เข้าสู่ระบบ“เป็นจังใด๋ล่ะ กูเอิ้นนำกะบ่ทัน” (เป็นยังไงล่ะ กูเรียกไว้ก็ไม่ทัน) ชนาวิชญ์เอ่ยขึ้นมาทันที ที่เห็นโกสินทร์เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่ดูจะผิดหวัง
“บักหมอนั่น คือได้มาอยู่นี่” (ไอ้หมอนั่น ทำไมได้มาอยู่ที่นี่) โกสินทร์ถามขึ้นมาทันที
“กะมันคือหมู่กู และเป็นพ่อของลูกธิดานำ” (ก็มันเป็นเพื่อนกู และเป็นพ่อของลูกธิดาด้วย)
“กูกะเป็นหมู่มึง แต่กูคือบ่มีสิทธิ์ได้...” (กูก็เป็นเพื่อนมึง แต่ทำไมกูถึงไม่มีสิทธิ์ได้...) โกสินทร์ถามกลับอย่างไม่เข้าใจ เพราะตนเองก้เป็นเพื่อนกับชนาวิชญ์เช่นกัน แต่ทำไมเขาถึงไม่มีสิทธิ์พิเศษเหมือนกับวรากร
“บักโก! มึงคิดว่ากูลำเอียงเห็นมันดีกว่ามึงแม่นบ่” (ไอ้โก! มึงคิดว่ากูลำเอียงเห็นมันดีกว่ามึงใช่ไหม)
“...” โกสินทร์ได้แต่อ้ำอึ้งไม่ตอบ
“กูสิบอกให้นะบักโก บักกรมันกะเป็นหมู่กูคือกัน แล้วมึงกะเป็นหมู่ของกู ทั้งมึงและมัน กูกะฮักและหวังดีนำทั้งสอง แต่ที่มันได้มาอยู่นี่ เพราะว่ามันบ่แมนคนแถวนี้ ส่วนมึงเฮือนอยู่แค่ปากทางมึงสิมาเฮือนกูยามใด๋กะได้” (กูจะบอกมึงให้นะไอ้โก ไอ้กรมันก็เป็นเพื่อนกูเหมือนกัน แล้วมึงก็เป็นเพื่อนของกู ทั้งมึงและมัน กูก็รักและหวังดีด้วยทั้งสอง แต่ที่มันได้มาอยู่ที่นี่ เพราะว่ามันไม่ใช่คนที่นี่ ส่วนมึงบ้านอยู่แค่ปากทางมึงจะมาบ้านกูตอนไหนก็ได้)
“อืม...” โกสินทร์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจในสิ่งที่ชนาวิชญ์พูด
“กูฮู้ว่ามึงคิดจังใด๋กับธิดา” (กูรู้ว่ามึงคิดยังไงกับธิดา)
“...” โกสินทร์นิ่งเงียบไม่ตอบอะไร
“กูบ่มีสิทธิ์ไปบังคับธิดาให้มาคบกับไผกะได้ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่นำเขาเองมึงเข้าใจนะ” (กูไม่มีสิทธิ์ไปบังคับธิดาให้มาคบกับใครก็ได้ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเขาเองมึงเข้าใจนะ) ชนาวิชญ์ได้แต่ปลอบเพื่อให้เพื่อนเข้าใจ
“อืม...คั่นซั่นกูกลับก่อนเด้อ มื้ออื่นสิมาใหม่” (อืม...ถ้าอย่างนั้นกูกลับก่อนนะ พรุ่งนี้จะมาใหม่)
“ยังสิมาอีกอยู่บ้อ” (ยังจะมาอีกหรือวะ)
“มาอยู่แล้ว”
“นี้มึงบ่คิดสิไปหาเฮ็ดงานแน่ติ ผู้หญิงเขามักคนมีความรับผิดชอบ มักคนเป็นผู้นำให้ครอบครัวมีอนาคตพอที่สิฝากชีวิตไว้ได้ กูเว้ามานี้มึงคงสิเข้าใจ” (นี้มึงไม่คิดจะไปหางานทำหรือไง ผู้หญิงเขาชอบคนมีความรับผิดชอบ ชอบคนเป็นผู้นำให้ครอบครัวมีอนาคตพอที่จะฝากชีวิตไว้ได้ กูพูดมานี้มึงคงจะเข้าใจนะ)
“...” โกสินทร์ไม่โต้ตอบอะไรชนาวิชญ์ เดินออกไปจากตรงนี้ขับรถออกไปจากอาณาเขตของชนาวิชญ์ทันที
*
*
บ้านพายุภัทร
“กลับมาได้สักทีน่ะ พ่อตัวดี” เสียงกัมปนาทของ อภิเดช ดังก้องขึ้นมาทันที ที่ร่างสูงของวรากรลูกชายบุญธรรมนั้นย่างกรายเดินเข้ามาภายในบ้าน เพราะหลายวันมานี้เขาติดต่อวรากรไม่ได้เลย
“ผมไปทำงานนะครับพ่อ” วรากรพูดตอบกลับผู้เลี้ยงดู พร้อมกับใบหน้าที่เผยความน้อยใจเด่นชัดอย่างเห็นได้ชัด
“นั่งลงก่อนสิลูก แม่กับพ่อมีธุระจะคุยด้วย” อรอนงค์ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนละมุนนุ่มเรียกลูกชายให้เข้ามาหา
วรากรจึงเดินไปนั่งลงยังที่ว่างตามคำขอของมารดาอย่างขัดไม่ได้ เมื่อเห็นว่าที่นี่ไม่ใช่มีเพียงแค่ครอบครัวตน แต่ยังมีสมาชิกอยู่อีกด้วยสามคน
“นี่ คุณอาเพ็ญเป็นเพื่อนแม่และอาสินเป็นเพื่อนทางธุรกิจกับคุณพ่อด้วย แล้วก็น้องพลอย” อรอนงค์ จึงเป็นฝ่ายแนะนำแขกผู้มาเยือนให้วรากรได้รู้จัก
“สวัสดีครับ” วรากรมองคนทั้งสาม แล้วยกมือขึ้นไหว้ตามมารยาท ส่วนหญิงสาวอีกคนมองจากบุคลิกภายนอกก็น่าจะรุ่นราวเดียวกันกับเขา ทั้งคู่ได้แต่ก้มศีรษะลงเพียงเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายกัน
“ในเมื่อลูกชายตัวดีของอรกลับมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เข้าเรื่องเลยแล้วกัน เพ็ญกับคุณสินจะว่ายังไงค่ะ” อรอนงค์เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อทุกคนทักทายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“แล้วแต่ฝั่งของเธอเลยอร ฉันกับคุณสินทางเราเป็นผู้หญิงยังไงเรื่องแบบนี้ก็แล้วแต่ฝ่ายชายน่ะ” เพ็ญพรรณี แขกผู้มาเยือนและเป็นเพื่อนกับอรอนงค์ได้แต่เออออไปตามนั้น เพราะไม่กล้าเสนออะไรไปกว่ามากนี้ เกรงว่าจะเป็นการเร่งรัดจนเกินไป
อรอนงค์มองหน้าผู้เป็นสามีและวรากรที่นั่งหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหันไปทางแขกผู้มาเยือนทั้งสามสลับกันไปมาราวกับว่าเป็นการโยนหินถามทางรอฟังความเห็น
“ตามที่ภรรยาผมพูดเลยครับ” นพศิลป์ ผู้เป็นสามีของเพ็ญพรรณีก็ไม่กล้าเอ่ยอะไร
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้อรว่าให้คุณพี่เดชเป็นคนพูดจะดีกว่า” อรอนงค์จึงเอ่ยบอกให้สามีที่เป็นประมุขของบ้าน เป็นฝ่ายพูดแทน
“ครับ ตอนนี้เด็ก ๆ ก็เรียนจบกันแล้วทั้งคู่ งานหมั้นระหว่างตากรกับหนูณิชา ผมคิดว่าขอเป็นเดือนหน้าเลย ทางคุณคิดว่าอย่างไรครับคุณสินคุณเพ็ญ” เมื่อไม่กล้าหักหน้าผู้เป็นภรรยา อภิเดชจึงยอมเป็นคนพูดเอง
“ทางเรายินดีค่ะ” เพ็ญพรรณีตอบรับทันทีที่เจ้าของบ้านเอ่ยจบ
“นี่มันอะไรกันครับพ่อ แม่ หมั้น ใครจะหมั้นกับใคร?” วรากรที่นั่งฟังบทสนทนามาสักพักจึงเอ่ยขึ้นมา อย่างเสียมารยาทเพราะเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับตัวเอง
“ใจเย็นก่อนลูก แม่กับพ่อเห็นว่าลูกเรียนจบมีงานทำแล้ว เลยอยากให้ลูกมีคู่ครอง” อรอนงค์เอ่ยปลอบให้ลูกชายใจเย็น
“แม่ แต่ผมพึ่งจะเรียนจบเองนะ หน้าที่การงานก็ยังไม่มั่นคง” วรากรพูดกับมารดาด้วยความเครงเคียด เพราะเรื่องที่ตัวเองทำผู้หญิงท้องยังไม่ได้จัดการเลยว่าบอกพวกท่านเช่นไร ท่านจะดีใจหรือเปล่าที่พวกท่านมีหลาน แล้วนี้เรื่องหมั้นหมายเขากำลังจะถูกคลุมถุงชนอีก
“กร แม่กับพ่อให้เวลากรมานานแล้วน่ะ ต่อไปนี้กรต้องทำตามที่พ่อกับแม่ขอบ้าง” อรอนงค์พูดกับลูกชายด้วยความไม่พอใจ
“พ่อ แม่” พลอยไพลิน หญิงสาวเป็นแขกเพียงคนเดียว เอ่ยเรียกบิดาและมารดาของเธอ เมื่อเห็นว่าเจ้าบ้านเริ่มขึ้นเสียงโต้เถียงกัน
“เอ่อ...คุณเดชคุณอรครับ ทางเราขอตัวกลับก่อนดีกว่านะครับ ผมก็จะกลับไปถามความเห็นลูกสาวผมเหมือนกัน” วสันต์เห็นว่าสถานการณ์ของสองแม่ลูกไม่ค่อยดีจึงขอตัวพาครอบครัวกลับไปก่อน
“ค่ะ เดี๋ยวจะให้คุณพี่ติดต่อกลับไปอีกทีนะคะ” อรอนงค์เอ่ยบอกเพียงแค่นั้น ก็หันมาที่ตัวปัญหาอย่างลูกชายต่อ
กัลยาณมิตรที่ดีบ้านสวนปานวิชญ์“กลับเฮือนมึงไปได้แล้วบักโก ให้เวลาสองแม่ลูกเขาได้พักผ่อนแหน่” (กลับบ้านมึงไปได้แล้วไอ้โก ให้สองแม่ลูกเขาได้พักผ่อนหน่อย) ชนาวิชญ์เอ่ยขึ้นมาทันที เมื่อยังเห็นเพื่อนของเขาอยู่ที่บ้านของสุทธิดาตั้งแต่เช้ายังไม่ยอมกลับไป“กูสิกลับอยู่ดอก มึงกะอย่าฟ้าวไล่กูหลาย” (กูจะกลับอยู่หรอก มึงก็อย่าพึ่งไล่กูสิ) โกสินทร์ทำเป็นไขสือและเอ่ยตอบด้วยวาจาที่ดูเหน็บแนมคนพูด“มึงจำคำที่กูเว้าได้บ่” (มึงจำคำที่กูพูดได้ไหม)“ฮืม...”โกสินทร์จำได้ดีว่าชนาวิชญ์เคยพูดอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่เพราะตัวเขาเองยังปรับปรุงตัวเองไม่ได้ และเป็นความเคยชินที่เขานั้นมักจะมุกขลุกอยู่ที่นี่เป็นประจำ เรื่องทำงานเขาได้งานทำแล้ว แค่รอวันที่ถูกเรียกตัวเท่านั้น“จำได้กะเฮ็ดให้มันได้นำแหน่” (จำได้ก็ทำให้มันได้ด้วย) ชนาวิชญ์ตอกย้ำอีกที“กลับก่อนนะธิดา” โกสินทร์จึงหันมาบอกกลับเจ้าของบ้านหลังนี้ ที่เขาใช้เวลามานั่งเล่นอยู่เกือบทั้งวันแล้ว“...” สุทธิดาได้แต่พยักหน้ารับ แล้วก็หันมาสนใจลูกสาวตัวน้อยขของเธอต่อโกสินทร์มองหน้าคุณแม่ลูกอ่อนด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ก่อนจะยอมลุกขึ้น แล้วเดินออกไปจากบ้านหลังนี้“วัน
แค่หวังดีต่อกัน“อย่ามาพูดปากเปล่าโดยที่ไม่มีอะไรมายืนยัน แกกุเรื่องขึ้นมาเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องหมั้นกับหนูหรือเปล่าใครจะไปรู้” อภิเดชสวนขึ้นมาบ้างวรากรจึงลวงโทรศัพท์มือถือของเขาในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วเปิดข้อมูลอะไรในหลาย ๆ อย่างที่เขาถ่ายเก็บไว้ ส่งให้พวกท่านดู“พ่อกับแม่ดูเอาเองดีแล้วกันครับ ว่าผมกุเรื่องขึ้นมาหรือเปล่า”“นี่มัน...”อรอนงค์ เมื่อได้เห็นกับตาตัวเอง ในสิ่งที่ลูกชายบอกมานั้น กลับต้องเบิกตาโพลง เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง“ครับ ถ้ายังไม่ชัดเจนพอ พ่อก็เลื่อนไปอีกจะมีใบสูติบัตรที่ผมแอบถ่ายเก็บไว้อยู่ด้วย เพื่อยืนยันว่าเป็นลูกของผม” วรากรพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยบอกอีกครั้ง“กรธิดา พายุภัทร บิดาผู้ให้กำเนิด วรากร พายุภัทร มารดาผู้ให้กำเนิด สุทธิดา นพวงศ์” เป็นอภิเดชเองที่เป็นคนอ่านข้อมูลในนั้นออกมาเสียงดัง“วันเกิดนี้มัน...” อรอนงค์ตาลุกวาวขึ้นมาอีกครั้ง เพราะตกใจในสิ่งที่ได้เห็น“ครับ ลูกสาวผมเกิดในวันที่ไอ้วิชญ์แต่งงาน แม่เขาเลยให้ชื่อ น้องวิวาห์” วรากรจึงเล่าบอกกับพวกท่านทั้งสองอีกครั้งใจแกร่งของผู้เป็นเต้นกระส่ำแทบจะทะลุออกมาจากอก เมื่อรับรู้ว่าตัวเองมีหลานสาว คน
เพราะผมเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ“แม่ค่ะ ดูกรเขาไม่ค่อยพอใจที่พวกเรามาคุยเรื่องนี้กันเลยนะ” พลอยไพลินเอ่ยกับผู้เป็นแม่ ขณะที่กำลังนั่งรถออกมาจากบ้านหลังนั้นได้ไม่ไกลนัก“ไม่พอใจแล้วยังไงละลูก ตากรน่ะไม่กล้าขัดใจป้าอรกับลุงเดชหรอก” เพ็ญพรรณีเชิดหน้าพูดขึ้นอย่างมั่นหน้า และมั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องสำเร็จไปตามที่เธอคาดหวังเอาไว้แน่นอน“ทำไมละคะ” พลอยไพลินได้แต่เลิกคิ้วถามผู้เป็นแม่ออกไป เพราะอะไรกันถึงทำให้มารดาเธอมั่นใจขนาดนี้“เพราะว่า จริง ๆ แล้ว ตากรไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของป้าอรกับลุงเดชยังไงละลูก” เพ็ญพรรณีจึงยอมบอกความจริงกับลูกสาวออกไป“หมายความว่า?”“ตากรเป็นเด็กกำพร้า ที่ลุงเดชกับป้าอรเขาไปขอรับมาเลี้ยง”“...” พลอยไพลินนิ่งอึ้งเมื่อรับรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้“พวกเขาทั้งสองคนมีบุญคุณกับตากรมากขนาดนั้น ใครจะกล้าขัดละลูกว่าจริงไหม ยังไงตากรกับลูกต้องได้หมั้นกันแน่นอน” เพ็ญพรรณีพูดกับลูกสาวอย่างมั่นใจ“แต่...”ถึงพลอยไพลินจะเชื่อว่าวรากรไม่กล้าขัดคำสั่งของผู้มีพระคุณ แต่เธอก็ยังมีความกังวลหนักใจอยู่ดี เพราะดูแล้ววรากรไม่ใช่คนที่จะควบคุมได้ง่ายเลย“เชื่อแม่เถอะ เรื่องนี้ให้แม่กับอรจัดการเอง
ไม่ใช่แฟนครับ“สรุปว่าเรื่องหมั้นหมายมันยังไงกันแน่ครับ พ่อแม่” วรากรเอ่ยถามผู้เป็นพ่อและแม่ขึ้นมาอีกครั้งทันที ที่แขกผู้มาเยือนกลับออกไปแล้ว“แม่กับอรเราเคยให้คำมั่นสัญญากันไว้ตั้งแต่ที่พวกเรายังไม่มีครอบครัวแล้ว ว่าหากพวกเรามีลูกเราทั้งสองจะผูกดองกัน แล้วจะให้ลูกของพวกเราได้หมั้นหมายและแต่งงานกัน” อรอนงค์จึงบอกความจริงเรื่องในอดีตของเธอกับเพื่อนให้วรากรได้ฟัง ส่วนสามีนั้นอรอนงค์ก็พึ่งเล่าบอกไปเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง“เพราะเหตุนี้หรือเปล่าครับ ที่พ่อกับแม่ไปขอผมมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพียงเพราะสิ่งนี้หรือเปล่าครับ” วรากรถามขึ้นมาทันทีที่ผู้เป็นแม่เล่าให้ฟัง เพราะเขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าที่พวกท่านเอาเขามาเลี้ยง เพียงเพื่อให้ตอบแทนบุญคุณของพวกท่านเท่านั้น ไม่มีความรักความผูกพันใด ๆ เลย ใบหน้ารู้สึกผิดหวังเผยออกมาอย่างเห็นได้ชัด“เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับเรื่องหมั้นหมายเลยนะกร” อภิเดชจึงแทรกขึ้นมาบ้าง เกรงว่าลูกชายจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้“จะไม่เกี่ยวได้ยังไงครับพ่อ นี้มันเรื่องใหญ่ในชีวิตผมเลยนะครับพ่อ”“จริงอยู่ที่พ่อกับแม่เราไม่มีทายาทไว้สืบสกุล แต่ที่พ่อกับแม่รับกรมาเลี้ยงนั้น เพร
ถึงเวลาที่ต้องทำเพื่อแม่แล้ว“เป็นจังใด๋ล่ะ กูเอิ้นนำกะบ่ทัน” (เป็นยังไงล่ะ กูเรียกไว้ก็ไม่ทัน) ชนาวิชญ์เอ่ยขึ้นมาทันที ที่เห็นโกสินทร์เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่ดูจะผิดหวัง“บักหมอนั่น คือได้มาอยู่นี่” (ไอ้หมอนั่น ทำไมได้มาอยู่ที่นี่) โกสินทร์ถามขึ้นมาทันที“กะมันคือหมู่กู และเป็นพ่อของลูกธิดานำ” (ก็มันเป็นเพื่อนกู และเป็นพ่อของลูกธิดาด้วย)“กูกะเป็นหมู่มึง แต่กูคือบ่มีสิทธิ์ได้...” (กูก็เป็นเพื่อนมึง แต่ทำไมกูถึงไม่มีสิทธิ์ได้...) โกสินทร์ถามกลับอย่างไม่เข้าใจ เพราะตนเองก้เป็นเพื่อนกับชนาวิชญ์เช่นกัน แต่ทำไมเขาถึงไม่มีสิทธิ์พิเศษเหมือนกับวรากร“บักโก! มึงคิดว่ากูลำเอียงเห็นมันดีกว่ามึงแม่นบ่” (ไอ้โก! มึงคิดว่ากูลำเอียงเห็นมันดีกว่ามึงใช่ไหม)“...” โกสินทร์ได้แต่อ้ำอึ้งไม่ตอบ“กูสิบอกให้นะบักโก บักกรมันกะเป็นหมู่กูคือกัน แล้วมึงกะเป็นหมู่ของกู ทั้งมึงและมัน กูกะฮักและหวังดีนำทั้งสอง แต่ที่มันได้มาอยู่นี่ เพราะว่ามันบ่แมนคนแถวนี้ ส่วนมึงเฮือนอยู่แค่ปากทางมึงสิมาเฮือนกูยามใด๋กะได้” (กูจะบอกมึงให้นะไอ้โก ไอ้กรมันก็เป็นเพื่อนกูเหมือนกัน แล้วมึงก็เป็นเพื่อนของกู ทั้งมึงและมัน กูก็รักและหวังดี
ออกคำสั่งก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูไม้สักดังขึ้นอยู่ที่หน้าบ้านดังอยู่หลายครั้ง วรากรมองไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทพร้อมกับความเงียบ เขาจึงเป็นฝ่ายเดินไปเปิดประตูเสียเอง“มาทำไม?” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น เมื่อเปิดประตูบ้านออกมา แล้วเจอกับเจ้าของใบหน้าที่เขาไม่ค่อยชอบหน้าเสียเลย และในตอนนี้ก็ยืนอยู่ที่หน้าบ้านของสุทธิดาแล้วทันทีที่ประตูเปิดออก คนที่ยืนอยู่หน้าประตูบานนั้นกลับเบิกตากว้างขึ้นมาทันที เพราะคนที่เปิดประตูออกมานั้นไม่ใช่หญิงสาวที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้“คุณ! มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” น้ำเสียงตะกุกตะกักถามออกไปอย่างตกใจที่เจอเขาอยู่ที่นี่แถมยังอยู่ในบ้านของสุทธิดาอีกด้วยใจหนึ่งก็นึกอิจฉาที่เขาได้รับอภิสิทธิ์ให้เข้าไปด้านในได้ เพราะตั้งแต่ที่เธอแยกออกมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เขาก็มาหาเธอแทบทุกวันแต่ก็ไม่เคยได้เข้าไปสำรวจด้านในเลย อย่างมากก็ได้นั่งอยู่แค่ระเบียงหน้าบ้านเท่านั้นแต่กับวรากรเขาที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของลูกสาวสุทธิดานั้น กลับอยู่เหนือเขาเสียทุกอย่างแถมยังได้รับอนุญาตเข้าออกได้อย่างง่ายดายอีกมันน่าน้อยใจนัก แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้“ทำไมผมจะมาไม่ได้ ก็ลูกผมอยู่ที่







