Share

๕ ช่วยเหลือสาวงาม

last update Last Updated: 2025-11-14 22:44:13

ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ในยามนี้จะไม่ต่างจากชาติที่แล้ว…

จู้ซูเหยียนนั่งพูดคุยอยู่กับไป๋เจียวเหม่ยอยู่สองสามประโยคก่อนจะถูกจู้ฮูหยินพบจึงเข้ามาบอกกล่าวกับอีกฝ่ายว่าให้พานางออกจากจวนไปเดินเล่าเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง

และแม้ว่านางจะปฏิเสธไม่ยินยอมอย่างไรก็พลันถูกลากออกมาอยู่

จู้ซูเหยียนปรายสายตามองไป๋เจียวเหม่ยทันใดนั้นภาพความทรงจำในชาติก่อนพลันย้อนกลับมาอย่างชัดเจน ถ้อยคำว่าหวานเหล่านั้นล้วนแต่เคลือบยาพิษเอาไว้…เป็นนางที่โง่งมมองคนไม่กระจ่างแจ้งเอง

หากย้อนมองกลับไปตั้งแต่แรกนั้น หากนางสังเกตให้ดี เหตุการณ์ใดที่มีมู่เซี่ยหยางอยู่ร่วมด้วยย่อมมีไป๋เจียวเหม่ยคอยคั่นกลางอยู่เสมอ และทุกครั้งที่นางพยายามเข้าใกล้บุรุษผู้นั้น สตรีที่เรียกตนเองว่าสหายกลับอยู่ตรงนั้นก่อนแล้ว

“ไป๋เจียวเหม่ย” นางเอ่ยเสียงเรียง

“หื้ม?” ไป๋เจียวเหม่ยขานรับ หันหน้าไปมองอีกฝ่าย

ชาติที่แล้วจู้ซูเหยียนตื้นตันใจที่มีสหายแสนดีคอยห่วงใย…แต่ในชาตินั้นนางย่อมไม่ยอมให้เป็นเช่นเดิมอีกเป็นแน่!

นางสมควรจะขจัดภัยก่อนมันจะเกิดราก

ใบหน้าคนงามระบายยิ้มกว้าง จู้ซูเหยียนสบตาอีกฝ่ายจากนั้นจึงคว้ามือของไป๋เจียวเหม่ยมากอบกุมเอาไว้ น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้น “เจ้าว่าคุณชายมู่เป็นบุรุษเช่นไรหรือ”

พอไป๋เจียวเหม่ยได้ยินเช่นนี้ก็พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าฉายแววครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “สำหรับข้าแล้วนั้น...คุณชายมู่นับว่าเป็นบุรุษที่เพียบพร้อมทั้งชาติตระกูลสูงศักดิ์และทั้งรูปโฉมสง่างาม”

นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความชื่นชม นัยน์ตาเมล็ดเปล่งประกายอย่างหลงใหล

“งั้นหรือ” จู้ซูเหยียนถามเสียงเรียบ

ไป๋เจียวเหม่ยชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรู้ตัวว่ากำลังถูกสายตาของอีกฝ่ายเพ่งมองอยู่ราวกับว่ากำลังจับสังเกต ใบหน้าคนงามระบายยิ้มเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยถามกลับ

“เหตุใดเจ้าถึงถามเช่นนี้กันเล่า”

จู้ซูเหยียนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ สีหน้าดูราวกับไม่คิดมากเรื่องนี้ “ข้าก็แค่ถามเจ้าดูเท่านั้น”

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีเรื่องในใจ ไป๋เจียวเหม่ยหรี่สายตามองจู้ซูเหยียนกลับพลางจับสังเกตก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบเช่นกัน

“เจ้าไม่คิดจะเป็นภรรยาของคุณชายมู่แล้วจริงหรือ”

จู้ซูเหยียนหัวเราะออกร่อออกมาราวเป็นเรื่องตลกขบขัน ก่อนจะเลิกคิ้วถามกลับ “ข้ากลับคำงั้นหรือ… หากข้าพูดออกไปแล้ว ก็หมายความว่าเช่นนั้น หาได้เป็นเพียงลมปาก”

ไป๋เจียวเหม่ยรู้นิสัยของสหายผู้นี้ดี นางจึงไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ ทว่าทันใดนั้นเอง…

“กรี๊ดด….ดด!”

“โจร!..มันผู้นั้นเป็นโจร!”

“เจ้าคนนั้นขโมยเงินของข้าไป!”

“ช่วยด้วย…ช่วยข้าด้วย!”

จู่ๆ ในจังหวะเดียวกัน น้ำเสียงกรีดร้องดังลั่นขึ้นอยู่กลางท้องถนนพร้อมกับเสียงร้องโวยวายของชาวบ้านที่แตกตื่น ทำเอาทั้งจู้ซูเหยียนและไป๋เจียวเหม่ยหันไปมองพร้อมกันโดยสัญชาตญาณ

“เกิดเรื่องอันใดขึ้นกัน” ไป๋เจียวเหม่ยเอ่ยอย่างแผ่วเบา

สายตาของจู้ซูเหยียนพลันมองเห็นร่างของบุรุษชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งในเสื้อผ้าอาภรณ์มอมแมมกำลังวิ่งพล่านไปทั่วพลางคว้าเอาเงินของชาวบ้านติดมือไปด้วยไม่เลือกหน้าจนกระทั่งบุรุษผู้นั้นมองเห็นนางและไป๋เจียวเหม่ยก็เหมือนจะตัดสินใจได้บางอย่าง เป้าหมายของเขาพุ่งตรงมาทางพวกนางทันที

ไม่ว่าจะอาภรณ์เครื่องประดับแต่งกายหรือมีสาวใช้ตามติดล้อมหน้าล้อมหลังปรายมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่ามีเงิน

จู้ซูเหยียนจำเหตุการณ์ในตอนนั้นได้ดี ทั้งนางและสหายผู้นี้ต่างตกใจหวาดกลัวเร่งรีบเดินถอยหนีเกรงว่าพอมันได้ยินไปแล้วหรือปฏิเสธขัดขืนจะถูกทำร้ายเอาได้

แต่ทว่าจู่ๆ จู้ซูเหยียนก็พลันหกล้มลงไปกับพื้นราวกับมีว่าบางสิ่งขวางทางนางไว้จนทำให้ร่างของนางเสียหลักเซล้มลงไปกองกับพื้นในพริบตา

แน่นอน! มีคนจงใจผลักนางใช้เป็นตัวล่อ

และเหตุการณ์ในชาติก่อนก็ไม่แตกต่างจากยามนี้!

โจรหนุ่มผู้นั้นพุ่งเข้าหาจู้ซูเหยียนเป็นเป้าหมายแรก ขณะที่ไป๋เจียวเหม่ยรีบถอยห่างไปอย่างรวดเร็ว

ตุบ!

อีกฝ่ายยังไม่ทันเข้ามาถึงตัวนางกลับล้วงถุงเงินใบใหญ่ออก มาจากสาบเสื้อโยนลงตรงหน้าเขาแทน จู้ซูเหยียนเงยหน้าขึ้นจ้องสบตากับอีกฝ่ายโดยไร้ความเกรงกลัว

“อยากได้เงินไปซื้อยารักษามารดามิใช่หรือ” นางเลิกคิ้วเอ่ยถามเสียงเรียบ

โจรหนุ่มชะงักไปทันที ใบหน้าที่เดิมทีเต็มไปด้วยความตึงเครียดพลันฉายแววตกตะลึงออกมา เขาไม่คิดว่าสตรีสูงศักดิ์ตรง หน้าจะพูดจาราวกับอ่านความคิดของเขาออก

“…”

จู้ซูเหยียนสังเกตมองคนตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “หยุดทำเช่นนี้เถอะ… หากโชคดีเจ้าอาจถูกชาวบ้านทุบตีเพียงเท่านั้นแต่หากแย่กว่านั้นเจ้าจะถูกทหารจับขังคุกเช่นนั้นแล้วผู้ใดเล่าจะดูแลมารดาของเจ้า”

จู้ซูเหยียนในยามนี้ดูสง่างามราวกับพระแม่กวนอิมไม่น้อย

โจรหนุ่มกำมือแน่น ดวงตาสั่นระริกด้วยความซาบซึ้ง “ที่ข้าต้องทำเช่นนี้…ก็เพราะต้องการเงินไปรักษามารดาขอรับ”

“อืม…มารดารู้แล้ว” นางพยักหน้าไม่ได้แสดงออกถึงความประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย

“แม่นางรู้ได้อย่างไรกัน”

โจรหนุ่มถามอย่างไม่อยากเชื่อ สตรีสูงศักดิ์เช่นนางจะไปรู้เรื่องของพวกเขาชาวรากหญ้าได้อย่างไร

จู้ซูเหยียนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบอีกครั้ง “รับเงินไปเสียแล้วรีบหนีไปเถอะ หากยังชักช้าอยู่ตรงนี้ต่อเกรงว่าพวกชาวบ้านคงแจ้งทหารให้มาจับเจ้าแน่”

ทำบุญครั้งหนึ่งไม่ง่ายจริงๆ

“ขอรับ!”

“ออกห่างจากนางซะ!”

จู่ๆ ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง ขณะที่โจรหนุ่มกำลังจะก้มเก็บเงินนั้นก็พลันมีน้ำเสียงทุ้มบุรุษผู้หนึ่งตะโกนดังก้องไปทั่วถนน

เสิ่นซือเยว่รีบก้าวเดินไปอย่างรวดเร็ว

มู่เซี่ยหยางกัดฟันกรอด มือทั้งสองกำแน่นโดยไม่รู้ตัว

“คุณหนูจู้วางใจเถอะ…ข้าอยู่ตรงนี้แล้วไม่ว่าอันธพาลผู้ใดก็ไม่สามารถทำอันใดได้ทั้งสิ้น” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยหนักแน่น เสิ่นซือเยว่หยุดอยู่ตรงหน้าของจู้ซูเหยียนก่อนจะยืนขวางหน้านางเอาไว้ราวกับเป็นกำแพงบังเอาไว้

“ข้าจะจัดการสั่งสอนโจรต่ำทรามผู้นี้เอง…รังแกได้แม้ กระทั่งกับสตรี”

เสิ่นซือเยว่…?

จู้ซูเหยียนเห็นแล้วกะพริบตาปริบๆ ด้วยความแปลกใจน้ำเสียงหวานพูดพึมพำ “คุณชายเสิ่นงั้นหรือเจ้าค่ะ”

มุมปากหนาโค้งยกขึ้น เสิ่นซือเยว่แค่นหัวเราะเบาๆ ก่อนจะปรายหางตาไปทางนาง “หึ! แม่นางจำข้าไม่ได้แล้วงั้นหรือ?”

สหายของมู่เซี่ยหยางมีผู้ใดบ้างที่นางจดจำไม่ได้

ใบหน้าคนงามระบายยิ้มจางๆ จู้ซูเหยียนย่อมจำได้ดีว่า   เสิ่นซือเยว่เป็นหนึ่งในสหายสนิทของมู่เซี่ยหยาง แต่ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ คุณชายเสิ่นผู้นี้ถึงหายหน้าหายตาไป

“พบเห็นหนึ่งครั้งรู้จักตลอดไปเจ้าค่ะ” จู้ซูเหยียนกล่าว

ขณะเดียวกันนั้น มู่เซี่ยหยางกลับรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ดวงตาคมกริบจับจ้องคนทั้งสองด้วยสายตาแข็งกร้าวก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงทุ้มจะเอ่ยอย่างเย็นชา

“หากข้าเป็นโจร พวกเจ้าคงได้กลายเป็นศพไปแล้ว”

จู้ซูเหยียนหันขวับไปมองมู่เซี่ยหยางตาขวางทันที “เป็นโจรหาใช่ว่าจะเลวร้ายไปเสียหมด…ทุกคนล้วนมีเหตุผลของตนเอง” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“เหอะ” มู่เซี่ยหยางแค่นเสียงออกมาด้วยความเย้ยหยัน “สตรีในห้องหอเข่นคุณหนูจู้จะไปหยั่งรู้ถึงจิตใจต่ำทรามของคนพวกนี้ได้อย่างไรกัน”

“คุณชายมู่เจ้าคะ…” น้ำเสียงหวานของไป๋เจียวเหม่ยดังขึ้น ดวงตาของนางเป็นประกายทันทีที่เห็นบุรุษตรงหน้า

ไป๋เจียวเหม่ยยอบกายเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ข้างกายมู่เซี่หยาง น้ำเสียงหวานกล่าว “ได้โปรดคุณชายมู่ช่วยสหายของข้าด้วยเจ้าค่ะ”

มู่เซี่ยหยางละสายตาจากสตรีข้างกายก่อนจะปรายไปมองจู้ซูเหยียนแทน น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างเย็นชา “ดูแล้วคุณหนูจู้คงไม่ต้องการให้ข้าช่วยเหลือแล้วกระมัง”

ที่เอ่ยปากว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเขาแล้ว เพราะยามนี้นางกำลังสนใจเสิ่นซือเยว่อยู่งั้นหรือ…?

 

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หวนคืนอีกคราไม่ขอมีท่านเป็นสามีอีก   ๒๙ สามีภรรยา

    มู่เซี่ยหยางปรายสายตามองจู้ซูเหยียนนิ่งๆ ไม่พูดอันใดออกมาราวหนึ่งก้านธูป ฝ่ามือหนาพลางยกขึ้นลูบไล้เรือนผมนางด้วยความอ่อนโยน “ยังไม่ตื่นอีกหรือ”จู้ซูเหยียนส่ายหน้าก่อนจะซุกไซร้เข้าไปในอ้อมกอดของอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจ“ไม่” น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมางัวเงียเขาแค่นเสียงหัวเราะเบาๆ มุมปากหนาโค้งยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยพูดออกมา “หากเป็นเช่นนี้เกรงว่ากิจการของสกุลมู่คงขาดทุนเสียแล้ว”เหตุใดสตรีผู้นี้ถึงได้ขี้เซ้าเพียงนี้ ทั้งที่นอนหลับไปหลายชั่ว“สกุลมู่มีเพียงท่านทำงานอยู่ผู้เดียวหรือไร” นางพึมพำพูดเสียงอู้อี้อย่างเกียจคร้านไม่คิดจะลืมตาตื่นจากที่นอนพอจัดการสะสางเรื่องทุกอย่างแล้วสิ้นนั้นคล้ายกับว่าความรู้สึกหนักอึ้งในใจที่เสมือนถูกก้อนหินทับเอาไว้ถูกยกออกเสียที ยามนี้นางไม่มีเรื่องอันใดให้ต้องระแวงและกังวลใจอีกแล้วจากนี้นางขอใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างเกียจคร้านไม่ต้องมีเรื่องอันใดให้ต้องคิดหนักใจหน่อยเถอะนิ้วมือเรียวยาวพลันยกขึ้นมาเกลี่ยแก้มนวลของนางแผ่วเบาราวกับกำลังหยอกล้อ สายตาของมู่เซี่ยหยางที่มองนางล้วนเต็มไปด้วยความเอ็นดูไม่น้อยเหตุใดถึงคล้ายลูกแมวน้อยขี้เซ้านัก“อื้ออ…” จู้ซูเหยียนครางอ

  • หวนคืนอีกคราไม่ขอมีท่านเป็นสามีอีก   ๒๘ สะสางเรื่องที่ยังค้างคา

    เมื่อมู่เซี่ยหยางเอ่ยวาจาเช่นนั้นออกมา จู้ซูเหยียนพลันชะงักไปเล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้นสบเข้ากับดวงตาคมกริบของเขาโดยไม่อาจหลบเลี่ยง สีหน้าของนางฉายแววครุ่นคิดอย่างชัดเจน ราวกับกำลังชั่งใจว่าควรเชื่อคำพูดของบุรุษตรงหน้าหรือไม่“…”มู่เซี่ยหยางเพียงจ้องมองนางนิ่งๆ ไม่บุ่มบ่ามหรือทำอันใดให้นางต้องรู้สึกไม่ดีสายตาคมกริบจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่งาม เห็นได้ชัดว่ายามนี่นางกำลังสับสนและลังเลไม่น้อย เขาเอ่ยออกมาเสียงเรียบ “ดึกเพียงนี้แล้วดับตะเกียงนอนเถอะ”จู้ซูเหยียนขยับริมฝีปากพูด “มู่เซี่ยหยาง…” นางถอนพลางหายใจเฮือกใหญ่ออกมา“หื้ม?”“ท่านและไป๋เจียวเหม่ยนั้น…” นางเงียบไปครู่หนึ่ง ชั่งใจว่าควรจะเอ่ยถามออกมาหรือไม่ มือทั้งสองข้างกำแน่นก่อนจะรู้สึกว่ามีฝ่ามือหนาของเขามากอบกุมเอาไว้มู่เซี่ยหยางระบายยิ้มจางๆ เขาเข้าใจได้ว่านางกำลังจะพูดสิ่งใดออกมา “คุณหนูไป๋และข้าได้มีความสัมพันธ์อันใดกันทั้งสิ้น” หากไม่ใช่เพราะคุณหนูผู้นั้นเป็นสหายกับจู้ซูเหยียนมานาน เขาเองก็ไม่คิดจะข้องเกี่ยวมีเรื่องสตรีให้นางต้องรู้สึกลำบากใจเห็นได้ชัดว่าสายตาของจู้ซูเหยียนฉายแววความลังเลอย่างไรในอดีตคนทั้งคู่ก็เคยมีความสัม

  • หวนคืนอีกคราไม่ขอมีท่านเป็นสามีอีก   ๒๗ เส้นด้ายแดงยังคงอยู่

    หานเฟิ่งยกน้ำชาขึ้นมาจิบพลางเหลือบสายตามองบุรุษตรงหน้าก่อนจะวางจอกน้ำชาลงพลางถอนหายใจออกมาแทน ท่าทางกลัดกลุ้มใจเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดมองเห็นแล้วก็คงคิดว่าคนผู้นี้ทะเลาะกับภรรยามาเป็นแน่“เปลี่ยนจากโรงเตี๊ยมเป็นหอคณิกาดีหรือไม่” หานเฟิ่งเลิกคิ้วเอ่ยถาม ดูแล้วบรรยากาศเช่นนี้คงไม่เหมาะที่จะดื่มชานัก มิสู้เปลี่ยนเป็นสุราแรงคงจะดีไม่น้อย“ก่อนหน้านี้ข้าทำอันใดให้นางไม่พอใจกัน” จู่ๆ มู่เซี่ยหยางที่เอาแต่นั่งเงียบอยู่จึงพูดขึ้น ใบหน้าของเขาขมวดคิ้วท่าทางครุ่นคิดหนักเหตุใดนางถึงไม่เชื่อใจเขา…เช่นนี้แล้วเขาควรทำอย่างไรดีมู่เซี่ยหยางอดย้อนคิดกลับไปไม่ได้ว่าแท้จริงแล้ว มีสิ่งใดที่เขาทำลงไปโดยไม่รู้ตัวไม่นึกถึงความรู้สึกของนางหรือไม่แน่นอนว่าย่อมมี! ทว่าเหตุการณ์เหล่านั้นล้วนเกิดก่อนที่เขาจะร่วมกราบไหว้ฟ้าดินกับนางทั้งสิ้น“…”“ต้องทำอย่างไรนางถึงจะคุยกับข้า”น้ำเสียงทุ้มของมู่เซี่ยหยางที่เอ่ยออกมาแผ่วเบาราวกับกำลังพึมพำพูดอยู่ในความคิดของตัวเอง ถ้อยคำที่นางเอ่ยออกมาเมื่อวานนี้ยังคงดังก้องวนเวียนอยู่ในความคิดของเขาซ้ำๆ“พูดกับข้าหรือ…?” หานเฟิ่งเลิกคิ้วถามกลับ“ตรงนี้ยังมีผู้ใดอีกนอกจากเจ้า” ม

  • หวนคืนอีกคราไม่ขอมีท่านเป็นสามีอีก   ๒๖ เขาทำเพื่อนาง

    ความรู้สึกของผู้อื่นหรือจะสำคัญเท่าภรรยา…หากนางทำผิดเขาก็จะหลับตาข้างหนึ่งเสแสร้งตาบอดมองไม่เห็นคิดว่าเป็นเรื่องถูกต้องมู่เซี่ยหยางยังคงยืนแน่นิ่งอยู่ที่เดิม ในขณะที่จู้ซูเหยียรเดินไปล้มตัวนอนบนเตียงคลุมผ้าห่มปกปิดทั่วทั้งร่างทันทีเขามองเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาก่อนจะโบกมือไล่สาวใช้ในเรือนให้ออกไปก่อนจะปิดประตูลงทันที ยามนี้จึงเหลือเพียงแค่เขาและนางเท่านั้น…มู่เซี่ยหยางเดินไปนั่งอยู่ข้างเตียง น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามออก มาอย่างอ่อนโยน “เป็นอันใดไปหรือ” “อย่ามายุ่งกับข้า!”“จู้ซูเหยียน…” เขากดเสียงทุ้มต่ำก่อนจะยื่นมือไปเลิกผ้าห่มออกแต่ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายชักดึงกลับทันที มู่เซี่ยหยางไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ สตรีผู้นี้ถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้จู้ซูเหยียนพูดเสียงอู้อี้ “ออกไปให้พ้น!”“เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่มิใช่หรือ” มู่เซี่ยหยางถามอย่างใจเย็น สายตามคมกริบมองก้อนผ้าห่มตรงหน้านิ่งๆจู้ซูเหยียนไม่มีทางยอมโผล่หน้าออกไปคุยกับบุรุษผู้นี้แน่ เดิมทีนั้นไม่ว่านางจะผิดถูกหรือไม่ มู่เซี่ยหยางไม่เคยถามไถ่เหตุผลว่าเพราะเหตุใดและทำไม เขาเอาแต่ด่าทอนางด้วยถ้อยคำที่ฟังแล้วรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจทั้ง

  • หวนคืนอีกคราไม่ขอมีท่านเป็นสามีอีก   ๒๕ ความจริงกระจ่างแจ้ง

    พอเห็นท่าทางของสตรีตรงหน้าผู้นี้โมโหเดือดดาลมิต่างจากน้ำต้มในกา ไป๋เจียวเหม่ยพลางยกมือปิดปากหัวเราะเยาะ สายตาปรายมองสตรีตรงหน้าอย่างดูแคลน นึกไม่ถึงว่าเรื่องเช่นนี้จะนำมาข่มขู่จู้ซูเหยียนได้“แท้จริงแล้วเจ้าต้องการอันใดกันแน่ไป๋เจียวเหม่ย”จู้ซูเหยียนขมวดคิ้วมุ่นปรายสายตามองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ…แท้จริงแล้วไป๋เจียวเหม่ยต้องการอันใดจากนางกันแน่หรือเพียงเพราะต้องการยั่วยวนโทสะเท่านั้นไป๋เจียวเหม่ยยังหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี นางพลางโบกมือส่ายหน้าไปมาท่าทางเหนื่อยหน่าย“ข้าเพียงนำข่าวลือในวังหลวงมาแจ้งให้เจ้าทราบเท่านั้น”จู้ซูเหยียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาด้วยความรำคาญ ข่าวลือจากวังหลวงหรือข่าวลือจากลมปากของสตรีผู้นี้กันแน่ มีหรือนางจะเชื่อ… “เจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบที่โง่งมจนเชื่อคำพูดของเจ้าเช่นนั้นหรือไป๋เจียวเหม่ย”ไป๋เจียวเหม่ยเลิกคิ้วถาม “เคยเชื่อมิใช่หรือ”คราวก่อนนั้นหากนางบอกว่าไปซ้าย...จู้ซูเหยียนก็เชื่อฟังเดินไปทางซ้ายโดยไร้ข้องกังหาและหากนางบอกว่าไปขวาแล้วจะดี มีหรือว่าสตรีโง่เขลาผู้นี้จะไม่หลงเชื่อ“ไป๋เจียวเหม่ย!” จู้ซูเหยียนกัดฟันกรอด ถลึงตามองด้วยความโกรธ ไม่ว่าจะเ

  • หวนคืนอีกคราไม่ขอมีท่านเป็นสามีอีก   ๒๔ ไม่มีทางเชื่อใจ

    “เหอะ!”จู้ซูเหยียนแค่นเสียงออกมาอย่างเย้ยหยัน นัยน์ตาเมล็ดซิ่งปรายมองมู่เซี่ยหยางด้วยท่าทางไม่ไว้วางใจครั้งหนึ่งนางหลงรักมู่เซี่ยหยางและเคยเชื่อเขาจนกลายเป็นสตรีที่โง่งมที่สุดในใต้หล้า...เรื่องเช่นนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกครั้งเป็นรอบที่สองนางเอ่ยขึ้น “เชิญท่านตายลงโลงไปผู้เดียวเถิด”จู้ซูเหยียนแสดงออกมาชัดเจนว่าไม่อยากข้องเกี่ยวกับบุรุษผู้นี้อีกแล้วแม้จะต้องตายลงโลงก็ไม่ขอฝังกลบดินร่วมกัน“…”“หลีกไปได้แล้ว” นางเอ่ยขึ้นทว่ามู่เซี่ยหยางกับยังคงยืนแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน จู้ซูเหยียนจึงเบนเบี่ยงตัวหลบเดินไปอีกทางแทนแต่ทว่ากลับต้องชะงักเมื่อได้ยินถ้อยคำนั้นของเขา “เจ้าเริ่มเป็นอื่นตั้งแต่เมื่อใดกันจู้ซูเหยียน” มู่เซี่ยหยาง กล่าวออกมาเสียงเรียบจู้ซูเหยียนหัวเราะเบาๆ อย่างเย้ยหยันก่อนจะปรายมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ท่านต่างหากมู่เซี่ยหยางที่เริ่มมีใจเป็นอื่น..”ณ จวนสกุลมู่“ท่านไม่เคยรักข้าเลย!”“…”“ไม่เคยรักเลยหรือมู่เซี่ยหยาง!” น้ำเสียงหวานตะโกนดังก้องไปทั่วบริเวณ แฝงความโกรธเคืองและความน้อยใจเอาไว้นัยน์ตาเมล็ดซิ่งสั่นระริกเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใส จู้ซูเหยียนมองมู่เซี่ยหยางในอาภรณ์มงค

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status