“ผู้ใดจะกล้าต่อว่าพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ อาภรณ์ผืนนั้นล้ำค่าเหมาะสมกับท่านพี่ของข้าที่สุดเลยนะเจ้าคะ”
“เช่นนั้นพี่ยกให้น้องรองดีหรือไม่เล่า”
เย่ม่านผงะไปด้วยความตกใจ ถึงแม้อาภรณ์ผืนนั้นจะงดงามจนนางอยากจะได้จนตัวสั่น แต่หากว่ากันตามจริงแล้วฐานะเช่นนางและเย่ปิงปิงดูจะไม่เหมาะสมนัก หากนางเป็นองค์หญิงหรือท่านหญิงก็ว่าไปอย่าง
“จะได้อย่างไรกันปิงเอ๋อร์ เจ้าล้อน้องเล่นเกินไปแล้ว เอาเถอะ ๆ เอาตามที่เจ้าว่ามาก็ได้ เช่นนั้นแม่จะเรียกช่างตัดเย็บมาให้เจ้าเอง”
ลู่เมิ่งรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย หากให้บุตรสาวของนางที่อ่อนหวานแต่งกายด้วยชุดสีแดงร้อนแรงเช่นนั้น เกรงว่าจะดูไม่ดีนัก
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านแม่ ลูกคิดจะไปที่ร้านด้วยตัวเองเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นตามใจเจ้า”
ลู่เมิ่งลอบจิกเล็บด้วยความเจ็บใจ แผนการที่ต้องการทำให้เย่ปิงปิงถูกชนชั้นสูงในเมืองหลวงด่าทอในวันงานเป็นอันต้องล้มเหลวไป
“ลูกขอตัวนะเจ้าคะแม่รอง ขอบคุณมากนะเจ้าคะที่แม่รองยังคงตามใจลูกไม่เปลี่ยน”
“พูดอะไรเช่นนั้น แม่ย่อมต้องรักถนอมเจ้าอยู่แล้วสิ”
เย่ปิงปิงยอบกายคารวะแล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม เรื่องราวในอดีตได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว ชาตินี้นางจะมิยอมทำตัวเป็นสตรีที่โง่งมอีกต่อไป!!
คล้อยหลังที่เย่ปิงปิงเดินจากไป เย่ม่านก็รีบเข้ามาเกาะแขนมารดาแน่น สีหน้าที่คงความเรียบร้อยอ่อนหวานแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว
“ท่านแม่เจ้าคะ เหตุใดนังปิงปิงถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ถ้าเช่นนั้นแผนการที่ต้องการฉีกหน้ามันในงานวันเกิดก็ล้มเหลวน่ะสิเจ้าคะ ลูกไม่ยอมให้มันโดดเด่นในงานหรอกนะเจ้าคะ มันจะต้องถูกทุกคนก่นด่าสิเจ้าคะ”
ลู่เมิ่งตบหลังมือบุตรสาวให้ใจเย็นลง “อย่าได้ร้อนใจไป แม่ยังมีแผนที่เตรียมรับมือมันไว้อีกมาก แต่ตอนนี้แม่คงต้องไปเตรียมบัญชีของมันเสียก่อน ไม่คิดเลยว่านังโง่นี่จะคิดมาสนใจเรื่องนี้ได้”
“นั้นสิเจ้าคะ หรือมันจะระแคะระคายว่าท่านแม่แอบยักยอกเงินของมัน”
“ม่านเอ๋อร์!!”
“เอ่อ...ลูกขอโทษเจ้าค่ะ”
“พูดอะไรระวังปากไว้เสียบ้าง”
“ลูก ผิดไปแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”
“ช่างเถอะ ๆ แม่จะไปจัดการเรื่องบัญชีของมันเสียก่อน เฮ้อ...วุ่นวายเสียจริง”
ลู่เมิ่งเดินหายเข้าไปยังห้องทำงานของตน นางยังมีเรื่องมากมายที่ต้องเร่งจัดการ เวลานี้สามีของนางก็ใกล้กลับมาที่จวนแล้ว รวมถึงเจ้าลูกเลี้ยงที่น่าตายผู้นั้นด้วย
เหตุใดไม่ตาย ๆ ไปเสียทีนะ นางกับลูกจะได้มีความสุขเสียที ไม่ต้องมาปั้นหน้าเสแสร้งแกล้งทำดีกับนังเย่ปิงปิงด้วย
เย่ปิงปิงนั่งรถม้ามาที่ร้านขายอาภรณ์ชื่อดังของเมืองหลวง นางได้พาซีซีสาวใช้ตัวน้อยช่างพูดมาด้วย ในตอนที่นางเดินเข้ามาในร้านนั้น คุณหนูและฮูหยินของขุนนางที่มาใช้บริการที่ร้านต่างมองมาทางนางเป็นตาเดียว
“เอ๊ะ! นั้นคุณหนูใหญ่เย่ใช่หรือไม่”
ฮูหยินขุนนางขั้นสามกระซิบถามสหายข้างกาย
“จุ๊ ๆ เจ้านี่ไม่ระวังปากเลยนะ หากเผลอไปทำให้นางไม่พอใจ เจ้าอาจจะถูกนางตบหน้าเหมือนกับคุณหนูสามจวนเว่ยก็ได้นะ”
“ทำไมคุณหนูใหญ่ถึงร้ายกาจนัก ไม่เหมือนคุณหนูรองที่เรียบร้อยอ่อนหวานเลย”
“นางคงไม่มีมารดาให้อบรมสั่งสอนละมั้ง คิกคิก”
ฮูหยินทั้งสองลอบกระซิบกันพลางมองมาทางเย่ปิงปิงด้วยสายตาดูแคลน ซีซีที่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองอยากจะต้องเข้าไปต่อว่านัก แต่จนใจที่นางเป็นเพียงบ่าวรับใช้ ไม่มีอำนาจที่จะไปต่อกรกับคนที่มากล่าววาจาว่าร้ายคุณหนูได้
ซีซีลอบมองสีหน้าของเย่ปิงปิงด้วยความหวาดหวั่น แต่นางกลับต้องแปลกใจที่คุณหนูของนางเพียงปรายตามองทั้งสองแล้วเดินผ่านไป ไม่ได้ต่อว่าหรือเข้าไปด่าทอเหมือนกับทุกครา
เย่ปิงปิงปรายสายตามองฮูหยินทั้งสองที่นินทานางอย่างโจ่งแจ้ง แต่นางไม่ได้คิดจะให้ค่าคำนินทานั้น แผ่นหลังเล็กตั้งตรงเป็นตระหง่าน ใบหน้าสวยหวานเชิดขึ้นแล้วเดินเข้าไปด้านใน
คุณหนูของนางได้เปลี่ยนไปแล้วหรือนี่?
เย่ปิงปิงได้แจ้งแก่หลงจู๊ของร้านว่านางต้องการตัดชุดใหม่ ดังนั้นนางจึงถูกเชิญเข้าไปนั่งรอยังห้องรับรอง นั่งรอไม่นานก็มีคนงานของร้านเข้ามาวัดตัว และนำผ้ามาให้นางเลือกมากมายสำหรับตัดชุด
“ไม่ทราบว่าคุณหนูใหญ่เย่ต้องการให้ข้าน้อยปักลายอะไรดีเจ้าคะ”
“ดอกอิงฮวาเดินดิ้นสีทอง”
“เจ้าคะ?”
หลงจู๊มองมาด้วยความแปลกใจ ทุกคราคุณหนูใหญ่เย่จะชอบให้ปักลายนกยูงรำแพนหาง
“ส่วนอาภรณ์ข้าต้องการสีชมพูอ่อนผืนนี้”
เย่ปิงปิงหยิบอาภรณ์สีชมพูอ่อนที่ดูอ่อนหวานออกมาตรงหน้าหลงจู๊
“เอ่อ...คุณหนูใหญ่แน่ใจหรือเจ้าคะ”
“ใช่ จัดการตามนี้ด้วยนะ ข้าต้องการอาภรณ์ที่งดงามอ่อนหวานที่สุด หวังว่าหลงจู๊จะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ”
“คุณหนูใหญ่เย่โปรดวางใจ ข้าน้อยจะไม่ทำให้คุณหนูต้องผิดหวังเป็นอันขาดเจ้าค่ะ”
“ดี”
เย่ปิงปิงคลี่ยิ้มบางเบา ก่อนจะจ่ายเงินแล้วลุกเดินจากไปพร้อมกับซีซี ในวันงานเลี้ยงวันเกิดปีที่ 18 นี้เอง นางจะทำให้ทุกคนประหลาดใจกับภาพลักษณ์ใหม่ของนาง
สตรีที่เคยสวมใส่อาภรณ์สีแดง และสีน้ำเงินเข้มที่ให้ความรู้สึกสง่างาม และดูน่าเกรงขามจะไม่มีอีกต่อไป นางจะปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองเป็นสตรีอ่อนหวานดั่งเช่นน้องสาวเจ้ามารยา อยากรู้นักว่าหากเย่ม่านเห็นนางแต่งกายเช่นนี้จะทำสีหน้าอย่างไร?
แค่คิดก็สนุกเสียแล้ว...
ตอนพิเศษ 4 การละเล่นของเด็กน้อย กงซูเจินที่เห็นหน้าของเจียงหนิงเหมยก็รีบตรงเข้าไปดึงแขนของหญิงสาวด้วยความสนิทสนม "พี่สาว เราไปนั่งเล่นกันที่ศาลาด้านนู้นกันเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีอะไรสนุก ๆ อยากมาเล่นกับพี่สาวด้วยเจ้าค่ะ" กงซูเจินแย้มยิ้มอย่างน่ารักน่าเอ็นดู นี่จึงทำให้เจียงหนิงเหมยรู้สึกเอ็นดูท่านหญิงน้อยผู้นี้มาก นางทรุดตัวนั่งคุกเข่าเพื่อให้สามารถพูดคุยกับเด็กหญิงได้ "ท่านหญิงน้อยนำทางเลยเพคะ หม่อมฉันจะเป็นเพื่อนเล่นให้ท่านหญิงน้อยเองเพคะ" จบคำหญิงสาวก็จูงมือเด็กหญิงไปทางศาลาด้านนู้น โดยมีหญิงสาวกว่าสามสิบนางติดตามมาด้วย แม้ทั้งคู่จะดูสนิทสนมกันมากจนสร้างความไม่พอใจให้แก่สตรีทั้งหลาย แต่เพราะพวกนางคิดว่าอย่างไรพวกนางก็ยังมีโอกาสอยู่มาก สตรีที่อยู่แต่ในสนามรบจะเข้าใจการเล่นกับท่านหญิงน้อยที่ถูกประคบประหงมได้อย่างไร หวังซิ่วอิงไม่ใคร่จะถูกชะตากับกงซูเจินนัก นางจึงคิดว่าในบรรดาเด็กทั้งสามนั้น กงซีซวนดูน่าเข้าหาที่สุด เพราะใบหน้าของเด็กชายนั้นเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ผิดกับกงซีห่าวที
ตอนพิเศษ 3ด่านสุดท้าย ไป๋มู่ตานที่ไม่มีหลานสาวนั้นรู้สึกเอ็นดูบุตรสาว และบุตรชายของชินอ๋องมาก โดยเฉพาะกงซูเจินที่พระนางเอ็นดูมากเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะพระนางเองนั้นไม่มีบุตรสาวเลย เมื่อได้มีหลานสาวที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู และช่างพูดเช่นนี้ พระนางจึงทั้งรักและหวงแหนท่านหญิงน้อยมากทันทีที่ไทเฮาทรงรู้เรื่องในวันนี้ พระนางก็กริ้วเป็นอย่างมาก มีอย่างที่ไหนกล้ามารังแกผู้อื่นในวังหลัง ทั้งยังกล้ามาขึ้นเสียงและต่อว่าหลานสาวคนโปรดของพระนางอีก"เจินเอ๋อร์หลานป้า เจ้ากลัวหรือไม่""ไม่เพคะ หลานรู้ดีว่าอยู่ที่นี่ไม่มีใครกล้าทำร้ายหลานได้ ก็หลานมีไทเฮาที่ทรงรักหลานอยู่ทั้งคนนี่เพคะ"กงซูเจินเข้าไปออดอ้อนไป๋มู่ตานอย่างน่าเอ็นดู เรียกเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาจากไทเฮาได้"เด็กดี อย่าได้กลัวไปเลย"ไป๋มู่ตานเรียกกงซูเจินให้เข้าไปหา พระนางลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหันไปคุยกับเย่ปิงปิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง"ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่เกิดเรื่องเช่นนี้ได้ โชคดีที่เจินเอ๋อร์เป็นเด็กกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวสิ่งใด มิเช่นน
ตอนพิเศษ 2คัดเลือกฮองเฮา สองปีผ่านไปแคว้นลั่วหยางได้ถึงคราวเปลี่ยนรัชสมัยใหม่ เนื่องจากฮ่องเต้กงหนิงเจี้ยนได้ยกราชบัลลังก์ให้กับกงเจียวลู่ขึ้นเป็นฮ่องเต้คนถัดไป โดยพระองค์อยากจะพักผ่อน ออกห่างจากเรื่องวุ่นวายเพื่อไปใช้ชีวิตอันสงบสุขในบั้นปลายของชีวิตถึงแม้กงเจียวลู่จะยังไม่มีฮองเฮาเคียงบัลลังก์ แต่เขาจะใช้โอกาสนี้คัดเลือกสตรีจากทั่วทั้งแคว้น เพื่อเฟ้นหาหญิงสาวที่คู่ควรกับตำแหน่งมารดาแห่งแผ่นดิน โดยการคัดเลือกรอบสุดท้าย เขาจะให้ท่านหญิงน้อยและท่านชายน้อยแห่งจวนชินอ๋อง เป็นด่านสุดท้ายของการคัดเลือก โดยตั้งข้อแม้ไว้เพียงหนึ่งข้อ หากสตรีนางใดสามารถเอาชนะใจเด็กทั้งสามได้ เขาก็จะแต่งตั้งนางให้เป็นฮองเฮา!! "เจ้าได้ยินเรื่องนี้หรือยัง ฮ่องเต้จะให้ท่านหญิงน้อย และท่านชายน้อยช่วยคัดเลือกสตรีที่จะมาเป็นฮองเฮาด้วย"ชายชราเอ่ยถามสหายข้างกาย พวกเขาทั้งสองกำลังพูดคุยเรื่องแปลกประหลาดนี้ด้วยกัน"ปัดโธ่! ผู้ใดไม่รู้บ้าง ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานท่านหญิงท่านชายน้อยมากเพียงใด จะกล่าวว่าหลงหลานจนกระทั่งให้คัดเลือกสตรีให้ก
ตอนพิเศษ 1ท่านชายน้อยและท่านหญิงน้อย อากาศอันแสนอบอุ่นของสารทฤดูที่มาเยือนแคว้นลั่วหยางนั้น ภายในจวนของชินอ๋องได้มีเสียงหัวเราะร่าของเด็กน้อยทั้งสามดังก้องกังวานไปทั่วเรือน เมื่อเย่ปิงปิงที่เพิ่งเสร็จจากการตรวจสอบบัญชีของร้านค้า นางได้เดินตรงมาหาลูก ๆ ด้วยความคิดถึง แต่ภาพตรงหน้านั้นกลับทำให้หญิงสาวรู้สึกขบขันยิ่งนัก ดวงตาคู่สวยทอประกายแห่งความเอ็นดูออกมาอย่างเปี่ยมล้นเกากงกงที่นั่งอยู่ด้านหน้าของเด็กน้อยทั้งสามที่อายุได้หนึ่งหนาวนั้น เขาได้ทำท่าทางต่าง ๆ โดยแสดงสีหน้าที่หลากหลาย ทั้งหัวเราะร่า ยิ้มตาหยี คิ้วขมวดมุ่นขึงขัง ดวงตาเบิกกว้างที่ขยายใหญ่กว่าปกติ และเบะปากร้องไห้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กน้อยทั้งสามจึงส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาด้วยความชอบใจ "ฮ่ะฮ่าฮ่า"เสียงหัวเราะของเด็กน้อยช่างเป็นการปลอบประโลมให้กับหัวใจของเกากงกงยิ่งนัก ในทุก ๆ วันที่เขารู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน เขาก็ได้มาเล่นกับท่านชายและท่านหญิงน้อย การทำท่าทางต่าง ๆ คือสิ่งที่ทำให้เด็กน้อยทั้งสามหัวเราะร่าด้วยความเบิกบานใจ เกากงกงจึงชอบมาเล่นเช่นนี้ในทุ
เย่ม่านที่ได้กลับมารักษาตัวที่จวนตระกูลเย่ อาการของนางเหมือนจะเริ่มดีขึ้น แต่คนรอบตัวรู้ดีว่าชีวิตของเย่ม่านมันช่างริบหรี่ยิ่งนัก ในคืนที่พระจันทร์ส่องแสงเข้ามาทางบานหน้าต่าง เย่ม่านก็ได้จากไป...อย่างน้อยในวาระสุดท้ายของชีวิต นางก็ได้กลับมาสู่อ้อมกอดของคนที่รักนางลู่เมิ่งที่ต้องสูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รัก ชีวิตของนางก็มิอาจมีความหมายอีกต่อไป สุดท้ายลู่เมิ่งก็ได้ตรอมใจตายไปอีกคน... สารทฤดูหลังจากที่เรื่องราวคลี่คลายไปได้ด้วยดี กงซ่างเหว่ยยังต้องคอยจัดการงานที่คั่งค้างเพื่อมาอยู่ใกล้ภรรยาที่จวนจะคลอดเต็มที เขาได้มอบหมายงานทั้งหมดให้กับเสวี่ยไป๋ แล้วปลีกตัวมาอยู่เคียงข้างเย่ปิงปิง ทุกการกระทำของนางล้วนตกอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา"ท่านพี่...น้องเจ็บท้องเพคะ"ช่วงเวลาที่ทั้งสองกำลังนั่งทานผลไม้อยู่นั้น เย่ปิงปิงพลันรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อย ราวกับนางจะคลอดแล้ว ไม่นานก็มีน้ำคร่ำไหลออกมาจากหว่างขาของนาง กงซ่างเหว่ยพลันตื่นตระหนก เขาแทบทำสิ่งใดไม่ถูก นอกจากอุ้มเย่ปิงปิงไปยังห้องคลอด แล้วสั่งให้ซีซีไปตามท่านหมอมาอย่างเร่งด่ว
บทที่ 28สู่จุดจบ กงซ่างเหว่ยโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขารีบสั่งให้เกากงกงไปตามคนมาเดี๋ยวนี้!“ส่งคนไปตามหวังเปามาพบข้าเดี๋ยวนี้!!”“ท่านหวังเปาหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่!! ในเมื่อพวกมันอยากรนหาที่ตายดีนัก ข้าก็จะทำให้พวกมันได้รู้ซึ้งถึงการอยู่มิสู้ตาย”กงซ่างเหว่ยเอ่ยสั่งเสียงเหี้ยม คนที่กล้าทำร้ายปิงปิงของเขาจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!!เกากงกงที่ได้ยินชื่อของ ‘หวังเปา’ เขาก็ได้แต่ไว้อาลัยให้กับคนผู้นั้น หวังเปาผู้นี้คือหัวหน้าหน่วยเสือขาว เขาเป็นบุรุษที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ และโหดเหี้ยมที่สุดในหน่วย แต่สิ่งที่ทำให้เขาน่ากลัวคือการล่าศัตรูต่างหากเล่า ไม่มีใครที่จะสามารถหนีพ้นจากการไล่ล่าของเขาไปได้เลย แม้แต่คนเดียว!หวังเปาถูกเรียกตัวกลับมาโดยด่วน คราแรกเขาต้องเตรียมตัวปลอมเป็นชินอ๋อง เพื่อตบตาพวกกบฏว่าได้ออกไปรบที่ชายแดนใต้ แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายา หวังเปาผู้เปรียบดั่งสุนัขล่าเนื้อได้ออกเร่งตามหาพระชายาตามคำสั