Home / รักโบราณ / หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง / หรือว่าเจ้าลืมไปแล้วว่าข้าเป็นบ้า

Share

หรือว่าเจ้าลืมไปแล้วว่าข้าเป็นบ้า

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-09-23 22:03:46

หลิงเฟิ่งลอบมองไปทางครัวว่านางจูซื่อใกล้ออกมายัง เมื่อเห็นว่านางยังคงวุ่นวายจัดอาหารใส่ชาม หลิงเฟิ่งจึงได้รีบใช้นิ้วจิ้มเกลือแล้วถูฟันของนางทันที

“เสร็จกันหรือยัง” นางจูจื่อเดินเข้ามาดูทั้งสองที่ช่วยกันล้างหน้าอยู่

พรืดดดดด หลิงเฟิ่งกำลังกลั้วน้ำอยู่ในปาก ตกใจเสียงของนางจูซื่อที่เอ่ยถามอยู่ด้านข้าง จึงได้พ่นน้ำออกมา โดนใบหน้าของชุยหยุนเต็มๆ

“ฮ่า ฮ่า” นางหัวเราะออกมาเสียงดัง ยิ่งเห็นเขาลูบน้ำออกจากใบหน้า นางก็ยิ่งหัวเราะเพิ่มขึ้นอีก

“ตายแล้ว เฟิ่งเออร์เล่นเช่นนี้ไม่ได้” จูซื่อรีบเดินเข้ามาดึงแก้วออกจากมือของหลิงเฟิ่ง แล้วดึงผ้าที่มือของชุยหยุนไปเช็ดใบหน้าของหลิงเฟิ่งอีกครั้ง พร้อมทั้งสอนนางไปด้วย

“อาหยุน อย่าได้โกรธเคืองเฟิ่งเออร์นางเลย นางมิรู้ความ เจ้ารีบล้างหน้าเสีย ประเดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด” หลิงเฟิ่งที่ถูกจูซื่อลากไปที่ห้องครัว นางยังอดที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้งไม่ได้

ชุยหยุนได้แต่กัดฟันแน่นมองตามแผ่นหลังที่สั่นสะท้านจากการกลั้นเสียงหัวเราะของนางไปอย่างไม่สบอารมณ์ นางไม่รู้ความอันใด นางรู้ทุกสิ่งเป็นอย่างดี

ระหว่างที่นั่งกินอาหาร หลิงเฟิ่งไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าของชุยหยุนเลย นางกลัวว่าจะหลุดหัวเราะออกมาอีก

"ต่อไปเจ้าไม่ต้องช่วยนางล้างหน้าแล้ว แม่จะทำเอง” จูซื่อเห็นสายตาของบุตรชายที่จ้องมองหลิงเฟิ่งเขม็งจึงได้เอ่ยออกมา

“ไม่เป็นอันใดขอรับ ครั้งหน้านางคงไม่กล้าแล้ว หากข้าช่วยเหลือสิ่งใดท่านได้ ข้าก็อยากจะช่วย ท่านแม่เหนื่อยเพราะข้ามานานเหลือเกิน”

มือที่กำลังตักข้าวต้มเข้าปากของหลิงเฟิ่งชะงักนิ่ง ก่อนจะเหลือบตาขึ้นมามองสองแม่ลูก นางจูซื่อดูแก่ชรากว่าวัยของนางมากจริงๆ เมื่อนางต้องเลี้ยงดูบุตรชายเพียงลำพัง หลังจากที่เสียสามีในสนามรบเมื่อหลายปีก่อน

ชุยหยุนที่ป่วยมาตั้งแต่เล็ก จึงไม่อาจจะแบ่งเบางานหนักเบาจากผู้เป็นมารดาได้เลย

“เจ้าหายดีแล้วจริงรึ” นางเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อ แต่ใบหน้าของบุตรชายก็ดูดีขึ้นมาจริงๆ

“ข้าดีขึ้นแล้วขอรับ เอ่อ...ท่านแม่ ท่านยังพอมีเงินเหลืออยู่หรือไม่ขอรับ คือว่า...เตียงในห้องข้ามันคับแคบยิ่งนัก” เขาเอ่ยเสียงเบาอย่างละอายใจ

“อีกสองสามวันแม่ปักผ้าเสร็จจะเปลี่ยนให้เจ้า ตอนนี้ก็ให้เฟิ่งเออร์นางย้ายมานอนกับแม่ก่อนก็แล้วกัน”

“ไม่ต้องขอรับ นางเป็นตัวนำโชคช่วยให้ร่างกายของข้าดีขึ้น หากนางอยู่ใกล้ข้าไม่แน่ว่า...ข้าอาจจะหายขาดจากโรคที่เป็นอยู่ก็ได้ขอรับท่านแม่”

หลิงเฟิ่งที่กำลังดีใจ ที่นางจะได้ไม่ต้องทนนอนเบียดกับชุยหยุน แต่ก็ถูกเขาขัดขวางเอาไว้เสียก่อน นางจึงหันไปมองเขาอย่างรวดเร็ว

“เห็นหรือไม่ ท่านแม่ เฟิ่งเออร์ก็คงต้องการร่วมห้องกับข้าเช่นกัน โอ๊ยยย” ชุยหยุนกำลังยกยิ้มเยาะหลิงเฟิ่งที่ได้เอาคืนนางที่พ่นน้ำใส่หน้าเขา ก็ต้องร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อถูกหลิงเฟิ่งเตะที่ขาอย่างแรง

“อาหยุน เจ้าเจ็บที่ใด เป็นอันใดขึ้นมาอีก” จูซื่อรีบลุกขึ้นมาดูบุตรชาย คิดว่าอาการเจ็บป่วยของเขากำเริบขึ้นมาอีกแล้ว

“ไม่ ไม่มีอันใดขอรับ ข้าเพียงโดนแมลงกัดเท่านั้น” เขากัดฟันแน่น มองหลิงเฟิ่งที่กลับไปเป็นบ้าอีกครั้งแล้ว

“ไหน ให้แม่ดูหน่อย”

“หายแล้วท่านแม่ แค่โดนแมลงกัดท่านอย่าได้กังวล รีบกินข้าวต่อเถิดขอรับ ท่านยังต้องไปที่เรือนตระกูลหลี่อีก”

“ใช่ ๆ เกือบลืมไป แล้วหนังสือตัดขาด ต่อไปเฟิ่งเออร์นางจะใช้แซ่มารดาของนางรึ”

หลิงเฟิ่งก็ลืมเรื่องนี้ไปสนิท นางส่งสายตาให้ชุยหยุน เพื่อให้เขาแยกพานางไปคุยเรื่องแซ่ของนางก่อน

“ข้าจะตั้งแซ่ให้นางใหม่ขอรับท่านแม่”

“ได้ที่ไหนกัน มันต้องใช้เงินเยอะ หากจะตั้งแซ่ใหม่ เหตุใดเจ้าไม่ให้นางไปใช้แซ่เดิมของมารดานางเล่า” จูซื่อมองตำหนิบุตรชายที่ทำเรื่องให้ยุ่งยากขึ้น

“เช่นนั้น ท่านแม่ขอเพียงหนังสือตัดขาดมาเสียก่อน เรื่องแซ่นางค่อยว่ากันอีกครั้งเถิดขอรับ”

“ตามใจ” จูซื่อไม่อยากขัดใจบุตรชาย นางจึงได้แต่พยักหน้ารับ

ด้วยเห็นว่าหลิงเฟิ่งสติไม่สมประกอบ ต่อให้นางมีแซ่หรือไม่ก็คงไม่ได้ออกไปที่ใด นอกจากอยู่ภายในหมู่บ้านเท่านั้น

เมื่อกินข้าวอิ่มเรียบร้อย ชุยหยุนที่ไม่ได้ช่วยงานมารดามานาน ก็เก็บชามไปล้างเอง แต่พอนางจูซื่อออกจากเรือนไปที่เรือนตระกูลหลี่ ชุยหยุนก็ยกหน้าที่ต่อให้หลิงเฟิ่งทันที

“เจ้าไปล้าง โทษฐานที่พ่นน้ำใส่หน้าข้า”

“ฮ่า ฮ่า ยังโกรธอยู่อีกรึ หรือว่าเจ้าลืมไปแล้วว่าข้าเป็นบ้า” หลิงเฟิ่งมองเขาอย่างหยอกล้อ

“หึ” เขาเดินหนีเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้หลิงเฟิ่งหัวเราะไล่ตามหลังมาอย่างหัวเสีย

หลิงเฟิ่งนางจัดการล้างชามจนเรียบร้อย ก็คิดจะอาบน้ำล้างตัวเสียหน่อย แต่เมื่อเข้าไปในห้องของชุยหยุน นางก็เพิ่งจะได้รู้ว่า มิได้มีข้าวของติดตัวมาด้วยเลย

“ข้าไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนเลย ท่านช่วยพาข้ากลับไปเอาของได้หรือไม่”

“อืม” ชุยหยุนกำลังเดินนำออกไปจากห้อง แต่ถูกมือของหลิงเฟิ่งดึงเอาไว้ก่อน

“หากออกไปเช่นนี้ ชาวบ้านก็ได้รู้กันพอดี ว่าท่านหายป่วยแล้ว ตามข้ามา” นางดึงเขาไปที่ห้องครัว

ชุยหยุนยืนมองการกระทำของนางอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้ว่าอันใด

“เจ้า!!!” เขาตกตะลึงนิ่งค้างไป เมื่อหลิงเฟิ่งกอบขี้เถ้าขึ้นมาถูใบหน้าของเขา

“อืม...ค่อยดูเหมือนคนใกล้ตายหน่อย” ใบหน้าของชุยหยุนถูกสีของขี้เถ้า ทำให้ทั้งดำ ทั้งซีดขาว ราวกับว่าเป็นคนตายเช่นที่หลิงเฟิ่งนางว่าเลย

“ข้าไม่ไปแล้ว เจ้าไปเองเลย” เขาโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ แม้แต่สีของขี้เถ้าก็ปิดไม่มิด

“ข้าช่วยท่านอยู่ ไม่เห็นต้องโกรธเพียงนี้ ไม่ไปก็ไม่ต้องไป ข้าไปเองได้” หลิงเฟิ่งยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินไปที่หน้าประตูเรือน

แต่พอนางจะปิดประตูเรือน ก็ถูกมือหนาของชุยหยุนจับเอาไว้ พร้อมทั้งจูงพาเดินไปที่เรือนตระกูลหลี่

“ไหนบอกไม่มาอย่างไรเล่า” นางกระซิบถามเขาอย่างหยอกล้อ

“พูดมาก” เขาลากนางให้เดินเร็วขึ้น

“เดินช้าๆ ท่านอย่าลืมว่าท่านกำลังป่วยอยู่” ฝีเท้าของชุยหยุนผ่อนความเร็วลง

ชาวบ้านที่พวกเขาเดินผ่านได้แต่มองมาทางทั้งสองอย่างเห็นใจ บางคนก็ขบขันที่คนหนึ่งใกล้ตาย อีกคนก็เสียสติ หลิงเฟิ่งอดเห็นใจชุยหยุนไม่ได้ ที่เขาต้องมาแสดงงิ้วร่วมไปกับนางด้วย

“นังบ้า หลิงเฟิ่ง”

“หลิงเฟิ่งหญิงบ้า”

“ศพเดินได้”

“พี่หยุนพาเจ้าสาวบ้าออกมาเดินเล่น ฮ่า ฮ่า”

เสียงเด็กน้อยวิ่งห้อมล้อมคนทั้งสอง พร้อมทั้งตะโกนด่าทอกันอย่างสนุกสนาน

“พ่อแม่ ไม่สั่งสอน ข้าจะสอนเอง” นางพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะสลัดมือของชุยหยุนทิ้งแล้ววิ่งเข้าไปหากลุ่มเด็กที่กำลังล้อเลียนนางกับชุยหยุนอยู่

“แฮร่ แฮร่...” หลิงเฟิ่งชูมือขึ้นมาทั้งสองข้าง ก่อนจะร้องออกมาเสียงดัง แล้ววิ่งเข้าใส่กลุ่มเด็กๆ จนแตกกระเจิง

“ฮ่า ฮ่า แฮร่...” นางไล่ตามไปไม่ไกลก็หยุดลงหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะตะโกนไล่หลังไปอีกครั้ง

“เฟิ่งเออร์ มานี่” ชุยหยุนขบขันก็ขบขัน โมโหก็โมโห ที่นางทำตัวราวกับหญิงเสียสติจริงๆ

“แฮร่” นางมาหยุดหลอกตรงหน้าชุยหยุน

“พอแล้ว ไปกันหมดแล้ว” เขาดึงมือของนางมาจูงเดินต่อ “เจ้าไม่เห็นต้องทำเช่นนี้เลย” เขาเอ่ยออกมาเสียงเบา

“ก็ข้าเป็นหญิงบ้า ก็ควรทำให้เหมือนเสียหน่อย” นางกลับไปเลื่อนลอย สนใจท้องฟ้า ยอดไม้ แต่ปากก็เอ่ยตอบโต้เขากลับไปด้วย

“แล้วเมื่อใดเจ้าถึงจะเลิกทำ” เขาหันมามองนางอย่างชื่นชม หากไม่รู้ว่าสิ่งที่นางทำอยู่เป็นเพียงการแสดงก็คงเชื่อว่านางบ้าจริงๆ

“เมื่อ...ข้าออกไปจากที่หมู่บ้านนี้” หากได้ออกไป นางก็ได้เลิกแกล้งบ้าเสียที

“อืม” เขาตอบรับเบาๆ ทั้งยังเชื่อว่า คนฉลาดเช่นนางอีกไม่นานคงได้ออกไปจากหมู่บ้านหู่เซิงเป็นแน่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   บทสรุป

    แต่เรื่องที่น่าประหลาดอีกเรื่องของตระกูลโจว ที่ทำให้จวนโจวถูกแม่สื่อเข้ามาพูดคุยกับพานซื่อทุกวันเห็นจะเป็นเรื่องคลอดของอวี้หลินหลังจากที่ผ่านมาได้ห้าเดือนหลังจากที่หลิงเฟิ่งนางคลอดบุตรชายทั้งสามออกมา ตำหนักอ๋องก็มีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้น เมื่ออวี้หลินนางปวดท้องคลอดในกลางดึกหลิงเฟิ่งเมื่อรู้เรื่องก็รีบไปที่ตำหนักอ๋องพร้อมกับชุยหยุนทันที พานซื่อและบุรุษตระกูลโจวทั้งสามตามมาทันนางที่หน้าตำหนักพอดีจึงได้เข้าไปด้านในพร้อมกันหลิงเฟิ่งกับพานซื่อเข้าไปอยู่ภายในห้องคลอดด้วย นางเทน้ำวิเศษให้อวี้หลินได้ดื่ม เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของนางหมอตำแยก็เป็นคนเดียวกันกับที่ทำคลอดให้หลิงเฟิ่งพอเด็กทารกสองคนแรกออกมา นางก็ต้องกรีดร้องเสียงดังอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อมีหัวน้อยๆ โผล่ออกมาจากช่องคลอดอีกหัวหนึ่ง“สวรรค์!!! ดะ เด็ก เด็กอีกคนเจ้าค่ะ”อวี้หลินคลอดบุตรชายฝาแฝดออกมาสามคนเช่นกัน เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นมาก่อนในแคว้นต้าเยี่ยทำให้บุรุษตระกูลโจวอีกสองคนที่เหลือที่ยังไม่ยอมแต่งฮูหยินเข้าจวน ถึงกับหนักใจ ด้วยแม่สื่อที่เดินเข้าออกไปขาดสาย“อาเหว่ย ข้าจะขอไปอยู่ที่ค่ายนอกเมืองกับเจ้าสั

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   เจ้าแบ่งให้ข้าคนหนึ่งมิได้รึ

    เพียงไม่นาน ขบวนกองทัพก็ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้น ลู่เหวินกับโจวเฉิงเหว่ยที่นำอยู่ด้านหน้า ฉีกยิ้มกว้างให้พานซื่อและอวี้หลิน ก่อนที่ทั้งสองจะรีบควบม้าเข้าไปหาคนที่รออยู่“เฟิ่งเออร์เล่า” พานซื่อเอ่ยถามหาหลิงเฟิ่งทันที เมื่อลู่เหวินลงจากหลังม้ามาหานาง“ท่านแม่ ลูกกลับมาแล้วขอรับ” โจวเฉิงเหว่ยคุกเข่าลงตรงหน้าของพานซื่อ แล้วก้มคำนับสามครั้งให้นาง“อาเหว่ย เจ้าจากบ้านไปเสียหลายปี ครั้งนี้ได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้าแล้วนะลูก” นางลูบใบหน้าของบุตรชายคนรองอย่างคิดถึง“ฟะ เฟิ่งเออร์ เจ้า...”พานซื่อถูกเสียงร้องอย่างตกใจของอวี้หลิน ทำให้หันไปมองที่ด้านหลังของโจวเฉิงเหว่ยอย่างรวดเร็วดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา ตอนที่เดินทางออกจากเมืองหลวงไป ท้องของหลิงเฟิ่งมิได้ดูเหมือนจะตั้งครรภ์มาก่อน แต่ยามนี้ท้องของนางราวกับว่าใกล้คลอดเต็มทีแล้วนี่คงเป็นเหตุผลที่นางไม่อาจเดินทางกลับเมืองหลวงได้ตามที่เคยรับปากเอาไว้“เฟิ่งเออร์ เจ้าท้องกี่เดือนกัน ตั้งแต่เมื่อใด หรือว่าเจ้าท้องก่อนที่จะเดินทางแล้ว เหตุใดถึงไม่บอกแม่เล่า” พานซื่อเอ่ยถามออกมาระรัว“ท่านแม่ ครรภ์ของข้าเพิ่งจะหกเดือนเท่านั้นเจ้าค่ะ ข้าก็เ

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   ส่งเสริมอาชีพให้ชาวบ้าน

    โจวเฉิงเหว่ยนั่งอยู่บนหลังม้า ยืนอยู่หน้าเหล่าทหารหลายหมื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังร่างกำยำของแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานอย่างเย็นชา“บิดาเจ้าเหล่า เหตุใดต้องส่งลูกเต่าเช่นเจ้ามาเอาชีวิตข้า”“ท่านพ่อไม่คิดว่าท่านจะตัดสินใจเช่นนี้”“หึหึ บุรุษตระกูลโจวเก่งกาจนัก หากข้ารู้สักนิดว่าโจวลู่เหวินมิได้สูญเสียวรยุทธ์ก็คงจะทูลขอให้ฝ่าบาททรงเปลี่ยนใจ แต่ในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว ข้าเกาซือหม่า ขอแลกชีวิตกับเหล่าทหารแคว้นต้าหานทั้งหมด หวังว่าแม่ทัพน้อยโจว จะปล่อยให้ทหารของข้ากลับคืนสู่แคว้นต้าหาน”แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหาน ดึงดาบออกมาพาดที่คอ เขาตัดคอตนเองออกโดยไม่เผยความหวั่นเกรงใดออกมา โจวเฉิงเหว่ยจ้องมองหัวของแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานหลุดลงพื้นด้วยสายตาที่เรียบเฉย“เก็บกลับค่าย ถอยทัพ!!! ไม่ต้องตามทหารแคว้นต้าหาน ปล่อยพวกมันกลับไป แต่หากยังรั้งอยู่ภายในสองวันนี้ ฆ่าให้หมดไม่ต้องเหลือเอาไว้”เสียงของโจวเฉิงเหว่ยประกาศกร้าว จนแม้แต่ทหารแคว้นต้าหานที่ออกมาดูท่านแม่ทัพใหญ่ของตนปลิดชีพได้ยินอย่างชัดเจนหัวของแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานถูกเก็บกลับไปที่ค่ายของแคว้นต้าเยี่ย เหลือเพียงร่างไร้ศีรษะให้ทหารแคว้นต้าหานเ

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   การตัดสินใจของเกาซือหม่า

    ลู่เหวินยกธนูขึ้นเล็งไปทางแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหาน ก่อนจะปล่อยลูกธนูออกจากสายไป แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานได้แต่มองเยาะเย้ยอย่างได้ใจ ระยะไกลเพียงนี้ ต่อให้เก่งการเพียงใดก็ยิงไม่ถึงเขาเป็นแน่“เฮือกกกก” เสียงสูดลมหายใจของทหารแคว้นต้าหานเมื่อลูกธนูที่ลู่เหวินปล่อยออกมา มันทะลุคอม้าที่แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานขี่ราวกับจับวาง นี่คือสิ่งที่ลู่เหวินต้องการ เขาไม่ได้ต้องการสังหารแม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหานภายในลูกธนูเดียว แต่เป็นการย้ำเตือนว่าตนมิได้สูญเสียวรยุทธ์เช่นที่คิดกัน“บุก!!!” แม่ทัพใหญ่แคว้นต้าหาน เปลี่ยนม้าตัวใหม่ได้ ก็ร้องตะโกนบอกทหารของตนทันทีความยับยั้งชั่งใจหายไปจนสิ้น เมื่อถูกหยามเช่นนี้ เขาควบม้าเข้าไปหาลู่เหวินอย่างไม่เกรงกลัว“บุก!!! ฆ่าให้หมด อย่าให้เหลือรอด” ลู่เหวินควบม้าพุ่งทะยานเข้าไปในสนามรบเช่นกันหลิงเฟิ่ง ที่นอนพักอยู่ภายในเรือนสะดุ้งตกใจตื่น นางกับชุยหยุนมิได้เข้าไปนอนภายในมิติ จึงได้ยินเสียงต่อสู้อย่างชัดเจน“ท่านพี่”“สงครามเริ่มแล้ว หากเจ้ากลัวเข้าไปหลบในมิติก่อนดีหรือไม่” ชุยหยุนกอดหลิงเฟิ่งเอาไว้แน่น“ไม่เจ้าค่ะ” นางส่ายหน้าหลิงเฟิ่งมิอาจข่มตาให้หลับลงได้ นางเป็นห่วงบิดาแ

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   กองทัพแคว้นต้าหานประชิดเมืองแล้ว

    หลิงเฟิ่งอยู่ภายในมิตินางก็ไม่ได้ทำสิ่งใดมาก นอกจากตื่นมากินแล้วนอนต่อ ตั้งแต่ตั้งครรภ์มา นางรู้สึกว่าขี้เกียจจะขยับร่างกายไปเสียหมด ต่อให้หลิงเฟิ่งอยู่แต่ภายในมิติ เสียงขององครักษ์ที่อยู่ด้านนอกนางก็ยังได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันจึงได้รู้ว่า กองทัพของแคว้นต้าหานเดินทัพมาประชิดเร็วกว่าที่คาดเอาไว้ คงอีกไม่เกินห้าวันพวกเขาก็คงจะมาตั้งค่ายอยู่ไม่ห่างแล้วผ่านมาได้เพียงสามวัน กองทัพของแคว้นต้าหานก็เดินทางมาตั้งค่ายเสียแล้ว เจ้าเมืองเป่ยตู่เร่งพาชาวบ้านที่อยู่ใกล้เขตชายแดนลี้ภัยออกไปอยู่ค่ายหลบภัยที่นอกเมืองเป่ยตู่อย่างเร่งด่วนสนามสอบแทบจะเร่งบัณฑิตให้ส่งกระดาษสอบแล้วให้เดินทางออกไปจากสนามสอบให้เร็วที่สุด“เฟิ่งเออร์ เฟิ่งเออร์ ข้ากลับมาแล้ว” ชุยหยุนเมื่อกลับมาถึงเรือนก็ร้องเรียกหลิงเฟิ่งเสียงดัง“เหตุใด กลับมาเร็วนักเล่า” ฟ้าด้านนอกเพิ่งจะสว่างได้ไม่นาน ชุยหยุนก็เดินทางมาถึงเรือนแล้ว“กองทัพแคว้นต้าหานประชิดเมืองเป่ยตู่แล้ว ตอนนี้ชาวบ้านบางส่วนก็อพยพย้ายไปอยู่ที่ค่ายลี้ภัยนอกเมืองแล้ว”“เร็วเพียงนั้นเลยรึ” หลิงเฟิ่งอดที่จะตกใจไม่ได้“สงครามยังคงไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ แคว้นต้าหานเร่งเดิน

  • หลิงเฟิ่ง หญิงบ้าในหมู่บ้านหู่เซิง   สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่ายินดี

    ความจริงหลิงเฟิ่ง นางอยากจะรั้งอยู่ เพื่อเดินทางกลับพร้อมบิดาและพี่ชาย เพื่อว่ามีสิ่งใดที่นางพอจะช่วยเหลือได้บ้าง แต่หากว่านางตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงก็ควรจะเร่งเดินทางออกจากเมือง เพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นกังวลทั้งสี่พูดคุยเรื่องเสบียงอาหารต่ออีกเพียงไม่นาน ท่านหมอก็เดินเข้ามาภายในห้องพัก บุรุษทั้งสามจึงได้เดินไปนั่งรอที่โต๊ะตรงกลางห้อง แต่สายตาของพวกเขาก็ยังจ้องมองมาที่หมออย่างกดดัน“บุตรีข้าเป็นเช่นใด”“น้องสาวข้า อาการร้ายแรงหรือไม่”หมอยังมิทันจะได้จับชีพจร บุรุษตระกูลโจวก็เอ่ยถามออกมาอย่างกดดันเสียแล้ว น้ำเสียงของพวกเขาราวกับเอ่ยถามทหาร ว่าวันนี้พวกเจ้าตั้งใจฝึกซ้อมกันหรือไม่ หมอจะมีสมาธิตรวจได้อย่างไร“ท่านแม่ทัพใหญ่โจว ท่านแม่ทัพโจว ขอเวลาข้าน้อยสักครู่เถิด พวกท่านกดดันเช่นนี้ ข้าน้อยจะตรวจได้อย่างไร”ลู่เหวินกับโจวเฉิงเหว่ยจึงนั่งดื่มชาอย่างเงียบๆ แต่สายตาของเขาก็ยังคงไม่ละไปจากนิ้วมือของท่านหมอที่กำลังจับชีพจรของหลิงเฟิ่งอยู่“ยินดีด้วยขอรับ ฮูหยินนางตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”“ห๊ะ/ห๊ะ ตั้งครรภ์” สองพ่อลูกตระกูลโจวลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว“เจ้าตรวจให้ดี หลานข้าเป็นเช่นใดบ้าง ครรภ์ของนา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status