคว้นต้าหานเดินทัพมาประชิดเร็วกว่าที่คาดเอาไว้ คงอีกไม่เกินห้าวันพวกเขาก็คงจะมาตั้งค่ายอยู่ไม่ห่างแล้วผ่านมาได้เพียงสามวัน กองทัพของแคว้นต้าหานก็เดินทางมาตั้งค่ายเสียแล้ว เจ้าเมืองเป่ยตู่เร่งพาชาวบ้านที่อยู่ใกล้เขตชายแดนลี้ภัยออกไปอยู่ค่ายหลบภัยที่นอกเมืองเป่ยตู่อย่างเร่งด่วนสนามสอบแทบจะเร่งบัณฑิตให้ส่งกระดาษสอบแล้วให้เดินทางออกไปจากสนามสอบให้เร็วที่สุด“เฟิ่งเออร์ เฟิ่งเออร์ ข้ากลับมาแล้ว” ชุยหยุนเมื่อกลับมาถึงเรือนก็ร้องเรียกหลิงเฟิ่งเสียงดัง“เหตุใด กลับมาเร็วนักเล่า” ฟ้าด้านนอกเพิ่งจะสว่างได้ไม่นาน ชุยหยุนก็เดินทางมาถึงเรือนแล้ว“กองทัพแคว้นต้าหานประชิดเมืองเป่ยตู่แล้ว ตอนนี้ชาวบ้านบางส่วนก็อพยพย้ายไปอยู่ที่ค่ายลี้ภัยนอกเมืองแล้ว”“เร็วเพียงนั้นเลยรึ” หลิงเฟิ่งอดที่จะตกใจไม่ได้“สงครามยังคงไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ แคว้นต้าหานเร่งเดิน

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่ายินดี

    ความจริงหลิงเฟิ่ง นางอยากจะรั้งอยู่ เพื่อเดินทางกลับพร้อมบิดาและพี่ชาย เพื่อว่ามีสิ่งใดที่นางพอจะช่วยเหลือได้บ้าง แต่หากว่านางตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงก็ควรจะเร่งเดินทางออกจากเมือง เพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นกังวลทั้งสี่พูดคุยเรื่องเสบียงอาหารต่ออีกเพียงไม่นาน ท่านหมอก็เดินเข้ามาภายในห้องพัก บุรุษทั้งสามจึงได้เดินไปนั่งรอที่โต๊ะตรงกลางห้อง แต่สายตาของพวกเขาก็ยังจ้องมองมาที่หมออย่างกดดัน“บุตรีข้าเป็นเช่นใด”“น้องสาวข้า อาการร้ายแรงหรือไม่”หมอยังมิทันจะได้จับชีพจร บุรุษตระกูลโจวก็เอ่ยถามออกมาอย่างกดดันเสียแล้ว น้ำเสียงของพวกเขาราวกับเอ่ยถามทหาร ว่าวันนี้พวกเจ้าตั้งใจฝึกซ้อมกันหรือไม่ หมอจะมีสมาธิตรวจได้อย่างไร“ท่านแม่ทัพใหญ่โจว ท่านแม่ทัพโจว ขอเวลาข้าน้อยสักครู่เถิด พวกท่านกดดันเช่นนี้ ข้าน้อยจะตรวจได้อย่างไร”ลู่เหวินกับโจวเฉิงเหว่ยจึงนั่งดื่มชาอย่างเงียบๆ แต่สายตาของเขาก็ยังคงไม่ละไปจากนิ้วมือของท่านหมอที่กำลังจับชีพจรของหลิงเฟิ่งอยู่“ยินดีด้วยขอรับ ฮูหยินนางตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”“ห๊ะ/ห๊ะ ตั้งครรภ์” สองพ่อลูกตระกูลโจวลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว“เจ้าตรวจให้ดี หลานข้าเป็นเช่นใดบ้าง ครรภ์ของนา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status