เมื่อคนเร่รอนเริ่มเห็นข้าวของจำนวนมาก ก็ค่อยๆ ขยับเข้ามาสอบถามด้วยความสงสัยว่านำของพวกนี้มาทำอะไร
ปู่หลิวเห็นเช่นนั้น จึงได้โอกาสบอกกับคนเร่รอนคนนั้นว่า
"อีก1เค่อ คุณหนูของข้าจะทำการแจกจ่ายอาหารและของยังชีพ รบกวนเจ้าไปประกาศให้ทุกคนทราบด้วย จะได้ไม่เสียเวลาให้มาต่อแถวรอ อย่าลืมเอาชามช้อนของพวกเจ้ามาด้วย"
"ได้ ได้ ขอรับ ขอบคุณขอรับ ขอบคุณขอรับ"
"เอ้ย...พวกเรามีคนใจดีมากแจกอาหาร เตรียมชามช้อนมารอรับเร็วเข้า!"
เสียงตะโกนดังก้องไปในความมืดนั้น สามารถปลุกพลังแห่งความวุ่นวายได้ในทันที ดีที่หลินหลินมีท่านลุงท่านป้า ทั้งสองมีประสบการณ์มาก่อน จึงให้คนของตนเองกันไม่ให้คนเร่ร่อนเบียดเข้ามาใกล้โต๊ะ เพราะอาจจะชนหม้อข้าวต้มเสียหายได้
แต่ความหิวนั้นไม่เข้าใครออกใคร เริ่มมีการทะเลาะแย่งแถวกันเด็กๆ ถูกผลักออกจากแถว เด็กน้อยคนหนึ่งร้องไห้จ้า
เมื่อถูกคนตัวใหญ่ผลักล้มลง ผู้คนล้วนไม่สนใจ นางเห็นดังนั้นจึงตะโกนออกไปว่า
"หากพวกเจ้ายังทะเลาะกันอีกแม้แต่ครั้งเดียว...ข้าจะเก็บของทั้งหมดกลับไป!"
แค่เพียงเสียงเดียวก็ทำให้ทุกอย่างสงบลงในพริบตา ทุกสายตาย้ายไปมองที่นางเป็นตาเดียว พร้อมกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
สิ่งแรกที่พวกเขาคิดคือ...นี่ท่านเซียนลงมาจากสวรรค์รึไร เหตุใดสตรีนางนี้ถึงงดงามเกินคำบรรยาย น้ำเสียงอันไพเราะแต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด ส่งมาพร้อมสายตาเฉยชาไร้อารมณ์
นางมองมาที่พวกเขา ทำให้พวกเขาหวั่นเกรงไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว หากพวกเขาไม่ทำตามแล้ว เกรงว่าท่านเซียนคงจะหนีหายขึ้นสวรรค์เป็นแน่....
เสียงที่อ่อนลง ไม่ดุดันเหมือนตอนแรกกล่าวขึ้นอีกครั้ง
"ข้าจะเพิ่มแถวให้เด็กเล็ก และคนชรา ย้ำ แถวนี้จะมีเฉพาะเด็กและคนชราเท่านั้น พวกที่โตแล้วจงต่อคิวรับข้าวต้มที่แถวเดิม"
"อย่าให้ข้าเห็นว่ามีใครกล้าหรือก่อความไม่สงบอีก และพวกเจ้าไม่ต้องกังวล ข้ารับรองได้ว่าวันนี้ ข้ามีอาหารมามากพอให้พวกท่านอิ่มอย่างแน่นอน หากใครไม่อิ่มก็มายืนต่อแถวเพื่อรับเพิ่มได้ เข้าใจหรือไม่..?"
"เข้าใจขอรับคุณหนู /เข้าใจเจ้าค่ะคุณหนู"
เสียงตอบรับพร้อมเพียงดังขึ้น
ตอนนี้มีการตั้งโต๊ะยาวทั้งหมด 3 แถวติดกัน
โต๊ะแรกเป็นโต๊ะแจกข้าวต้ม นางขอให้ท่านลุงท่านป้าเป็นคนตักแจกพวกคนเร่ร่อน โต๊ะกลางคือโต๊ะแจกน้ำ นางวางกระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำไว้แล้ว คนที่รับข้าวต้มแล้วสามารถมาหยิบไปได้คนละ 1 กระบอก
นางให้สือหย่งคอยดูแลโต๊ะนี้และแจกซาลาเปาเพิ่มไปอีกคนละ 1 ลูก นางเก็บน้ำที่ผสมน้ำวิเศษเข้ามิติไปก่อน นางอยากให้กับคนที่เจ็บป่วยเท่านั้น เพราะคนพวกนี้ไม่มีเงินแม้แต่จะรักษา ต้องหาสมุนไพรตามป่ามากินเอง
โต๊ะที่ 3 คือโต๊ะของนาง ปู่หลิว และหานเซียว โต๊ะนี้นางแจกข้าวต้มให้พวกเด็กๆ แยกออกมาจากโต๊ะแรกของท่านลุงท่านป้า
"คนเร่รอนมีจำนวนมากแบบนี้ตลอดเลยหรือเจ้าคะ ปู่หลิว"
"ไม่ขอรับ หากคนไหนรวบรวมเงินจากการไปรับจ้าง แล้วมีเงินพอค่าเดินทาง พวกเขาก็จะออกเดินทางไปตามบ้านของญาติพี่น้องขอรับ"
"ค่าเดินทางแพงมากไหมเจ้าคะ"
"ขึ้นอยู่กับว่าจะไปที่เมืองใดขอรับ ถ้าไกลย่อมต้องแพงเป็นธรรมดาขอรับ"
"น่าสงสารพวกเขานะเจ้าคะ ชีวิตที่พบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ต้องสูญเสียทรัพย์สิน บางคนเสียคนรัก บางคนเสียทุกอย่างที่มีในชีวิต แค่จะใช้ชีวิตต่อก็ยากแล้ว ยังมาเจอกับปัญหาปากท้องอีก"
"ใช่ขอรับคุณหนู เข้าไปหางานในเมือง ใช่ว่าจะมีคนจ้างทุกวัน บางคนข้าเห็นมือแตกเลือดไหลยังต้องฝืนทน พวกเขาไม่ได้มีทางเลือกมากนักขอรับ"
"หืม....ทางเลือกเหรอเจ้าคะ "
ใช่แล้ว! นางสามารถเป็นทางเลือกให้พวกเขาได้นี่
"ขอบคุณท่านปู่หลิวเจ้าค่ะ ที่ทำให้ข้าคิดอะไรดีๆ ขึ้นมาได้"
"เอ่อ..ข้าหรือขอรับ? "
ปู่หลิวยกมือขึ้นเกาหัวเบาๆ เขาไปทำให้คุณหนูคิดอะไรได้นะ
หลินหลินส่งข้าวต้มให้เด็กน้อยคนแล้วคนเล่า พวกเด็กน่าสงสารมาก เด็กผู้ชายบางคนยังไม่ทันโตก็ต้องไปนั่งขอทาน หรือไปรับจ้างเพื่อหาแลกเศษเงินเข้าบ้าน เด็กผู้หญิงยิ่งน่าสงสารกว่า เพราะพ่อแม่บางคนไม่สนใจลูกผู้หญิงจึงปล่อยทิ้งขว้าง เดินเป็นเด็กขาดสารอาหาร หัวโตตัวเล็กนิดเดียว ไม่มีครอบครัวคอยปกป้อง จะอยู่อย่างไรบนโลกแห่งนี้
หลินหลินหันไปมองท่านป้าเป็นระยะ นางห่วงกลัวว่าท่านป้าจะเหนื่อย เพราะคนจำนวนไม่น้อยเลย นางไปเติมข้าวต้มถึง 3 รอบแล้ว
"ท่านป้า ท่านลุงพักบ้างเจ้าค่ะ นี่ปลายยามเฉินแล้วเจ้าค่ะ (08.30 น.) พวกท่านยังไม่ได้พักเลยกันเลยเจ้าคะ"
"ไม่เป็นไรหลินเอ๋อร์ ป้าไหว ไม่ค่อยมีใครมาต่อคิวรับแล้ว ป้าจะให้คนไปแจ้งว่าเราจะแจกข้าวต้มอีกเพียง 1 เค่อ (15 นาที) หากใครจะมาเติมให้รีบมา เจ้าก็จะได้พักบ้าง"
"ถ้าอย่างนั้นก็ให้คนไปแจ้งพวกเขาด้วยเลยเจ้าค่ะว่า หากไม่รับอาหารแล้ว อีก 2 เค่อ ข้าจะแจกถุงยังชีพให้พวกเขามารับด้วยเลยเจ้าค่ะ"
"ดีๆๆเอาตามนี้เลย "
ฮูหยินเจียงหันไปสั่งการคนของตนเองและหันมาจับมือหลินหลินไปนั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ
"พอเจ้าแจกของเสร็จแล้วเรากลับจวนกันก่อน ป้าอยากพาเจ้าไปพบคนผู้หนึ่ง วันนี้เขาน่าจะเดินทางกลับจากแดนเหนือ"
"แดนเหนือ? ใครเจ้าคะท่านป้า หรือจะเป็นบุตรชายของท่าน"
"ใช่แล้วหลินเอ๋อร์ พี่เขาจากป้าไปนานเหลือเกิน สองสามปีถึงจะได้กลับบ้านสักครั้ง เดือนก่อนเขาให้คนส่งข่าวมาว่าเขาต้องมาธุระสำคัญที่เมืองหลวง ขากลับขึ้นแดนเหนือ จะมาแวะพักที่บ้านสองสามคืน"
"จากที่กล่าวไว้ในจดหมาย ป้าคิดว่าอาเหวินต้องมาถึงช่วงยามเว่ยเป็นแน่ (13.00 – 14.59 น.) ป้าจะได้แนะนำเจ้าฝากฝังเจ้ากับพี่เขาเลย"
"ฝากฝัง? ท่านป้าไม่ได้คิดจะจับคู่ให้ข้าใช่ไหมเจ้าคะ ท่านพี่เจียงเหวินคงจะตกใจน่าดูที่มีข้าอยู่ที่จวน"
ฮูหยินเจียงยิ้มร่า ตบหลังมือของหลินหลินเบา ๆ นางไม่สามารถปกปิดสิ่งใดหลินเอ๋อร์ได้เลยจริง ๆ ใช่ นางจะแนะนำบุตรชายของนางให้หลินเอ๋อร์ แต่ต้องรอเขากลับมาก่อน หากเขามีหญิงในดวงใจแล้วนางจะไม่บังคับทั้งสองคน แต่หากลูกชายนางหัวใจยังว่าง นางจะถามหลินเอ๋อร์ว่าสนใจบุตรชายนางไหม ถ้าสนใจนางจะใส่พานยกให้เลย....
หากหลินหลินใช้ดวงตาตรวจสอบตอนนี้คงขำจนท้องแข็ง กับความคิดของป้าเจียงเป็นแน่
เมื่อถึงเวลาที่ต้องแจกถุงยังชีพแล้ว หลินหลินก็ให้ท่านป้าท่านลุงนั่งใต้ต้นไม้รอนางก่อน อากาศตอนนี้ไม่ร้อน มีลมพัดเย็นสบายคล้ายหน้าหนาวเมืองไทย ไม่ได้หนาวเย็นมาก หลินหลินนำชามะลิหอมอ่อน ๆ ออกมาให้พวกท่านทานคู่กับขนม รองท้องไปก่อน
"ทุกคนมารอกันครบแล้วใช่หรือไม่ ข้าจะได้เริ่มแจกถุงยังชีพให้พวกท่าน และข้ามีเรื่องที่จะประกาศหลังจากแจกของแล้ว ขอให้พวกท่านรอสักครู่"
หลินหลินนำหมึกและตรายางรูปพระจันทร์ออกมาจากมิติ และพูดต่อว่า
"นี่คือสิ่งพวกท่านต้องรู้ ใครที่รับของไปแล้ว จะถูกปั๊มหมึกนี้บนหลังมือด้านขวา หมึกนี้จะอยู่กับพวกท่าน 3 วัน มันจะค่อย ๆ ลบหายไปเองไม่ต้องตกใจ ข้าทำเพราะป้องกันการมารับวนของซ้ำ เพราะของพวกนี้มีจำกัด จะได้แจกจ่ายได้อย่างทั่วถึง มีใครไม่เข้าใจตรงไหนไหมเจ้าคะ?"
สายตาคมกวาดมองไปทั่ว เมื่อไม่เห็นว่ามีใครไม่เข้าใจก็กล่าวต่อทันที
"ในเมื่อพวกท่านเข้าใจกันหมดแล้ว ก็เดินเรียงแถวขึ้นมารับเลยเจ้าค่ะ อ้อ...ข้าลืมบอกว่าข้าให้ 1 ถุงต่อ 1 คน หากใครมีคนป่วย คนชรา เด็กแรกเกิดโปรดแจ้งกับคนของข้า พวกเขาจะนำถุงยังชีพไปให้คนเหล่านั้นเองเจ้าค่ะ"
"ขอบคุณคุณหนู ขอบคุณนายท่านนายหญิงเจ้าค่ะ"
เมื่อมีหนึ่งเสียงอีกนับร้อยเสียงก็ตามมาติด ๆ พวกเขาโครกหัวกับพื้น
เป็นภาพที่นางรู้สึกเศร้าใจ แต่ว่านางก็ภูมิใจที่ตัดสินใจถูก การช่วยเหลือพวกเขาครั้งนี้แม้ไม่ใช่การช่วยเหลือที่ยั่งยืน แต่มันเป็นการช่วยเหลือคนที่กำลังจะหมดแรง หมดลมหายใจ เหมือนเป็นการต่อลมหายใจให้พวกเขาได้สู้ต่อเท่านั้น ทุกคนย่อมเดินภายใต้กรรม นางไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงชีวิตทุกคนให้ดีขึ้นในทันตา
เพราะหลังจากที่นางแจกถุงยังชีพเสร็จ สิ่งที่นางจะมอบให้สิ่งสุดท้ายคือทางเลือก อยู่ที่พวกเขาจะเลือกแล้ว
หลินหลินแจกถุงยังชีพเอง นางสำรวจคนที่เข้ามารับไปด้วย หากเค้ามีอาการเจ็บป่วยนางจะให้กระบอกน้ำที่ผสมน้ำวิเศษให้กับพวกเขาด้วย แรก ๆ ก็มีคนสงสัยว่าทำไมมีคนไม่ได้ นางจึงบอกไปว่า ในนี้เป็นน้ำต้มสมุนไพรที่ขมจับใจ สำหรับคนป่วยเท่านั้น
นางรู้ว่าจะต้องมีคนถามแน่นอน จึงได้แอบเข้ามิติไปต้มน้ำใบบัวบกผสมน้ำวิเศษ ของแทร่...ไม่ผสมน้ำตาลหรืออะไรเลย หวานเป็นลมขมเป็นยา น้ำนี้จะวิเศษขึ้น เมื่อเจอความขมระดับ 10 เข้าไป
" ฮ่าๆๆๆ "
มีคนที่พยายามขอลองชิมน้ำสมุนไพรของผู้ป่วย คงเป็นพวกหัวโจก แต่พอจิบไปคำเดียวก็คายทิ้งทันที
"ขม ขมปี๋ อ้า.....ลิ้นข้ายังอยู่ไหม?"
หลินหลินจึงบอกคนที่ป่วยว่าหากอยากหายจงกินเข้าไปซะ นี่คือสมุนไพรเข้มข้น พวกท่านจะหายป่วยหากกินหมด 1 กระบอก (ใบหน้าที่งดงามดูสูงส่งแถมติดหงุดหงิดเล็กน้อยของหลินหลิน ใครจะกล้าถามอีก)
หลินหลินแจกของไปมอบน้ำวิเศษไป บางคนกั้นใจกินทีเดียว บางคนก็กินไปร้องไห้ไป นางนึกขำ
"ข้าทำเพื่อพวกท่านนะ ไม่อย่างนั้นพวกท่านก็ถูกแย่งไปเป็นแน่...ต้องขอบคุณข้าสิ ข้าฉลาดจะตาย "