บทที่ 3 คุณย่าจะตั้งชื่อให้เจ้าตัวน้อยเอง
หลี่เฟยหรงที่โดนแย่งลูกสาว ได้แต่ยืนมองลูกชายทั้งสองทักท้วงคนแก่ทั้งสองของบ้านอยู่เงียบๆ พอเห็นว่าคุณย่าจางยอมนั่งลงพร้อมกับปู่หลี่แล้ว เขาจึงได้ถือโอกาสนี้เดินไปข้างด้านเก้าอี้ ที่ทั้งสองนั่งเพื่อดูหน้าลูกสาวโดยไม่ต้องพูดอะไร ให้ขัดใจคุณย่าจางตอนกำลังเห่อหลาน จนโดนมองแรงใส่เหมือนลูกชายคนเล็กอีก คุณพ่อลูกสามหมาดๆ กับลูกชายคนโตของเขา ช่างเจ้าเล่ห์เหมือนกันจริงๆ เสี่ยวเจินผู้ซื่อตรงได้แต่ยืนทำตาปริบๆ เมื่อโดนคุณย่าจางมองค้อนใส่ เด็กชายได้แต่คิดสงสัยอยู่ในใจว่าได้ทำอะไรผิดไปรึเปล่า เขาแค่อยากเห็นน้องสาวเท่านั้นเอง “แอ๊ แอ๊….” ทารกน้อยที่ทุกคนต่างแย่งกันเงียบๆ นั้น ตอนนี้โปรยยิ้มหวานพร้อมโบกแขนป้อมชูหมัดน้อยๆ ทักทายพี่ชายฝาแฝดทั้งสองเพื่อส่งความน่ารัก ครั้งแรกที่พบหน้ากันให้สลักลงในใจของพวกเขา “ว้าวว น้องสาวน่ารักมากครับคุณพ่อ” เด็กชายทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน เมื่อเห็นน้องน้อยยิ้มหวานส่งให้พวกเขา เสี่ยวฮุ้ยมองพ่อของเขาก่อนจะยิ้มกว้างให้ ทว่าแววตาเด็กชายกลับฉายแววโอ้อวด อย่างเหนือกว่าส่งให้พ่อของเขา ที่ยังไม่ได้รับรอยยิ้มน่ารักๆ จากน้องสาวอยู่คนเดียว แต่มีหรือที่หลี่เฟยหรงจะมองไม่ออก ว่าเจ้าลูกชายคนโตของเขาคิดอะไรอยู่ จึงได้แต่เข่นเขี้ยวอยากฟาดก้นลูกชายอยู่ในใจ “ฮึ!…” หลี่เฟยหรงไม่สนใจมารยาท ที่มักจะทำเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกชายดูอยู่เสมออีกต่อไปแล้ว เขาเดินอ้อมมาข้างหน้าแทรกกลางเจ้าลูกชายตัวดีทั้งสอง โฉบเอาลูกสาวตัวน้อยของเขามาอุ้มเองมันซะเลย “แอ๊!!……” ทารกน้อยร้องตกใจ เมื่อโดนเปลี่ยนคนอุ้มกะทันหันไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะมัวแต่โบกแขนน้อยๆ ทักทายเหล่าพี่ชาย แต่พอเห็นว่าเป็นชายหนุ่มสุดหล่อที่น่าจะเป็นคุณพ่อคนใหม่ของเธอ เจ้าก้อนกลมให้ห่อผ้า จึงชูกำปั้นน้อยๆ ส่งยิ้มหวานให้คุณพ่อหวังให้เขารักและเอ็นดูเธอมากๆ เหมือนพ่อคนเก่า เธอไม่ได้มีความเสียดายชีวิตเก่ามากนัก เพราะที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตอย่างดีมาตลอด ตอบแทนความรักของทุกคนในครอบครัว ให้สมกับที่พวกเขามอบความรักอันมากมายให้เธอ และไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยสักครั้งเป็นลูกที่ดีและหลานสาวที่ดีสมกับความรักที่พวกเขามอบให้เธอ จะมีก็แต่เรื่องที่แอบไปคลับนี่แหละ ที่เธอเสียใจและรู้สึกผิดที่ต้องทำให้ทุกคนเสียใจกับการจากไปของเธอ แต่ถึงเธอจะจากมาแล้วพ่อแม่ ก็ยังมีพี่ชายอีกสามคนอยู่ พวกเขาต้องดูแลท่านทั้งสองได้ดีมากแน่ๆ “ลูกสาวตัวน้อยของพ่อน่ารักที่สุดเลยครับ ยิ้มหวานเชียวดีใจที่ได้เจอพ่อหรือครับ” หลี่เฟยหรงพูดกับลูกสาวเสียงอ่อนเสียงหวาน ผิดกับเวลาพูดกับลูกชายไปคนละโลกเลยทีเดียว ก็นะนี่ลูกสาวที่น่ารักน่าทะนุถนอมของเขา จะมาพูดเสียง เข้มๆ น้ำเสียงหนักแน่นอย่างที่พูดกับลูกชายได้ยังไง เกิดลูกสาวไม่รักขึ้นมาเขาต้องปวดใจจนตายแน่ ชายหนุ่มได้แต่คิดในใจเข้าข้างตัวเอง ทำเป็นไม่รับรู้สายตาพ่อแม่ของเขา ที่จ้องเขม่นใส่หลังจากทำตัวกล้าหาญ แย่งหลานตัวน้อยของพวกท่านไป ลูกชายทั้งสองของหลี่เฟยหรง ได้แต่คิดว่าพ่อของเขาเป็นอะไรไป น้ำเสียงแปลกๆ หรือพ่อทำงานหนักจนป่วย ถ้าพ่อไม่สบายจนเจ็บคอ แล้วน้องสาวจะติดไข้ไปด้วยรึเปล่า! คุณแม่เคยบอกพวกเขาว่าหากไม่สบาย ให้เว้นระยะห่างกันก่อนเดี๋ยวจะติดไข้กันเอง เด็กชายทั้งสองคิดอย่างเป็นห่วงน้องเล็ก ด้วยความกังวลอยากแยกคุณพ่อออกไปไกลๆ จากน้องสาวเร็วๆ แล้ว “ในห้องเรียบร้อยแล้วนะคะ คุณซ่งผู่เย่วปลอดภัยดีค่ะ ดูแลบำรุงร่างกายคุณแม่หลังคลอดได้ตามปกติได้เลยนะคะ” คุณหมอเสิ่นลู่จิ่ว ออกมาจากห้องคลอดพร้อมบรรดาแม่บ้าน ที่เข้าไปเป็นผู้ช่วยของเธอ และบอกเมนูอาหารสูตรบำรุงร่างกายเรียกน้ำนมสำหรับคุณแม่พึ่งคลอด คุณย่าจางรับฟังพร้อมกับจดจำไว้อย่างดี ถึงเมนูและรายการบำรุงร่างกายต่างๆ สุดท้ายจ่ายค่ารักษาให้คุณหมอเรียบร้อยแล้ว จึงสั่งให้ป้าฉางหัวหน้าแม่บ้านทำเมนูเรียกน้ำนมเตรียมไว้ ให้ลูกสะใภ้คนโปรดของเธอ ก่อนจะตามลูกชายหลายชายเข้าไปในห้อง เพื่อดูอาการของซ่งผู่เย่ว ส่วนสามีผู้เงียบขรึมของเธอน่ะหรือ ก็ยืนแนบชิดติดข้างกายเธออยู่นี่ไม่ได้ห่างไปไหนเลย ลูกชายเธอติดภรรยา จนทะเลาะกับหลานชายของเธอบ่อยๆ เรื่องแย่งแม่ของพวกเขาแบบไหน สามีเธอก็เคยทะเลาะกับลูกชายเธอแบบนั้นมาก่อน ผู้ชายบ้านนี้เหมือนกันมากจนเธอยังแปลกใจ ว่าจะเหมือนกันขนาดนี้ได้ยังไง “แอ๊ะ …..” ซ่งผู่เย่วนอนพิงหัวเตียงอุ้มลูกสาวของเธอ หยอกล้อเล่นกับเจ้าตัวน้อยแสนอารมณ์ดี แถมแรงดีไม่มีตกทั้งที่พึ่งคลอดแท้ๆ ท่ากำหมัดน้อยๆ โบกแขนยิ้มหวานแบบนี้ กลายเป็นท่าไม้ตายของเจ้าก้อนนุ่มนิ่มนี่ไปซะแล้ว คุณปู่คุณย่าของเด็กๆ เข้ามาในห้อง เห็นหลานสาวยังคงร่าเริงดีดแขนดีดขาเล่นกับแม่และพี่ชายอย่างอารมณ์ดี ลูกสะใภ้เธอไม่ได้เป็นอะไร แต่ก็ต้องอยู่ไฟเพื่อรักษาตัวหลายวัน พอเธอโล่งใจเรื่องลูกสะใภ้แล้ว นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้บอกกล่าวเรื่องการตั้งชื่อของหลานสาว ที่เธอและสามีเตรียมไว้ ให้กับลูกชายลูกสะใภ้เลย จึงเอ่ยออกมาตัดหน้าลูกชายก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร “อาหรง เย่วเออร์ พ่อกับแม่ตั้งชื่อให้หลานสาวแล้วนะ” คุณย่าจางพูดออกมาแทบจะทันทีที่นึกขึ้นได้ ไม่ให้ลูกชายได้ทันตั้งตัว หลี่เฟยหรงได้แต่มองพ่อและแม่ของเขาอย่างช่วยไม่ได้ ลูกชายฝาแฝดของเขาที่เป็นหลานคนแรกของตระกูลน่ะ เขายังพอเข้าใจได้ แต่นี่ลูกสาวตัวน้อยของเขาอีกเล่า ตอนแรกเขาก็หวังว่าท้องนี้อยากได้เป็นลูกสาวอยู่แล้ว และตั้งใจจะเป็นคนตั้งชื่อเองด้วย คุณแม่ของเขาไม่ปรานีเขาเลยจริงๆ! หลี่เฟยหรงได้แต่คร่ำครวญในใจ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เพราะคุณแม่ของเขาถึงแม้ไม่ใช่คนเข้มงวดคำพูดไม่ได้รุนแรงอะไร แต่ประโยคแต่ละคำที่พูดออกมานั้น อาจทำให้เขารู้สึกผิดจนตายและรู้สึกว่าตัวเองอกตัญญูจนไม่มีหน้าออกไปมองใคร “อ่า ครับ… ถ้าคุณพ่อ คุณแม่ ตั้งชื่อให้ลูกสาวตัวน้อยของผมแล้ว ความหมายต้องออกมาดีมากๆ แน่เลยครับ” คุณปู่หลี่ เหลือบตามองหน้าลูกชายคนเดียวของเขาด้วยหางตา นึกดูถูกเขาในใจ เมื่อเห็นสีหน้าไม่เต็มใจขัดกับคำพูดเมื่อครู่ จอมเสแสร้งทำเป็นยินยอม แสนไม่จริงใจจนดูสุดขั้วของเขา เฮอะ! เจ้าคนหน้าเหม็นคนนี้บทที่ 50 ชีวิตคู่ที่ถูกเติมเต็มอย่างสมบูรณ์ จบคำสารภาพรักด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเป็นการยืนยัน พ่อหนุ่มเจ้าน้ำตาที่ก้มหน้าหลุบตาลงมองต่ำดูเศร้าสร้อย พานให้คนมองใจอ่อนยวบแอบชะงักไปหนึ่งจังหวะเล็กๆ ซ่อนสีหน้าดีใจไว้ได้อย่างมิดชิด ถึงได้ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับดวงตากลมโต ที่จ้องมองมาอย่างต้องการยืนยันคำพูดจากใจจริงของเธออย่างน่าเอ็นดู คนพี่เม้มปากข่มใจไม่ให้หลงอ่อนข้อไปกับความน่ารักตรงหน้า เขาเล่นใหญ่สวมบทคนรักจิตใจอ่อนไหวขี้น้อยใจขนาดนี้แล้ว ต้องเอาคนตัวเล็กตรงหน้าให้อยู่หมัด “ถ้าน้องยืนยันอย่างหนักแน่นขนาดนี้พี่ก็เชื่อจนหมดใจแล้วครับ พี่ก็รักหย่าเออร์มากขึ้นในทุกๆ วันเหมือนกัน สัญญาแล้วนะครับ หลังเรียนจบแต่งเลยทันที” “ค่ะ! ไม่ผิดสัญญาแน่ค่ะ” “ครับ… ดีมากครับเด็กน่ารักต้องไม่ผิดสัญญา แต่….” คนเจ้าแผนการเริ่มคิดอยากกลับมาแผลงฤทธิ์อีกครั้งแล้ว “อะ อะไรคะ! ตะ แต่อะไรถามน้องมาให้หมดเลยค่ะ พี่ช่างอยากรู้อะไรน้องจะตอบทุกเรื่องเลย” คนน้องหลงคิดว่าคนพี่จะหมดข้อข้องใจแล้ว เพราะเขาก็บอกรักเธอกลั
บทที่ 49 สวมบทพ่อหนุ่มเจ้าน้ำตา หลังกอดปลอบเพื่อนสาวจนหายน้อยใจแล้ว หวงหนิงอ้ายก็ขอแยกตัวไปนั่งตรงโซนบาร์เครื่องดื่ม ด้วยรู้ว่าเพื่อนตัวน้อยต้องขึ้นไปหาคู่หมั้นหนุ่มที่ห้องทำงาน เหมือนทุกครั้งที่พวกเขาพากันมาที่นี่ “หยะ-…” ……. “อ๋า! น้องสาว... หย่าเออร์ เลิกเรียนแล้ว น้องกินอะไรมารึยัง หิวรึเปล่า วันนี้เรียนหนักรึเปล่า ถ้าเหนื่อยเกินไปน้องเปลี่ยนคณะที่เรียนใหม่ได้นะ…” พอเปิดประตูห้องทำงานใหญ่ของสามหนุ่มเพื่อนสนิทเข้ามา หวงหนิงเฉิงที่ความรู้สึกไวที่สุดและรอคนรักอย่างใจจดใจจ่ออยู่ก่อนแล้ว เอ่ยเรียกคู่หมั้นตัวน้อยยังไม่ทันจบ เจ้าเพื่อนรักแฝดคนพี่รีบทิ้งปากกาในมืออย่างของไร้ความหมาย ก่อนแกล้งส่งเสียงแปร๋นอย่างแตกสาวกลบเสียงเพื่อนสนิทจนไม่ได้ยิน พร้อมกันนั้นเจ้าเพื่อนแฝดคนน้องก็ลุกจากที่นั่งไปโอบน้องน้อยของพวกเขา พามานั่งเบียดกันสามคนบนโซฟาตัวเดียวกัน ทำเมินเพื่อนหนุ่มราวกับห้องนี้มีกันอยู่แค่พวกเขาสามพี่น้อง “……..” คนถูกเมินได้แต่ยืนกอดอกพิงสะโพกกับโต๊ะทำงานตัวใหญ่รอให้มองทั้งสามนั่งกอดกันกลม
บทที่ 48 ยอมรับความแตกต่าง เมื่อไม่มีใครเป็นอะไรพวกเขาจึงแยกกันกลับบ้าน เหมือนไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ก้าวผ่านร่างของสวีหยู่เยียนซึ่งกำลังโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บร่าง และสืบสวนเรื่องราวเพื่อนดำเนินคดีต่อไป มันก็เป็นแค่เรื่องร้ายๆ เรื่องหนึ่งที่อาจจะหนักหน่อย ผ่านพ้นไปได้อีกเรื่องในวัยสิบหกปีของพวกเขา ภายหลังผลคดีจากการสืบสวนออกมาอีกว่า สวีหยู่เยียนฆ่าชายพนักงานโรงแรมรัฐแห่งหนึ่งตาย แต่ก่อนการลงมือฆาตกรรม เพื่อนข้างห้องได้ยินเสียงทำร้ายร่างกายด่าทอตบตีกัน มีการข่มขู่ทรมานเอาเงินจากเธอแถมยังกักขังสวีหยู่เยียนไว้ในห้องไว้ข่มขืนซ้ำๆ ไม่ปล่อยเธอออกจากห้องจนสุดท้ายเธอจึงก่อเหตุลงมือกับชายคนนั้น นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เธอสติหลุด จากเรื่องที่ชายคนนั้นทำเรื่องเลวทรามกับเธอ ส่วนแม่ที่เป็นญาติเพียงคนเดียวของเธอ ก็ได้หอบเงินหนีไปก่อนแล้วตอนที่เซี่ยเหว่ยพ่อเลี้ยงของเธอโดนจับ ทิ้งให้เธออยู่คนเดียวที่บ้านหลังนั้นโดยที่มีเซี่ยเติ้งหลุนคอยเข้าออกบ้างยามต้องการใช้ประโยชน์จากเธอ หลังเรื่องราววุ่นวายจบลง บรรดาผู้คนรอบตัวของหลี่เฟยหย่าทั้งค
บทที่ 47 ความขาดสติจนกลายเป็นความบ้าคลั่ง 2/2 สวีหยู่เยียนเลือกมาอาละวาดก่อเรื่องในเวลาเลิกเรียนพอดี คนในส่วนหน้าโรงเรียนจึงเยอะ พวกเขาต่างพากันลนลานวิ่งหาที่หลบลูกกระสุนที่ถูกปล่อยออกมาในบางจังหวะที่สวีหยู่เยียนคลุ้มคลั่ง สวนสวยเพื่อนั่งเล่นและเป็นซุ้มรอรถตรงนี้ เหล่าคนในโรงเรียนจะรู้กัน ว่าเป็นที่นั่งของเหล่าลูกหลานคนมีเงินเพื่อมานั่งรอรถที่บ้านมารับ กลุ่มที่รู้ฐานะตัวเองพวกเขามักจะหลีกเลี่ยงไม่มานั่งที่นี่ ถึงแม้พื้นที่ตรงนี้ไม่ได้แบ่งแยกให้ใครนั่งได้หรือไม่ได้ เมื่อปฏิบัติต่อๆ กันมาเรื่อยๆ หลักปีนานเข้า มันก็กลายเป็นพื้นที่อภิสิทธิ์เฉพาะไปโดยปริยาย ถึงพวกเขาจะก้มลงหมอบหาที่หลบซ่อนตัวแล้ว แต่สวีหยู่เยียนที่กำลังเดินผ่านเพื่อไปยังซุ้มตรงที่หลี่เฟยหย่าหลบอยู่ สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็น กลุ่มคนที่เธอเคยไปมีเรื่องด้วยเพราะความอิจฉาอยู่หลายคนทีเดียว “ฮ่าๆ! อ้อ… ฉันก็เผลอแปลกใจไปแวบหนึ่ง ที่เจอพวกคนสารเลวชอบทำตัวสูงส่งอย่างพวกแกไป ลืมไปได้ยังไงกันนะ แหม! ก็นี่มันสวนชนชั้นสูงของพวกแกนี่นา ดี! จะได้ไม่ต้องไปตามคิดบัญชีนังพวกที่ชอบดูถูกฉันให้เหนื่อ
บทที่ 46 ความขาดสติจนกลายเป็นความบ้าคลั่ง 1/2 หลังกลับมาจากค่ายนอกเมืองแล้วกลับเข้ามาทำงานต่อ โดยลากเพื่อนสนิททั้งสองมาเคลียร์เอกสาร ที่เหมือนทำเท่าไรก็ไม่หมดในส่วนของพวกเขา ที่บางครั้งเฉินหวงช่างต้องรับมาทำ เพราะสองพี่น้องมีงานต้องออกไปทำนอกพื้นที่ตลอด จนหาเวลานั่งติดเก้าอี้เคลียร์เอกสารน้อยเหลือเกิน วันนี้อยู่ด้วยกันแล้วถือโอกาสเปิดห้องประชุมไปด้วยเลยแล้วกัน หลี่เฟยฮุ้ยและหลี่เฟยเจินหลังจากนี้ ไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนเข้ามายังตลาดลับ ที่พวกเขาร่วมลงทุนอีก คนที่เป็นเจ้านายใหญ่โดยถือเปอร์เซ็นถึง70% เลยคือเฉินหวงช่าง ส่วนสองแฝดถือคนละ 15% เมื่อหลายเดือนก่อน หยางต้าหยวนที่ถือเปอร์เซ็นอยู่ 7% อยู่ๆ ก็คิดขายคืนให้เฉินหวงช่าง ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้มีคำถามขอคำอธิบายใดๆ ให้หยางต้าหยวนตอบ เขาเพียงทำเอกสารการรับซื้อยื่นให้อีกฝ่ายเซ็น พร้อมกับให้ลูกน้องไปเอาเงินถึงสองกระเป๋าใหญ่ ส่งให้หยางต้าหยวนง่ายๆ เท่านั้น “พวกนายไปขอให้คุณลุงหลี่เจี๋ย ปล่อยข่าวการรับสมัครบอดี้การ์ดให้กับทหารปลดเกษียณที่ค่ายทางใต้ด้วยแล้วกัน” เฉินหวงช่างบอกสหายหลั
บทที่ 45 ทรมานเจ้าคนน่าขนลุก NC 🔥ชน/ช รุนแรง* ผัวะๆ!! “อ่า!... อ๊ากกก! ปล่อยฉันๆ! พวกแกมันก็ค้าขายทำลายชาติไม่ต่างจากฉันนี่ แล้วจะมาทำลายพวกเดียวกันทำไม ฮะ! อั่ก!!” เซี่ยเติ้งหลุนที่โดนฝ่าเท้าหนักๆ สองพี่น้องบ้านหลี่รุมอย่างไม่ยั้งแรง ร้องตะโกนโต้แย้งอย่างสู้อะไรไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ดูจะยังแข็งแรงดีมากๆ อยู่บ่งบอกถึงความถึกที่ซ่อนไว้ ขัดแย้งกับภาพลักษณ์คุณชายแสนสุภาพเจ้าสำอางที่แสดงให้เห็นไปก่อนหน้า พลั่กๆ!! “เหอะ! ไอ้เวร สารเลวนี่มันปากดี มีแรงพูดไม่หยุดจริงๆ! ฉันขอเตือนให้แกเก็บเสียงไว้แหกปากหลังจากนี้ดีกว่าไหม แกได้แหกปากเหม็นๆ นี่จนพอใจแน่” หลี่เฟยฮุ้ยพูดออกมาอย่างเหลืออด กับการแหกปากพ่นคำพูดหาความสำนึกไม่ได้นี่ ขณะยกเท้ากระทืบหนักๆ ลงบนร่างคุดคู้ที่พื้น เซี่ยเติ่งหลุนโดนลูกน้องของเฉินหวงช่าง พากลับมาขังไว้ก่อนหน้านี้ กำลังโดนสองแฝดบ้านหลี่จัดการทรมานระบายอารมณ์ หลังเหตุการณ์คืนวันงานเลี้ยงเมื่อวันก่อนหลายวันก่อนผ่านไป บ้านตระกูลหลี่และตระกูลเฉินทั้งสองบ้านได้ตกลงเกี่ยวดองกั