สถานที่แห่งนี้ได้สมญานามว่าเป็นดินแดนแห่งเทพเจ้า ยอดเขาแต่ละลูกมักมีเรื่องราวเล่าขานสืบทอดกันจากรุ่นสู่รุ่นถึงความเชื่อของเทพปกรณัม ผู้คนต่างพากันหลั่งไหลเข้ามาตามความศรัทธาในทวยเทพ ยิ่งได้ไปเยือนสถานที่จริง ยิ่งทำให้รู้สึกอยู่ใกล้ชิดกับพระองค์และตอกย้ำในความเชื่อมั่นว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์คอยสถิตและประทานพรแก่ลูกหลานผู้ศรัทธาอยู่ ณ ที่แห่งนี้
กลิ่นกำยานจากเบื้องหน้าโบสถ์คละคลุ้งไปทั่ววัดในเมือง เสียงสวดเบา ๆ ผสานกับเสียงกระดิ่งและเปลวเทียนที่สั่นไหวไปตามลม ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความสงบและศรัทธา
"ขอให้ครอบครัวของลูกมีแต่ความสุขด้วยค่ะพระแม่"
สุฮาไม่รู้จะทำเช่นไรถึงจะช่วยรักษาหัวใจของลูกชายอย่างอิคชาน อย่างน้อยการขอพรอาจเป็นเพียงวิธีเดียวที่ช่วยเยียวยาความรู้สึกห่วงให้พอจางหายไปบ้าง
อีกมุมหนึ่งมะลินนั่งคุกเข่าอยู่หน้าพระแม่ลักษมี หลับตาพนมมือแนบอก เธออธิษฐานเงียบ ๆ ในใจ พร้อมเสียงพร่ำของมนต์ที่เบาจนคล้ายเสียงกระซิบจากฟ้า
"ขอให้หนูประสบความสำเร็จในเส้นทางนักเขียน และ...หากเป็นไปได้ ขอให้ความรักของหนูราบรื่นด้วยเถอะเจ้าคะ"
เมื่อเสร็จพิธี เธอลุกขึ้นอย่างเบา ๆ และหันไปหยิบกระเป๋าผ้าใบเล็ก แต่ทันใดนั้น เธอเห็นหญิงวัย50กว่าปี
"...เวียนหัวเหลือเกิน..." คุณป้าดูเหมือนจะหน้ามืด มะลินรีบวิ่งเข้าไปประคอง
"คุณป้าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ? ขอหนูดูหน่อยนะ"
หญิงวัย50ใบหน้าใจดี พูดด้วยความอบอุ่น "แค่เวียนหัวนิดหน่อยจ้ะลูก "
มะลินรีบหยิบขวดน้ำออกจากกระเป๋า แล้วค่อย ๆ ป้อนให้ หญิงชรารับน้ำแล้วมองเธอด้วยแววตาห่วงใย
"หนูชื่ออะไรจ๊ะ"
"มะลินค่ะ"
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหญิงวัย50ปี "พระแม่ลักษมีคงเมตตาจริง ๆ ถึงให้ฉันได้เจอลูกสาวในวันนี้..."
มะลินยิ้มเขิน ๆ ไม่ได้คิดอะไร
"หนูเป็นคนไทยเหรอจ้ะ? แต่พูดภาษาฮินดีได้นิดหน่อยแบบนี้ก็น่ารักดี"
"ค่ะ หนูชอบดูละครอินเดียเลยพูดได้บ้างคำ"
หญิงชราจับมือมะลินแน่นขึ้น "ลูกชายฉันชื่ออิคชาน มันดาลิน...เขาบอกว่าจะแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่พามาให้ดูสักที...หนูน่ารักเหลือกินถ้าเป็นลูกสะใภ้แม่คงดีไม่น้อย"
อิคชาน มันดาลิน! ชื่อนี้คุ้นมาก มะลินนึกในใจ
มะลินชะงักเล็กน้อย ดวงตาของเธอเบิกกว้างในทันทีที่นึกออก โลกช่างกลม เขาคือนักลงทุนคนนั้น ที่หญิงวัย 50 พูด เธอพอจะจับใจความได้บ้างแต่ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกไหม มัวแต่นึกถึงว่าชื่อนี้คือใคร เธอเผลอตอบไปด้วยความเกรงใจ
"เอ่อ...ค่ะ..."
"จริงเหรอลูก!? พระแม่โปรดฉันแล้วจริง ๆ ได้เจอลูกสะใภ้สักที!"
หญิงชราโผเข้ากอดมะลินแน่น มะลินตกใจสุดขีด ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า แต่เพราะกลัวทำร้ายความรู้สึกของคนตรงหน้า เธอจึงได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ
เสียงฝีเท้าดังมาจากทางเดิน
"แม่!" น้ำเสียงนุ่มทุ้ม เขาอิคชานในชุดสูทสีเข้มปรากฏตัวขึ้น เขารีบเข้ามาประคองแม่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"แม่เป็นอะไรครับ ทำไมโทรตามผม..!"
"ไม่เป็นไรลูก...แม่ไม่เป็นไรแล้ว เพราะพระแม่พาให้แม่ได้เจอภรรยาลูกแล้วต่างหาก!"อิคชานนิ่งงันทันที สายตาเขาเบิกโพลงเมื่อเห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างแม่...คือมะลิน
เธอก็เบิกตากว้างไม่แพ้กัน อิคชานหันไปมองเธอ ก่อนเดินนำเธอไปพูดห่างมารดาพอประมาณ ก่อนพูด ด้วยเสียงต่ำเฉียบ
"คุณ...ทำอะไรลงไป?"
มะลินรีบโบกมือปฏิเสธ "เปล่านะ! ฉันแค่เผลอพยักหน้า แล้ว...เขาเข้าใจผิดไปเอง!"
"แล้วคุณจะเผลอทำไม! คนปกติเขาไม่เผลอตอบรับเป็นภรรยาใครง่าย ๆ แบบนี้หรอกนะ!"
"คุณจะมาโทษฉันคนเดียวได้ยังไงเล่า! ฉันช่วยแม่คุณด้วยน้ำใจ ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกใครเลยนะ!"
"ทะเลาะกันเหมือนสามีภรรยาจริง ๆ เลยนี่...แม่ไม่เคยเห็นอิคชานพูดมากขนาดนี้กับใครเลยนะ!"
แม่มองทั้งคู่ที่กำลังโต้เถียงกันด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ
พวกเขาจะทำอย่างไรระหว่างพูดความจริงกับเดินหน้าโกหก
บรรยากาศหรูหรา ท่ามกลางแสงไฟและเสียงดนตรีไพเราะ สะท้อนประกายเพชรจากชุดส่าหรีและแลงก้าของภรรยาเศรษฐีทั้งหลาย แขกชายคือเจ้าของกิจการใหญ่ ส่วนภรรยาส่วนมากคือสาวไทยหน้าตาดี ที่กลายเป็น "สะใภ้แขก" ผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงค่ำคืนนี้จึงเหมือน “วันรวมสะใภ้ไทย” โดยไม่ต้องตั้งชื่อให้อลังการ และแล้ว...ในมุมหนึ่งของห้อง เสียงหวานแต่แฝงความเย่อหยิ่งเอ่ยขึ้น หญิงสาวรุ่นพี่ในชุดปักเลื่อมอลังการเดินเข้ามาหามะลิน ยิ้มด้วยแววตาเหนือกว่า"สามีของน้องทำงานอะไรหรือจ๊ะ?""ได้ยินข่าวว่าไปอยู่ทางโน้น...ลำบากมาเลยใช่ไหม ขายของขลัง ขายขนมอะไรสักอย่าง""กลับมาอยู่นี่ก็ดีแล้วจ้ะ พี่จะช่วยอุดหนุน" มะลินยิ้มบาง นิ่งก่อนตอบเสียงเรียบ "ใช่ค่ะ ลำบากมาก ต้องตื่นแต่เช้า ทำอาหาร คอยปรนนิบัติแม่สามี"เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย รุ่นพี่ยิ้มหยัน กลบเกลื่อนความอึดอัด"น่าสงสารเสียจริงน้องสาว" "บริษัทของสามีพี่นะ ทำงานกับบริษัทของคุณอิคชาน...เขาถึงไม่เคยปล่อยให้พี่ลำบาก"มะลินพยักหน้าเบา ๆ แล้วกล่าวสุภาพ "ดีจังเลยค่ะ...ขอตัวก่อนนะคะ"เธอหมุนตัวจากมาในชุดเดรสยาวสีเบจระยับ ผ้าคลุมไหล่บางเบาแนบกับแผ่นหลังตรงสง่าบรรยากาศภายในห้องจัดเลี้
อิคชานเดินเข้ามาหาเธอที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกของห้องนอนเขา น้ำเสียงนิ่ง แต่เจือความตั้งใจชัดเจน“สิงนาท เตรียมเช็คให้คุณนาย” เลขาหนุ่มหยิบซองเช็คขึ้นมาแล้ววางลงต่อหน้ามะลิน“ผมให้คุณ 200 ล้าน” เสียงของอิคชานยังคงเรียบสงบ แต่สายตาจับจ้องมาที่เธอ“แต่...หักที่คุณไม่กลับมาในตอนแรก 20 ล้าน”“หักที่คุณปกปิดเรื่องลูก ทำให้ผมพลาดโอกาสดูแลเขาหนึ่งปี 30 ล้าน”มะลินนั่งนิ่ง นึกในใจ ‘ไม่เป็นไร ยังเหลืออยู่’แต่เขายังพูดต่อ“หักที่คุณยกลูกให้ผมแค่คนเดียว”“ถ้าผมไม่รู้ความจริง...พวกเขา พี่น้อง รีวานกับไมร่า คงต้องแยกจากกัน!”“หัก 100 ล้าน”มะลินคำนวณในใจทันที‘เหลือ 50 ล้าน...’‘ไม่เป็นไร เอาเงินตัวเองเพิ่มอีกสิบล้านก็ยังดี’ขณะนั้น ภาและติกำลังเลือกแบบคอนโด อิคชานซื้อให้ขอบคุณช่วยเลี้ยงลูก และเพราะพวกเขาอิคชานถึงได้ครอบครัวคืนมาสิงนาทวางแบบตัวอย่างคอนโดไว้ตรงหน้า ทั้งสองเลือกแบบอย่างเกรงใจ ถึงอย่างไรนั้นก็หลานเลี้ยงด้วยความรักและต่อไปนี้หลานทั้งสองไม่ขาดพ่ออีกแล้วอิคชานรับเช็คจากสิงนาทเพื่อจะเซ็นชื่อแต่เขาชะงัก เมื่อเห็นตัวเลขบนเช็ค เขามองสิงนาท“ฉันบอกว่า ‘หัก’ นายก็หักจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?”
เช้าวันถัดมาแสงแดดสีอ่อนลอดผ่านกระจกใสของล็อบบี้รีสอร์ตอย่างสงบ มะลินก้าวเข้ามาในฐานะผู้จัดงาน ตรวจสอบความเรียบร้อยรอบสุดท้ายแต่สิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะเจอคือ...เขา อิคชานยืนรออยู่ตรงทางเดินหลักยังคงใส่ชุดเรียบ สุขุม แววตานิ่ง...แต่ไม่เหมือนเมื่อวาน"มะลิน" เสียงเรียกที่ดังขึ้นชัดเจนพร้อมกับการคว้าแขนเธอเบา ๆ มะลินสะบัดหลุดก่อนจะหันมาเงียบ ๆ"กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันเถอะนะ"น้ำเสียงของเขาไม่ได้ออกคำสั่ง...แต่เต็มไปด้วยการอ้อนวอน มะลินสบตาเขา นิ่งเฉียบ"ไม่ค่ะ""คุณจะหาแม่ใหม่ให้ลูกฉันไม่ใช่เหรอ?" คำพูดนั้นเหมือนดึงเขากลับไปเจ็บซ้ำในเวลาถัดมา...“พี่มะลินคะ...บริษัทเงินทุนยกเลิกค่ะ” เสียงเลขาสาวทำให้มะลินชะงักไปชั่วขณะปลายนิ้วที่กำลังเปิดสคริปต์งานสั่นเล็กน้อย “ยกเลิก?” เธอถามเสียงเบา “เขาไม่อยากมีปัญหากับ...คุณอิคชานค่ะ”โครงการอนิเมะของเธอ ที่เพิ่งเริ่มลงมือทำได้ไม่ถึงครึ่ง ถูกถอนเงินทุนกลางทางมะลินนิ่งไป ไม่พูด ดวงตาจับจ้องตัวเลขในแผนงบประมาณหกสิบล้าน ไม่ใช่จำนวนที่เธอจ่ายไม่ไหว แต่เป็นเงินที่ควรถูก “ลงทุน” ไม่ใช่ “เดิมพัน” เงินติดตัวจากวันเดินออกจากมันดาลิน...สองร้อยล้าน แต่
เสียงลมหายใจของทั้งสองคนหนักแน่นเกินกว่าคำพูดใดจะกลบได้ อิคชานนั่งมองลูก ราวกับเด็กได้ของเล่นที่โปรดปราน...“ลูกอยู่กับผม..." เขาเอ่ยเสียงต่ำมะลินเม้มปากแน่น หัวใจเธอบีบตัวเหมือนกำลังถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง...?” เขาหันมาสบตาเธอดวงตาแดงก่ำ ความผิดหวังแล่นวาบไปทั่ว“ที่ท้องโดยไม่บอก ที่เลี้ยงเขามาตลอดโดยไม่ให้ผมรู้...”“ผมเป็นพ่อนะ...” น้ำเสียงเขาแตกพร่า “ผมควรมีสิทธิ์ดูแลเขาเหมือนคุณ...”เธอนิ่งไม่ใช่เพราะไม่มีอะไรจะพูดแต่เพราะพูดออกไป...จะเจ็บยิ่งกว่ากลั้นไว้อิคชานกัดฟัน สบตาเธอแน่น “คุณใจร้ายมาก มะลิน…”เพียงประโยคนั้น เธอก็หลุดขำเบา ๆ ในลำคอ น้ำเสียงนั้นไม่ได้หัวเราะ แต่มันคือความปวดร้าวที่พรั่งพรู“ฉันใจร้ายเหรอคะ?”เธอเงยหน้าขึ้น สบตาเขาอย่างไม่หลบ“แล้วตอนที่คุณทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนในบ้านหลังนั้นล่ะ?”“ฉันออกมาก็เพราะคุณผลักไส” “คุณทำให้ฉันกลายเป็นอากาศธาตุ ทั้งที่ฉัน...เป็นภรรยา เป็นแม่ของลูกคุณ”ทั้งที่หลาย ๆ ครั้งฉันอยากบอกคุณ... มือกำแน่น เธอสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามกักอารมณ์ไม่ให้สั่น“ช่างเถอะ...คุณเป็นคนสุขุม รอบคอบ ละเอียดถี่ถ้วน” “ลูกอยู่กับคุณ เข
แสงไฟบนเวทีหลักสาดส่องทั่วฮอลล์หรูของรีสอร์ตกลางหุบเขา สถานที่จัดงานประกวดนิยายประจำปีของ "ต้นตะวันใหญ่" สำนักพิมพ์อันดับหนึ่งของประเทศมะลินยืนอยู่ริมเวที สวมชุดเดรสสีดำสนิท กระโปรงจีบหน้าเข้ารูปเผยเรียวขาได้รูป การแต่งหน้าเน้นผิวเนียนเปล่งปลั่ง กับริมฝีปากสีแดงไวน์ขับความสง่างามราวกับนางพญาแววตาเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ หนึ่งปีก่อน เธอคือผู้หญิงที่ยืนบนเวทีนี้ในฐานะนักเขียนดาวรุ่ง แต่หลังจากวันนั้น—เธอกลายเป็นนักเขียนเร้นกายไม่มีใครเคยเห็นหน้าเธออีกเลย มีเพียงผลงานที่พูดแทนตัวตน บทนิยายของเธอถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างซีรีส์ดังนับสิบ ทั้งยังได้รับโอกาสกำกับ และร่วมแสดงเองในบทแม่ผู้ทรงพลังระหว่างทำงาน เธอกระเตงลูกแฝดวัยสิบเดือนไปด้วย พร้อมน้องสาวและน้องชายที่ช่วยดูแลเสมอ“พี่มะลินคะ! แย่แล้วค่ะ!” เสียงของทีมงานสาวดังลั่นขณะวิ่งมาหาเธออย่างร้อนรน“กรรมการอีกท่านรถชนค่ะ มาไม่ได้แน่นอนแล้ว…” “ต้องเป็นพี่แล้วล่ะค่ะ”มะลินถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้า “ได้ค่ะ”...เสียงพิธีกรบนเวทีประกาศดังกึกก้อง ฮอลล์ทั้งห้องเต็มไปด้วยนักเขียนรุ่นใหม่และแฟนนิยายตัวยง“ขอเชิญพบกับคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน
อิคชานยืนนิ่งอยู่กลางเวที เสียงไวโอลินจางหาย กลายเป็นความเงียบที่ดังที่สุดในค่ำคืนนั้นเธอเดินจากไปอีกครั้ง ในจังหวะที่เขาคิดว่า...เขาอาจจะได้ยื้อไว้สักวินาที สายตาของผู้คนค่อย ๆ เปลี่ยนจากชื่นชม...เป็นสงสัยแต่เขาไม่แคร์ ไม่เห็นใคร เขาเห็นแค่เธอ...ในชุดแลงก้าที่ไกลออกไปทุกที “มะลิน...” เขาไม่พูดออกมาแต่ชื่อเธอ...ก้องอยู่ในใจ ชื่อเดิม เสียงเดิม ความรู้สึกเดิม ที่เขาพยายามฝังกลบมันมาตลอดหนึ่งปีและในคืนนี้...มันตื่นขึ้นพร้อมกลิ่นหอมที่เธอทิ้งไว้...หลังเวทีมะลินก้มหน้า เช็ดน้ำตาออกจากหางตา แต่เธอไม่ร้องไห้ เธอแค่เหนื่อย เธอไม่รู้ว่ากลิ่นหอมที่เธอเคยรัก จะกลายเป็นกลิ่นที่กรีดหัวใจเธอขนาดนี้ ไม่รู้ว่าท่ามกลางแขกนับร้อย สายตาของคน ๆ เดียว...ยังมีอำนาจทำให้เธอสั่นได้ขนาดนี้“พี่มะลิน”เสียงจากเลขาสาว "รีวานและไมร่าหลับแล้วค่ะ น้องสาวพี่ กับน้องชายพี่ดูอยู่รีสอร์ตข้างๆ ตามที่พี่สั่งค่ะ” มะลินพยักหน้าเบา ๆ เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับ เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อย้อนกลับเธอแค่...ทำหน้าที่...ห้องทำงานส่วนตัวของอิคชาน คืนนั้น ไฟในห้องติดเพียงแค่โคมข้างโต๊ะ อิคชานนั่งอยู่คนเดียว มือยังคงกำแก้วเหล้า
ริมชานเดินผ่านทางเดินหินข้างล็อบบี้แสงแดดยามสายสะท้อนใบไม้ไหว เขาก้าวอย่างรีบร้อนเมื่อเห็นเงาสองร่างที่ยืนตรงเคาน์เตอร์ไม่ผิดแน่…พี่ชายเขา กับ...เธอ คำพูดเย็นชาที่อิคชานกล่าวกับมะลินเมื่อครู่นั้น ไม่ต่างจากมีดที่ฟันลึกลงกลางอากาศ ริมชานยืนมองเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลหลังมะลินเดินจากไป ริมชานก็ตรงเข้ามาหาพี่ชายทันที “ทำไมพี่ต้องทำแบบนั้นกับพี่สะใภ้?”อิคชานไม่หันมา ยังคงยืนมองออกไปที่สวนด้านนอก“พี่ไม่คิดเหรอ...ว่ามันรุนแรงเกินไป?”ไม่มีคำตอบ“พี่รู้ไหม...พี่ใจร้ายกับเธอขนาดไหน? เสียงของริมชานเริ่มสั่น แต่ไม่ใช่จากโกรธ จากเสียใจแทน...ผู้หญิงคนหนึ่ง“พี่คิดว่าผมไม่รู้ใช่ไหม ว่าหัวใจพี่...มีเธออยู่เต็มไปหมด”อิคชานยังไม่พูดแต่ริมชานไม่หยุด “อย่าปฏิเสธเลยพี่ เธออยู่ในแววตาพี่ แม้ตอนที่พี่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเธอด้วยซ้ำ” ริมชานยิ้มเศร้า ก่อนพูดต่อ“ผมเป็นเชฟนะพี่ ผู้คนบินมาจากทั่วโลกเพื่อทานอาหารของผมแต่รู้ไหม...ตอนผมทำไข่เจียวให้พี่กิน มันไม่อร่อยเลย” เขาหัวเราะเบา ๆ อย่างเจ็บแสบ“ไม่ใช่เพราะฝีมือผมไม่ดี แต่เพราะใจพี่...มันป่วย พี่กินอะไรไม่ได้หรอก ในเมื่อพี่ไม่ให้อภัยตัวเอง พี่มีความสุข
แสงแดดอ่อนทอดผ่านม่านหมอกจางของยามเช้า สะท้อนกระทบผิวน้ำจากบ่อประดับกลางลานอย่างนุ่มนวลเสียงนกร้องประสานกับกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งกระจายอยู่ทุกมุม สร้างบรรยากาศของงานแต่งงานอย่างสมบูรณ์แบบภายใต้ซุ้มผ้าขาวที่ตั้งรับแขกในสวนเจ้าสาวเศรษฐีสาวใต้เจ้าของโรงแรมดังในภาคใต้ วัย 45 ปี นั่งยิ้มละมุนเคียงข้างเจ้าบ่าวอินเดียวัย 55 ที่ใบหน้ายังคงสง่างามแม้กาลเวลาจะผ่านไปกับแขกอีกสองคน หนึ่งคือ ธัน นักธุรกิจหนุ่มเชื้อสายอินเดียวัยกลางคนที่กำลังดูจริงจังกับมือถือในมือและอีกคน... อิคชาน ชายผู้เป็นเจ้าของโรงแรมหรูแห่งนี้ กำลังนั่งเงียบราวกับไม่ได้อยู่ในฉากที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มทันใดนั้น...เสียงส้นสูงกระทบพื้นเป็นจังหวะเบา ๆทุกคนหันไปตามเสียงและสิ่งที่เห็น…ทำให้เวลารอบตัวแทบหยุดเคลื่อนไหวมะลินาง…ในเสื้อเชิ้ตผ้าลินินสีขาวปาดไหล่ กางเกงยีนเอวสูงทรงขาม้าเข้ารูป รองเท้าเปิดส้นส้นสูงสีดำผมยาวไฮไลต์น้ำตาลทองลอนสวยถึงกลางหลัง รับกับผิวเนียนที่เปล่งประกายในแสงเช้ากลิ่นน้ำหอมบางเบาที่ลอยตามลม ทำเอาอิคชานนิ่งงันหัวใจเขา...เต้นผิดจังหวะทันทีที่กลิ่นนั้นแตะปลายจมูก“มะลินจ๋า ทางนี้!” เจ้าสาวร้องเรียกเสี
เช้าวันหนึ่งในปลายเดือน…แสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านหน้าต่างไม่ได้ทำให้ห้องดูอบอุ่นขึ้นเลย มะลินยืนอยู่หน้าประตูห้องนอน ถืออาหารเช้าที่เพิ่งลงมือทำเองกับมือเสียงฝีเท้าของเขาดังแผ่วลงบันได เขา“ฉันทำข้าวต้มหมูไว้ค่ะ ใส่เห็ดหอมแบบที่คุณชอบ…” เสียงของเธอเรียบ…เบา…แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจอิคชานยื่นกล่องเพชรในมือให้สิงนาท "เอาไปให้กิตา เมื่อคืนฉันซื้อให้เธอแต่เธอลืม"เขาไม่อมงเธอแม้แต่น้อย ไม่มีคำตอบเดินผ่านไปเหมือนเธอคืออากาศมะลินยืนนิ่ง มองแผ่นหลังเขาเดินจากไป เธอไม่ชอบอะไรที่ไม่ชัดเจน จึงไปขวางทางเขา"หลบไป"เสียงเข้มห้าว"มาคุยกันหน่อย"มะลินพูดด้วยเสียงนุ้มเรียบ"ไม่คุย ไม่มีอะไรต้องคุย หลบไป "ใบหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงตวาท"ไม่ค่ะ" แขนทั้งสองมะลินถูกกำแน่น สายตาไร้แววของความรัก มีแต่ความเกียจชัง"ฟังนะมะลินฉันไม่อยากพูดหรือสัมผัสผู้หญิงที่คิดแต่จะไปจากฉันและเธอเป็นต้นเหตุแม่ฉันต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเธอ อย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉัน!!!"เธอแตกสลายเจ็บเกินจะลุกไหว แต่มีสิ่งหนึ่งดึงเธอให้เข้มแข็ง ลูก เธอต้องมีความสุขพวกเขาจะได้เกิดมาพร้อมเสียงหัวเราะ ข้าวต้มร้อน ๆ ที่ตั้งใจทำด้วยมือเดียว…ถูกเทลงถังขยะโ