ก่อนจะถึงงานพิธีไม่กี่วัน อันหนิงได้กระทำเรื่องราวใหญ่โตขึ้นจนได้ นางวางแผนยัดเยียดสตรีอื่นให้หวังเหล่ยว่าที่น้องเขย หวังสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้อันเล่อ ทว่ากลับกลายเป็นตัวนางเองที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงกับหวังเหล่ย มันมิใช่เพียงแค่การจัดฉาก ร่องรอยและความรู้สึกเจ็บแปลบบอกได้ถึงค่ำคืนที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี จากนั้นเรื่องราวกลับตาลปัตรจากน้องสาวกลายเป็นพี่สาวต้องแต่งออก
ใช่ว่าชีวิตหลังแต่งงานอันหนิงจะสงบสุข มันกลับยิ่งกลายเป็นทุกข์แสนสาหัสเพราะการกระทำของตัวนางเอง
ไม่ได้คบชู้ก็เหมือนคบชู้ แม้ไม่มีความสัมพันธ์ทางร่างกายแต่ก็ได้มอบใจหลงมัวเมาไปกับคำป้อยอ โจวเชินไอ้ผู้ชายสารเลวนั่น มาหลอกให้รักให้หลง ใช้นางเป็นเครื่องมือทำลายชีวิตของสามีจนป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี ครอบครัวพังลงตรงหน้า หวังเหล่ยสิ้นเนื้อประดาตัวไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน
ขณะเดียวกันอันหนิงก็เพิ่งได้รู้ว่าการที่น้องสาวถูกประคบประหงมราวกับไข่ในหินนั้น เกิดจากร่างกายอ่อนแอไม่เหมือนใครตั้งแต่กำเนิด หลายครั้งผลจากการกระทำของตนก็เกือบทำให้น้องสาวต้องตาย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมท่านพ่อจึงส่งนางไปอยู่กับท่านตา เพื่อแยกให้ห่างจากอันเล่อชั่วระยะเวลาหนึ่งเมื่ออาการป่วยทรุดลง เกรงว่าความไร้เดียงสาไม่เข้าใจถึงเหตุผลของอันหนิงอาจทำให้อันเล่อต้องตายไปจริง ๆ
นอกจากรู้สึกผิดที่มีต่อน้องสาวแล้ว สิ่งเลวร้ายที่อันหนิงได้กระทำกับอีกคนผู้หนึ่ง นั่นคือหวังเหล่ยบุรุษที่นางแยกคู่ยวนยางจากกันด้วยวิธีสกปรก แม้จะไม่ได้รักกันแต่หวังเหล่ยกลับไม่เคยประพฤติตนไม่ดีต่อนางสักครั้ง เขายังอยู่ในกรอบความดีงาม เป็นนางเองที่ก่อเรื่องให้ไม่หยุดหย่อน
ทว่าสิ่งเหล่านี้กว่าอันหนิงจะคิดได้ก็เมื่อทุกอย่างมันสายไปเสียแล้ว
ในตอนอันหนิงมองหาทางออกไม่ได้ ฟางเส้นสุดท้ายที่พอจะขอความช่วยเหลือได้ นางวิ่งโร่ไปขอร้องโจวเชิน ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายล่อลวงไปขาย ในตอนที่กำลังถูกบุรุษนับสิบรุมขืนใจนางได้ตัดสินใจปลิดชีพตนลง ณ ที่ตรงนั้น ยอมตายดีกว่าต้องถูกย่ำยี ปิ่นทองของขวัญวันครบรอบแต่งงาน นางใช้มันแทงเข้าไปที่คอหอย เลือดกระเซ็นติดเลอะเปรอะเปื้อน สิ้นลมด้วยความทุกข์ทรมาน
แม้ตายลงก็ใช่จะได้ตกนรกชดใช้กรรม นางกลับกลายเป็นวิญญาณล่องลอยไม่มีที่สิ้นสุด ติดตามเหล่าคนอันเป็นที่รักไปทุกแห่งหน ในตอนสำนึกได้ตนกลับเป็นแค่ดวงวิญญาณ ร่ำไห้ในทุก ๆ วันปิ่มขาดใจ
บิดา มารดาต้องตรอมใจจากไปในเวลาอันรวดเร็ว แม้แต่กิจการของครอบครัวก็ยังแพ้ให้กับเล่ห์กล ถูกโจวเชินใช้วิธีสกปรกอย่างไม่เป็นธรรม บีบบังคับให้อันเล่อยอมขายในราคาถูกแสนถูกราวกับได้เปล่า
สุดท้ายไม่เหลือสมบัติติดตัวไร้คนคอยห่วงหา อันเล่อและหวังเหล่ยได้ตัดสินใจออกบวชตลอดชีวิต เมื่อเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ยึดทางธรรมเป็นที่ตั้ง ทั้งอันเล่อ หวังเหล่ย พวกเขากลับเอาแต่สวดภาวนาตั้งจิตให้สตรีร้ายผู้ไม่สมควรให้อภัยได้สงบสุขในปรโลก
การออกบวชของทั้งสองมีจุดประสงค์เดียวกันคือ หวังให้อันหนิงสตรีผู้เป็นที่รักของพวกเขาได้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์
ทุกคนต่างรักและระลึกถึงนางโดยตลอด แล้วข้าเล่าทำอะไรเพื่อคนเหล่านี้บ้าง
ข้าอันหนิง ขอวิงวอนต่อฟ้า
ขอให้สตรีร้ายกาจผู้นี้ได้กลับไปแก้ไขเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดได้หรือไม่ การกระทำอันหยาบช้าที่ได้กระทำหยามเหยียดบุคคลอันเป็นที่รัก ลูกจะขอชดใช้ทั้งหมดด้วยตนเอง ขอโอกาสอีกสักครั้งได้หรือไม่
แค่ครั้งเดียวก็ยังดี....
“เธอ! แพมหรือ” หนิงเซียนคิดว่าตนเองตาฝาด เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้า มีใบหน้าและรูปร่างเหมือนกับคนที่ตนสวมร่างราวกับเป็นคนเดียวกัน เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ารับก็รู้แล้วว่าตนเองเดาไม่ผิด“ใช่ แล้วเธอล่ะเป็นใคร” แพมถามกลับอีกฝ่ายบ้าง มั่นใจว่าคนตรงหน้ามิใช่คนในโลกมิตินี้อย่างแน่นอน“ฉันชื่อหนิงเซียน ไม่รู้เธอจะเชื่อหรือไม่ ฉันคือตัวละครจากนิยายเรื่องที่เธอเขียนทิ้งไว้ก่อนตายน่ะ”“หนิงเซียนหรือ อ๋อ ฉันนึกออกแล้ว” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองใส่บทบาทอะไรให้หนิงเซียนบาง ทำให้นางรู้สึกผิดเสียไม่ได้ ก็ตนเล่นเขียนบทปู้ยี่ปู้ยำให้ชีวิตหนิงเซียนซะไม่เหลือชิ้นดี “ฉันขอโทษนะ ที่เขียนบทให้เธอแบบนั้น พอดีว่าฉันอกหักน่ะ เพื่อนก็ดันมาหักหลังอีกความแค้นมันจุกอก”“ไม่เป็นไรหรอกฉันไม่โกรธ ฉันเองก็มีเรื่องขอโทษเหมือนกัน ฉันแก้นิยายของเธอไม่เหลือเคล้าโคลงเดิมเลย แล้วก็เอาเงินเก็บเธอมาซื้อบ้านหมดแล้ว” หนิงเซียนเองก็รู้สึกผิดไม่ต่างกัน พอได้มาอยู่ร่างนี้เธอจึงทำอะไรหลาย ๆ อย่างตามใจตนเอง โดยไม่คิดว่าวันหนึ่งเจ้าของร่างจะกลับมาทวงคืน“ไม่เป็นไรดีแล้วที่ทำแบบนั้น เธออยู่ที่นี่สบายดีใช่ไหม มีความสุขหรือเปล่า” นี่คือสิ่งที่เ
‘นางหนู’ “นั่นใครเรียกข้าน่ะ” เสียงเรียกอันน่าขนลุกทำเอาเสี่ยวถิงสะดุ้งตื่น ทว่าภาพตรงหน้ามันกลับมิใช่เรือนของตนเอง แต่กลับเป็นสถานที่ไม่รู้จัก รอบ ๆ ไม่มีสิ่งใดมีเพียงแสงที่สาดส่องขาวโพลนไปหมด“ข้าเอง”“ข้าไม่อยากเจอท่านเลยเจ้าค่ะท่านเทพ เรียกข้ามามีธุระอะไรหรือเจ้าคะ” ร่างบางยืนกอดอกทำหน้าเบื่อหน่ายเสียเต็มประดา เมื่อรู้ว่าคนที่เรียกตนเองมาเป็นผู้ใด“ที่เรียกเจ้ามา ข้าแค่อยากให้เจ้าช่วยอะไรข้าสักหน่อยน่ะ” เทพดวงชะตาทำเสียงอ่อนเสียงหวาน รู้ตัวดีว่าอีกฝ่ายยังคงไม่พอใจกับเรื่องที่ตนก่อไว้เมื่อคราวก่อน“ไม่เจ้าค่ะ” ไม่ต้องใช้เวลาคิดให้มาก นางตอบได้ทันทีเสียงดังฟังชัดเชียวล่ะ“นะนางหนูช่วยข้าหน่อยเถอะ เช่นนี้ดีหรือไม่ถ้าเจ้ายอมช่วย ข้าจะทำตามคำขอเจ้าหนึ่งข้อ”เสี่ยวถิงถึงกับหูผึ่ง ข้อแลกเปลี่ยนมันก็น่าสนใจไม่น้อย ตลอดเวลาที่ผ่านมานางมีสิ่งหนึ่งที่ยังค้างคาใจ คิดอยู่เสมอว่าถ้ามีโอกาสสักครั้งก็อยากจะเห็นด้วยตาตนเองถึงจะวางใจ“แน่นะเจ้าคะ” หญิงสาวหรี่ตามองเทพดวงชะตาอย่างไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าคราวนี้มีเรื่องอะไรถึงได้มาขอร้องให้นางช่วย“แน่สิ ขอเพียงเจ้ายอมช่วยข้าหนึ่งอย่าง ข้า
จวนแม่ทัพแดนเหนือบัดนี้มิได้เงียบเหงาดั่งเช่นเก่าก่อน ในทุกวันจะมีเสียงเจื้อยแจ้วของเด็ก ๆ หยอกล้อพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน อีกทั้งยังมีบ่าวไพร่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเจ้าของจวนอย่างไท่ฟงนอกจากจะดำรงตำแหน่งแม่ทัพแดนเหนือแล้ว เขายังมีอีกหนึ่งตำแหน่งที่แสนจะเต็มใจนั่นก็คือบิดาผู้ใจดี คอยตามใจบุตรชายและบุตรสาว เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการให้ท้ายอยู่เสมอ กลายเป็นว่ามารดาอย่างเสี่ยวถิงต้องรับบทเป็นนางมารร้ายอยู่เสมอแต่ถึงเสี่ยวถิงจะรับบทเป็นมารดาผู้ใจร้ายอย่างไร เด็ก ๆ ก็ยังคงรักมารดาของพวกเขามากอยู่ดี โดยเฉพาะในยามที่นางไม่สบาย มีหรือพวกเขาจะกล้าปล่อยให้มารดาอยู่ตามลำพัง“ท่านแม่หลับอยู่พวกเจ้าห้ามเสียงดังกันนะ” ไท่เสี่ยวหลิงพี่สาวคนโตวัยหกหนาวกล่าวเตือนบรรดาน้อง ๆ มิให้เล่นกันเสียงดัง เพราะยามนี้มารดากำลังพักผ่อน เกรงว่าจะรบกวนท่านแม่“พี่ใหญ่พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะขอรับ” ไท่ปู่อี้ขัดขั้นทันควัน พวกเขาทำเพียงแค่ยืนมองเฉย ๆ เท่านั้น ยังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ“พี่รองท่านลดเสียงลงหน่อยขอรับ เห็นหรือไม่ท่านแม่ขยับแล้ว” ไท่ฉีหมิงต่อว่าพี่ชาย พร้อมกับยกนิ้วชี้แตะไว้ตรงปากตนเอง เพื่อเตือนให้พี่ชาย
สงครามระหว่างสองแคว้นที่ยืดเยื้อกันมานานในที่สุดก็ถึงจุดสิ้นสุด ทั้งที่มีความได้เปรียบในหลายด้าน แต่แคว้นฉู่กลับพ่ายแพ้สงครามอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากแพ้อย่างราบคาบได้สวามิภักดิ์ยอมอยู่ใต้อาณัติแคว้นฉินอย่างไม่มีข้อแม้ ทำให้แคว้นอื่น ๆ ต่างก็มองแคว้นฉินเปลี่ยนไป ไม่อาจดูแคลนทั้งด้านฝีมือการรบและการบริหารบัญชาการ รวมไปถึงความเชื่อใจเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันจากการแพ้สงครามในครั้งนี้ แคว้นฉู่จะต้องส่งเครื่องบรรณาการ พร้อมกับภาษีที่ต้องจ่ายให้แคว้นฉินเป็นจำนวนมหาศาลในทุกปีราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ องค์ฮ่องเต้ได้สั่งละเว้นการเก็บภาษีเป็นเวลาสองปี รวมไปถึงการมอบเงินเยียวยาแก่ครอบครัวทหารผู้เสียสละชีพเพื่อบ้านเมืองในสนามรบ นอกจากนี้ยังได้มีการปูนบำเหน็จให้กับผู้ที่นำชัยชนะอีกด้วยหลิวเสี่ยวถิงฮูหยินแม่ทัพแดนเหนือ ได้สละทรัพย์สินส่วนตัวเพื่อสนับสนุนกองทัพ อีกทั้งยังมีความดีความชอบอันใหญ่หลวง โดยใช้ตนเองเข้ารับอันตรายเพื่อปกป้องชินอ๋องอย่างไม่กลัวตาย องค์ฮ่องเต้พอพระทัยเป็นอย่างมาก จึงทรงร่างราชโองการประกาศสถาปนาให้เป็นวีรสตรีคนสำคัญ พร้อมกับได้มอบป้ายทองอภัยโทษให้แก่ครอบครัวตระกูลไท่ เพ
เสี่ยวถิงหลับไปถึงสี่ชั่วยาม เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองได้นอนอยู่ในกระโจมแสนคุ้นตา ความอ่อนเพลียที่ถูกสะสมมาหลายวันทำให้ร่างกายแบกรับไม่ไหว การได้หลับยาวเรี่ยวแรงที่หายไปจึงคืนมา แต่ก็ยังมีอาการอ่อนเพลียอยู่บ้างเล็กน้อย“ตื่นแล้วหรือ เป็นเช่นไรบ้าง ดื่มน้ำแกงสักหน่อยเถิด” ไท่ฟงกลับมาพร้อมกับถ้วยโจ๊กและยาบำรุง เมื่อครู่เขาคิดว่าเมื่อเสี่ยวถิงตื่นขึ้นมานางอาจจะหิว คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ออกไปหาของกินมาเผื่อไว้ก่อน“รู้สึกเพียงเล็กน้อยเจ้าค่ะ ทุกคนปลอดภัยดีหรือไม่” นางจำได้ว่าตนเองสลบไป จึงไม่รู้เหตุการณ์ต่อจากนั้นเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังรู้สึกปวดแผลตรงหัวไหล่ นางไม่ได้ตั้งใจจะวิ่งไปรับลูกดอกแทน ร่างกายมันขยับไปเอง ทั้งที่ใจจริงเพียงแค่ต้องการผลักพวกเขาออกเท่านั้น“ทุกคนปลอดภัยดี เด็กโง่ ต่อไปอย่าได้ทำเช่นนี้อีกนะ” กายหนาวางถาดอาหารในมือ นั่งลงข้างกายภรรยา ก่อนจะดึงนางเข้ามากอด “จำเอาไว้ชีวิตเจ้าสำคัญที่สุด ถ้าครั้งนี้เจ้ากับลูกเป็นอะไรไป พี่จะอยู่อย่างไร”“ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ ลูกหรือ ข้าท้องหรือเจ้าคะ” ร่างบางยกมือขึ้นลูบหน้าท้องแบนราบของตนเองทันที ดีใจและเสียใจในคราวเดียว นางช่างโง่เขลานัก
“น้องหญิง”“เสี่ยวถิง”คนทั้งคู่ร้องออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าเสี่ยวถิงจะกล้าเอาตัวเองเข้ามาบังพวกเขาเพื่อรับลูกดอกอาบยาพิษแทน กว่าจะตั้งสติกันได้ เสี่ยวถิงก็ทรุดฮวบลงสลบไปเสียแล้ว ยังดีที่ไท่ฟงพุ่งตัวเข้าไปรับได้ทัน ไม่เช่นนั้นร่างของเสี่ยวถิงคงกระแทกกับพื้นอย่างจังทหารแคว้นฉู่ทั้งหมดถูกป๋อเหวินและกองกำลังกวาดต้อนจับกุมได้อย่างรวดเร็ว แต่ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดเห็นทีจะเป็นคนในอ้อมแขน แม่ทัพหนุ่มเร่งควบม้ากลับค่ายอย่างรวดเร็ว กรอบหน้างามเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ สีหน้าดูไม่ดีเอาเสียเลย พานทำให้ไท่ฟงใจคอไม่ดีกลัวว่าหากส่งถึงมือหมอช้าเกินไป เขาจะต้องสูญเสียภรรยาไปตลอดกาลค่ายทหาร“ภรรยาข้าเป็นเช่นไรบ้างท่านหมอ” แม้จะถึงมือหมอแล้วก็ตาม ก็ยังไม่สามารถวางใจได้ ชายหนุ่มคอยเฝ้าภรรยาอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง ร้อนใจที่ท่านหมอไม่มีคำตอบให้ตนเสียที“นั่นสิท่านหมอ เหตุใดไม่ฟื้นเสียที นางหลับไปนานมากแล้วนะ” ชินอ๋องเองก็ร้อนใจไม่ต่างกัน หลังจากได้รับรายงานเรื่องพิษที่ปลายลูกดอก พระองค์ได้ตรงดิ่งมากระโจมที่พักทันที โดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนเองแม้แต่น้อย“กระหม่อมไม่แน่ใจ ขอตรวจอย่างละเอียดดูอ