ณ คฤหาสน์ทางภาคเหนือของรัฐ บ้านหลังใหญ่ที่หรูหราทุกตารางนิ้ว เครื่องเรือนประดับด้วยของล้ำค่าเครื่องแก้ว ทั้งแชนเดอเลียร์ระย้า พรมขนสัตว์ และของตกแต่งจากต่างประเทศ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่อาจถมช่องว่างในใจของหญิงผู้เป็นแม่ได้เลย หัวอกคนเป็นแม่ที่ห่วงลูกชายสุดหัวใจ เธออ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่นับถือ ขอความเมตุตาให้ลูกอันเป็นที่รักกลับมามีชีวิตที่มีความสุขเฉกเช่นในวัยเด็ก ดวงเศร้าหม่น
"พระแม่...ได้โปรดนำทางให้บ้านหลังนี้กลับมาสงบสุขอีกครั้ง"
สุฮา ประกอบพิธีบูชาเทพเจ้าด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ กลิ่นธูปหอมอบอวล ผสมกับแสงเทียนริบหรี่ เธอวนถาดบูชาตามเข็มนาฬิกา พลางภาวนาอย่างหมดหัวใจ
มูทัน ผู้เป็นสามีเอื้อมมือแตะไหล่เธอเบา ๆ
"ที่รัก...อย่ากังวลไปเลย ลูกของเราจะไม่ทำให้เราผิดหวัง"
คำปลอบโยนแสนอ่อนโยน แม้จะช่วยไม่ได้มากนัก แต่ก็พอทำให้หญิงผู้เป็นแม่พยักหน้าเบา ๆ
"เพื่อนจากทางใต้จะมาเยี่ยม อีกหนึ่งชั่วโมงจะถึงกันแล้ว เขามากับลูกสาว ยังไม่แต่งงาน...ฉันเลยอยากให้เขาได้รู้จักกับอิคชาน"
"เขาจะโกรธไหมนะ ที่เราแอบนัดหมายแบบนี้..."
สุฮามีสีหน้ากังวล เพราะรู้ดีว่าลูกชายคนที่สี่ของเธอเปลี่ยนไปมากหลังเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อน จากชายหนุ่มอ่อนโยนผู้เอาใจใส่ กลายเป็นคนเงียบขรึม เย็นชา จนแทบไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
แสงอาทิตย์ลับฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่น เงาคืนค่ำทอดยาวไปทั่วสวน ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มคนหนึ่งยืนพิงระเบียง มองดวงจันทร์ด้วยแววตาว่างเปล่า
เสียงหนึ่งปลุกเขาให้หลุดจากภวังค์
"คุณอิคชาน ทานข้าวได้แล้วครับ"
ชายหนุ่มเช็ดน้ำตาที่เผลอไหลออกมา ก่อนจะสูดลมหายใจลึกแล้วเดินเข้าบ้าน
"อิคชานมาแล้วเหรอลูก"
"ครับ..."
เสียงตอบรับเรียบเฉยจากชายหนุ่มไม่ได้ทำให้สุฮาแปลกใจนัก เธอเพียงยิ้มจาง ๆ ก่อนจะผายมือเชิญเขาเข้าสู่ห้องโถง
ค่ำคืนนั้นเป็นงานเลี้ยงเล็ก ๆ ระหว่างครอบครัว มูทันและภรรยาเพื่อนสนิทพาลูกสาวมาด้วย สาวสวยชื่อของเธอ "เคย่า" กิริยาสุภาพงดงามราวกับได้รับการอบรมมาอย่างดี
"อิคชาน นี่เคย่า ลูกสาวอาของลูก รู้จักกันไว้นะ"
"สวัสดีครับ" อิคชานรับไหว้ตามมารยาท แต่น้ำเสียงยังคงนิ่งเย็น
มูทันพยายามชวนให้ลูกชายเต้นรำกับเคย่า แต่ชายหนุ่มก็ยังปฏิเสธ
"ผมไม่อยากเต้นครับ"
"เราต้องต้อนรับแขกอย่างดีนะลูก ช่วยหน่อยนะ พ่อขอ"
ในที่สุดอิคชานก็ยอมลุกขึ้นจับมือกับเคย่าไปบนฟลอร์เต้นรำ ภาพของเขาและเธอที่ยืนเคียงกันใต้แสงไฟจาง ๆ ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านยิ้มกว้าง
"ลูกเราดูเหมาะกันมากเลยว่ามั้ย...หรือว่านี่จะเป็นพรของพระแม่จริง ๆ"
หลังงานเลี้ยง อาหารค่ำพร้อมสรรพ ทุกคนร่วมโต๊ะพูดคุยอย่างออกรส มูทันกับชุมทุเพื่อนเก่าเล่าความหลังสมัยวัยรุ่น ก่อนจะเอ่ยถึงลูกหลานด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
"ถ้าอิชานกับภรรยาไม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปก่อน...ครอบครัวคงสุขสันต์มากกว่านี้"
มูทันถอนหายใจ ขณะชำเลืองมองอิคชาน
"ถึงอย่างนั้น...พวกเขาก็ได้ฝากดวงใจไว้ให้เราสองคน อิวานกับริวาน ลูกของพี่ชายอิคชาน เติบโตมาได้ดีมาก"
บทสนทนาวนกลับมาที่หัวข้อเดิม การแต่งงาน
"เคย่า ลูกคิดยังไงบ้างลูก ถ้าแต่งกับอิคชาน..."
หญิงสาวไม่ตอบในทันที แต่ใบหน้าแดงระเรื่อบ่งบอกว่าเธอไม่ได้ปฏิเสธ
อิคชานลุกขึ้นกะทันหัน
"ขอโทษครับ ผมแต่งงานไม่ได้"
ทุกคนชะงัก
"ผมมีภรรยาแล้วครับ"
สุฮาและมูทันถึงกับตะลึง
"ถ้ามีจริง ทำไมไม่พามาให้เรารู้จัก?"
"ผมกลัวว่าทุกคนจะไม่ยอมรับเธอ..."
"เธอเป็นใคร?"
"เธอเป็นชาวต่างชาติครับ"
มูทันถอนหายใจยาว รู้ดีว่าเหตุผลนี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำให้ลูกชายต้องปกปิด แต่เขาก็เข้าใจ
"แค่ลูกมีความสุข พ่อก็พอใจแล้ว ไม่สำคัญว่าเธอจะเป็นใครหรือมาจากไหน ขอแค่ลูกรักกันจริง..."
คำพูดนั้นแทบทำให้ชายหนุ่มใจสั่น
เขาไม่ได้มีภรรยาจริง ๆ ...ทุกอย่างที่พูดไปเป็นแค่เรื่องโกหก เพื่อหลีกเลี่ยงการคลุมถุงชนจากผู้หญิงที่ไม่ได้รัก
แต่นับจากวันนี้ เขาจะต้องหาวิธีรักษาคำโกหกนี้ไว้ให้แนบเนียนที่สุด
บรรยากาศหรูหรา ท่ามกลางแสงไฟและเสียงดนตรีไพเราะ สะท้อนประกายเพชรจากชุดส่าหรีและแลงก้าของภรรยาเศรษฐีทั้งหลาย แขกชายคือเจ้าของกิจการใหญ่ ส่วนภรรยาส่วนมากคือสาวไทยหน้าตาดี ที่กลายเป็น "สะใภ้แขก" ผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงค่ำคืนนี้จึงเหมือน “วันรวมสะใภ้ไทย” โดยไม่ต้องตั้งชื่อให้อลังการ และแล้ว...ในมุมหนึ่งของห้อง เสียงหวานแต่แฝงความเย่อหยิ่งเอ่ยขึ้น หญิงสาวรุ่นพี่ในชุดปักเลื่อมอลังการเดินเข้ามาหามะลิน ยิ้มด้วยแววตาเหนือกว่า"สามีของน้องทำงานอะไรหรือจ๊ะ?""ได้ยินข่าวว่าไปอยู่ทางโน้น...ลำบากมาเลยใช่ไหม ขายของขลัง ขายขนมอะไรสักอย่าง""กลับมาอยู่นี่ก็ดีแล้วจ้ะ พี่จะช่วยอุดหนุน" มะลินยิ้มบาง นิ่งก่อนตอบเสียงเรียบ "ใช่ค่ะ ลำบากมาก ต้องตื่นแต่เช้า ทำอาหาร คอยปรนนิบัติแม่สามี"เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย รุ่นพี่ยิ้มหยัน กลบเกลื่อนความอึดอัด"น่าสงสารเสียจริงน้องสาว" "บริษัทของสามีพี่นะ ทำงานกับบริษัทของคุณอิคชาน...เขาถึงไม่เคยปล่อยให้พี่ลำบาก"มะลินพยักหน้าเบา ๆ แล้วกล่าวสุภาพ "ดีจังเลยค่ะ...ขอตัวก่อนนะคะ"เธอหมุนตัวจากมาในชุดเดรสยาวสีเบจระยับ ผ้าคลุมไหล่บางเบาแนบกับแผ่นหลังตรงสง่าบรรยากาศภายในห้องจัดเลี้
อิคชานเดินเข้ามาหาเธอที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกของห้องนอนเขา น้ำเสียงนิ่ง แต่เจือความตั้งใจชัดเจน“สิงนาท เตรียมเช็คให้คุณนาย” เลขาหนุ่มหยิบซองเช็คขึ้นมาแล้ววางลงต่อหน้ามะลิน“ผมให้คุณ 200 ล้าน” เสียงของอิคชานยังคงเรียบสงบ แต่สายตาจับจ้องมาที่เธอ“แต่...หักที่คุณไม่กลับมาในตอนแรก 20 ล้าน”“หักที่คุณปกปิดเรื่องลูก ทำให้ผมพลาดโอกาสดูแลเขาหนึ่งปี 30 ล้าน”มะลินนั่งนิ่ง นึกในใจ ‘ไม่เป็นไร ยังเหลืออยู่’แต่เขายังพูดต่อ“หักที่คุณยกลูกให้ผมแค่คนเดียว”“ถ้าผมไม่รู้ความจริง...พวกเขา พี่น้อง รีวานกับไมร่า คงต้องแยกจากกัน!”“หัก 100 ล้าน”มะลินคำนวณในใจทันที‘เหลือ 50 ล้าน...’‘ไม่เป็นไร เอาเงินตัวเองเพิ่มอีกสิบล้านก็ยังดี’ขณะนั้น ภาและติกำลังเลือกแบบคอนโด อิคชานซื้อให้ขอบคุณช่วยเลี้ยงลูก และเพราะพวกเขาอิคชานถึงได้ครอบครัวคืนมาสิงนาทวางแบบตัวอย่างคอนโดไว้ตรงหน้า ทั้งสองเลือกแบบอย่างเกรงใจ ถึงอย่างไรนั้นก็หลานเลี้ยงด้วยความรักและต่อไปนี้หลานทั้งสองไม่ขาดพ่ออีกแล้วอิคชานรับเช็คจากสิงนาทเพื่อจะเซ็นชื่อแต่เขาชะงัก เมื่อเห็นตัวเลขบนเช็ค เขามองสิงนาท“ฉันบอกว่า ‘หัก’ นายก็หักจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?”
เช้าวันถัดมาแสงแดดสีอ่อนลอดผ่านกระจกใสของล็อบบี้รีสอร์ตอย่างสงบ มะลินก้าวเข้ามาในฐานะผู้จัดงาน ตรวจสอบความเรียบร้อยรอบสุดท้ายแต่สิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะเจอคือ...เขา อิคชานยืนรออยู่ตรงทางเดินหลักยังคงใส่ชุดเรียบ สุขุม แววตานิ่ง...แต่ไม่เหมือนเมื่อวาน"มะลิน" เสียงเรียกที่ดังขึ้นชัดเจนพร้อมกับการคว้าแขนเธอเบา ๆ มะลินสะบัดหลุดก่อนจะหันมาเงียบ ๆ"กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันเถอะนะ"น้ำเสียงของเขาไม่ได้ออกคำสั่ง...แต่เต็มไปด้วยการอ้อนวอน มะลินสบตาเขา นิ่งเฉียบ"ไม่ค่ะ""คุณจะหาแม่ใหม่ให้ลูกฉันไม่ใช่เหรอ?" คำพูดนั้นเหมือนดึงเขากลับไปเจ็บซ้ำในเวลาถัดมา...“พี่มะลินคะ...บริษัทเงินทุนยกเลิกค่ะ” เสียงเลขาสาวทำให้มะลินชะงักไปชั่วขณะปลายนิ้วที่กำลังเปิดสคริปต์งานสั่นเล็กน้อย “ยกเลิก?” เธอถามเสียงเบา “เขาไม่อยากมีปัญหากับ...คุณอิคชานค่ะ”โครงการอนิเมะของเธอ ที่เพิ่งเริ่มลงมือทำได้ไม่ถึงครึ่ง ถูกถอนเงินทุนกลางทางมะลินนิ่งไป ไม่พูด ดวงตาจับจ้องตัวเลขในแผนงบประมาณหกสิบล้าน ไม่ใช่จำนวนที่เธอจ่ายไม่ไหว แต่เป็นเงินที่ควรถูก “ลงทุน” ไม่ใช่ “เดิมพัน” เงินติดตัวจากวันเดินออกจากมันดาลิน...สองร้อยล้าน แต่
เสียงลมหายใจของทั้งสองคนหนักแน่นเกินกว่าคำพูดใดจะกลบได้ อิคชานนั่งมองลูก ราวกับเด็กได้ของเล่นที่โปรดปราน...“ลูกอยู่กับผม..." เขาเอ่ยเสียงต่ำมะลินเม้มปากแน่น หัวใจเธอบีบตัวเหมือนกำลังถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง...?” เขาหันมาสบตาเธอดวงตาแดงก่ำ ความผิดหวังแล่นวาบไปทั่ว“ที่ท้องโดยไม่บอก ที่เลี้ยงเขามาตลอดโดยไม่ให้ผมรู้...”“ผมเป็นพ่อนะ...” น้ำเสียงเขาแตกพร่า “ผมควรมีสิทธิ์ดูแลเขาเหมือนคุณ...”เธอนิ่งไม่ใช่เพราะไม่มีอะไรจะพูดแต่เพราะพูดออกไป...จะเจ็บยิ่งกว่ากลั้นไว้อิคชานกัดฟัน สบตาเธอแน่น “คุณใจร้ายมาก มะลิน…”เพียงประโยคนั้น เธอก็หลุดขำเบา ๆ ในลำคอ น้ำเสียงนั้นไม่ได้หัวเราะ แต่มันคือความปวดร้าวที่พรั่งพรู“ฉันใจร้ายเหรอคะ?”เธอเงยหน้าขึ้น สบตาเขาอย่างไม่หลบ“แล้วตอนที่คุณทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนในบ้านหลังนั้นล่ะ?”“ฉันออกมาก็เพราะคุณผลักไส” “คุณทำให้ฉันกลายเป็นอากาศธาตุ ทั้งที่ฉัน...เป็นภรรยา เป็นแม่ของลูกคุณ”ทั้งที่หลาย ๆ ครั้งฉันอยากบอกคุณ... มือกำแน่น เธอสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามกักอารมณ์ไม่ให้สั่น“ช่างเถอะ...คุณเป็นคนสุขุม รอบคอบ ละเอียดถี่ถ้วน” “ลูกอยู่กับคุณ เข
แสงไฟบนเวทีหลักสาดส่องทั่วฮอลล์หรูของรีสอร์ตกลางหุบเขา สถานที่จัดงานประกวดนิยายประจำปีของ "ต้นตะวันใหญ่" สำนักพิมพ์อันดับหนึ่งของประเทศมะลินยืนอยู่ริมเวที สวมชุดเดรสสีดำสนิท กระโปรงจีบหน้าเข้ารูปเผยเรียวขาได้รูป การแต่งหน้าเน้นผิวเนียนเปล่งปลั่ง กับริมฝีปากสีแดงไวน์ขับความสง่างามราวกับนางพญาแววตาเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ หนึ่งปีก่อน เธอคือผู้หญิงที่ยืนบนเวทีนี้ในฐานะนักเขียนดาวรุ่ง แต่หลังจากวันนั้น—เธอกลายเป็นนักเขียนเร้นกายไม่มีใครเคยเห็นหน้าเธออีกเลย มีเพียงผลงานที่พูดแทนตัวตน บทนิยายของเธอถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างซีรีส์ดังนับสิบ ทั้งยังได้รับโอกาสกำกับ และร่วมแสดงเองในบทแม่ผู้ทรงพลังระหว่างทำงาน เธอกระเตงลูกแฝดวัยสิบเดือนไปด้วย พร้อมน้องสาวและน้องชายที่ช่วยดูแลเสมอ“พี่มะลินคะ! แย่แล้วค่ะ!” เสียงของทีมงานสาวดังลั่นขณะวิ่งมาหาเธออย่างร้อนรน“กรรมการอีกท่านรถชนค่ะ มาไม่ได้แน่นอนแล้ว…” “ต้องเป็นพี่แล้วล่ะค่ะ”มะลินถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้า “ได้ค่ะ”...เสียงพิธีกรบนเวทีประกาศดังกึกก้อง ฮอลล์ทั้งห้องเต็มไปด้วยนักเขียนรุ่นใหม่และแฟนนิยายตัวยง“ขอเชิญพบกับคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน
อิคชานยืนนิ่งอยู่กลางเวที เสียงไวโอลินจางหาย กลายเป็นความเงียบที่ดังที่สุดในค่ำคืนนั้นเธอเดินจากไปอีกครั้ง ในจังหวะที่เขาคิดว่า...เขาอาจจะได้ยื้อไว้สักวินาที สายตาของผู้คนค่อย ๆ เปลี่ยนจากชื่นชม...เป็นสงสัยแต่เขาไม่แคร์ ไม่เห็นใคร เขาเห็นแค่เธอ...ในชุดแลงก้าที่ไกลออกไปทุกที “มะลิน...” เขาไม่พูดออกมาแต่ชื่อเธอ...ก้องอยู่ในใจ ชื่อเดิม เสียงเดิม ความรู้สึกเดิม ที่เขาพยายามฝังกลบมันมาตลอดหนึ่งปีและในคืนนี้...มันตื่นขึ้นพร้อมกลิ่นหอมที่เธอทิ้งไว้...หลังเวทีมะลินก้มหน้า เช็ดน้ำตาออกจากหางตา แต่เธอไม่ร้องไห้ เธอแค่เหนื่อย เธอไม่รู้ว่ากลิ่นหอมที่เธอเคยรัก จะกลายเป็นกลิ่นที่กรีดหัวใจเธอขนาดนี้ ไม่รู้ว่าท่ามกลางแขกนับร้อย สายตาของคน ๆ เดียว...ยังมีอำนาจทำให้เธอสั่นได้ขนาดนี้“พี่มะลิน”เสียงจากเลขาสาว "รีวานและไมร่าหลับแล้วค่ะ น้องสาวพี่ กับน้องชายพี่ดูอยู่รีสอร์ตข้างๆ ตามที่พี่สั่งค่ะ” มะลินพยักหน้าเบา ๆ เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับ เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อย้อนกลับเธอแค่...ทำหน้าที่...ห้องทำงานส่วนตัวของอิคชาน คืนนั้น ไฟในห้องติดเพียงแค่โคมข้างโต๊ะ อิคชานนั่งอยู่คนเดียว มือยังคงกำแก้วเหล้า
ริมชานเดินผ่านทางเดินหินข้างล็อบบี้แสงแดดยามสายสะท้อนใบไม้ไหว เขาก้าวอย่างรีบร้อนเมื่อเห็นเงาสองร่างที่ยืนตรงเคาน์เตอร์ไม่ผิดแน่…พี่ชายเขา กับ...เธอ คำพูดเย็นชาที่อิคชานกล่าวกับมะลินเมื่อครู่นั้น ไม่ต่างจากมีดที่ฟันลึกลงกลางอากาศ ริมชานยืนมองเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลหลังมะลินเดินจากไป ริมชานก็ตรงเข้ามาหาพี่ชายทันที “ทำไมพี่ต้องทำแบบนั้นกับพี่สะใภ้?”อิคชานไม่หันมา ยังคงยืนมองออกไปที่สวนด้านนอก“พี่ไม่คิดเหรอ...ว่ามันรุนแรงเกินไป?”ไม่มีคำตอบ“พี่รู้ไหม...พี่ใจร้ายกับเธอขนาดไหน? เสียงของริมชานเริ่มสั่น แต่ไม่ใช่จากโกรธ จากเสียใจแทน...ผู้หญิงคนหนึ่ง“พี่คิดว่าผมไม่รู้ใช่ไหม ว่าหัวใจพี่...มีเธออยู่เต็มไปหมด”อิคชานยังไม่พูดแต่ริมชานไม่หยุด “อย่าปฏิเสธเลยพี่ เธออยู่ในแววตาพี่ แม้ตอนที่พี่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเธอด้วยซ้ำ” ริมชานยิ้มเศร้า ก่อนพูดต่อ“ผมเป็นเชฟนะพี่ ผู้คนบินมาจากทั่วโลกเพื่อทานอาหารของผมแต่รู้ไหม...ตอนผมทำไข่เจียวให้พี่กิน มันไม่อร่อยเลย” เขาหัวเราะเบา ๆ อย่างเจ็บแสบ“ไม่ใช่เพราะฝีมือผมไม่ดี แต่เพราะใจพี่...มันป่วย พี่กินอะไรไม่ได้หรอก ในเมื่อพี่ไม่ให้อภัยตัวเอง พี่มีความสุข
แสงแดดอ่อนทอดผ่านม่านหมอกจางของยามเช้า สะท้อนกระทบผิวน้ำจากบ่อประดับกลางลานอย่างนุ่มนวลเสียงนกร้องประสานกับกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งกระจายอยู่ทุกมุม สร้างบรรยากาศของงานแต่งงานอย่างสมบูรณ์แบบภายใต้ซุ้มผ้าขาวที่ตั้งรับแขกในสวนเจ้าสาวเศรษฐีสาวใต้เจ้าของโรงแรมดังในภาคใต้ วัย 45 ปี นั่งยิ้มละมุนเคียงข้างเจ้าบ่าวอินเดียวัย 55 ที่ใบหน้ายังคงสง่างามแม้กาลเวลาจะผ่านไปกับแขกอีกสองคน หนึ่งคือ ธัน นักธุรกิจหนุ่มเชื้อสายอินเดียวัยกลางคนที่กำลังดูจริงจังกับมือถือในมือและอีกคน... อิคชาน ชายผู้เป็นเจ้าของโรงแรมหรูแห่งนี้ กำลังนั่งเงียบราวกับไม่ได้อยู่ในฉากที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มทันใดนั้น...เสียงส้นสูงกระทบพื้นเป็นจังหวะเบา ๆทุกคนหันไปตามเสียงและสิ่งที่เห็น…ทำให้เวลารอบตัวแทบหยุดเคลื่อนไหวมะลินาง…ในเสื้อเชิ้ตผ้าลินินสีขาวปาดไหล่ กางเกงยีนเอวสูงทรงขาม้าเข้ารูป รองเท้าเปิดส้นส้นสูงสีดำผมยาวไฮไลต์น้ำตาลทองลอนสวยถึงกลางหลัง รับกับผิวเนียนที่เปล่งประกายในแสงเช้ากลิ่นน้ำหอมบางเบาที่ลอยตามลม ทำเอาอิคชานนิ่งงันหัวใจเขา...เต้นผิดจังหวะทันทีที่กลิ่นนั้นแตะปลายจมูก“มะลินจ๋า ทางนี้!” เจ้าสาวร้องเรียกเสี
เช้าวันหนึ่งในปลายเดือน…แสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านหน้าต่างไม่ได้ทำให้ห้องดูอบอุ่นขึ้นเลย มะลินยืนอยู่หน้าประตูห้องนอน ถืออาหารเช้าที่เพิ่งลงมือทำเองกับมือเสียงฝีเท้าของเขาดังแผ่วลงบันได เขา“ฉันทำข้าวต้มหมูไว้ค่ะ ใส่เห็ดหอมแบบที่คุณชอบ…” เสียงของเธอเรียบ…เบา…แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจอิคชานยื่นกล่องเพชรในมือให้สิงนาท "เอาไปให้กิตา เมื่อคืนฉันซื้อให้เธอแต่เธอลืม"เขาไม่อมงเธอแม้แต่น้อย ไม่มีคำตอบเดินผ่านไปเหมือนเธอคืออากาศมะลินยืนนิ่ง มองแผ่นหลังเขาเดินจากไป เธอไม่ชอบอะไรที่ไม่ชัดเจน จึงไปขวางทางเขา"หลบไป"เสียงเข้มห้าว"มาคุยกันหน่อย"มะลินพูดด้วยเสียงนุ้มเรียบ"ไม่คุย ไม่มีอะไรต้องคุย หลบไป "ใบหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงตวาท"ไม่ค่ะ" แขนทั้งสองมะลินถูกกำแน่น สายตาไร้แววของความรัก มีแต่ความเกียจชัง"ฟังนะมะลินฉันไม่อยากพูดหรือสัมผัสผู้หญิงที่คิดแต่จะไปจากฉันและเธอเป็นต้นเหตุแม่ฉันต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเธอ อย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉัน!!!"เธอแตกสลายเจ็บเกินจะลุกไหว แต่มีสิ่งหนึ่งดึงเธอให้เข้มแข็ง ลูก เธอต้องมีความสุขพวกเขาจะได้เกิดมาพร้อมเสียงหัวเราะ ข้าวต้มร้อน ๆ ที่ตั้งใจทำด้วยมือเดียว…ถูกเทลงถังขยะโ