หลินชิงชิงเดินก้าวเท้าอย่างช้า ๆ เข้าไปในบริเวณบ้านใหญ่ตระกูลหลิน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังเล็กของเธอมากนัก
หลินเจี้ยน ลุงใหญ่ของเจ้าของร่างนี้เป็นชายร่างท้วมวัยกลางคน เขากำลังนั่งพักผ่อนอยู่ใต้ร่มเงาไม้หน้าบ้าน เมื่อเห็นหลินชิงชิงถูกประคองเข้ามา เขาก็เอ่ยทักทายหลานสาว "เอ้า บ้านสามมีอะไรรึ เห็นยกขบวนกันมาทั้งบ้านเลย"
หลินชิงชิงสูดหายใจเข้าลึก พยายามระงับอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นอยู่ในอก ก่อนจะเอ่ยปากเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
"ลุงใหญ่ค่ะ วันนี้ผิงผิงลูกสาวของลุงใหญ่ต้องการจะฆ่าหนู พี่สาวผลักหนูไปกระแทกกับหินจนสลบ แถมยังปล่อยให้หนูนอนตายเลือดไหลอาบอยู่ตรงนั้นโดยไม่คิดช่วยเหลืออะไรเลย"
เธอแสร้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ใบหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด หลินเจี้ยนขมวดคิ้วมุ่น เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่หลินชิงชิงเล่า
"อะไรนะ ผิงผิงทำอย่างนั้นจริงเหรอ" เขาถามเสียงเครียด "ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆ ผิงผิงไม่ใช่เด็กแบบนั้น" เขาพยายามแก้ต่างให้ลูกสาวคนเล็ก
หลินชิงชิงส่ายหน้า "ไม่มีเรื่องเข้าใจผิดหรอกค่ะ หนูเห็นกับตาตัวเอง" เธอพูดเสียงแข็ง "ลุงใหญ่ต้องจัดการกับเรื่องนี้ให้หนูนะคะ"
หลินเจี้ยนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังลำบากใจอย่างมาก เขาคงไม่คาดคิดว่าลูกสาวที่เขารักจะก่อเรื่องร้ายแรงเช่นนี้
"ได้ ลุงจะคุยกับผิงผิงเอง" เขาตอบในที่สุด "ลุงจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย"
หลินชิงชิงจ้องมองลุงใหญ่ด้วยสายตาที่อ่านความรู้สึกภายในของเขาออก เธอรู้ดีว่าคำพูดของลุงใหญ่มันเป็นเพียงแค่การแสดง เขาคงไม่กล้าลงโทษหลินผิงผิงอย่างรุนแรง คงจะแค่พูดตักเตือนเล็กน้อยเท่านั้น
หลินเจี้ยนเมื่อเห็นพวกชาวบ้านมารอชมเรื่องสนุกกันเยอะทำให้เขาไม่สามารถเข้าข้างลูกสาวได้มากนัก เขาก็แสร้งตะโกนไปทั่วลานบ้าน "ผิงผิง ออกมาเดี๋ยวนี้ "
เด็กสาวอายุ 17 ปีในชุดสีชมพูอ่อนก้าวออกมาจากห้อง ใบหน้าหวานซึ้งแฝงความหวาดกลัวเล็กน้อย "พ่อเรียกหนูมีอะไรคะ?"
หลินเจี้ยนมองลูกสาวคนเล็กอย่างเคร่งขรึม "ผิงผิง บอกพ่อตามตรงว่าหนูได้ทำร้ายชิงชิงหรือไม่?"
หลินผิงผิงเมื่อได้ยินที่บิดาเอ่ยถามเธอถึงกับเบิกตากว้าง เธอไม่คาดคิดว่านังหลินชิงชิงจะกล้าฟ้องพ่อของเธอ
"ไม่ หนูไม่ได้ทำ ทำไมคุณพ่อถึงคิดแบบนั้นละคะ" เสียงเล็ก ๆ ของเธอสั่นเล็กน้อย ราวกับลูกนกที่เพิ่งหัดบินต้องเผชิญกับพายุใหญ่
"ยัยชิงชิงมันโกหก หนูเห็นเธอเป็นน้องสาว หนูจะไปแกล้งเธอไปทำไม" เธอเอ่ยขึ้นพร้อมกับน้ำตาคลอหน่วย หญิงสาวพยายามอย่างสุดกำลังที่จะรักษาภาพลักษณ์ของเด็กดีเอาไว้
หลินชิงชิงมองหลินผิงผิงด้วยสายตาเย็นชา ความโกรธเกรี้ยวปะทุอยู่ในอก เธอไม่เคยคิดว่าหลินผิงผิงจะกล้าโกหกหน้าตายเช่นนี้
"พี่ผิงผิง ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าพี่เป็นคนทำร้ายฉัน" หลินชิงชิงพูดเสียงเรียบ แม้ในใจจะร้อนรุ่ม แต่เธอก็พยายามควบคุมอารมณ์ให้นิ่งที่สุด เธอรู้ดีว่าการแสดงออกถึงความอ่อนแอจะยิ่งทำให้หลินผิงผิงได้ใจ
"พี่ผลักฉันจนล้มลงไปฟาดกับก้อนหิน จนทำให้ฉันเกือบจะตาย ถ้าหากเสี่ยวหลงไม่หาคนมาช่วยฉัน ป่านนี้ฉันคงตายสมใจพี่สาวแล้ว" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสาร ซึ่งสร้างความเห็นใจให้กับพวกชาวบ้านเป็นอย่างมาก
หลินผิงผิงเบิกตากว้าง ไม่คาดคิดว่าเด็กสาวหัวอ่อนที่ให้เธอแกล้งอยู่เป็นประจำจะกล้าโต้ตอบกับเธอ เธอรีบหันไปหาบิดาที่ยืนอยู่ข้างๆ
"พ่อคะ หนูไม่ได้ทำจริงๆ นะคะ" เธอพูดเสียงอ่อน "น้องชิงชิงใส่ร้ายหนู"
หลินชิงชิงกำมือแน่น ความโกรธเกรี้ยวทำให้ร่างกายของเธอสั่นเทา เธอไม่เคยคิดว่าหลินผิงผิงจะหน้าหนาเช่นนี้ แต่นึกเหรอว่าเธอจะจัดการเด็กสาวเช่นนี้ไม่ได้
"พี่ผิงผิง พี่อย่าโกหกอีกเลย ฉันรู้ว่าพี่เกลียดฉัน แต่ฉันไม่คิดว่าพี่จะทำร้ายกันได้ถึงขนาดนี้"หลินชิงชิงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา จนคนมองดูรู้สึกปวดใจ
หลินผิงผิงตัวสั่นเทา เมื่อเห็นสายตาของผู้คนรอบข้างจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เธอยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนจะส่ายหน้าไปมาและน้ำตาเริ่มคลอหน่วย
"พ่อคะ เชื่อหนูเถอะค่ะ หนูไม่ได้ทำจริงๆ"
ทันใดนั้น หลินเสี่ยวหลงหันมาตะโกนใส่หลินผิงผิง
"พี่ผิงผิง พี่นั่นแหละที่ทำร้ายพี่ชิงชิง ผมเห็นพี่ผลักพี่ชิงชิงกับตา พอพี่ผลักพี่ชิงชิงแล้วพี่ยังตะโกนด่าสมน้ำหน้า พี่ชิงชิงอยู่เลย"
คำพูดของเด็กน้อยดังไปทั่วบริเวณ ทำให้ทุกคนตกตะลึง หลินผิงผิงหน้าซีดเผือด ริมฝีปากสั่นระริก เธอไม่คิดว่าจะมีคนเห็นเหตุการณ์ที่เธอผลักนังชิงชิงล้ม
"เสี่ยวหลง น้องพูดอะไร พี่ไม่ได้ทำนะ" หลินผิงผิงพยายามอธิบาย
"ไม่จริง ผมเห็นกับตา" เสี่ยวหลงยืนยันเสียงแข็ง "พี่โกหก"
หลินผิงผิงตัวแข็งทื่อ ความกลัวแล่นปราดเข้ามาในใจ เธอมองไปรอบๆ เห็นสายตาของทุกคนจับจ้องมาที่เธอราวกับเธอเป็นสัตว์ประหลาด
"ไม่จริง ไอ้เล็กสารเลว แกอย่ามาพูดมั่วนะ" หลินผิงผิงพยายามปฏิเสธเสียงดัง แต่แววตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
หวังจื้อเหยาถอนหายใจยาวเหยียด สายตาเหม่อมองไปยังหลินผิงผิงที่ไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง ทั้งที่ทำเรื่องเลวร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย
"ผิงผิงทำไมจิตใจหล่อนมันอำมหิตเช่นนี้" แม่หวังเอ่ยเสียงสั่นเครือ น้ำตาเธอไหลอาบแก้ม
"บาดแผลของชิงชิงใหญ่แทบจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด เรื่องนี้พี่ใหญ่ต้องจัดการลงโทษผิงผิง ไม่งั้นฉันจะไม่ยอมจริงๆ ด้วย"
หลินเจี้ยนได้แต่ยืนอึ้งไม่รู้จะทำยังไงดี ทันใดนั้น ประตูบ้านก็เปิดออก เผยให้เห็นร่างหลี่อ้ายเจีย เดินออกมาจากในบ้าน ใบหน้าของหญิงชราเคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด และครอบครัวสามที่กำลังโต้เถียงกันอยู่ถึงกับชะงัก
"พวกแกบ้านสาม มาเอะอะโวยวายอะไรกันที่นี่" หลี่อ้ายเจียเอ่ยถามเสียงเข้ม "พวกแกกลับไปที่บ้านของพวกแกได้แล้ว"
หลินผิงผิงเมื่อเห็นคุณย่าก็รีบวิ่งเข้าไปออดอ้อน "คุณย่าขา..."
หลินชิงชิงเห็นดังนั้นก็รีบพูดแทรกขึ้น "คุณย่าคะ พี่ผิงผิงผลักหนูไปกระแทกกับก้อนหิน ทำให้หนูได้รับบาดเจ็บเกือบตาย และตอนนี้หนูยังต้องจ่ายค่ารักษากับหมอหลี่ตั้ง 10 หยวน ถ้าไม่ได้ยาดี ๆ จากหมอหลี่หนูคงไม่รอดแล้ว"
หลี่อ้ายเจียขมวดคิ้ว มองหลินชิงชิงด้วยสายตาไม่เชื่อ "ฉันไม่เห็นแกจะเกือบตายตรงไหน ถ้าแกเกือบตายจริงๆ แกไม่มีแรงมาตะโกนด่าที่หน้าบ้านฉันแบบนี้หรอก "
"ใช่แล้วค่ะคุณย่า ถ้ายัยชิงชิงบาดเจ็บสาหัสจริงคงไม่สามารถมายืนด่าพวกเราได้หลอกค่ะ" หลินผิงผิงได้ทีก็พูดเสริมขึ้นมา
ทันใดนั้น หมอหลี่ก็ก้าวเข้ามาในลานบ้านหลิน ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา
"อาการของแม่หนูชิงชิงสาหัสมากจริงๆ หากฉันมาถึงช้ากว่านี้เพียงนิดเดียว แม่หนูชิงชิงคงไม่รอด"
คำพูดของหมอหลี่ทำให้ทุกคนตกตะลึง แม่หนูชิงชิง บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นเชียวหรือ?
"ถ้าไม่เชื่อก็ถามพวกชาวบ้านที่นำร่างของแม่หนูชิงชิงกลับมาบ้านมายืนยันได้เลย" ท่านหมอหลี่พูดเสริม
ชาวบ้านที่มาที่ไปช่วยหลินชิงชิงต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย "ฉันขอยืนยัน...ว่านังหนูชิงชิงได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆ ตอนที่ฉันไปพบเธอที่นอนสลบริมลำธารเลือดเธอยังไหลไม่ยอมหยุดเลย" ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
หลินชิงชิงเมื่อเห็นชาวบ้านช่วยพูดเสริม เธอก็กล่าวกับคนเป็นย่า
"คุณย่าคะ ที่ผ่านมาพี่ผิงผิงทำร้ายหนูมาโดยตลอด ทั้งกลั่นแกล้งหนูสารพัด แต่คราวนี้หนูจะไม่ยอม หนูจะไปแจ้งทางการ ว่าพี่ผิงผิงต้องการฆ่าหนู"
คำพูดของหลินชิงชิงทำให้หลี่อ้ายเจียโวยวายขึ้นมาทันที
"นังเด็กสารเลว...หล่อนยังเห็นหัวฉันเป็นหัวหลักหัวตอบ้างหรือเปล่า คนกันเองจะไปแกจะแจ้งความทำไม อย่าทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่"หลี่อ้ายเจียเริ่มเกลี้ยกล่อมหลินชิงชิง
แต่หลินชิงชิงหาใช่เด็กหัวอ่อนเช่นเจ้าของร่างเดิม เธอตอบกลับคนเป็นย่า
"ถ้าคุณย่าไม่อยากให้หนูแจ้งทางการ ก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้หมอหลี่ 10 หยวน แล้วทำการแยกบ้านสามให้หนู หนูไม่อยากอยู่ในบ้านที่มีแต่ความอยุติธรรม พี่ผิงผิงก็ต้องการฆ่าหนูให้ตาย คุณย่าก็รักแต่พี่ผิงผิง ไม่สนใจหลานสาวคนนี้เลย"
หลินชิงชิงแกล้งโวยวายเสียงดัง ทำให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันสงสารเธอจับใจ หลายคนพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูด บางคนถึงกับพูดขึ้นมาว่า "หลี่อ้ายเจียหล่อนอย่าลำเอียงนักเลย" หลี่อ้ายเจียเมื่อได้ยินที่พวกชาวบ้านกล่าวเธอถึงกับโมโห
"ฉันยังไม่ทันจะตายเลยพวกแกก็คิดจะแยกบ้านแล้ว อกตัญญูกันทั้งบ้านเลย!" หลี่อ้ายเจียยังคงตะโกนด่าทอต่อไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
หลินชิงชิงแสร้งก้มหน้าลง น้ำตาหยดแหมะลงบนพื้นดิน "หนูยอมกลายเป็นเด็กอกตัญญูดีกว่าต้องมาทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี้โดยไม่รู้จะต้องมาตายวันไหน" หลินชิงชิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
จนชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ต่างพากันมองหลินชิงชิงด้วยความสงสาร พวกเขาต่างรู้ดีว่าหลี่อ้ายเจียเป็นคนใจร้ายและเห็นแก่ตัวเพียงใด
"น่าสงสารแม่หนูชิงชิง ทั้งที่เป็นเด็กดี ขยันขันแข็ง และกตัญญู แต่หลี่อ้ายเจียไม่เคยเห็นค่าของเธอเลย"
หลี่อ้ายเจีย มองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกอับอาย เธอรู้ดีว่าชาวบ้านกำลังเข้าข้างหลินชิงชิง แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้ ด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวเธอตะโกนด่าหลินชิงชิงทันที
"นังเด็กสารเลว ถ้าพวกแกอยากแยกบ้านนัก ได้... ฉันจะแยกบ้านให้พวกแก"
เสียงประทัดดังกึกก้องทั่วลานบ้านตระกูลหลิว บ่งบอกถึงความยินดีปรีดาของงานมงคลสมรสระหว่างหลิวชิงชิงและหลี่เหว่ยบ้านของเธอประดับประดาไปด้วยโคมแดงสด ตัดกับผ้าแพรสีทองอร่ามระยิบระยับ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ญาติมิตรต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างเนืองแน่น เสียงพูดคุยจอแจ เสียงหัวเราะร่าเริงดังแทรกกับเสียงดนตรีบรรเลงเพลงมงคลภายในบ้านเจ้าสาว หลิวชิงชิงในชุดแต่งงานสีแดงสดปักลวดลายด้วยดิ้นเงินวิจิตรงดงาม จากช่างตัดเย็บฝีมือดี ที่คนรักของเธอพาไปตัดเย็บ ใบหน้าหวานละมุนแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา เผยให้เห็นแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย หลิวชิงชิงนั่งก้มหน้ามองปลายเท้าอย่างประหม่า ขณะรอเจ้าบ่าวเข้ามาในบ้าน"ชิงชิง ลูกสาวของพ่อ" เสียงทุ้มของหลิวเหวินเจิ้งเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือหนาที่ลูบศีรษะลูกสาวอย่างอ่อนโยน "วันนี้ลูกสาวพ่อสวยที่สุดเลย"หลิวชิงชิงเงยหน้าขึ้นมองบิดาด้วยแววตาสั่นไหว "คุณพ่อ...""ไม่ต้องกังวลนะลูก" หลิวเหวินเจิ้งกล่าวปลอบ "เดี๋ยวลูกเหว่ยก็จะมารับเจ้าสาวไปงานแต่งที่โรงแรมแกรนด์""ค่ะคุณพ่อ" หลิวชิงชิงพยักหน้ารับ น้ำตาคลอหน่วยด้วยความต
หลิวเหวินชางจ้องมองหลี่อ้ายเจียเย็นชา"เรื่องที่หล่อนขโมยลูกของฉัน ฉันจะให้เจ้าหน้าที่มาจัดการกับหล่อน"หลี่อ้ายเจียทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเว้าวอน"ท่านจอมพลหลิว...ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันผิด ฉันมันเลว ฉัน...""เลว ใช่ เธอมันเลว" หลิวเหวินชางคำรามเสียงดังจนสนั่น "หลี่อ้ายเจีย เธอขโมยลูกของฉันไป เธอพรากลูกของฉันไปจากอกฉัน เธอรู้ไหมว่าฉันต้องทรมานแค่ไหน""ฉันเลอะเลือนไปแล้วถึงได้เชื่อฟังคำพี่สาว ฉันแค่ไม่อยากให้ทางบ้านสามีรู้เรื่องลูกที่เสียไปก็เท่านั้นเอง หลี่อ้ายเจียได้แต่สะอื้นไห้"แกเลยต้องมาพรากลูกคนอื่นไป แล้วลูกของคนอื่นไม่ใช่ลูกคนหรือไง " หลิวเหวินชางกัดฟันกรอด "สิ่งที่หล่อนทำมันโหดร้ายเกินไป หลี่อ้ายเจีย เธอทำลายชีวิตฉันมายาวนานหลายสิบปี""ท่านจอมพลฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ..." หลี่อ้ายเจียได้แต่พร่ำพูดคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาหลิวเหวินชางไม่ฟังคำขอโทษใดๆ ทั้งสิ้น เขาหันไปสั่งลูกน้องเสียงเย็นชา "พาตัวหลี่อ้ายเจียไปให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองลงโทษตามกฎหมาย""ไม่...ท่านจอมพลหลิว อย่า
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินชิงชิงลืมตาขึ้นพร้อมกับความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวทันที เรื่องราวเมื่อวานยังคงวนเวียนอยู่ในใจ กับคำพูดของท่านเจิ้ง ที่บอกว่าพ่อของเธออย่างจะไม่ใช่ลูกชายของคุณย่าหลินชิงชิงตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงไปยังห้องของบิดา หลินเจิ้งเทียนยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้าราวกับแบกปัญหาหนักอึ้งเอาไว้ หลินชิงชิงยืนมองบิดาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากปลุก"พ่อคะ"หลินเจิ้งเทียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยความงุนงง "ชิงชิง มีอะไรรึ? ""พ่อคะ หนูว่าพวกเราไปบ้านใหญ่ตระกูลหลินกันเถอะค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "หนูอยากให้พ่อไปถามคุณย่าให้แน่ใจว่าพ่อใช่ลูกชายของท่านใช่หรือเปล่า"หลินเจิ้งเทียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาหลับตาลงราวกับกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยแววตาที่แน่วแน่"ก็ได้" เขาเองก็อยากรู้ความจริงเช่นกันหลังจากนั้นไม่นาน คนบ้านสาม ประกอบด้วยหลินเจิ้งเทียน หวังจื้อเหยา และหลินชิงชิง ต่างก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังบ้านใหญ่ตระกูลหลิน ระหว่างทาง หลินชิงชิงสังเกตเห็นสีหน้าเคร่
ท่านเจิ้งเมื่อเห็นทุกคนอยู่ในความตกตะลึง จึงเอ่ยเตือนสติขึ้นมา"เอาละๆ ทุกคน อย่ามัวแต่คุยกันเลย มาทานข้าวกันได้แล้ว ฉันชักจะเริ่มหิวแล้วสิ"หวังจื้อเหยา ได้สติก่อนใคร รีบเชื้อเชิญทุกคนให้เริ่มทานอาหาร หลินชิงชิง ตักข้าวใส่จานให้ทุกคนอย่างคล่องแคล่ว บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารน่ารับประทาน ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ"อืม... อร่อยมาก" เฉินเหม่ยหลิงเอ่ยชม "ฉันไม่เคยทานอาหารที่ไหนอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย""ใช่ๆ " หลี่หย่ง พยักหน้าเห็นด้วย "รสชาติกลมกล่อม หอมเครื่องเทศกำลังดี"ท่านเจิ้งตักซุปเยื่อไผ่เข้าปากอีกคำ ซดน้ำซุปจนหมดชามแล้ววางช้อนลง พลางพยักหน้าชมด้วยสีหน้าพึงพอใจ "รสชาติดีจริงๆ กลมกล่อม หอมหวาน ซดคล่องคอ ใครเป็นคนทำอาหารมื้อนี้หรือ? "หลินชิงชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินคำชมก็ยิ้มแก้มปริ "หนูกับแม่ช่วยกันทำค่ะ หนูเป็นเพียงแค่ลูกมือเท่านั้นค่ะ" หลินชิงชิงตอบเสียงใส ความจริงแล้วที่อาหารอร่อยเป็นเพราะวัตถุดิบที่นำมาทำอาหารล้วนมาจากมิติของเธอทั้งสิ้น ทั้งเยื่อไผ่อ่อนๆ เห็ดหอมชั้นดี และเครื่อง
แสงตะวันโพล้เพล้ทาบทาขอบฟ้า สาดสีส้มแดงระเรื่อทั่วลานบ้าน กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยยั่วน้ำลาย หลินชิงชิงและผู้เป็นมารดาต่างก็จัดเตรียมสำรับกับข้าวหลายอย่างจนเต็มโต๊ะอาหาร ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่วนของหวานและผลไม้ล้วนแต่ตัดวางอย่างสวยงาม ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเมนูเลิศรสที่แม่ของเธอตั้งใจปรุงขึ้นด้วยความพิถีพิถันกับข้าวพร้อมแล้วค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวังจื้อเหยาหันมายิ้มให้ลูกสาว "ชิงชิงไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ ใกล้เวลาที่พ่อแม่สามีของหนูจะมาแล้ว"หลินชิงชิงหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ "แม่.. " เสียงของเธอเอ่ยแผ่วลง "หนู.. หนูตื่นเต้นจังเลยค่ะ ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะเป็นอย่างไรบ้าง" มือบางบิดชายเสื้อไปมาอย่างประหม่า"ไม่ต้องกังวลไปหรอกลูก" หวังจื้อเหยาตบบ่าลูกสาวเบาๆ อย่างให้กำลังใจ "แม่ได้ยินมาว่าครอบครัวของท่านนายพลหลี่เป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ มีชื่อเสียงเรื่องความใจดี แม่เชื่อว่าพวกท่านต้องเอ็นดูหนูเหมือนลูกสาวคนหนึ่งแน่ๆ ""แต่.. หนูยังไม่เคยพบพวกท่านเลยนี่คะ" หลินชิงชิงยังคงกังวล "แล้ว.. แล้วถ้าหนูทำ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป นับตั้งแต่หลินชิงชิงพาครอบครัวเข้ามาในมิติแห่งนี้หลินเสี่ยวหลง เด็กน้อยวัย10ขวบ กลับมิได้วิ่งเล่นซุกซนตามประสาเด็ก แต่กลับขะมักเขม้นฝึกฝนวิชายุทธ ร่างน้อยๆ เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว กระบี่ไม้ในมือฟาดฟันไปตามกระบวนท่าที่หลินชิงชิงถ่ายทอดให้ เหงื่อไหลไคลย้อยอาบใบหน้า แต่เด็กน้อยก็ยังคงมุ่งมั่น มิย่อท้อ"ฮึบ...ฮ่า" เสียงเล็กๆ ดังขึ้นเป็นระยะหลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นบิดา นั่งมองลูกชายอยู่ใต้ต้นหลิวใหญ่ ในใจรู้สึกทั้งภาคภูมิใจและเป็นห่วง เสี่ยวหลงเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร แต่บางครั้งก็ดื้อรั้นเกินไป"เสี่ยวหลง พักสักครู่ ลูกฝึกมาตั้งแต่เช้าแล้ว" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใยหลินเสี่ยวหลงหยุดฝึกซ้อม เช็ดเหงื่อที่ไหลอาบหน้า "พ่อครับ ผมยังไม่เหนื่อยครับ ผมอยากเก่งๆ จะได้ปกป้องทุกคน จะไม่ให้คุณย่ามารังแกบ้านเราได้" เด็กชายตอบเสียงใส แววตามุ่งมั่นหลินเจิ้งเทียนถอนหายใจ เรื่องบาดหมางระหว่างเขากับมารดาเป็นเรื่องที่ทำให้เขาหนักใจที่สุด เขาไม่รู้ว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้เกลียดชังเขามากนัก ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยได้รับความรักจากท