“เฮือก!”
ร่างบางสะดุ้งเฮือกราวกับคนขาดอากาศหายใจไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะรีบกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มกรอบหน้า
อันหนิงกวาดตามองสิ่งรอบกายก่อนจะยิ้มออกมาราวกับคนบ้า พร้อมกับหยิกไปตามเนื้อตัวตนเอง เพื่อพิสูจน์ว่าตอนนี้นางมิได้ฝันไป
สวรรค์ ท่านให้โอกาสข้า
“คิดถึงชู้รักเจ้าอยู่หรืออย่างไร ถึงได้เอาแต่นอนยิ้มไม่พูดไม่จา หน้าตาก็ช่างน่าเกลียดนักหุบยิ้มเถอะข้ากลัว”
“ท่าน... เหตุใดไม่สวมเสื้อผ้า เดินโทง ๆ เช่นนั้นไม่อายผีสางบ้างหรือไร” อันหนิงหุบยิ้มหันขวับตามเสียง พร้อมกับต่อว่าคนข้างกายที่ไม่รู้จักอาย ลงจากเตียงไปทั้ง ๆ ที่ไม่ได้สวมใส่อะไรเลยได้อย่างไร
อันหนิงรีบดึงผ้าแพรขึ้นปิดหน้า แผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยมัดกล้ามรับกับเอวสอบได้เป็นอย่างดี มองทีไรก็พานทำให้ใจสั่นไหว ทว่าสิ่งที่น่าอายก็คือรอยข่วนเต็มแผ่นหลังนั่น มันเกิดมาจากผู้ใดนางย่อมรู้อยู่แก่ใจดี
สวรรค์ท่านให้โอกาสข้าแก้ตัวก็จริง แต่ท่านส่งข้ามาผิดเวลาหรือไม่ เหตุใดไม่ส่งข้าไปก่อนแต่งงานเล่า
“เจ้าเองก็นอนเปลือยมาทั้งคืนเหมือนกันมิใช่หรือ แค่นี้ทำเป็นมองไม่ได้ คิดว่าข้าพิศวาสมากกระมัง” หวังเหล่ยไม่ได้สนใจภรรยา เขาคว้าเสื้อคลุมที่ตกเกลื่อนบนพื้นขึ้นมาสวมทันที ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งแต่เช้าเมื่อต้องมาโต้เถียงด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“เช่นนั้นหรือ ขอโทษที่ทำให้รำคาญ” อันหนิงกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา คำพูดเชือดเฉือนไม่ได้ทำให้นางรู้สึกโกรธแม้แต่น้อย ไม่แปลกใจสักนิดที่หวังเหล่ยจะพูดประชดประชันเช่นนี้ ก็ในเมื่อที่ผ่านมาเป็นนางเองที่เริ่มก่อน
ชายหนุ่มหยุดชะงัก รู้สึกแปลกใจที่อันหนิงรู้จักพูดขอโทษโดยที่ไม่ต้องบังคับ กระนั้นคำพูดที่ว่าทำให้รำคาญมันคืออะไรกัน นางมีความคิดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด อย่างไรเสียมันไม่ใช่เรื่องปกติของอันหนิงอย่างแน่นอน
“นี่ข้าหูฝาดหรือไม่ คนเช่นเจ้าขอโทษคนอื่นเป็นด้วยหรือ สงสัยห่าฝนคงตกหนัก ไม่พ้นสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น”
“นี่ท่านจะพูดดีกับข้าสักวันไม่ได้หรืออย่างไร ข้าก็ขอโทษไปแล้วยังไม่พออีกหรือ” หญิงสาวทำหน้ามุ่ยไม่ชอบใจ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหวังเหล่ยไม่ได้คิดจะญาติดีต่อกัน กระนั้นนางก็ขอโทษไปแล้วเหตุใดต้องพูดจารุนแรงถึงเพียงนี้ด้วยเล่า แค่เดินจากไปเหมือนทุกครั้งไม่ได้หรือ
“พูดดีกับคนเช่นเจ้าจะไปรู้เรื่องได้อย่างไร สวมเสื้อผ้าได้แล้วคิดจะนอนยั่วข้าหรืออย่างไร มองไปมีแต่ทำให้เสียอารมณ์เปล่า ๆ” หวังเหล่ยเก็บอาภรณ์ของอีกฝ่ายที่ตกเกลื่อนพื้นโยนขึ้นเตียง หลังจากนั้นตัวเขาก็ไม่ได้สนต่อล้อต่อเถียงอีก กายหนาเดินออกจากห้องไปทั้งที่ตัวเขาสวมเพียงแค่เสื้อคลุมเท่านั้น
หลังจากสามีออกจากห้องไปร่างบางก็ค่อย ๆ ขยับตัวลุกนั่ง พลางมองไปรอบห้องด้วยความรู้สึกหลากหลายประดังประเดเข้ามาไม่หยุด เมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้หวังเหล่ยเป็นเช่นนี้ใบหน้างามเศร้าลงถนัดตา
ก็นั่นสินะ จะมีบุรุษใดที่ทำดีกับสตรีร้ายกาจ เดิมทีแล้วคนที่ควรต้องมาอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาก็คืออันเล่อ คำพูดอันเจ็บแสบพวกนี้ก็สมควรแล้วที่นางจะโดนตอกกลับให้หายแค้น
“โอ๊ย” ความเจ็บจุกที่แล่นมาอย่างไม่ทันตั้งตัวถึงกับต้องกุมท้องน้อย ร่างกายที่ระบมทั้งส่วนบนส่วนล่าง เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง แม้แต่เรื่องบนเตียงหวังเหล่ยก็ไม่เคยจะกระทำอ่อนโยนต่อนางเลยสักครั้ง ปากบอกรังเกียจแต่การกระทำกลับสวนทาง ยามค่ำคืนไม่เคยเว้นว่างเลยสักครา หรือนี่อาจจะเป็นวิธีการลงโทษอย่างหนึ่งของสามี
ปึก ๆ“อ้าส์” อันหนิงร้องเสียงหลง ยิ่งบอกให้เบาคนเจ้าเล่ห์กลับยิ่งกระแทกแรง ใบหน้างามค้อนขวับทว่าภายในใจกลับรู้สึกชอบให้อีกฝ่ายทำเช่นนี้เหมือนกัน แต่เรื่องอะไรนางจะบอกให้เขาได้ใจ ลำพังแค่นี้ก็ยังรับมือไม่ไหวแล้วเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนล่างถูกกระแทกไม่หยุดส่วนบนก็มิได้ว่างเว้น อกอวบคู่งามถูกมือหนาบีบขย้ำอย่างมันมือ เนื้อหวานนี้ช่างล่อลวงให้หลงใหลได้ดีนัก ไม่ว่าได้ชิมเมื่อไรเป็นอันหยุดไม่ได้เสียทุกคราหวังเหล่ยจับร่างขาวโพลนเปลี่ยนท่วงท่า เพียงแค่พลิกกายนิดเดียวสาวเจ้าก็ขึ้นมาอยู่ด้านบน ท่วงท่านี้ทำให้อันหนิงใจสั่นไม่น้อย การที่นางได้อยู่ด้านบนมิใช่จะได้ทำบ่อย ๆ และรู้สึกชอบที่ได้เป็นแม่ทัพนำศึก ควบขี่ม้าไปในทิศทางใดก็ได้ตามแต่ใจต้องการ แต่ก็เหนียมอายเกินกว่าจะกล้าบอกออกไปตรง ๆ“ถ้าเจ้ายังทำเป็นเล่นอยู่เช่นนี้ เมื่อไรจะถึงปลายทาง อย่าให้ต้องทำเองประเดี๋ยวจะร้องอีกไม่รู้ด้วยนะ”คำขู่ของหวังเหล่ยไม่เป็นผล ร่างบางยังคงขับขี่จังหวะเอื่อยเฉื่อยไม่ได้ดั่งใจ ท่วงท่าลีลาแม้จะเหลือร้ายทว่ามันกลับไม่ทันใจ“ว๊าย อะ อะ อ้าส์”ปึก ๆอันหนิงถึงกับร้องลั่นด้วยความตกใจระคนเสียวซ่
อันหนิงตะเกียกตะกายเพื่อดันตัวให้หนีไปอีกฝั่งของเตียง ทว่ายังไม่ทันจะได้ไปถึงกลางเตียงนอนด้วยซ้ำ นางกลับถูกอีกฝ่ายลากกลับมาจุดเดิม ชุดสวยที่เพิ่งสวมใส่ได้ไม่นานก็ถูกอีกฝ่ายปลดเปลื้องออกราวกับปอกเปลือกกล้วยอย่างง่ายดาย แม้จะถดกายหนีจนสุดความสามารถก็ยังหนีไม่พ้นอยู่ดี“ท่านพี่เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ ข้าเป็นระดูทำไม่ได้นะเจ้าคะ”“ฮึ เมื่อเช้าข้ากับเจ้าก็เพิ่งอาบน้ำด้วยกัน” ชายหนุ่มยิ้มร้ายจับขึงตรึงแขนทั้งสองข้างไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะก้มลงบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่มเพื่อเป็นการลงโทษคนเจ้าแผนการ“อื้อ” ชุดตัวในสีขาวบัดนี้กลับถูกดึงทึ้งขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี มือเล็กดันอกกว้างออกห่างพลางทุบตี ส่งเสียอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ แม้จะประท้วงด้วยภาษากายทุกวิถีทาง แต่คนด้านบนกลับไม่นำพายังคงบังคับจูบให้ได้อยู่อย่างนั้น กว่าหวังเหล่ยจะถอนจูบปากบางก็บวมเจ่อเสียแล้ว“ข้าเจ็บ” ใบหน้างามงอง้ำไม่ชอบใจที่ถูกกระทำรุนแรง หวังให้เขาสงสารปฏิบัติกับตนอย่างเบามือมากกว่านี้“เจ็บหรือ เป็นข้าหรือไม่ที่เจ็บกว่า คนอย่างเจ้าน่ะหากไม่ลงโทษให้หลาบจำมีหรือจะดีขึ้น”แม้จะพูดไปอย่างนั้นแต่การกระทำเขากลับอ่อนโยนขึ้นถนัดตา เขาหรืออยากมีลูกน้อย
กลุ่มสาวใช้รุ่นพี่ต่างเดินคอตกกลับไปทำงาน นอกจากนายท่านจะไม่เชื่อแล้วพวกนางยังถูกหักค่าแรงตั้งครึ่งหนึ่ง ทำให้ยิ่งโกรธแค้นเสี่ยวชุ่ยมากยิ่งขึ้น ทั้งที่ทะเลาะกันทุกคนแต่เสี่ยวชุ่ยกลับไม่โดนอะไรอยู่คนเดียว“แล้วนั่นยาอะไร อันหนิงนางป่วยหรือ เหตุใดถึงต้องดื่มยา”“ยาบำรุงเจ้าค่ะ ฮูหยินสบายดีไม่ได้เป็นอะไร”“ข้าไม่เห็นรู้ว่านางต้องกินของพวกนี้” หวังเหล่ยเทยาในกาใส่ถ้วยแล้วยกขึ้นดม แต่ก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เมื่อยาถ้วยนี้มีกลิ่นสมุนไพรบางอย่างมากกว่าจะเป็นแค่ยาบำรุง “นางกินทุกวันหรือไม่”“ไม่เจ้าค่ะ กินเฉพาะวันที่ฮูหยินอยากกินเท่านั้น” สาวน้อยเสี่ยวชุ่ยรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว น้ำเสียงของนายท่านที่ดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคน สัมผัสได้ถึงลางไม่ดีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า“พ่อบ้านสุ่ยงานวันนี้ยกเลิกให้หมด มีอะไรจัดการได้ให้จัดการเองไปก่อน อันไหนสำคัญให้เลื่อนออกไป” ชายหนุ่มสั่งงานพ่อบ้านเสร็จ จึงได้หันกลับมาสั่งงานสาวรับใช้ภรรยาต่อ “ส่วนเจ้าวันนี้ไม่ต้องรับใช้ฮูหยินไปช่วยงานโรงครัวแทน”“เจ้าค่ะ”ถาดยาในมือถูกเจ้าของจวนแย่งไป เสี่ยวชุ่ยได้แต่มองตาปริบ ๆ ทำปากพะงาบ ๆ ไม่กล้าถามเพราะกลัว
เช้าวันใหม่ในขณะที่เสี่ยวชุ่ยกำลังวุ่นอยู่กับการต้มยา ความสงบสุขของนางก็หมดไปเมื่อถูกสาวใช้กลุ่มพรรคพวกตงตงหาเรื่องใช้งานไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่ได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นคนสนิทของฮูหยิน นางก็ถูกตงตงเขม่นมาตลอดเมื่อมีโอกาสสาวใช้รุ่นพี่ก็มักจะหาเรื่องกลั่นแกล้งอยู่เสมอ ด้วยนางถือว่าเสี่ยวชุ่ยน้องใหม่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ทันไรก็แข็งข้อและคิดต่าง เป็นคนโง่เขลาที่เลือกคนคุ้มกะลาหัวไม่ถูกฝั่ง เลือกอยู่กับฮูหยินที่ไม่เป็นที่รักของนายท่าน ช่างสิ้นคิดเสียจริง“เสี่ยวชุ่ยอย่าคิดว่าได้เป็นคนติดตามฮูหยินแล้วจะมาอู้งานเช่นนี้ได้นะ ผ้าพวกนี้ยังไม่ได้ซักเลยสักชิ้น” หนึ่งในพรรคพวกของตงตง ๆ โยนผ้าใส่เสี่ยวชุ่ยพลางหัวเราะคิกคัก นี่ขนาดถูกพวกตนแกล้งใช้งานขนาดนี้เจ้านายที่คอยคุ้มกะลาหัวยังไม่เคยจัดการให้เลยสักครั้ง สมน้ำหน้าอยากเลือกข้างไม่ถูกเอง“ข้าไม่ได้อู้งานไม่เห็นหรือว่ากำลังต้มยาอยู่น่ะ ส่วนผ้าพวกนี้เจ้าก็เอาไปซักเองสิ ไม่ใช่หน้าที่ของข้า” เสี่ยวชุ่ยในตอนนี้ใช่ว่าจะอ่อนแอเหมือนตอนที่เข้ามาทำงานใหม่ ๆ แม้จะอายุยังน้อยและเพิ่งเข้ามาทำงานไม่นาน กระนั้นก็พอจะรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะคนเหล่านี้ที่ไม่ให้คว
ครู่เดียวฮูหยินหลี่วิ่งหน้าตาตื่นมาถึงตัวบุตรสาวคนเล็ก ก่อนจะสั่งให้หญิงรับใช้ช่วยกันหามอันเล่อกลับเรือนนอนรอท่านหมอมาตรวจอาการ กระนั้นก็ยังแปลกใจว่าบุตรสาวอาการกำเริบได้อย่างไร ทั้งการชักครานี้มันก็แปลก ๆ ก็ไหนท่านหมอยืนยันแล้วว่าในสามปีนี้หากอันเล่อกินยาอย่างต่อเนื่อง โรคลมชักนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นหากร่างกายไม่อ่อนแอจากการเจ็บป่วยทว่าในตอนที่กำลังจะเข้าหอบหิ้วกันเข้าเรือนนอน อันเล่อได้คว้ามือมารดาพร้อมกับเขย่าให้อีกฝ่ายรู้ตัว ทั้งสองสบสายตากัน ก่อนที่อันเล่อจะขยิบตาเพื่อเป็นสัญญาณบอกว่านางมิได้เป็นอะไร เพียงเท่านี้ฟางเหนียงก็รู้แล้วว่าบุตรสาวคนเล็กแกล้งป่วย กระนั้นก็ไม่รู้ว่าอันเล่อทำไปเพื่ออะไร แต่เชื่อว่าจะต้องมีเหตุผลมากพอ นางจึงได้แต่ตามน้ำไปเท่านั้น“อันหนิงวันนี้เจ้ากลับจวนไปก่อนนะ ประเดี๋ยวท่านหมอก็มาแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงน้อง นางก็เป็นเช่นนี้อยู่บ่อย ๆ ประเดี๋ยวก็หายเอง”“แต่ข้าอยากอยู่ดูน้องเจ้าค่ะท่านแม่” อันหนิงผู้ไม่รู้อะไรได้แต่ดึงดันจะอยู่ต่อ ยิ่งได้เห็นน้องสาวชักลงต่อหน้าต่อตาก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกเป็นห่วง“เชื่อแม่เถิด ถึงเจ้านั่งเฝ้าทั้งวันทั้งคืนอย่างไรก็ช่วยไม่ได้ กล
ด้านอันหนิงกลับบ้านมาคราวนี้นางก็หวังว่าจะได้เปิดใจกับน้องสาว นางเองก็ไม่อยากให้เรื่องราวมันคาราคาซัง รีบปรับความเข้าใจกันเสียชีวิตมันสั้นไม่รู้จะได้อยู่ด้วยกันถึงเมื่อไร“พี่ใหญ่มาแล้ว” อันเล่อที่กำลังควบคุมสาวใช้จัดเตรียมของว่างรอพี่สาวดีใจเป็นการใหญ่ เป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยกันดี ๆ นางจึงอยากให้พี่สาวประทับใจและเลิกคิดว่าทุกคนไม่รักเสียที“อืม เจ้าทำอะไรอยู่ นั่งเถอะ ท่านแม่บอกว่าพักนี้เจ้าเหนื่อยง่าย ประเดี๋ยวเป็นลมขึ้นมาจะทำอย่างไร”“ข้าไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอกเจ้าค่ะ พี่ใหญ่กังวลมากเกินไปแล้ว” ยิ่งได้ยินคำห่วงใยจากปากพี่สาว อันเล่อก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขล้น ที่ผ่านมามักถูกกีดกันให้ห่างจากกัน จึงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดและคลุกคลีกันมากนัก ตัวนางกลับคิดว่าพี่สาวเกลียดชังมาตลอด แต่เมื่อไม่นานมานี้ท่านแม่บอกทุกอย่างหมดแล้ว จึงมิได้มีเรื่องให้หมองใจกัน“อย่างไรก็เถอะ อย่าได้หักโหมนัก ท่านหมอว่าอย่างไรโรคนี้มีทางหายหรือไม่” ไม่นานมานี้ทุกคนยอมเล่าเรื่องโรคประจำตัวอันเล่อแล้ว ทำให้อันหนิงไม่จำเป็นต้องระวังคำพูดอีกต่อไป“ไม่หายขาดเจ้าค่ะ แต่ถ้าดูแลตัวเองให้ดีดื่มยาบำรุงอย่าได้ขาด ก็สามารถใช้ชีว