Share

2. ผ้าไหมในคลัง

last update Last Updated: 2025-10-15 16:52:02

“ข้าเคยรู้จักเจี้ยนป๋อ ตาเฒ่านั่นชื่นชอบสาวงามอายุน้อยเป็นพิเศษ หากส่งสาวงามไปให้สักคนข้าคิดว่าเราจะขอความช่วยเหลือจากเขาได้ง่ายขึ้น”

“สาวงาม แล้วเราจะหาสาวงามจากที่ใดส่งไปให้เจี้ยนป๋อ”

เจียเฉิงทวนคำพลางครุ่นคิดว่าควรจะหาสาวงามจากที่ใดส่งไปเป็นสินบนครั้งนี้ดี หากจะเอาสาวใช้ในจวนส่งให้ก็คิดว่าต่ำต้อยไปสักหน่อย เกรงว่าเจี้ยนป๋อจะไม่ชื่นชอบแล้วพาลหาเรื่องผิดใจ อีกทั้งสาวใช้ในจวนก็ไม่มีผู้ใดเหมาะสม บางคนอายุยังน้อยเกินไป บางคนก็แก่เกินกว่าจะทำให้บุรุษหลงใหลได้

“ในจวนของเราก็มีอยู่หนึ่งคนท่านพี่จะยุ่งยากคัดเลือกสาวงามไปทำไมกัน หากส่งนางไปเจี้ยนป๋อต้องพอใจมากแน่นอน”

“ผู้ใดกัน”

“ว่านถิงถิง”

เจียเฉิงเบิกตาโตด้วยความตกใจ แม้นว่าจะไม่ได้ใส่ใจบุตรสาวคนโตมากนักแต่ก็ไม่เคยคิดจะผลักลงนรกด้วยมือตนเอง เขายังมีความลังเลใจ เหมยหลินที่เห็นท่าไม่ค่อยดีจึงรีบเติมฟืนเข้าเตา

“ไม่มีใครจะดีไปกว่านี้แล้วนะเจ้าคะ นางอายุสิบหกแล้ว วัยนี้สมควรจะออกเรือน หากเราส่งถิงถิงที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลว่านไป ตาเฒ่าเจี้ยนป๋อผู้นั้นก็จะเห็นถึงความจริงใจ เราไม่ได้อยากขอความช่วยเหลือจากเจี้ยนป๋อแค่ปีสองปี แต่ในปีต่อๆ ไปท่านพี่ก็ยังต้องพึ่งพาเจี้ยนป๋ออยู่ ผู้คนทั้งอำเภอเต้าหมิงต่างก็รู้ว่าอิทธิพลของเจี้ยนป๋อนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด การส่งบุตรสาวตัวเองไปเป็นอนุก็เท่ากับว่าเราได้เกี่ยวดองกับเจี้ยนป๋อ เป็นเช่นนี้การประมูลสัมปทานรังนกในทุกๆ ปีคงไม่มีใครกล้าแข่งขันกับเราแล้ว”

คราแรกเจียเฉิงไม่เห็นด้วยแต่พอได้ฟังคำยุยงของอนุก็เริ่มเก็บมาคิดดู มีอยู่ประโยคหนึ่งที่เหมยหลินพูดถูกคือเจียเฉิงไม่ได้อยากขอความช่วยเหลือจากเจี้ยนป๋อแค่ปีสองปี หากถิงถิงได้แต่งไปเป็นอนุของเจี้ยนป๋อนางอาจเป็นแรงสนับสนุนให้ตระกูลว่านเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก เจียเฉิงจึงคิดจะใช้วิธีนี้เพื่อให้ถิงถิงตอบแทนบุญคุณที่เลี้ยงดูมา แม้หักหาญน้ำใจบุตรสาวก็ไม่เป็นไร คิดเสียว่าส่งนางไปทำความดีให้วงศ์ตระกูล

“ให้นางแต่งเข้าไปก่อน พอนางได้เป็นคนของเจี้ยนป๋อแล้วเราค่อยอธิบายทีหลัง ถึงอย่างไรการทำเพื่อตระกูลก็ถือว่าเป็นการแสดงความกตัญญูนะเจ้าคะ เดี๋ยวนางก็จะเข้าใจเองนั่นแหละ”

“เอาอย่างที่เจ้าว่าก็แล้วกัน สำคัญอยู่ที่ว่านางจะยินยอมหรือไม่ ข้าจะลองไปคุยกับนางดูก่อน"

“อย่านะเจ้าคะท่านพี่! เอ่อ...ถิงถิงนางมีความดื้อรั้นอยู่พอตัว หากท่านพี่ไปคุยนางต้องไม่ยินยอมง่ายๆ แน่นอน เรื่องนี้เดี๋ยวข้าเป็นคนจัดการเองเจ้าค่ะ”

โชคร้ายอย่างแรกของถิงถิงคือมีเหมยหลินเป็นแม่เลี้ยง โชคร้ายอย่างที่สองคือมีบิดาที่เป็นเหมือนหลุมไร้ก้นที่ถมไม่เคยเต็ม

เมื่อหารือกับสามีแล้วเหมยหลินก็เดินเข้าไปในห้องของลูกสาว ซืออิ่งกำลังชื่นชมอาภรณ์ที่เพิ่งสั่งตัดมาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม เห็นมารดาเดินเข้ามานางก็รีบหยิบชุดใหม่มาโอ้อวด

“ท่านแม่”

ความงามของซืออิ่งนับได้ว่าเป็นสาวงามเลื่องชื่อ น้ำเสียงหวานล้ำ ใบหน้าพริ้มเพรา ต่อหน้าคนนอกแสดงกิริยามารยาทสูงส่ง เพราะมีเจียเฉิงให้ท้ายจึงไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถึงชาติกำเนิดที่มีแม่เป็นหญิงนางโลม หากใครกล้าเอ่ยถึงก็มักจะถูกจับมาโบยจนขาแทบหัก

แต่ถึงจะปิดปากคนในได้ก็ปิดปากคนนอกไม่ได้อยู่ดี ผู้คนต่างรู้กันทั่วว่าเจียเฉิงรับหญิงนางโลมเข้ามาเป็นอนุแล้วยกย่องออกหน้าออกตา ด้วยสาเหตุนี้เองจึงเป็นชนวนเหตุทำให้ภรรยาเอกอย่างหยู่ถิงตรอมใจล้มป่วย ในตอนนั้นเจียเฉิงไม่รีบหาหมอมารักษาจนในที่สุดนางก็จากโลกนี้ไปอย่างอนาถ ทิ้งให้ถิงถิงกลายเป็นเด็กกำพร้าเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง

“ท่านแม่ ข้าเอาผ้าไหมที่อยู่ในคลังสมบัติไปให้ช่างตัดชุดใหม่ให้เจ้าค่ะ ท่านแม่ว่างามหรือไม่”

“ผ้าไหมในคลัง?”

เหมยหลินทวนคำแล้วรับอาภรณ์สีฟ้าที่เพิ่งตัดมาใหม่มาดูใกล้ๆ เมื่อเห็นลวดลายของผ้าไหมวิจิตรบรรจงก็ยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ

“งาม ผ้าไหมผืนนี้เป็นผ้าไหมเก่าแก่ของเจียงหนาน มูลค่าผ้าไหมผืนนี้ล้ำค่ามาก มันเป็นสินเดิมของหยู่ถิง นางคงตั้งใจจะเก็บไว้ให้นังเด็กถิงถิงแต่ตัวเองดันมาตายเสียก่อน หึ...ช่างน่าขัน" เหมยหลินยกแขนเสื้อปิดปากแล้วพูดกลั้วหัวเราะ "แม้แต่สินเดิมก็รักษาไว้ให้ลูกไม่ได้”

“เช่นนั้นท่านพ่อจะไม่ต่อว่าข้าหรือเจ้าคะ”

สีหน้าของซืออิ่งตกใจเล็กน้อย ทว่าเมื่อเห็นรอยยิ้มที่แฝงความสาแก่ใจของมารดาก็เบาใจลง

“เด็กโง่ บิดาของเจ้าทั้งรักทั้งถนอมเจ้าปานนั้น จะมาติดใจอะไรกับสินเดิมของภรรยาที่ตายไปแล้วกันเล่า”

“ท่านแม่พูดถูกท่านพ่อรักข้าที่สุด เป็นเช่นนี้แล้วข้าจะใส่ออกไปเดินให้ท่านพี่ได้ดูเป็นบุญตา เผื่อว่านางจะได้หวนคิดถึงมารดาที่ตายไปแล้ว"

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หวนคืนสู่วันฟ้าใส   8. เริ่มต้นชีวิตใหม่

    “ขอโทษเจ้าค่ะคุณหนู ข้าไม่ทันระวังทำถ่านเปียกหมดแล้ว”ถิงถิงคว่ำหน้าตำราที่กำลังอ่านไว้บนโต๊ะ หลุบตามองถ่านในถังถามกลับน้ำเสียงราบเรียบ“เปียกได้อย่างไร”“เมิ่งฉีจงใจทำชาหกใส่ ถ่านเปียกจุดไฟไม่ติดแน่ๆ”“ไม่เป็นไร วันนี้เรามีผ้าห่มหนา เช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้าค่อยเอาถ่านออกผึ่งแดดแล้วสะสมไว้ใช้วันต่อไป”ลู่ชิงพยักหน้าหงึกๆ ยกถังถ่านไปไว้มุมห้อง จากนั้นปูที่นอนของตนเองไว้ข้างๆ เตียงของเจ้านาย ตบฝ่ามือลงบนม้วนผ้าห่มผืนใหม่จนเกิดเสียงดังปุๆ ถิงถิงมองแล้วก็ยิ้มตาม เดาว่าสาวน้อยนางนี้คงดีใจมากที่ได้ผ้าห่มใหม่อยู่เป็นแน่ แต่ไม่นานรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าก็จางไป ความเศร้าใจแทรกซึมเข้ามาอย่างช้าๆ หากมารดายังอยู่ทั้งตนและลู่ชิงก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ หยู่ถิงจะไม่ยอมให้ใครกลั่นแกล้งพวกนางทั้งสองเป็นแน่ บัดนี้มรสุมชีวิตถาโถมอย่างหนักหน่วง แม้แต่สาวใช้ก็ไม่ให้ความยำเกรงหาเรื่องกลั่นแกล้งได้ทุกวี่ทุกวันแค่กๆถิงถิงส่งเสียงไอกระเสาะกระแสะ มือเรียวยกขึ้นมาปิดริมฝีปาก ลู่ชิงจึงรีบดีดตัวลุกจากที่นอนแล้ววิ่

  • หวนคืนสู่วันฟ้าใส   7.ถ่านเปียก

    “เจ้าทำเช่นนั้นจริงหรือ”“จริงสิเจ้าคะ บ่าวอยากให้คุณหนูได้เห็นหน้าเมิ่งฉีในตอนนั้นจริงๆ นางร้องดังยิ่งกว่าหมูถูกเชือดอีก”พอกลับมาถึงเรือนตะวันตกนางก็รีบเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่หน้าห้องครัวให้เจ้านายฟัง ถิงถิงหัวเราะขำขันพลางเปิดสำรับออกดูก่อนจะหันไปถาม“แล้วของเจ้าเล่า”“ของบ่าวเป็นหมั่นโถวกับผักต้ม”“แม่เลี้ยงข้านี่ช่างตระหนี่ถี่เหนียวเสียเหลือเกิน เช่นนั้นเจ้าก็มานั่งกินกับข้า วันนี้ข้าได้ผัดผักกับข้าวสวย มีน้ำแกงไก่ด้วยนะ”ถิงถิงเปิดฝาอาหารแต่ละอย่างแล้วไล่ชื่ออาหารเหล่านั้นให้ฟัง สาวใช้จึงวางหมั่นโถวและผักต้มลงบนโต๊ะ นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับถิงถิง หยิบตะเกียบขึ้นมาพลางจ้องมองอาหารแต่ละอย่างตาละห้อย“เจ้าอยากกินข้าวสวยอย่างงั้นหรือ” เห็นแววตาของสาวใช้ ถิงถิงอดที่จะถามไม่ได้“เอ่อ…”“เช่นนั้นเอาข้าวสวยไปแล้วส่งหมั่นโถวมาให้ข้า"“แต่…”“กินไปเถิด วันนี้ข้าเบื่อข้าวสวย

  • หวนคืนสู่วันฟ้าใส   6. ไม่ใช่เรื่องที่สาวใช้จะมาสอดปาก

    "หน็อย! ไม่เปิดใช่ไหม"สาวใช้ไม่รีรอใช้ลำตัวอ้วนตันพุ่งเข้าหาประตูหวังจะชนแรงๆ ให้เปิดออก ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกจากข้างในทำให้เมิ่งฉีเสียหลักล้มคะมำไปกองอยู่ที่พื้นห้อง เสียงดังโครมอย่างแรงครั้งเดียวตามมาด้วยร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นถิงถิงยืนกอดอกจ้องตนอยู่ สาวใช้แก่ยกมืออันสั่นเทาขึ้นชี้หน้าพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว“คุณหนูใหญ่ ท่าน! ท่าน!”“จะนอนอยู่ตรงนี้อีกนานหรือไม่”“อู้ย เจ็บๆ”สาวใช้แก่พยายามพยุงร่างลุกขึ้นยืน บีดนวดตัวเองอยู่สองสามครั้งก่อนจะเอาสายวัดตัวออกมาจากแขนเสื้อ“อนุเหมยหลินบอกให้ข้ามาวัดตัวและจดขนาดตัวไปให้ช่างตัดเสื้อ”คิดไม่ถึงว่าแม่เลี้ยงผู้นั้นจะตัดชุดผ้าไหมล้ำค่าให้จริงๆ แต่ก็เอาเถิด ไหนๆ ของล้ำค่าที่ว่านี้ก็เป็นของท่านแม่ หากได้มาตัดชุดก็ถือว่ารักษาสิ่งของเอาไว้ได้ชิ้นหนึ่งถิงถิงคิดในใจ ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเพื่อที่เมิ่งฉีจะได้รับวัดตัวได้สะดวก ขณะที่วัดตัวอยู่นั้นเมิ่งฉีก็แสยะยิ้มพูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆ“ผ้าไหมล้ำค่าพอได้มาอยู่บนตัวคุณหนูใหญ่ไม่รู้ว่าจะคู่ควรหรือไม่นะ”

  • หวนคืนสู่วันฟ้าใส   5.อยากได้สมบัติ

    ทว่าสิ่งที่ทำทั้งหมดกลับสูญเปล่า บางตระกูลเพียงแค่รับของส่งเดชแล้วก็ไม่คิดจะเชื่อมสัมพันธ์ บางตระกูลไม่อยากหักหาญน้ำใจก็รับไว้ในฐานะคนรู้จักแต่ไม่ได้มีความคิดที่จะคบค้าสมาคมด้วย สาเหตุเป็นเพราะต่างก็รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเหมยหลินดี จึงมองว่านางเป็นอีกาที่พยายามชุบตัวเองให้เป็นหงส์พอโต้เถียงพ่ายแพ้ทั้งสามคนก็เดินหนีไปอย่างไม่ไยดี ถิงถิงชินชากับสภาพเช่นนี้แล้ว เมื่อเห็นว่าทั้งสามจากไปลู่ชิงก็รีบวิ่งหน้าตาตื่นมาหา นางเห็นว่าคุณหนูของตนกำลังถูกคนพวกนั้นข่มเหงรังแกแต่ก็ไม่กล้าทะเล่อทะล่าเข้ามาในตอนนั้น“คุณหนูเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ ข้าได้ยินว่าคุณหนูรองบาดเจ็บมีเลือดออกด้วย นายท่านได้สั่งลงโทษคุณหนูอีกหรือไม่”“แปลกมากจริงๆ ข้าเองก็นึกสงสัยเช่นกันว่าเหตุใดจึงไม่ถูกลงโทษ ช่างเถิด ไม่เจ็บตัวก็ดีแล้ว เจ้าประคองข้ากลับเรือนที”หญิงสาวส่งเสียงไอแค่กๆ สองสามครั้ง สาวใช้รีบเข้ามาประคองพาเดินกลับเรือนหลังเล็กท้ายจวน ย่างเข้าฤดูเหมันต์อาการโรคไข้ลมหนาวของถิงถิงก็กลับมากำเริบ ในฤดูเหมันต์ปกติถิงถิงจะนอนห่มผ้าอยู่ติดเตียง เรือนตะวันตกแม้จะเล็กแคบแต่ก็กันลมได้เป็นอย่างดี เสียก็แต่ผ้าห่มนั้นค่อนข้าง

  • หวนคืนสู่วันฟ้าใส   4.จะรู้ได้อย่างไร

    “ท่านพี่อย่าเพิ่งโมโห บาดแผลของอิ่งเอ๋อร์แค่เล็กน้อยเท่านั้น ใส่ยาสองสามวันก็หายอย่าโทษถิงถิงเลยเจ้าค่ะ ข้าว่านางไม่ได้ตั้งใจหรอก นางอาจจะแค่คิดถึงมารดาที่ตายไปแล้วจึงไม่ทันยั้งคิด เอาแบบนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ ในเมื่ออิ่งเอ๋อร์ก็ทำผิดพลาดหยิบสินเดิมของอดีตฮูหยินมาตัดชุดโดยพลการ เช่นนั้นข้าจะเป็นธุระหาช่างฝีมือดีมาตัดชุดให้ถิงถิงสักตัว ทำแบบนี้จะไม่ได้น้อยหน้ากัน”“เจ้าก็ยุติธรรมดีเช่นนี้ ลำบากเจ้าแล้ว” พอถูกเกลี้ยกล่อมเจียเฉิงก็เสียงอ่อนลง“ข้าเห็นถิงถิงเป็นเหมือนลูกสาวแท้ๆ เรื่องแค่นี้ยังจะมีอะไรต้องเกรงใจกันอีก” เหมยหลินแตะต้นแขนสามีเบาๆ แล้วหันไปพูดกับถิงถิงต่อ “ประเดี๋ยวตอนเย็นแม่รองจะให้เมิ่งฉีไปวัดตัวให้เจ้า จากนั้นค่อยจดขนาดตัวไปให้ร้านตัดเสื้ออันดับหนึ่งของอำเภอเต้าหมิงตัดเย็บให้”“แม่รอง ยามที่ข้าออกไปนอกเรือนมีเสียงซุบซิบนินทาว่าตระกูลว่านร่ำรวยแต่เลี้ยงบุตรสาวภรรยาเอกเติบโตมาอย่างอัตคัด แม้แต่เสื้อผ้าที่ข้าสวมใส่ออกจากจวนยังบ่งบอกถึงสภาพความเป็นอยู่ของข้าได้โดยที่ข้าไม่ต้องป่าวประกาศบอกผู้ใด พวกท่านคงอับอายกระมัง"“เจ้า!”เจียเฉิงเริ่มเดือดดาลขึ้นมาอีกรอบ เหมยหลินรีบส่งสายตาปรา

  • หวนคืนสู่วันฟ้าใส   3. ข้างดงามหรือไม่

    เหมยหลินมองดูบุตรสาวผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ด้วยแววตาปลื้มปริ่ม เมื่อชุดผ้าไหมสีฟ้าได้มาอยู่บนตัวของซืออิ่งแล้วงดงามไร้ที่ติ ดรุณีน้อยหมุนตัวหน้าคันฉ่องสองสามรอบแล้วหันมาหัวเราะคิกคักกับมารดา“หากคุณชายหานได้เห็นข้าสวมใส่ชุดนี้จะเป็นอย่างไร”“เขาคงมองเจ้าตาค้างเลยทีเดียว”“จะเป็นเช่นนั้นแน่หรือเจ้าคะ แม้แต่ท่านพ่อเอ่ยปากเชิญคุณชายหานมาที่จวนเขาก็ยังปฏิเสธ ข้ามีโอกาสได้เห็นคุณชายหานเพียงครั้งเดียว มองไกลๆ ยังรู้ว่าเป็นบุรุษรูปงามสง่าผ่าเผย”หากไม่ใช่เพราะหลายปีก่อนเจียเฉิงเคยช่วยหานอี้ควนไว้โดยบังเอิญ พอได้รู้สถานะที่แท้จริงว่าเป็นถึงคุณชายน้อยผู้สืบทอดหอคุณธรรมก็รีบเอ่ยปากทวงบุญ โดยการเรียกร้องให้หมั้นหมายกับซืออิ่ง อี้ควนเหมือนถูกมัดมือชกกลายๆ ถ้าไม่เพราะเหตุการณ์นั้นเขาก็คงไม่มีวันชายตามองตระกูลว่านเดิมทีตระกูลหานคือตระกูลสูงส่ง เป็นผู้ดีเก่าแห่งอำเภอเต้าหมิง รับหน้าที่ดูแลหอคุณธรรมมาตั้งแต่หลายสิบปีก่อน หอคุณธรรมคือหอไม้สักทองขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยอดีตกษัตริย์ของแคว้นฉิน ต่อมาพระราชทานให้ตระกูลหานเป็นผู้สืบทอดดูแล ระดับความสูงเก้าชั้น งดงามอลังการราวกับตำหนักสวรรค์ ตั้งตระหง่า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status