ตอนที่ 5
ผิดแผน 2
หลี่เยว่เล่อมั่นใจว่าบุรุษผู้นี้ที่จู่ๆ ก็เอ่ยเรียกชื่อนางออกมาได้อย่างถูกต้องนั้นแม้ยามนี้ใบหน้าของเขาจะถูกปกปิดไปด้วยหมวดปีกกว้างซึ่งมีผ้าคลุมสีดำกั้นเอาไว้อยู่ทำให้นางไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้แต่นางก็แน่ใจว่าตนนั้นไม่เคยเจอและไม่เคยรู้จักกับคนผู้นี้อย่างแน่นอน
เพราะไม่ว่าจะน้ำเสียงหรือรูปร่างส่วนสูงของเขาล้วนเป็นสิ่งที่นางแน่ใจว่าไม่เคยพบหรือรู้จักกับผู้ใดที่มีส่วนคล้ายคลึงกับบุรุษตรงหน้ามาก่อน
หญิงสาวทำเป็นไม่ได้ยินประโยคที่บุรุษชุดดำผู้นี้เอ่ยออกมาเมื่อครู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นชื่อของนางก็ตามที แต่ยามนี้ทำเป็นไม่ได้ยินจะดีเสียกว่า หากทำหูทวนลมเดินออกไปก็จบแล้ว
นางก้าวเท้าเดินต่ออย่างไม่มีท่าทีตื่นเต้นต่างจากภายในใจตนในยามนี้ที่สุด
หนึ่งก้าวผ่านไปได้ด้วยดี
ก้าวที่สองเองก็เช่นเดียวกัน
ก้าวที่สามนั้นก็คล้ายว่าจะดีอยู่แล้วหากเจ้าของเสียงทุ้มเมื่อครู่ไม่กล่าวออกมาอีกประโยคหนึ่ง ที่พอได้ยินแล้วก็ทำให้เจ้าของร่างบางต้องหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“หลี่เยว่เล่อ คุณหนูสามสกุลหลี่ บิดารับราชการตำแหน่งเสนาบดีกรมคลังนามหลี่เจ๋อ คุณหนูหลี่มาที่นี่ไม่รู้ว่าบิดาเจ้ารู้หรือไม่ หากไม่รู้ข้าก็ยินดีหากจะได้เป็นผู้แจ้งให้เสนาบดีหลี่รู้”
“คุณชายท่านนี้ ข้าได้ยินท่านพูดอยู่นานที่นี่นอกจากข้าแล้วไม่มีสตรีอื่น ท่านเอ่ยกับข้าหรือเจ้าคะ” นางแสร้งเอ่ยถามขึ้นโดยไม่แม้หันกลับไปมองบุรุษผู้นั้น
“ข้าย่อมต้องเอ่ยกับคุณหนูสามหลี่อยู่แล้ว”
“คุณชายท่านคงจำผิดแล้ว ข้าหาใช่คุณหนูสามหลี่ที่ท่านเอ่ยถึงไม่”
“เป็นข้าจำผิด?”
“ข้าเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ อีกอย่างข้าเองก็ไม่รู้จักคุณหนูสามหลี่อะไรนั่นเสียด้วย” นางกล่าวออกมาได้อย่างลื่นไหลดีทีเดียวแม้ทุกคำที่เอ่ยออกมาจะเป็นเท็จทั้งหมดก็ตามที
ก็นางแน่ใจว่าไม่รู้จักบุรุษผู้นี้แน่ๆ ไม่เคยเจอกันเลยด้วยซ้ำ หากนางยืนยันว่าไม่ใช่หลี่เยว่เล่อแล้วจะมีผู้ใดแย้งได้
“คุณชายข้าอาจมีหน้าตาคล้ายนางอยู่บ้างแต่อย่างไรก็แค่คล้าย ข้าเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น คนที่บ้านป่วยก็เลยตั้งใจจะมาซื้อยาเท่านั้นเอง น่าเสียดายข้ามาดึกจนเกินไปร้านยาจึงปิดไปแล้ว ท่านผู้เฒ่าเจ้าของร้านยาที่นี่ค่อนข้างใจดีทีเดียวมักจะขายยาให้ข้าในราคาถูกกว่าร้านอื่นนักช่างน่าเสียดายยิ่ง ข้าคงต้องไปที่ร้านยาใหญ่ยอมจ่ายเงินมากกว่าสองเท่าเพื่อซื้อยาแล้ว ชีวิตคนรอช้าไม่ได้ ข้าคงต้องขอตัวก่อนแล้ว” กล่าวจบนางก็ไม่รอช้าอีกทั้งไม่รอคำพูดใดๆ จากอีกฝ่ายอีกรีบร้อนหันหลังสาวเท้าก้าวออกมาอย่างเร่งรีบ
บุรุษผู้สวมใส่อาภรณ์สีนิลทั้งชุดทอดมองตามหลังสตรีร่างเล็กไปจนกระทั่งนางลับสายตาไป มุมปากภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีเดียวกับอาภรณ์ยกขึ้นเล็กน้อย
“เป็นเจ้าไม่ผิดแน่ ข้าไม่มีวันจำเจ้าผิดไป”
เสียงทุ้มต่ำกล่าวออกมาเพียงเบาๆ เท่านั้น แน่นอนว่าสองผู้ติดตามซึ่งยืนอยู่ด้านหลังนั้นก็สามารถได้ยินได้อย่างชัดเจนเพราะการฝึกวรยุทธ์ทำให้พวกเขามีประสาทรับรู้การได้ยินชัดเจนยิ่งขึ้น
ผู้ติดตามทั้งสองได้แต่ลอบหันมองสบตากันอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนักกับประโยคเมื่อครู่ที่ผู้เป็นนายได้กล่าวออกมา ถึงแม้จะไม่เข้าใจและอยากรู้ให้กระจ่างแต่ก็ไม่กล้าที่จะสอบถามออกไปได้
โดยปกติแล้วผู้เป็นนายของพวกตนนั้นไม่ชอบที่จะข้องแวะสตรีที่สุด ทว่าเมื่อครู่ผู้เป็นนายถึงขั้นเอ่ยทักแม่นางผู้นั้นอีกทั้งยังเรียกชื่อนางออกมาอย่างมั่นใจอีกด้วย พวกเขาสองคนติดตามผู้เป็นนายมากว่าสิบปีแน่ใจเป็นที่สุดว่าไม่เคยได้พบเห็นแม่นางผู้นี้เป็นแน่แท้ แล้วผู้เป็นนายจะไปรู้จักนางเวลาไหนกัน
หรือจู่ๆ ผู้เป็นนายของพวกเขาจะบังเกิดรักแรกพบเข้าให้แล้ว จึงจงใจหาเรื่องเอ่ยกับแม่นางผู้นั้นเพียงเท่านั้นเอง
สิ่งที่พวกเขาคิดอาจจะดูไม่สอดคล้องนัก หากนายท่านบังเกิดรักแรกพบจริงก็ควรจะทำความรู้จักให้ได้มิใช่หรือ อย่างน้อยๆ ควรจะดึงดันขอทราบชื่อของนางให้ได้จึงจะถูก มิใช่ปล่อยให้นางจากไปทั้งอย่างนั้น
อีกอย่างแม่นางคนเมื่อครู่นั้นแม้จะมองดูจากภายนอกก็ไม่ต่างจากคุณหนูผู้สูงส่งจากสกุลใหญ่ในเมืองหลวงทว่าผ้าปิดหน้าที่นางใช้ก็ปกปิดโฉมหน้าของนางไปกว่าครึ่งส่วนเหลือเพียงแค่ดวงตางามและหน้าผากสวยเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
คิดเอาเองเถิดว่าจะมีบุรุษใดที่จดจำสตรีผู้หนึ่งได้เพียงแค่ได้เห็นเพียงดวงตาหรือหน้าผากของนางเท่านั้น
หากเป็นคนที่รู้จักกันผิวเผินหรือเคยบังเอิญเจอกันแค่เพียงครั้งสองครั้งย่อมเป็นไปไม่ได้
นอกเสียจากว่าบุรุษผู้นั้นจะปักใจหรือหลงใหลสตรีผู้หนึ่งถึงขั้นที่ว่าได้เห็นเพียงแค่เส้นผมเส้นเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นเส้นผมของนาง
แต่นั่นจะเป็นไปได้อย่างไรก็ในเมื่อสิ่งที่นายท่านของพวกตนไม่ชอบข้องแวะที่สุดก็คือสตรี
“ไปนำหีบใบนั้นมา”
“ขอรับนายท่าน”
โชคดีที่เมื่อมาถึงหอหยกขาวก็เป็นเวลาที่การแสดงจบลงพอดี ผู้คนส่วนมากพากันทยอยกลับไปกับหลายส่วนแล้ว ตอนนี้เวทีด้านล่างมีเพียงการแสดงดนตรีขับขานเสียงร้องอ่อนหวานชวนเพลิดเพลินสำหรับผู้ที่อยู่ดื่มกินสังสรรค์ต่อ
หลี่เยว่เล่อเดินขึ้นไปที่ห้องส่วนตัวอย่างเร่งรีบถือว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี พ่อบ้านเหลียงยังไม่ได้สติขึ้นมา ด้านอาหวนเมื่อเห็นนางก็มีสีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“คุณหนูท่านกลับมาแล้ว” ผู้เป็นสาวใช้เอ่ยออกมาอย่างยินดี
“เจ้าเอายาแก้ยาสลบให้พ่อบ้านเหลียงเถิด”
อาหวนพยักหน้ารับคำสั่งก่อนจะนำยาเม็ดสีดำออกมาจากห่อ ยาเล็กๆ ซึ่งเก็บอยู่ในแขนเสื้อของนางออกมาป้อนให้พ่อบ้านเหลียงกิน
หลังจากนั้นไม่นานพ่อบ้านเหลียงก็ได้สติขึ้นมา
“คุณหนูสาม เหตุใดข้าน้อยถึงมึนงงไปหมดเช่นนี้หรือขอรับ มิ ทราบว่าข้าเป็นอะไรไป”
“ท่านพ่อบ้านเหลียงท่านเพียงแค่เผลอหลับไปเท่านั้น”
“จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไรขอรับ” เขาแย้งออกมาในทันที เขา อยู่ในขั้นตอนตามมาดูแลคุณหนูสามแทนนายท่านและฮูหยินจะกล้าหลับไปในระหว่างหน้าที่ได้อย่างไร
“หลายวันมานี้งานในสกุลหลี่ค่อนข้างเยอะท่านพ่อบ้านคง เหนื่อย รวมไปถึงการแสดงในวันนี้ไม่ค่อยจะสนุกเท่าไหร่ ไม่แปลกหรอกที่พ่อบ้านเหลียงจะเผลอหลับไป”
“ช่างน่าละอายนัก ข้าน้อยดันเผลอหลับไปเสียได้ ต้องขออภัย คุณหนูสามเป็นอย่างมากขอรับ กลับจวนไปแล้วข้าจะไปขอรับโทษกับฮูหยินด้วยตนเองขอรับ”
“พ่อบ้านเหลียงไม่ต้องทำถึงขั้นนั้นหรอก ข้าเองก็ไม่ได้เป็นอะไร มิใช่หรือ แม้แต่ก้าวเท้าออกจากห้องส่วนตัวนี่สักครึ่งก้าวก็ยังไม่เคยเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งข้าก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆ เรื่องนี้ก็ให้ปล่อยไปเถอะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงใจดี “เอาไว้รอบหน้าหากมีรอบหน้าท่านแม่ปล่อยข้าออกมาอีกก็คงต้องรบกวนพ่อบ้านเหลียงอีก ช่วงนี้ท่านพ่อข้ายุ่งมาก อย่างไรในอนาคตก็คงต้องมีเรื่องรบกวนพ่อบ้านเหลียงอีกมาก”
“ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ”
“การแสดงที่ตั้งใจมาดูจบไปแล้ว พวกเราก็ควรจะต้องกลับได้แล้วล่ะ”
“เช่นนั้นข้าน้อยจะลงไปตามรถม้ามาเดี๋ยวนี้ คุณหนูสามโปรดรอสักครู่หนึ่งขอรับ”
“ได้ ท่านพ่อบ้านไปเถอะ ส่วนอาหวนเจ้าก็ลงไปพร้อมท่านพ่อบ้านสั่งขนมขึ้นชื่อของที่นี่สักหลายอย่างกลับจวนซะหน่อย ข้าจะนำไปฝากท่านแม่”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
หลังจากพ่อบ้านประจำจวนกับสาวใช้คนสนิทของนางออกจากห้องไปแล้ว หลี่เยว่เล่อถึงได้โล่งใจในที่สุดจนถึงขั้นโน้มตัวลงไปนอนใช้แขนแนบใบหน้าอยู่บนโต๊ะเลยทีเดียว
ลงมือด้วยตัวเองแม้จะเหนื่อยหน่อยแต่ก็วางใจได้มากที่สุดล่ะนะ นับจากวันนี้ไปสิ่งที่นางต้องทำก็แค่รอฟังข่าวการตายของคนผู้นั้นแล้ว
อย่างเร็วที่สุดก็คงเป็นสามวันหลังจากนี้สินะ ไม่ก็อีกเจ็ดวันครึ่งเดือน ไม่เป็นไรเวลาเท่านี้นางย่อมรอได้อยู่แล้ว
สำหรับการเฉลิมฉลองหลังจากนั้นนางควรจัดแจงอย่างไรดี อันดับแรกก็ควรจุดประทับไล่ความอัปมงคลสักสองสามพันนัด หลังจากนั้นแล้วนางค่อยชวนท่านแม่ตั้งโรงทานแจกโจ๊กสามวันสามคืนติดกันเลย ใช่แล้วหากเรื่องนี้สำเร็จอย่างที่นางหวังทุกประการ ทุกๆ เดือนนางสัญญาเลยว่าจะมีการแจกโจ๊กทุกๆ เดือนไม่มีขาดมีเพิ่มขึ้นไม่มีลดแน่
ตอนที่ 36สมรสพระราชทานสองปีผ่านไปสกุลหลี่เกิดเรื่องขึ้นมากมายท่านพ่อของนางยังเป็นเสนาบดีกรมคลังที่ฝ่าบาทให้ความเชื่อใจในความซื่อสัตย์และความสามารถ ส่วนพี่รองก็กำลังก้าวหน้าได้ดีในหน้าที่การงานเช่นเดียวกันอีกทั้งเมื่อสองเดือนก่อนรั่วรั่วพี่สะใภ้รองก็เพิ่งให้กำเนิดบุตรสาวตัวน้อยให้แก่เขาหลี่เมิ่งเหยาคือชื่อของนางฟ้าตัวน้อยผู้เป็นหลานสาวคนแรกของสกุล ท่านพ่อและท่านแม่ของนางหรือหากจะกล่าวให้ถูกก็คงต้องเอ่ยว่าทุกคนในสกุลหลี่ต่างก็ชื่อชอบและรักเอ็นดูหลานสาวตัวน้อยกันทุกคนด้านพี่ใหญ่หลังจากเขื่อนที่เหอตงสร้างเสร็จ เขาก็กลับกองทัพหลวงของฝ่าบาทเห็นว่าอีกหนึ่งเดือนก็จะได้กลับมาประจำการที่เมืองหลวง เมื่อถึงเวลานั้นสกุลหลี่ก็จะพร้อมหน้ากันอย่างแท้จริงท่านแม่ของนางจัดเตรียมหาว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่เตรียมเอาไว้แล้วถึงห้าคน เห็นว่าอย่างไรพี่ใหญ่ก็ต้องเลือกจากแม่นางหนึ่งในห้าคนนี้เพื่อแต่งเป็นภรรยาโดยไม่อาจบิดพลิ้วอีกหลี่เยว่เล่อในวัยสิบเก้าปีนั้นโชคดีที่นางเจอกับคนที่อยากจะแต่งด้วยแล้วและเขาก็ยินดีที่จะรอวันที่นางพร้อมหญิงสาวจึงไม่ต้องหาแม่สื่อหรือออกงานเลี้ยงมากนัก หากจำเป็นต้องไปจริงๆหญิงสาวจึงจ
ตอนที่ 35 ข้าต้องการเจ้า ดวงหน้าเล็กในยามนี้แดงก่ำดุจสีของลูกพลับสุก ฝ่ามือเล็กทั้ง สองข้างของนางเองก็มีเหงื่อออกมาตลอดเวลาคล้ายกับว่ากำลังระบายความร้อนจากภายในกายออกมา เซียวหลิงหลางที่ค่อยๆ วางนางลงบนเตียงในเรือนด้านในจวน ของเขาแต่กลับถูกเจ้าของมือเล็กคว้าแขนเอาไว้ไม่ยอมให้ชายหนุ่มลงจากเตียง“ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย” เจ้าของเสียงหวานเอ่ยขึ้นก่อนจะซุกตัวเข้าไปหาแผงอกแกร่ง“ข้าให้คนไปตามหมอมาแล้วเจ้าอดทนอีกหน่อย” ชายหนุ่มปลอบหญิงสาวในวงแขน นางโอบกอดเขาแน่นเล็กน้อยพลางซุกหน้าเข้าไปที่ช่วงอกของเขา ลมหายใจร้อนของนางจึงไม่แปลกที่จะรินรดจนเขารู้สึกได้ถึงมันเป็นอย่างดีหากนางเพียงแค่ซุกตัวกอดเขาธรรมดาชายหนุ่มคงไม่ต้องค่อยหักห้ามใจตอนเองถึงเพียงนี้แต่นี่นางเริ่มเลื่อนฝ่ามือเล็กอันเนียนนุ่มของนางไปลูบสัมผัสตามซอกคอและไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงปลายคางเรียวของเขา มีหรือผู้ที่ถูกสัมผัสเช่นนี้จะยังหายใจปกติได้อีกเขาย่อมถูกนางทำให้จิตใจเตลิดไปมากเช่นกัน“คุณชายเซียวท่านหล่อเหลามาก” นางไม่เพียงเอ่ยชมยังจูบเบาๆ ที่ปลายคางหม่นด้วย“อาเล่ออย่าซุกซนนัก” แม้เขาจะเอ่ยปรามนางแต่ก็ยังไม่หลบเลี่ยงสัมผัสของนาง เ
ตอนที่ 34 เหยื่อล่อล่อห่านอี้หนิงให้ออกมาคืออีกหนึ่งเหตุผลที่หลี่เยว่เล่อมาที่เมืองหนานสกุลห่านถือว่ามีจุดจบไม่ต่างจากสกุลหลี่ในชาติก่อน ที่ต่างกันคงเป็นห่านอี้เทียนทำผิดจริงแต่ท่านพ่อของนางในครั้งนั้นถูกใส่ร้ายหลักฐานทั้งหมดถูกห่านอี้เทียนนำใส่ในกล่องที่มีช่องลับและฝากนางนำไปเก็บให้บิดา โดยอ้างว่าของในกล่องเป็นเพียงตำราหายากที่เขายืมไปอ่านชั่วคราวเท่านั้นตอนนั้นเพราะความเชื่อใจนางจึงนำกล่องไปเก็บโดยไม่ได้ตรวจสอบดูอย่างชัดเจนอะไร จนกระทั่งจวนสกุลหลี่ถูกทางการค้นและพบหลักฐานการทำผิดของท่านพ่อซึ่งแน่นอนว่าหลักฐานทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างแนบเนียน นางคิดว่ารองเจ้ากรมคลังฉินชาติก่อนก็คงจะร่วมมือกับห่านอี้เทียนใส่ร้ายท่านพ่อนางเช่นเดียวกันเพราะต้องการตำแหน่งเสนาบดีกรมคลังสกุลห่านต้องโทษประหารทั้งครอบครัว แน่นอนว่าห่านอี้หนิงเองก็ต้องตายเช่นเดียวกับห่านอี้เทียนที่ถูกท่านอ๋องสังหารทันที เจ้าหน้าที่ตามหาตัวนางที่บ้านเกิดที่อำเภอฉงแต่กับไม่พบตัวคนตามวัดอารามใดก็ไม่มีผู้ที่แสดงตัวว่าเป็นห่านอี้หนิงอย่างที่ควรจะเป็น นั่นทำให้รู้ห่านอี้หนิงกำลังหลบหนีการจับกุมอยู่เบาะแสเดียวที่มีคือเห
ตอนที่ 33 ผูกใจ เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นที่สั่นสะเทือนไปทั่วราชสำนัก ฝ่า บาททรงพิโรธยิ่งเมื่อได้รับฎีกาและหลักฐานของการวางแผนปล้นเงินคลังหลวงที่ถูกจัดเตรียมส่งไปเพื่อสร้างเขื่อนจากพระอนุชาของพระองค์โทษของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกรมคลังห่านอี้เทียนและรองเจ้ากรมฉินหลางถูกประกาศไปทั่วแผ่นดินสกุลห่านและสกุลฉินถูกยึดทรัพย์และสั่งให้ประหารชีวิตทั้งสกุลเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้แก่เหล่าขุนนางฝ่าบาทสั่งการลงไปอย่างรวดเร็วไม่ถึงครึ่งวันทุกอย่างก็ถูกกวาดล้างจนสิ้นห่านอี้หนิงหายสาบสูญ ทั่วแคว้นติดประกาศจับชินอ๋องได้รับรางวัลและราชโองการชื่นชมจากฝ่าบาทเนื่องจากเป็นผู้ที่สามารถสกัดแผนชั่วของพวกขุนนางเลวหนักแผ่นดินได้แม่ทัพเฉินและเหล่าทหารที่รับหน้าที่คุ้มกันเงินคลังไปส่งได้รับเงินรางวัลและคำชื่นชมจากฝ่าบาทที่ทุ่มเทและปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญ หลังพักรักษาตัวจนหายแล้วค่อยเรียกตัวกลับเมืองหลวงเงินคลังที่เอาไว้ใช้จ่ายสำหรับสร้างเขื่อนถูกเก็บเอาไว้ชั่วคราวที่ที่ว่าการเมืองเพราะที่นั่นมีเวรยามแน่นหนา การคัดเลือกกลุ่มการค้าถูกเลือกขึ้นอีกครั้งและครั้งนี้มีท่านอ๋องสามเป็นผู้ติดตามและคัดเลือกกลุ่ม
ตอนที่ 32ขจัดความกลัวในใจแผ่นหลังแกร่งเต็มไปด้วยความสง่างามยามอยู่บนหลังม้า ทุกฝีเท้าม้าที่วิ่งทะยานล้วนรวดเร็วรุนแรง ราวกับสายลมอันคลุ้มคลั่ง แน่นอนว่าย่อมเป็นไปตามความต้องการของผู้ที่ควบคุมบังเหียนเวลานี้หย่งไห่ชินอ๋องผู้ซึ่งได้ชื่อว่ามีกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้น ทหารใต้บัญชาของอ๋องหนุ่มนั้นสามารถรบชนะสิบต่อหนึ่งได้อย่างสบายๆ และเป็นปราการอันแข็งแกร่งที่สุดของชายแดนทางใต้การรบแต่ละครั้งที่ผ่านมาตลอดสิบปีมีเพียงทำเพื่อประชาชน แคว้นและฝ่าบาท ทว่าครั้งนี้เขากำลังพาทหารติดตามห้าสิบนายไปเพื่อทำร้ายสิ่งที่ทำให้สตรีที่เขาพึงใจต้องเป็นกังวลและหวาดกลัว“สิ่งที่จะลบความกลัวออกไปจากใจของเจ้าได้เปิ่นหวางจะทำลายมันให้สิ้นซากเพื่อเจ้า”ขบวนการขนเงินหลวงจากกรมคลังที่นำโดยแม่ทัพเฉินอยู่ห่างจากเมืองเหอตงไม่ไกลดินทางอีกครึ่งวันก็จะถึงประตูเมือง คืนนี้พวกเขาจึงต้องพักค้างแรมข้างนอกอย่างไม่มีทางเลือกทหารคุ้มกันห้าสิบคนเป็นคนของแม่ทัพเฉินที่ทำหน้าที่คุ้มกันการขนเงินหลวงในครั้งนี้ อีกสิบคนเป็นผู้ติดตามที่มาพร้อมกับรองเสนาบดีฉินกองไฟถูกก่อขึ้นห้ากองใหญ่ มีเพียงรองเสนาบดีที่พักอยู่บนรถม้าส
ตอนที่ 31 ใกล้ยุติ“อีกสามวันเงินที่ส่งมาจากกรมคลังก็จะมาถึงเหอตง” เซียวห ลิงหลางเอ่ยขึ้น ยามนี้ภายในห้องทำงานชั่วคราวที่จวนรับรองมีเพียงเขาและเสนาบดีหลี่เท่านั้น“เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”“ผู้คุ้มกันเงินมาคือแม่ทัพเฉินที่ฝ่าบาทไว้ใจกับรองเสนาบดีกรม คลังฉินหลางใช่หรือไม่”“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” “ท่านเสนาบดีคิดว่าฉินหลางผู้นี้เป็นอย่างไร”“เหตุใดท่านอ๋องจึงถามเช่นนี้เล่าขอรับ” หลี่เจ๋อเอ่ยถามผู้มากด้วยอำนาจซึ่งแม้ตนจะถือว่าเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนักแต่ก็ไม่เคยคิดจะงัดอำนาจกับชายหนุ่มผู้นี้เลยสักครั้ง“ห่านอี้เทียนกับฉินหลางรองเจ้ากรมคลังลอบติดต่อกันมานาน แล้วข้อนี้ท่านเสนาบดีก็คงยังไม่ทราบกระมัง”“กระหม่อมไม่เคยรู้เลยพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อครู่ท่านอ๋องกล่าวว่าพวก เขาลักลอบติดต่อกัน ทั้งที่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาคนทั้งกรมคลังต่างรู้กันหมดว่า รองเจ้ากรมฉินหลางไม่ชอบห่านอี้เทียนเท่าไร่นักแล้วคนทั้งคู่ที่มีความสัมพันธ์เช่นนี้ลอบติดต่อกันนั่นก็ชัดเจน แล้วว่าสิ่งที่ลักลอบทำจะต้องไม่ใช่เรื่องดี“ห่านอี้หนิงเมื่อครั้งไปที่เมืองหลวงและพักอยู่ที่จวนของท่านเสนาบดีหลี่ชั่วคราว นางเองก็เคยแอบไปส่งจดหมายลับๆ