เข้าสู่ระบบ“ธิดาเป็นยังไงบ้างครับ” เสียงนุ่มถามขึ้น พร้อมกับสายตาที่ทอดมองไปทางคนที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยความห่วงใย
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณคุณโกกับคุณจักษ์มากนะคะ ที่อุตส่าห์มาเยี่ยมธิดา” สุทธิดาตอบออกด้วยความเกรงใจ และขอบคุณจากใจจริงที่เขามาเยี่ยมเธอทั้งที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย
“ขอบคงขอบคุณอะไรกันครับน้องธิดา พวกเราคนกันเองทั้งนั้น” เพื่อนท่าพร้อมกันรีบพูดขึ้นมาเสียก่อน เมื่อเห็นว่าเพื่อนมีใบหน้าถอดสีที่สุทธิดาเอ่ยขึ้นมาแบบนี้ เพราะรู้ดีว่าเพื่อนเขานั้นคิดเช่นไรกับเธอ
ประจักษ์ชัย หรือ จักษ์ หนุ่มเจ้าเสน่ห์สุดหล่อของเพื่อนในกลุ่ม เป็นนุ่มเจ้าถิ่นในวัย 24 ปี และเป็นเพื่อนสมัยเรียนตั้งแต่มัธยมกับโกสินทร์และชนาวิชญ์อีกด้วย แต่จะสนิทกับโกสินทร์มากกว่า
“ปลาว่าพวกเรากลับออกไปกันก่อนเถอะค่ะ รบกวนการพักผ่อนของธิดามามากแล้ว อีกเดี๋ยวก็จะถึงเวลาธิดาต้องให้นมลูกแล้วด้วย” ปาณิศาที่อยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกรีบเอ่ยขึ้น และเป็นจังหวะที่สามีเดินกลับมาพอดี
“มีอะไรให้ช่วย ธิดาบอกพวกพี่ได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจกัน” โกสินทร์หันมาบอกกับทางเธอที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
“บักโกกลับกันก่อนเถาะ” (ไอ้โกกลับกันก่อนเถอะ) ประจักษ์ชัยจึงดึงโกสินทร์พากลับออกไปจากห้องนี้ทันที เมื่อเจ้าตัวยังคงยืนนิ่ง มองหญิงสาวด้วยสายตาอ้อนวอน
ทุกคนจึงออกไปรอกันที่นอกห้อง และวรากรกับศุภวัฒน์ก็เดินกลับมาถึง มองหน้าทุกคนที่อยู่หน้าห้องอย่างนึกแปลกใจ
“คือพยาบาลกำลังสอนธิดาให้นมลูกอยู่ พวกเราเลยต้องออกมารอกันที่หน้าห้อง และอยากให้ธิดาได้พักผ่อนด้วย” ปาณิศาเอ่ยบอก เมื่อเห็นเพื่อนของสามีอีกสองคนเดินกลับมา หลังจากที่วรากรถูกสามีเธอลากออกปากห้องก่อนหน้านั้น
“พวกคุณกลับกันเลยก็ได้นะครับ ผมขออยู่ทำหน้าที่ที่นี่ต่อเอง” วรากรจึงหันไปบอกกับทุกคน แถมยังส่งสายตามองไปทางโกสินทร์อย่างเย้ยหยันราวกับว่าตนเป็นผู้ชนะ
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็กลับกันเถอะ” ชนาวิชญ์จึงบอกให้ทุกคนกลับออกไป
“บักโก กลับ!” (ไอ้โก กลับ!) ประจักษ์ชัยได้แต่ลากเพื่อนกลับออกไป แต่เจ้าตัวไม่ยอมไหวติง
“แต่บักอันนี้มันคือ...” (แต่ไอ้หมอนั่นมันกำลัง...)
“เขาคือพ่อของลูก...” ประจักษ์ชัยได้แต่พูดกับโกสินทร์เสียงเบาราวกระซิบคอยย้ำเตือนถึงสถานะให้เพื่อนรู้ว่าตัวเองนั้นอยู่จุดไหน
วรากรจึงผลักประตูเข้าไปด้านในทันที หลังจากที่ทุกคนกลับออกไปกันหมดแล้ว สายตาคมมองเห็นพาบาลกำลังคอยบอกสอนคุณแม่มือใหม่ให้นมลูกอยู่พอดี
“คุณพ่อมาพอดีเลย มาค่ะเข้ามาช่วยประคองคุณแม่นั่งให้นมลูกนะคะ” พยาบาลสาวหันมาเห็นคนมาใหม่ จึงเอ่ยทักแบบออกไปแบบตรง ๆ เพราะทราบว่าเป็นบิดาของเด็ก เลยเรียกให้เขาเข้ามาใกล้ ๆ ถือโอกาสนี้ได้สอนคุณแม่และทั้งคุณพ่อมือใหม่ไปพร้อม ๆ กันเลย
“ครับ” วรากรขานรับ แล้วเดินเข้าใกล้ ๆ ตามที่พยาบาลสาวบอก
“คุณพ่อนั่งซ้อนหลังคุณแม่ แล้วสอดแขนเข้ามาคอยช่วยประคองลูกไว้ด้วยนะคะ เผื่อคุณแม่ปวดแขน” พยาบาลเอ่ยบอก
วรากรยอมทำตามที่พยาบาลบอกอย่างว่าง่ายด้วยความเต็มใจ โดยไม่มีทีท่าเก้อเขินอะไรเลยสักนิด ซึ่งต่างจากอีกคนที่นั่งเปิดเต้าให้ลูกน้อยดูดนมจากอก ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อเพราะเขินอายที่ต้องทำอะไรแบบน่ามกลางสายตาของคนที่มีสถานะแค่พ่อของลูก
“ส่วนอีกข้าง คุณแม่กับคุณพ่อก็ทำแบบเดิมได้เลย พอลูกกินอิ่มอย่าลืมอุ้มลูกขึ้นพาดบ่าให้เรอก่อนวางลูกนอนนะคะ”
พยาบาลส่งยิ้มให้กับภาพความอบอุ่นของคุณพ่อคุณแม่ยังสาวตรงหน้า ก่อนที่จะเดินออกไป เมื่อหมดหน้าที่ของเธอ
“คะ คุณ พยาบาลออกไปแล้วค่ะ คุณไม่ต้อง...” สุทธิดาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักบอกเขา เมื่ออยู่กันตามลำพัง
“เปลี่ยนข้างได้แล้วธิดา” วรากรไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอบอก แต่กลับเปลี่ยนเรื่องมาสนใจแต่เรื่องของลูกสาวตัวน้อยของเขาแทน ถึงแม้จะรู้ว่าเธอกำลังจะบอกอะไรขาก็ตาม
สุทธิดานั่งตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับ เพราะตอนนี้เขานั้นไม่ใช่แค่คอยประคองลูก แต่กลับเป็นการกอดเธอมากกว่าเพราะเขยถือวิสาสะเกยคางลงที่ไหล่ของเธอ แถมยังพ่นลมหายใจอุ่น ๆ รดต้นคอเธออีกด้วย
“คะ คุณ” เธอตกใจพยายามย่นคอหนี
“เร็วสิ เดี๋ยวลูกกินไม่อิ่มคงได้แดเสียงขึ้นมาแน่” เขาจึงกระซิบเสียงแหบพร่าย้ำกับเธออีกครั้ง เมื่อเธอไม่ยอมทำตาม
“คุณช่วยออกไปก่อนได้ไหม”
“จะอายอะไรธิดา ผมเห็นมาหมดแล้วแถมยังเคยทำมากกว่านั่นนตอนนี้มีเจ้าหนูคนนี้ออกมาแล้วไง” เขาพูดออกมาหน้าตาย พูดแบบหน้าไม่อายเลย เพราะรู้ดีว่าที่เธอต้องการให้เขาออกห่างเพราะอะไร
“แต่...”
“ถึงตอนนี้ผมจะเห็นนมคุณ แต่ผมก็ทำอะไรคุณไม่ได้อยู่ดีธิดา”
สุทธิดาจึงได้แต่ถอนหายใจพรืด ยอมนั่งอยู่นิ่ง ๆ แล้วทำตามที่เขาบอก โดยไม่กล้าที่จะขัดใจหรือดุเขาออกไป เพราะลูกสาวตัวน้อยกำลังเข้าเต้าดูดอย่างเพลิดเพลิน
‘มันน่ารักน่ะ นี่ดูดกะจะไม่เหลือไว้ให้พ่อเลยใช่ไหม’
วรากรได้แต่ครุ่นคิดนึกอิจฉาลูกสาวตัวน้อยที่ได้มีโอกาสดูดกลืนกินนมจากอกของมารดาอย่างมูมมาม ราวกับว่าจะมีใครมาแย่ง จนมืออีกข้างที่ว่างยกขึ้นมานวดเคล้นที่เต้าว่างอย่างลืมตัว
“นี่คุณทำอะไร” สุทธิดาร้องทักขึ้นเสียงดังทันที เพราะตกใจในการกระทำของเขา แต่เธอก็ไม่กล้าขยับเพราะกลัวลูกสาวจะแผดเสียงร้องเมื่อถูกขัดจังหวะ
“ชู่ว์... เบา ๆ สิธิดา ผมก็ช่วยนวดเต้าให้ตามคำแนะนำที่พยาบาลสอนมาอยู่ไง” เขารีบแก้ต่างให้ตัวเอง เมื่อเผลอตัวทำอะไรลงไป โดยการนำเทคนิคความรู้ที่เคยเรียนมาบอกเธอทันที
“แต่แบบนี้มัน...”
“นั่งอยู่เฉย ๆ พอ ถ้าคุณเมื่อยก็พิงผมได้เลย”
จากนั้นวรากรจึงเป็นฝ่ายจับลูกขึ้นพาดบ่า แล้วเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เสร็จสับ ตามที่พยาบาลบอกสอน ก่อนจะวางลูกสาวตัวน้อยลงนอนที่เดิมของตัวเอง
“เป็นอะไร” วรากรถามขึ้นเมื่อเห็นใบหน้ากังวลของสุทธิดา
“คุณออกไปได้แล้ว ฉันอยากเข้าห้องน้ำ...”
“มาผมช่วย”
วรากรตั้งท่าจะเดินเข้าไปหาเธอ เพื่อจะช่วยเธอไปส่งที่ห้องน้ำ แต่ถูกเธอร้องปรามเอาไว้เสียก่อน เท้าใหญ่ได้แต่ชะงักมองหน้าเธอ
“มะ...”
“เดินไหวหรือไง เดี๋ยวก็ล้มหัวฟาดหรอก”
“ฉัน...”
“ผมช่วย จะได้รีบเสร็จ แล้วคุณจะได้พักผ่อนต่อ เดี๋ยวลูกตื่นขึ้นมาร้องอีก ผมไม่มีนมป้อนเขานะธิดา”
เมื่อไม่อาจจะหักหาญน้ำใจของวรากรได้ เธอจึงได้ให้เขาอุ้มเธอขึ้น แล้วพาเธอไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้แล้วเสร็จ เขาก็อุ้มเธอกลับมาวางที่เตียงผู้ป่วยต่อให้เธอได้พักผ่อน จากนั้นเขาจึงได้เข้าไปจัดการกับตัวเองที่ห้องต่อ
ใช้เวลาในห้องน้ำไม่ถึงสิบห้านาที วรากรก็เดินออกมาพบว่า สองแม่ลูกได้หลับไปแล้ว เขาจึงได้แต่จัดของที่คนนำมาเยี่ยมให้เข้าที่เข้าทางเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไปทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาข้างนอกเพราะยังไม่ได้นอนมาทั้งคืน
กัลยาณมิตรที่ดีบ้านสวนปานวิชญ์“กลับเฮือนมึงไปได้แล้วบักโก ให้เวลาสองแม่ลูกเขาได้พักผ่อนแหน่” (กลับบ้านมึงไปได้แล้วไอ้โก ให้สองแม่ลูกเขาได้พักผ่อนหน่อย) ชนาวิชญ์เอ่ยขึ้นมาทันที เมื่อยังเห็นเพื่อนของเขาอยู่ที่บ้านของสุทธิดาตั้งแต่เช้ายังไม่ยอมกลับไป“กูสิกลับอยู่ดอก มึงกะอย่าฟ้าวไล่กูหลาย” (กูจะกลับอยู่หรอก มึงก็อย่าพึ่งไล่กูสิ) โกสินทร์ทำเป็นไขสือและเอ่ยตอบด้วยวาจาที่ดูเหน็บแนมคนพูด“มึงจำคำที่กูเว้าได้บ่” (มึงจำคำที่กูพูดได้ไหม)“ฮืม...”โกสินทร์จำได้ดีว่าชนาวิชญ์เคยพูดอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่เพราะตัวเขาเองยังปรับปรุงตัวเองไม่ได้ และเป็นความเคยชินที่เขานั้นมักจะมุกขลุกอยู่ที่นี่เป็นประจำ เรื่องทำงานเขาได้งานทำแล้ว แค่รอวันที่ถูกเรียกตัวเท่านั้น“จำได้กะเฮ็ดให้มันได้นำแหน่” (จำได้ก็ทำให้มันได้ด้วย) ชนาวิชญ์ตอกย้ำอีกที“กลับก่อนนะธิดา” โกสินทร์จึงหันมาบอกกลับเจ้าของบ้านหลังนี้ ที่เขาใช้เวลามานั่งเล่นอยู่เกือบทั้งวันแล้ว“...” สุทธิดาได้แต่พยักหน้ารับ แล้วก็หันมาสนใจลูกสาวตัวน้อยขของเธอต่อโกสินทร์มองหน้าคุณแม่ลูกอ่อนด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ก่อนจะยอมลุกขึ้น แล้วเดินออกไปจากบ้านหลังนี้“วัน
แค่หวังดีต่อกัน“อย่ามาพูดปากเปล่าโดยที่ไม่มีอะไรมายืนยัน แกกุเรื่องขึ้นมาเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องหมั้นกับหนูหรือเปล่าใครจะไปรู้” อภิเดชสวนขึ้นมาบ้างวรากรจึงลวงโทรศัพท์มือถือของเขาในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วเปิดข้อมูลอะไรในหลาย ๆ อย่างที่เขาถ่ายเก็บไว้ ส่งให้พวกท่านดู“พ่อกับแม่ดูเอาเองดีแล้วกันครับ ว่าผมกุเรื่องขึ้นมาหรือเปล่า”“นี่มัน...”อรอนงค์ เมื่อได้เห็นกับตาตัวเอง ในสิ่งที่ลูกชายบอกมานั้น กลับต้องเบิกตาโพลง เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง“ครับ ถ้ายังไม่ชัดเจนพอ พ่อก็เลื่อนไปอีกจะมีใบสูติบัตรที่ผมแอบถ่ายเก็บไว้อยู่ด้วย เพื่อยืนยันว่าเป็นลูกของผม” วรากรพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยบอกอีกครั้ง“กรธิดา พายุภัทร บิดาผู้ให้กำเนิด วรากร พายุภัทร มารดาผู้ให้กำเนิด สุทธิดา นพวงศ์” เป็นอภิเดชเองที่เป็นคนอ่านข้อมูลในนั้นออกมาเสียงดัง“วันเกิดนี้มัน...” อรอนงค์ตาลุกวาวขึ้นมาอีกครั้ง เพราะตกใจในสิ่งที่ได้เห็น“ครับ ลูกสาวผมเกิดในวันที่ไอ้วิชญ์แต่งงาน แม่เขาเลยให้ชื่อ น้องวิวาห์” วรากรจึงเล่าบอกกับพวกท่านทั้งสองอีกครั้งใจแกร่งของผู้เป็นเต้นกระส่ำแทบจะทะลุออกมาจากอก เมื่อรับรู้ว่าตัวเองมีหลานสาว คน
เพราะผมเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ“แม่ค่ะ ดูกรเขาไม่ค่อยพอใจที่พวกเรามาคุยเรื่องนี้กันเลยนะ” พลอยไพลินเอ่ยกับผู้เป็นแม่ ขณะที่กำลังนั่งรถออกมาจากบ้านหลังนั้นได้ไม่ไกลนัก“ไม่พอใจแล้วยังไงละลูก ตากรน่ะไม่กล้าขัดใจป้าอรกับลุงเดชหรอก” เพ็ญพรรณีเชิดหน้าพูดขึ้นอย่างมั่นหน้า และมั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องสำเร็จไปตามที่เธอคาดหวังเอาไว้แน่นอน“ทำไมละคะ” พลอยไพลินได้แต่เลิกคิ้วถามผู้เป็นแม่ออกไป เพราะอะไรกันถึงทำให้มารดาเธอมั่นใจขนาดนี้“เพราะว่า จริง ๆ แล้ว ตากรไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของป้าอรกับลุงเดชยังไงละลูก” เพ็ญพรรณีจึงยอมบอกความจริงกับลูกสาวออกไป“หมายความว่า?”“ตากรเป็นเด็กกำพร้า ที่ลุงเดชกับป้าอรเขาไปขอรับมาเลี้ยง”“...” พลอยไพลินนิ่งอึ้งเมื่อรับรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้“พวกเขาทั้งสองคนมีบุญคุณกับตากรมากขนาดนั้น ใครจะกล้าขัดละลูกว่าจริงไหม ยังไงตากรกับลูกต้องได้หมั้นกันแน่นอน” เพ็ญพรรณีพูดกับลูกสาวอย่างมั่นใจ“แต่...”ถึงพลอยไพลินจะเชื่อว่าวรากรไม่กล้าขัดคำสั่งของผู้มีพระคุณ แต่เธอก็ยังมีความกังวลหนักใจอยู่ดี เพราะดูแล้ววรากรไม่ใช่คนที่จะควบคุมได้ง่ายเลย“เชื่อแม่เถอะ เรื่องนี้ให้แม่กับอรจัดการเอง
ไม่ใช่แฟนครับ“สรุปว่าเรื่องหมั้นหมายมันยังไงกันแน่ครับ พ่อแม่” วรากรเอ่ยถามผู้เป็นพ่อและแม่ขึ้นมาอีกครั้งทันที ที่แขกผู้มาเยือนกลับออกไปแล้ว“แม่กับอรเราเคยให้คำมั่นสัญญากันไว้ตั้งแต่ที่พวกเรายังไม่มีครอบครัวแล้ว ว่าหากพวกเรามีลูกเราทั้งสองจะผูกดองกัน แล้วจะให้ลูกของพวกเราได้หมั้นหมายและแต่งงานกัน” อรอนงค์จึงบอกความจริงเรื่องในอดีตของเธอกับเพื่อนให้วรากรได้ฟัง ส่วนสามีนั้นอรอนงค์ก็พึ่งเล่าบอกไปเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง“เพราะเหตุนี้หรือเปล่าครับ ที่พ่อกับแม่ไปขอผมมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพียงเพราะสิ่งนี้หรือเปล่าครับ” วรากรถามขึ้นมาทันทีที่ผู้เป็นแม่เล่าให้ฟัง เพราะเขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าที่พวกท่านเอาเขามาเลี้ยง เพียงเพื่อให้ตอบแทนบุญคุณของพวกท่านเท่านั้น ไม่มีความรักความผูกพันใด ๆ เลย ใบหน้ารู้สึกผิดหวังเผยออกมาอย่างเห็นได้ชัด“เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับเรื่องหมั้นหมายเลยนะกร” อภิเดชจึงแทรกขึ้นมาบ้าง เกรงว่าลูกชายจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้“จะไม่เกี่ยวได้ยังไงครับพ่อ นี้มันเรื่องใหญ่ในชีวิตผมเลยนะครับพ่อ”“จริงอยู่ที่พ่อกับแม่เราไม่มีทายาทไว้สืบสกุล แต่ที่พ่อกับแม่รับกรมาเลี้ยงนั้น เพร
ถึงเวลาที่ต้องทำเพื่อแม่แล้ว“เป็นจังใด๋ล่ะ กูเอิ้นนำกะบ่ทัน” (เป็นยังไงล่ะ กูเรียกไว้ก็ไม่ทัน) ชนาวิชญ์เอ่ยขึ้นมาทันที ที่เห็นโกสินทร์เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่ดูจะผิดหวัง“บักหมอนั่น คือได้มาอยู่นี่” (ไอ้หมอนั่น ทำไมได้มาอยู่ที่นี่) โกสินทร์ถามขึ้นมาทันที“กะมันคือหมู่กู และเป็นพ่อของลูกธิดานำ” (ก็มันเป็นเพื่อนกู และเป็นพ่อของลูกธิดาด้วย)“กูกะเป็นหมู่มึง แต่กูคือบ่มีสิทธิ์ได้...” (กูก็เป็นเพื่อนมึง แต่ทำไมกูถึงไม่มีสิทธิ์ได้...) โกสินทร์ถามกลับอย่างไม่เข้าใจ เพราะตนเองก้เป็นเพื่อนกับชนาวิชญ์เช่นกัน แต่ทำไมเขาถึงไม่มีสิทธิ์พิเศษเหมือนกับวรากร“บักโก! มึงคิดว่ากูลำเอียงเห็นมันดีกว่ามึงแม่นบ่” (ไอ้โก! มึงคิดว่ากูลำเอียงเห็นมันดีกว่ามึงใช่ไหม)“...” โกสินทร์ได้แต่อ้ำอึ้งไม่ตอบ“กูสิบอกให้นะบักโก บักกรมันกะเป็นหมู่กูคือกัน แล้วมึงกะเป็นหมู่ของกู ทั้งมึงและมัน กูกะฮักและหวังดีนำทั้งสอง แต่ที่มันได้มาอยู่นี่ เพราะว่ามันบ่แมนคนแถวนี้ ส่วนมึงเฮือนอยู่แค่ปากทางมึงสิมาเฮือนกูยามใด๋กะได้” (กูจะบอกมึงให้นะไอ้โก ไอ้กรมันก็เป็นเพื่อนกูเหมือนกัน แล้วมึงก็เป็นเพื่อนของกู ทั้งมึงและมัน กูก็รักและหวังดี
ออกคำสั่งก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูไม้สักดังขึ้นอยู่ที่หน้าบ้านดังอยู่หลายครั้ง วรากรมองไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทพร้อมกับความเงียบ เขาจึงเป็นฝ่ายเดินไปเปิดประตูเสียเอง“มาทำไม?” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น เมื่อเปิดประตูบ้านออกมา แล้วเจอกับเจ้าของใบหน้าที่เขาไม่ค่อยชอบหน้าเสียเลย และในตอนนี้ก็ยืนอยู่ที่หน้าบ้านของสุทธิดาแล้วทันทีที่ประตูเปิดออก คนที่ยืนอยู่หน้าประตูบานนั้นกลับเบิกตากว้างขึ้นมาทันที เพราะคนที่เปิดประตูออกมานั้นไม่ใช่หญิงสาวที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้“คุณ! มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” น้ำเสียงตะกุกตะกักถามออกไปอย่างตกใจที่เจอเขาอยู่ที่นี่แถมยังอยู่ในบ้านของสุทธิดาอีกด้วยใจหนึ่งก็นึกอิจฉาที่เขาได้รับอภิสิทธิ์ให้เข้าไปด้านในได้ เพราะตั้งแต่ที่เธอแยกออกมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เขาก็มาหาเธอแทบทุกวันแต่ก็ไม่เคยได้เข้าไปสำรวจด้านในเลย อย่างมากก็ได้นั่งอยู่แค่ระเบียงหน้าบ้านเท่านั้นแต่กับวรากรเขาที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของลูกสาวสุทธิดานั้น กลับอยู่เหนือเขาเสียทุกอย่างแถมยังได้รับอนุญาตเข้าออกได้อย่างง่ายดายอีกมันน่าน้อยใจนัก แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้“ทำไมผมจะมาไม่ได้ ก็ลูกผมอยู่ที่





![NightZ [IV] UNFAITHFUL](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
![Evil Engineerร้ายรักวิศวะเลว [ไนต์]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
