“แอบไปพลอดรักที่ใดกันมาบ้างเล่า ถึงได้กลับบ้านเสียมืดค่ำ”
“หวังเหล่ย ทะ...ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อใด” หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความตกใจ รู้ได้ในทันทีว่าครั้งนี้นางชะตาขาดแน่
“ข้ากลับมาเมื่อใดมันสำคัญนักหรือ แล้วเจ้าเล่าไปที่ใดถึงได้กลับจวนเอาป่านนี้”
“ข้าไปบ้านอยู่คุยเล่นกับท่านพ่อท่านแม่ แล้วก็แวะเดินตลาดนิดหน่อย ก็ท่านไม่มีเวลาว่างให้ข้าสักที ข้าก็เลยไปคนเดียว”
“ข้าไม่มีเวลาว่างหรือว่ารอเวลาที่ข้าไม่ว่างกันแน่” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นบ่งบอกถึงความไม่พอใจได้เป็นอย่างดี หวังเหล่ยเหยียดยิ้ม กี่ครั้งแล้วที่นางทำเช่นนี้เพราะเบื่อที่จะทะเลาะกันจึงพยายามไม่ใส่ใจ ต้องให้จับได้คาหนังคาเขาหรือไรถึงจะยอมรับได้
“ถ้าท่านอารมณ์เสียจากที่อื่นก็อย่าเอามาลงกับข้าสิ กินขนมสักหน่อยดีหรือไม่ มันช่วยให้อารมณ์ดีได้นะ” อันหนิงพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ฝ่าฝืนคำสั่งสามีข้อนี้นางมีความผิดก็จริง ทว่าข้อกล่าวหาแอบพลอดรักกับชู้นั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย
“ข้าไม่ต้องการของน่ารังเกียจพวกนี้” ไวเท่าความคิดมือหนาปัดถุงกระดาษในมือภรรยาทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ถุงขนมปลิวตามแรงกระเด็นติดผนังกระทั่งมันตกลงพื้นข้างชั้นวางของ ของที่ได้จากชายอื่นยังจะกล้าเอามาให้สามีอีกหรือ หยามหน้าเกินไปหรือไม่
“ถึงจะรังเกียจกันแค่ไหนบอกกันดี ๆ ไม่ได้หรือ ไม่เห็นต้องใช้กำลังเช่นนี้เลย ข้าไม่รู้หรอกว่าท่านไปรู้อะไรจากใครมา แต่เรื่องที่ท่านกำลังใส่ความไม่หยุด ขอยืนยันตรงนี้ว่าข้าไม่ได้ทำและข้าก็กลับบ้านเดิมจริงถ้าไม่เชื่อก็ไปถามท่านพ่อท่านแม่ได้” คราวนี้อันหนิงก็จะไม่ทนเช่นกัน นางรู้ว่าผิดที่ขัดคำสั่งแอบออกจากจวน กระนั้นเขาก็ไม่มีสิทธิ์กระทำรุนแรงเช่นนี้
“ฮึ! ข้าถามแน่อย่าคิดว่าไม่กล้า” กายหนาลุกจากเตียงก่อนจะย่างก้าวเข้าหาตัวภรรยา มือแข็งราวกับคีบเหล็กบีบหน้าอันหนิงด้วยแรงโกรธ ความเกรี้ยวกราดที่แสดงออกมานั้น หวังเหล่ยไม่รู้เลยว่าทำให้อีกคนกลัวมากแค่ไหน ในใจมีแต่ความโกรธระคนน้อยใจที่ถูกอันหนิงล้อเล่นกับใจเขามากเกินไป
“ท่านจะทำอะไร ปล่อยนะ ข้าเจ็บ” แม้อยากปัดป้องมากแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงอีกฝ่ายได้ ร่างบางได้แต่ดิ้นขลุกขลักด้วยความกลัว เจ็บระบมทั้งแต่ลำคอไปจนถึงข้างแก้ม
“เจ็บ คนเช่นเจ้ารู้สึกเป็นด้วยหรือ ข้าก็นึกว่าไร้ความรู้สึกเสียอีก ไม่สิเจ้าต้องรู้สึกอยู่แล้ว ทั้งริษยาทั้งเห็นแก่ตัว ก็เพราะทำตัวเช่นนี้อย่างไรเล่า ถึงได้มีแต่คนเกลียด”
“แล้วอย่างไร ข้าไม่ได้ขอให้ใครมารักข้าเสียหน่อย ท่านเองก็ไม่ได้รักข้าเช่นกันจะใส่ใจไปไย เอาเวลาที่อยู่กับข้าไปใส่ใจคนรักท่านไม่ดีกว่าหรือ” หากโกรธแค้นที่นางทำลายความรักของเขาและน้องสาว จะไปยากอะไรก็แค่หย่าให้จบ ๆ ไปเสีย จะรั้งอยู่ด้วยกันต่อไปให้ได้อะไร เพื่อชื่อเสียงและหน้าตาวงศ์ตระกูลหรือ เขาเป็นบุรุษเรื่องแบบนี้จะไปมีผลอะไร
“รู้ตัวก็ดี ต่อไปนี้อย่าคิดว่าจะได้ออกไปไหนคนเดียวได้อีก ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากข้าก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวออกจากจวนแม้แต่ครึ่งก้าว” พูดจบหวังเหล่ยก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปทันที ในใจลึก ๆ ก็รู้สึกผิดที่พูดจารุนแรงเกินไป ทว่าไฟที่กำลังสุมอยู่ในอกทำให้เขาเลือกที่จะเดินหนีไปมากกว่าจะกล่าวคำขอโทษ
ปัง!
เสียงประตูถูกปิดกระทบกันดังสะเทือนไปทั้งเรือนร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือก ขณะเดียวกันนั้นเองน้ำตาเม็ดโตก็ร่วงเผาะพร้อมกับเสียงสะอื้น นางแค่กลับจวนเพราะคิดถึงท่านพ่อท่านแม่มีความถึงผิดเพียงนี้เชียวหรือ ร่างบางก้มเก็บถุงขนมที่ถูกปัดทิ้ง ก่อนจะหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วยัดเข้าปาก ทั้งที่ไม่รู้สึกถึงความอร่อยแต่ก็ฝืนกินจนหมด
“นี่มันของที่ข้าชอบที่สุดเชียวนะ กว่าจะต่อแถวซื้อได้รู้หรือไม่ข้าต้องลำบากยืนนานแค่ไหน ไอ้คนบ้า ไม่กินก็บอกกันดี ๆ สิ โยนของกินทิ้งมันบาปนะรู้ไหม” ไม่รู้ว่ากลับมาแก้ไขหรือว่ากลับมาทำให้วุ่นวายหนักกว่าเดิมกันแน่ อันหนิงหยิบขนมแป้งทอดยัดเข้าปากจนเต็ม ปากหรือก็เอาแต่บ่นใครอีกคน ทว่าน้ำตากลับไม่ยอมหยุดไหล เรียกได้ว่าทั้งกินทั้งร้องอยู่เช่นนั้นนานสองนาน
สุดท้ายแล้วคืนนั้นหวังเหล่ยก็ไม่ได้กลับเรือนนอน ร่างบางนอนไม่หลับพลิกตัวกลับไปกลับมาเสียหลายตลบ อยากจะออกไปตามให้กลับมานอนด้วยกันใจจะขาด แต่ก็กลัวว่าเมื่อเห็นหน้าพานจะทำให้สามีอารมณ์เสียหนักยิ่งกว่าเดิม จึงได้แต่หักห้ามใจไม่โผล่หน้าไปให้เห็น กว่าจะข่มตาลงได้ก็เกือบตะวันขึ้นเสียแล้ว
สาวใช้ตงตงยอมโค้งหัวแล้วลุกถอยออกไปกระนั้นกลับไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหา เท่านี้ก็รู้แล้วว่าความบาดหมางที่มีต่อกันมีสาเหตุมาจากอะไร ทว่าไม่หนีไปไหนยังคงปักหลักอยู่เรือนรับรองเช่นเดิม บ่าวรับใช้สาวแอบมองเจ้านายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ มือหรือก็ขยุ้มชายกระโปรงเสียยับย่น“พี่ใหญ่ข้าขอตัวกลับนะเจ้าคะ ไว้วันหลังจะมาเยี่ยมท่านใหม่” อันเล่อเห็นว่าบรรยากาศไม่น่าอภิรมย์แล้วนางจึงขอตัวกลับ ดูท่าแล้วพี่สาวกับสาวใช้ตงตงคงมีเรื่องบาดหมางกันด้วยเรื่องอะไร จากคำพูดของพี่สาวก็พอจะรู้ แต่นั่นก็มิใช่เรื่องที่ตนจะเข้าไปแทรกตอนนี้ อย่างไรเสียพี่ใหญ่ก็เหนือกว่าตนไม่จำเป็นต้องห่วง“พี่ไปส่ง”ทว่าในขณะทุกคนพร้อมใจกันลุกออกจากโต๊ะ ในตอนที่อันหนิงกำลังจะก้าวพ้นจากธรณีประตู ชายกระโปรงกลับถูกตรึงด้วยอะไรบางอย่าง หญิงสาวจึงได้เหลียวหลังกลับไปมอง ปรากฏว่าสาวใช้ตัวดีกำลังเหยียบมันไว้ พร้อมกับมองนางด้วยใบหน้าท้าทายอันหนิงไม่พูดสิ่งใด กลับหลังหันยืนประจันหน้าสาวใช้ตัวแสบ จากนั้นฝ่ามือขาวเนียนฟาดเข้าข้างแก้มตงตง แค่ครั้งเดียวเจ้าตัวถึงกับหน้าหัน มิหนำซ้ำยังมีครั้งที่สอง สาม สี่ตามมาติด ๆเพียะ!“เสี่ยวชุ่ย ไปแจ้งพ่อบ้านสุ่
“ของพวกนั้นจะเอาไปที่ใด” ตงตงบังเอิญผ่านมาพอดี เห็นเสี่ยวชุ่ยกำลังถือถาดขนมหลายอย่างจึงร้องทักด้วยความสงสัยใคร่รู้“ข้าจะเอาไปต้อนรับแขกเจ้าค่ะ”“ผู้ใดมา วันนี้นายท่านไม่อยู่เสียด้วย ไม่บอกให้กลับไปก่อนเล่าจะเอาของไปต้อนรับทำไม” สาวใช้รุ่นพี่ค่อนขอดหมายตำหนิต่อว่าเสี่ยวชุ่ยไม่รู้ความ เจ้านายไม่อยู่กลับเสนอหน้าให้แขกอยู่รอ“ถึงนายท่านไม่อยู่แต่ก็มีฮูหยิน หลีกไปข้าจะรีบไปทำงานเจ้าค่ะ” เสี่ยวชุ่ยขี้คร้านจะต่อปากต่อคำ คนตั้งแง่กับผู้อื่นพูดไปก็เท่านั้นเสียเวลา ตงตงตั้งใจไม่ให้ความสำคัญกับฮูหยิน แม้จะถูกพ่อบ้านสุ่ยว่ากล่าวตักเตือนหนักสุดคือทำโทษโบยหลายครั้ง ทว่าลับหลังกลับยังทำเช่นเดิม ผู้คนรอบข้างต่างพากันเบื่อหน่ายไม่อยากคบหาเพราะกลัวจะซวยไปด้วย“ไม่หลีก เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยแขกที่ว่าคือใคร”“เฮ้อ... คุณหนูอันเล่อเจ้าค่ะ ทีนี้หลีกทางข้าได้แล้วหรือยัง”“เช่นนั้นเอามานี่ ข้าจะเป็นคนคอยปรนนิบัติเอง”การกระทำอันน่าเกลียดของตงตงไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เจ้าตัวหยิบเอาถ้วยส่วนที่ให้อันหนิงออกเหลือเพียงของสำหรับแขก จากที่ในถาดมีของสำหรับคนสองคน บัดนี้เหลือไว้เพียงแค่ที่เดียว จากนั้นเจ้าตัวเดินลอยหน
“อย่าไปฟังนะเจ้าคะ ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น” ด้วยกลัวว่าสามีจะเข้าใจผิด อันหนิงจำต้องรีบอธิบายเป็นการด่วน ทว่ายังไม่ทันจะได้พูดกันให้เข้าใจ โจวเชินกลับพูดเสริมขึ้นมาอีก พานทำให้อันหนิงอยากจะวิ่งเข้าไปเตะยอดหน้าอีกสักทีสองที สาระแนนัก คนรักกันดี ๆ มาเสี้ยมให้แตกกัน“ไม่ได้ทำอะไรกันเล่า เมียที่เจ้ารักนักรักหนาน่ะ คอยช่วยข้าและยังให้เงินข้าใช้เปล่า ๆ มาตลอด วันนี้ก็ยังแอบเอาเงินมาให้ข้า ทีนี้รู้หรือยังว่าตัวเจ้าน่ะมันหน้าโง่”“อย่านะเจ้าคะ”“เจ้ายังจะปกป้องมันอีกหรือ กลับไปนี้เรามีเรื่องต้องคุยกัน” กายหนาหวังจะพุ่งเข้าใส่ จัดสักหมัดให้หายปากดี แต่ก็ต้องยอมถอยเมื่อถูกคนข้างกายรั้งไว้ ความหงุดหงิดงุ่นง่านทำให้เขาได้แต่คาดโทษภรรยาตัวดี กลับถึงจวนเมื่อใดได้เห็นดีกัน“ข้าไม่ได้ปกป้องนะเจ้าคะ จะให้สินค้าเสียหายไม่ได้ประเดี๋ยวเถ้าแก่เนี้ยจะเอ็ดข้าเอา”“สินค้าหรือ ?”“เจ้าค่ะ คนพวกนั้นคือคนของเถ้าแก่เนี้ย เราไม่ต้องทำอะไรประเดี๋ยวพวกพี่ชายจะพาเขาไปแล้วเจ้าค่ะ” ทว่าก่อนจากกันอันหนิงก็อยากจะบอกให้อีกฝ่ายได้รู้ตัว ใครกันแน่ที่หน้าโง่ “โจวเชินคนที่หน้าโง่น่ะคือเจ้าต่างหาก ข้าจะบอกให้เอาบุญเงินที่ข้าให้เจ
“แค่ท่านถูกใจก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ ข้าขอเตือนท่านระวังโจวเชินด้วยนะเจ้าคะ เห็นอย่างนี้เล่ห์เหลี่ยมเยอะนักเชียว” ความจริงแล้วเงินที่ให้โจวเชินยืมไปตั้งแต่ต้นจนจบ มันคือเงินขายตัวของเขานั่นเอง ถ้าหากเจ้าตัวรู้จะทำหน้าเช่นไรกันนะ อยากจะรู้จริง ๆ“เหลี่ยมเยอะสิดี ข้าชอบ เอาไว้พบกันใหม่อีกสองวันข้างหน้านะ หากมีสินค้าดี ๆ อีกก็อย่าลืมบอกข้าเล่า ข้าพร้อมซื้อได้ตลอด”“เอาไว้พบกันใหม่เจ้าค่ะ”หลังจากแม่เล้าในคราบนักเดินทางจากไป อันหนิงก็ถึงกับหัวเราะออกมาทันที นี่คือการแก้แค้นครั้งสุดท้ายที่นางค่อนข้างพอใจกับผลงานไม่น้อย ไม่คิดว่าคนที่ซื้อโจวเชินไปจะกลายเป็นคนคนเดียวกันกับที่ไอ้คนชั่วนั่นขายนางเมื่อชาติที่แล้ว ทำข้าไว้อย่างไรข้าก็จะคืนมันไปเช่นนั้นสองวันผ่านไปอันหนิงก็ยังคงแอบทำอะไรเงียบ ๆ เพียงคนเดียวเช่นทุกครั้ง เพื่อทำให้โจวเชินเชื่อใจไม่ระแวง แม้แต่สาวใช้คนสนิทก็ไม่ยอมให้ตามไปด้วย กระนั้นก็ใช่ว่านางจะไม่ระวังตัว คนอย่างเจ้านั่นไว้ใจได้เสียที่ไหนกัน ใครว่านางมาเพียงคนเดียวเล่า มีคนของแม่เล้าที่คอยช่วยอยู่รอบกายต่างหากเมื่อมาถึงจุดนัดพบหญิงสาวจึงได้ผิวปากหนึ่งครั้งเพื่อส่งสัญญาณ โจวเชินที่
“อันหนิงเจ้าพอจะมีเงินให้ข้ายืมบ้างหรือไม่ รับรองว่าข้าจะคืนให้เจ้าแน่นอน” นี่เป็นวิธีสุดท้ายแล้วที่จะทำให้อยู่รอด ตั้งแต่เรือล่มครั้งนั้นชีวิตก็ผกผันตกต่ำลงเรื่อย กิจการที่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงพังไม่เป็นท่า บัดนี้มีแต่หนี้สินล้นตัวโจวเชินคุกเข่าลงตรงหน้าอันหนิงอย่างไม่อาย ศักดิ์ศรีน่ะมันกินไม่ได้เงินต่างหากที่จะทำให้ชีวิตอยู่รอด แค้นก็แค้นที่เหมือนถูกหลอก กระนั้นจะทำอะไรได้ในเมื่อไม่มีใครบังคับให้เขาทำ คิดถึงแต่ผลกำไรไม่ได้นึกถึงความหายนะที่แฝงมากับความเชื่อใจเกินไป โดยที่ไม่เผื่อใจและคิดให้รอบคอบ“คราวนี้เอาเท่าไรเจ้าคะ ข้าไม่ได้มีให้ท่านได้ตลอดหรอกนะ ของเก่าท่านก็ยังไม่คืนข้าเลย” อันหนิงยกพัดขึ้นปิดบังใบหน้า นางเกือบจะเผยรอยยิ้มให้อีกฝ่ายเห็นเสียแล้ว ไม่คิดว่าการเอาคืนครั้งสุดท้ายจะมาถึงเร็วเช่นนี้“หนึ่งพันตำลึงได้หรือไม่ ข้าสัญญาหาได้เมื่อไรจะต้องรีบเอามาคืนเจ้าทันที” โจวเชินแทบจะคลานเข่าเข้าหา คนที่เขาเคยคิดว่าเป็นแค่ลูกไก่ในกำมือ จะหยิบจับวางตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น จะกลายเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่า ทว่าความหน้าบางมันไม่ได้ทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์ยาก ต้องหนีพวกบรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายหัว
อันหนิงตัวสั่นระริกเมื่อตัวนางคว้าฝั่งฝันไว้ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ตัวอ่อนระทวยหายใจเหนื่อยหอบ ก่อนจะถูกคนตัวโตจับพลิกให้นอนหงายถ่างขาอ้าซ่า ท่วงท่านี้ยิ่งเปิดเปลือยเรือนร่างเด่นชัด ส่วนโค้งเว้า เนื้อตัวขาวโพลน รวมไปถึงร่องสวาทฉ่ำเยิ้ม เพียงเท่านี้ก็ทำเอาชายหนุ่มน้ำลายแทบหกกายหนาดันขาขาวเนียนแยกให้กว้าง สายตาก็เอาแต่จ้องมองร่องสวาทคับแคบไม่วางตา แก่นกายหรือก็ปวดหนึบอยากเจ้าไปสำรวจด้านในเสียเต็มประดาอันหนิงเองก็ใช่ย่อยนางเอาแต่จ้องมองความเป็นชายด้วยสายตาฉ่ำเยิ้ม ทั้งที่เพิ่งเสร็จสมไปเมื่อครู่นางกลับอยากได้มันอีกไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อความแข็งขืนถูกส่งเข้าในตัวอีกครา ร่างเล็กเย้ายวนถึงกับกระตุกขนอ่อนลุกไปทั่วสรรพางค์กายปึก ๆเมื่อเครื่องได้ติดมีหรือหวังเหล่ยจะผ่อนแรง เอวสอบตอกอัดกระแทกกระทั้นเข้าใส่ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อระบายความใคร่ชายหนุ่มจึงก้มลงดูดดึงยอดถันสีชมพูล่อตา ก่อนจะโลมเลียสร้างความกระสันให้คนใต้ร่าง“อ้าส์... เบากว่านี้ได้หรือไม่”อันหนิงถึงกับร้องขอ ถ้าเขายังตะบี้ตะบันจ้วงแทงอยู่เช่นนี้ เป็นนางเองที่จะไม่ไหวเอาได้ ส่วนล่างรับศึกหนักส่วนบนก็มิได้