“เหตุใดคุณหนูถึงสั่งท่านพ่อบ้านอย่างนั้นเล่าเจ้าคะ จะเกิดเหตุอะไรในเมืองหลวงหรือเจ้าคะ”
“ข้าแค่อยากมีเสบียงไว้อุ่นใจเท่านั้น”
เย่ปิงปิงไม่ได้ไขความสงสัยให้แก่ซีซี บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องบอกทุกเรื่องที่คิดให้ผู้อื่นฟัง ถึงในชาติก่อนซีซีจะไม่ได้ทำร้ายนาง แต่ผู้ใดจะรู้ว่าซีซีอาจจะกระทำสิ่งใดลับหลังก็ได้ ในชาตินี้นางจะไม่เชื่อใจผู้ใดทั้งนั้น นอกจากตัวเอง!!
กองทัพของชินอ๋องที่ไปออกรบกับแคว้นข้างเคียงได้กลับมาแล้ว ผู้คนในเมืองหลวงต่างออกมารอรับด้วยความปีติยินดี รวมถึงเย่ปิงปิงด้วย นางได้จองห้องพักของโรงเตี๊ยมชั้นสามเพื่อมาชมขบวนที่ยิ่งใหญ่ของกองทัพชินอ๋องโดยเฉพาะเลย
“เฮ้ เฮ้ ชินอ๋องทรงพระเจริญ ฮ่องเต้ทรงพระเจริญ!!”
เสียงแซ่ซ้องของชาวเมืองดังกระหน่ำทั่วสารทิศ แม้แต่เด็กน้อยยังออกมารอชมขบวนของชินอ๋อง
ตึง ตึง ตึง!!
เสียงชุดเกราะและม้าศึกที่เดินเข้ามายังเมืองหลวงดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ พาลให้หัวใจของทุกคนรู้สึกฮึกเหิมไปด้วย ด้านหน้าของกองทัพมีร่างของบุรุษในชุดเกราะสีเงินนั่งอยู่บนหลังอาชาสีนิล
ถัดไปทางด้านหลังเป็นท่านแม่ทัพใหญ่เย่ตงจื่อ และท่านรองแม่ทัพเย่ที่อายุยังน้อยแต่ประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด
ทั้งหมดเดินขบวนเข้ามาในเมืองหลวงด้วยความเกรียงไกร ราวกับจะประกาศความยิ่งใหญ่ของชัยชนะที่มีเหนือแคว้นอื่น
กงซ่างเหว่ยนั่งหลังตรงตระหง่านท่ามกลางทหารศึกของเขา ม้าตัวโปรดเดินเหยาะย่างไปด้านหน้าอย่างไม่เกรงกลัว เช่นเดียวกับเจ้านายของมัน สายตาคมกริบของชินอ๋องมองตรงไปข้างหน้า ก่อนจะแหงนใบหน้าไปมองที่ระเบียงของโรงเตี๊ยม เมื่อรับรู้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่มองมาทางเขา
ใบหน้าโฉมสะคราญยังคงติดในความทรงจำของเขา แม้จะผ่านไปนานร่วมสามเดือนแต่เขาก็ยังไม่อาจจะสลัดภาพของนางออกไปในหัวใจได้เลย
เย่ปิงปิงที่ได้สบตากับกงซ่างเหว่ยคลี่ยิ้มอ่อนหวานให้กับเขา นางนับถือในน้ำใจและความใจป้ำของเขาที่มอบทองให้นางถึงหนึ่งหีบ เย่ปิงปิงจึงรู้สึกดีกับเขาเล็กน้อย
“กลับกันเถอะซีซี”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
เมื่อกองทัพของชินอ๋องเคลื่อนขบวนเข้าไปยังพระราชวังแล้ว เย่ปิงปิงจึงตั้งใจจะรีบกลับจวนเพื่อรอรับบุคคลอันเป็นที่รัก
จวนตระกูลเย่
ทุกคนในจวนต่างออกมารอรับผู้นำตระกูลกันอย่างพร้อมเรียง เมื่อเห็นม้าศึกที่มีร่างกายสูงใหญ่ของเย่ตงจื่อกับคุณชายใหญ่ ทุกคนพลันยิ้มออกมาด้วยความยินดี
"ยินดีต้อนรับกลับจวนเจ้าค่ะ/ขอรับ”
“ขอบใจทุกคนมาก”
เย่ตงจื่อในวัย 40 เดินเข้ามาทักทายภรรยารัก และบุตรสาวคนรอง เขาตรงเข้ามากอดเอวลู่เมิ่งและลูบศีรษะของเย่ม่านด้วยความดีใจ
“ไม่เจอกันนาน พวกเจ้าสองแม่ลูกยิ่งงดงามขึ้นไปอีกนะเนี่ย”
“ท่านพี่ชมข้าเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เรารีบเข้าไปด้านในกันเถิดเจ้าค่ะ”
สามคนพ่อแม่ลูกที่ยืนคุยกันนั้นช่างเป็นภาพที่อบอุ่น แต่กลับกันในสายตาของเย่ตงจื่อกลับไม่มีเย่ปิงปิงอยู่ในสายตาเลย
“ปิงเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง”
‘เย่ซาน’ คุณชายใหญ่ตระกูลเย่เอ่ยถามน้องสาวด้วยความเป็นห่วง แม้ภายนอกแม่รองกับน้องรองจะทำดีกับเย่ปิงปิง แต่เขารู้ดีว่าอสรพิษทั้งสองตัวนี้มันน่ากลัวเพียงใด เขาเองก็เคยโดนพิษสงของสองแม่ลูกคู่นี้มาบ้างแล้ว
“ยินดีต้อนรับกลับจวนเจ้าค่ะพี่ใหญ่ ข้าสบายดีเจ้าค่ะ”
เย่ปิงปิงน้ำตารื้นด้วยความดีใจ ในชาติก่อนพี่ใหญ่ของนางจะต้องตายเพราะไปออกรบกับองค์รัชทายาทเพื่อสร้างผลงานในอีก 1 ปีข้างหน้า ในเมื่อนางกลับมาแล้ว จะไม่มีวันยอมให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด!!
เย่ตงจื่อเข้ามานั่งพักยังไม่ทันหายเหนื่อย บุตรสาวคนรองก็ได้นำเรื่องร้อนใจมาถึงหูของเขาเสียแล้ว ชายชาตินักรบเช่นเขารู้สึกรำคาญใจนัก จากที่เอ็นดูเย่ม่านมาตลอดกลับรู้สึกหงุดหงิดใจ
“ฮือ ๆ เรื่องก็เป็นเช่นนี้แหละเจ้าค่ะท่านพ่อ ชื่อเสียงของลูกต้องแปดเปื้อนเพราะท่านป้าของพี่หญิงใหญ่เจ้าค่ะ”
“มีเรื่องอะไรกัน”
เย่ซานกับเย่ปิงปิงที่เดินเข้ามาตามหลังเอ่ยถามทันที ที่ได้ยินเย่ม่านเอ่ยถึงท่านป้าของพวกเขาสองพี่น้อง
“ม่านเอ๋อร์เล่าว่าไป๋ฮูหยินเข้าใจนางผิด เรื่องในวันนั้นมันเป็นอุบัติเหตุเท่านั้น แต่นางก็ไม่ฟังทั้งยังนำเรื่องน่าอายไปเล่าให้ชนชั้นสูงคนอื่นฟังด้วย ชื่อเสียงของม่านเอ๋อร์จึงได้พลอยเสื่อมเสียไปด้วย”
เย่ตงจื่อตอบคำบุตรชาย ถึงเขาจะไม่ได้รักเย่ปิงปิงมากนัก แต่เย่ซานนั้นต่างออกไป ภายภาคหน้าเย่ซานจะต้องขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป
“เหตุใดน้องรองถึงใส่ร้ายท่านป้าของพี่เล่า ท่านป้าไม่มีวิสัยชอบพูดจาใส่ร้ายผู้อื่นหรอกนะ เรื่องนั้นมีคนเห็นกันมากไม่ใช่หรือ อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้นี่”
“พี่หญิงใหญ่จะไปรู้อะไรเจ้าคะ ท่านป้าของพี่หญิงใหญ่เกลียดข้านี่เจ้าคะ ฮือๆ”
เย่ม่านตรงเข้ามาออดอ้อนผู้เป็นบิดาด้วยท่าทางใส่ซื่อ ใบหน้าของนางยังมีคราบน้ำตาไหลนองเต็มหน้า
“เอาล่ะ ๆ เรื่องนี้พ่อจะจัดการเอง พวกเจ้าออกไปก่อน”
เย่ตงจื่อเอ่ยตัดบททุกคน เวลานี้เขาอยากไปอาบน้ำและนอนหลับพักผ่อนมากกว่า ไม่อยากจะมาฟังเรื่องราวที่ชวนปวดหัวพวกนี้
“เจ้าค่ะท่านพ่อ”
ทุกคนจึงได้เดินกลับไปที่เรือนของตน แต่เย่ปิงปิงกลับเดินตามเย่ซานมาที่เรือนของเขาด้วย
ตอนพิเศษ 4 การละเล่นของเด็กน้อย กงซูเจินที่เห็นหน้าของเจียงหนิงเหมยก็รีบตรงเข้าไปดึงแขนของหญิงสาวด้วยความสนิทสนม "พี่สาว เราไปนั่งเล่นกันที่ศาลาด้านนู้นกันเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีอะไรสนุก ๆ อยากมาเล่นกับพี่สาวด้วยเจ้าค่ะ" กงซูเจินแย้มยิ้มอย่างน่ารักน่าเอ็นดู นี่จึงทำให้เจียงหนิงเหมยรู้สึกเอ็นดูท่านหญิงน้อยผู้นี้มาก นางทรุดตัวนั่งคุกเข่าเพื่อให้สามารถพูดคุยกับเด็กหญิงได้ "ท่านหญิงน้อยนำทางเลยเพคะ หม่อมฉันจะเป็นเพื่อนเล่นให้ท่านหญิงน้อยเองเพคะ" จบคำหญิงสาวก็จูงมือเด็กหญิงไปทางศาลาด้านนู้น โดยมีหญิงสาวกว่าสามสิบนางติดตามมาด้วย แม้ทั้งคู่จะดูสนิทสนมกันมากจนสร้างความไม่พอใจให้แก่สตรีทั้งหลาย แต่เพราะพวกนางคิดว่าอย่างไรพวกนางก็ยังมีโอกาสอยู่มาก สตรีที่อยู่แต่ในสนามรบจะเข้าใจการเล่นกับท่านหญิงน้อยที่ถูกประคบประหงมได้อย่างไร หวังซิ่วอิงไม่ใคร่จะถูกชะตากับกงซูเจินนัก นางจึงคิดว่าในบรรดาเด็กทั้งสามนั้น กงซีซวนดูน่าเข้าหาที่สุด เพราะใบหน้าของเด็กชายนั้นเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ผิดกับกงซีห่าวที
ตอนพิเศษ 3ด่านสุดท้าย ไป๋มู่ตานที่ไม่มีหลานสาวนั้นรู้สึกเอ็นดูบุตรสาว และบุตรชายของชินอ๋องมาก โดยเฉพาะกงซูเจินที่พระนางเอ็นดูมากเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะพระนางเองนั้นไม่มีบุตรสาวเลย เมื่อได้มีหลานสาวที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู และช่างพูดเช่นนี้ พระนางจึงทั้งรักและหวงแหนท่านหญิงน้อยมากทันทีที่ไทเฮาทรงรู้เรื่องในวันนี้ พระนางก็กริ้วเป็นอย่างมาก มีอย่างที่ไหนกล้ามารังแกผู้อื่นในวังหลัง ทั้งยังกล้ามาขึ้นเสียงและต่อว่าหลานสาวคนโปรดของพระนางอีก"เจินเอ๋อร์หลานป้า เจ้ากลัวหรือไม่""ไม่เพคะ หลานรู้ดีว่าอยู่ที่นี่ไม่มีใครกล้าทำร้ายหลานได้ ก็หลานมีไทเฮาที่ทรงรักหลานอยู่ทั้งคนนี่เพคะ"กงซูเจินเข้าไปออดอ้อนไป๋มู่ตานอย่างน่าเอ็นดู เรียกเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาจากไทเฮาได้"เด็กดี อย่าได้กลัวไปเลย"ไป๋มู่ตานเรียกกงซูเจินให้เข้าไปหา พระนางลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหันไปคุยกับเย่ปิงปิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง"ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่เกิดเรื่องเช่นนี้ได้ โชคดีที่เจินเอ๋อร์เป็นเด็กกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวสิ่งใด มิเช่นน
ตอนพิเศษ 2คัดเลือกฮองเฮา สองปีผ่านไปแคว้นลั่วหยางได้ถึงคราวเปลี่ยนรัชสมัยใหม่ เนื่องจากฮ่องเต้กงหนิงเจี้ยนได้ยกราชบัลลังก์ให้กับกงเจียวลู่ขึ้นเป็นฮ่องเต้คนถัดไป โดยพระองค์อยากจะพักผ่อน ออกห่างจากเรื่องวุ่นวายเพื่อไปใช้ชีวิตอันสงบสุขในบั้นปลายของชีวิตถึงแม้กงเจียวลู่จะยังไม่มีฮองเฮาเคียงบัลลังก์ แต่เขาจะใช้โอกาสนี้คัดเลือกสตรีจากทั่วทั้งแคว้น เพื่อเฟ้นหาหญิงสาวที่คู่ควรกับตำแหน่งมารดาแห่งแผ่นดิน โดยการคัดเลือกรอบสุดท้าย เขาจะให้ท่านหญิงน้อยและท่านชายน้อยแห่งจวนชินอ๋อง เป็นด่านสุดท้ายของการคัดเลือก โดยตั้งข้อแม้ไว้เพียงหนึ่งข้อ หากสตรีนางใดสามารถเอาชนะใจเด็กทั้งสามได้ เขาก็จะแต่งตั้งนางให้เป็นฮองเฮา!! "เจ้าได้ยินเรื่องนี้หรือยัง ฮ่องเต้จะให้ท่านหญิงน้อย และท่านชายน้อยช่วยคัดเลือกสตรีที่จะมาเป็นฮองเฮาด้วย"ชายชราเอ่ยถามสหายข้างกาย พวกเขาทั้งสองกำลังพูดคุยเรื่องแปลกประหลาดนี้ด้วยกัน"ปัดโธ่! ผู้ใดไม่รู้บ้าง ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานท่านหญิงท่านชายน้อยมากเพียงใด จะกล่าวว่าหลงหลานจนกระทั่งให้คัดเลือกสตรีให้ก
ตอนพิเศษ 1ท่านชายน้อยและท่านหญิงน้อย อากาศอันแสนอบอุ่นของสารทฤดูที่มาเยือนแคว้นลั่วหยางนั้น ภายในจวนของชินอ๋องได้มีเสียงหัวเราะร่าของเด็กน้อยทั้งสามดังก้องกังวานไปทั่วเรือน เมื่อเย่ปิงปิงที่เพิ่งเสร็จจากการตรวจสอบบัญชีของร้านค้า นางได้เดินตรงมาหาลูก ๆ ด้วยความคิดถึง แต่ภาพตรงหน้านั้นกลับทำให้หญิงสาวรู้สึกขบขันยิ่งนัก ดวงตาคู่สวยทอประกายแห่งความเอ็นดูออกมาอย่างเปี่ยมล้นเกากงกงที่นั่งอยู่ด้านหน้าของเด็กน้อยทั้งสามที่อายุได้หนึ่งหนาวนั้น เขาได้ทำท่าทางต่าง ๆ โดยแสดงสีหน้าที่หลากหลาย ทั้งหัวเราะร่า ยิ้มตาหยี คิ้วขมวดมุ่นขึงขัง ดวงตาเบิกกว้างที่ขยายใหญ่กว่าปกติ และเบะปากร้องไห้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กน้อยทั้งสามจึงส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาด้วยความชอบใจ "ฮ่ะฮ่าฮ่า"เสียงหัวเราะของเด็กน้อยช่างเป็นการปลอบประโลมให้กับหัวใจของเกากงกงยิ่งนัก ในทุก ๆ วันที่เขารู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน เขาก็ได้มาเล่นกับท่านชายและท่านหญิงน้อย การทำท่าทางต่าง ๆ คือสิ่งที่ทำให้เด็กน้อยทั้งสามหัวเราะร่าด้วยความเบิกบานใจ เกากงกงจึงชอบมาเล่นเช่นนี้ในทุ
เย่ม่านที่ได้กลับมารักษาตัวที่จวนตระกูลเย่ อาการของนางเหมือนจะเริ่มดีขึ้น แต่คนรอบตัวรู้ดีว่าชีวิตของเย่ม่านมันช่างริบหรี่ยิ่งนัก ในคืนที่พระจันทร์ส่องแสงเข้ามาทางบานหน้าต่าง เย่ม่านก็ได้จากไป...อย่างน้อยในวาระสุดท้ายของชีวิต นางก็ได้กลับมาสู่อ้อมกอดของคนที่รักนางลู่เมิ่งที่ต้องสูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รัก ชีวิตของนางก็มิอาจมีความหมายอีกต่อไป สุดท้ายลู่เมิ่งก็ได้ตรอมใจตายไปอีกคน... สารทฤดูหลังจากที่เรื่องราวคลี่คลายไปได้ด้วยดี กงซ่างเหว่ยยังต้องคอยจัดการงานที่คั่งค้างเพื่อมาอยู่ใกล้ภรรยาที่จวนจะคลอดเต็มที เขาได้มอบหมายงานทั้งหมดให้กับเสวี่ยไป๋ แล้วปลีกตัวมาอยู่เคียงข้างเย่ปิงปิง ทุกการกระทำของนางล้วนตกอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา"ท่านพี่...น้องเจ็บท้องเพคะ"ช่วงเวลาที่ทั้งสองกำลังนั่งทานผลไม้อยู่นั้น เย่ปิงปิงพลันรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อย ราวกับนางจะคลอดแล้ว ไม่นานก็มีน้ำคร่ำไหลออกมาจากหว่างขาของนาง กงซ่างเหว่ยพลันตื่นตระหนก เขาแทบทำสิ่งใดไม่ถูก นอกจากอุ้มเย่ปิงปิงไปยังห้องคลอด แล้วสั่งให้ซีซีไปตามท่านหมอมาอย่างเร่งด่ว
บทที่ 28สู่จุดจบ กงซ่างเหว่ยโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขารีบสั่งให้เกากงกงไปตามคนมาเดี๋ยวนี้!“ส่งคนไปตามหวังเปามาพบข้าเดี๋ยวนี้!!”“ท่านหวังเปาหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่!! ในเมื่อพวกมันอยากรนหาที่ตายดีนัก ข้าก็จะทำให้พวกมันได้รู้ซึ้งถึงการอยู่มิสู้ตาย”กงซ่างเหว่ยเอ่ยสั่งเสียงเหี้ยม คนที่กล้าทำร้ายปิงปิงของเขาจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต!!เกากงกงที่ได้ยินชื่อของ ‘หวังเปา’ เขาก็ได้แต่ไว้อาลัยให้กับคนผู้นั้น หวังเปาผู้นี้คือหัวหน้าหน่วยเสือขาว เขาเป็นบุรุษที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ และโหดเหี้ยมที่สุดในหน่วย แต่สิ่งที่ทำให้เขาน่ากลัวคือการล่าศัตรูต่างหากเล่า ไม่มีใครที่จะสามารถหนีพ้นจากการไล่ล่าของเขาไปได้เลย แม้แต่คนเดียว!หวังเปาถูกเรียกตัวกลับมาโดยด่วน คราแรกเขาต้องเตรียมตัวปลอมเป็นชินอ๋อง เพื่อตบตาพวกกบฏว่าได้ออกไปรบที่ชายแดนใต้ แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายา หวังเปาผู้เปรียบดั่งสุนัขล่าเนื้อได้ออกเร่งตามหาพระชายาตามคำสั