LOGIN“แต่ตามึงไม่บอกว่าช่างนะเจ” คริสพูดขึ้นพลางมองหน้าเพื่อนก่อนจะสบตากับพี่ชายของเพื่อน
“มึงจะยิ้มหน้าบานกับความโง่ของตัวเองที่รู้ว่าคนที่นอนกกมาตั้งแต่ปี 3 ไปมีคนใหม่แต่ยังเงียบเพราะไม่อยากให้เขาเสียอนาคตมั้ยล่ะ ถ้ารู้ว่ายังจะวนเวียนแบบนี้กูตัดจบไปแล้วทั้งคู่เลยไอ้สัตว์” ชายหนุ่มเงยหน้าถามเพื่อนพลางรับแก้วจากพนักงานมากระดกลงคอทีเดียวหมดแก้ว
“เฮ้ย! ถึงมึงไม่ตัดจบแต่กรรมก็ทำงานเร็วว่ะ กูให้คนไปสืบมาให้แล้ว ได้ความว่าเมียของหมอคนนั้นก็เป็นหมอเหมือนกันแต่เป็นรุ่นพี่ทำงานอยู่อีกโรงพยาบาล ได้ทุนไปทำวิจัยที่ต่างประเทศหลายปีจนจบดอกเตอร์กลับมาแล้วจับได้ว่าถูกผัวนอกใจ เขาเลยฟ้องทางวินัยกับโรงพยาบาลแล้วฟ้องหย่า พ่อผู้หญิงที่ให้ทุนหมอคนนี้เรียนต่อที่ไทยจนจบโทก็เรียกทุนเรียนคืนเห็นว่าหลายล้านเลยนะ แถมทั้งรถทั้งบ้านที่อยู่ที่ใช้ก็เป็นชื่อผู้หญิงทั้งหมดด้วย เขายึดคืนหมดแล้วไล่หมอคนนั้นออกจากบ้าน ตอนนี้หมอคนนั้นถูกโรงพยาบาลไล่ออก โดนยึดใบประกอบโรคศิลป์ พอผู้ชายเหลือแต่ตัวเอื้อมจันทร์เลยชิ่งแล้วไปหาเมียเขาบอกว่าถูกผู้ชายหลอกไม่รู้ว่ามีครอบครัวแล้ว เพื่อไม่ให้เมียเขาเอาเรื่องเห็นว่าโอนคอนโดนที่ผู้ชายซื้อให้คืนแล้วก็บ้านอีกหลังด้วยนี่ ตอนนี้ย้ายไปอยู่ที่หอพักแพทย์ของ H” คริสเล่าให้เพื่อนฟังตามที่ให้คนไปสืบมาเพื่อจะได้บอกรายละเอียดเพื่อนให้ครบถ้วน
“ตอแหล อยู่ขนาดนั้นไม่ระแคะระคายก็บ้าแล้ว”
“กูว่าไม่ใช่ไม่ระแคะระคายหรอกแต่เงินบังตามากกว่า เท่าที่รู้หมอคนนั้นทำคลินิกด้วย แต่ตอนนี้โดนยึดใบประกอบคลินิกก็ปิดไปแล้ว”
“เอาน่ะ กูไม่โง่ซ้ำ 2 แน่นอนไอ้ห่า แล้วตอนนี้กูก็มีผู้ช่วยแล้วด้วย” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ แล้วเล่าเรื่องที่ไปดำเนินการวันนี้ให้เพื่อนกับพี่ชายฟังโดยเว้นไว้เรื่องค่าใช้จ่ายที่ตัวเองต้องจ่ายให้เด็กสาว ซึ่งคริสก็เห็นด้วยที่เจเดนตัดสินใจทำแบบนั้นเพราะจะได้ไม่วุ่นวายเหมือนพี่ชายที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้
“ฉลาดว่ะ น้อง ๆ มึงเพิ่ง 14-15 ดึงได้ยาวเลย” คริสคล้อยตามเมื่อเห็นเพื่อนอารมณ์ดีขึ้น
“ทีแรกกูก็เครียดฉิบหาย คุยกับไอ้ทอยว่าจะลงเรียนต่อแต่พ่อกับอากูไม่ยอม จะให้เพื่อนในรุ่นช่วย แม่ง! อายุเท่ากันอีก เกิดคุณย่าอยากให้แต่งให้หมั้นก็บานปลายไปใหญ่ กูเลยมาคิดถึงไอ้ 2 ตัวนี่ จะคุยกับไอ้หนึ่งก็แมนไป เลยลองปรึกษาอาศิดูบอกว่าขอยืมไว้เผื่อโดนถาม ซึ่งกูว่าถามแน่ล่ะแต่กูก็จะแถไปเรื่อย ๆ ก่อนรอให้ซีมันโตมากกว่านี้ก่อน ถ้าไม่เร้าหรือกูก็คงไม่เอ่ยชื่อมันหรอก ถึงมันจะบอกว่ายอมแก่แดด แต่กูก็กลัวว่าคุณย่าจะมองน้องไม่ดีอยู่ดี” ชายหนุ่มเล่าต่อพลางถอนหายใจ
“แล้วย่าหญิงจะเชื่อหรือไงวะ” คริสสงสัยพลางมองหน้าพี่ชายเพื่อน
“ถึงไม่เชื่อแต่กูว่าคุณย่าไม่กล้าว่าอะไรหรอกยังไงก็เกรงใจอาศิกับอาขวัญอยู่ดี” ชายหนุ่มบอกเพื่อนถึงความคิดของตัวเอง
“เรื่องถามกูว่าถามแน่ ดีไม่ดีถามวันแรกที่เจอหน้าเลยด้วย ล้านนึงเอาบาทเดียว” จาติรัชพูดขึ้นพลางยกแก้วขึ้นจิบ
“พูดเหมือนไอ้ซีไอ้หนึ่งเลย สมกับคุยกันรู้เรื่องจริงว่ะ” คุณหมอหนุ่มว่าพลางหัวเราะ “แต่กูว่ากูต้องเพิ่มงานให้ซีมันแล้วล่ะ ถ้าเอื้อมอยู่ที่โรงพยาบาล” พลางถอนหายใจยกแก้วขึ้นจิบ
“เดี๋ยวมันก็โวยบ่นเก่งฉิบหาย บอกให้ไปรับแล้วให้แวะไปเอารองเท้าที่บ้านให้ด้วย กูสายแค่ 5 นาทีบ่นตั้งแต่โรงเรียนจนถึงสนามแบตฯ” พี่ชายว่าขึ้นไม่จริงจังนัก
“ก็ต้องยอมมันแหละพี่ ฟังมันบ่นก็ดีกว่าคุณย่าหาเมียให้นั่นแหละ” ชายหนุ่มหัวเราะแล้วพากันเปลี่ยนเรื่องคุย ถึงเรื่องเพื่อนที่กำลังเรียนเฉพาะทางอีกใบที่ต่างประเทศและกำหนดการไปงานบวชเพื่อนรักรุ่นมัธยมในอีก 2 วันข้างหน้า ซึ่งจาติรัชบอกว่าอยากไปด้วยเพราะไม่เคยไปหนองคาย และอยู่ดื่มกินกันต่อโดยที่คืนนี้เจเดนได้ชวนพี่ชายกลับไปนอนที่โรงแรมที่คุณศิลาเปิดให้เพราะมีบางอย่างที่ต้องปรึกษากันต่อ...
..........//..........
ขณะเดียวกันที่บ้านดอกเตอร์ศิลา
2 สาวน้องซีกับน้องน้ำหนึ่งกำลังนอนเล่นเกมด้วยกันที่ห้องนอนของน้องซี เพราะวันนี้ที่บ้านของน้องน้ำหนึ่งไม่มีคนอยู่บ้าน
“ซี หนึ่งพูดอะไรจะบอกว่าเสือกหรือเปล่า” น้องน้ำหนึ่งถามขึ้นเมื่อจบเกมแล้ววางมือถือไว้ที่หัวเตียงก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนสีหน้าจริงจัง
“ไม่ล่ะ มีอะไรก็พูดมาเลย” ว่าพลางลุกขึ้นนั่งมองหน้าเพื่อนอย่างตั้งใจ
“พี่วนบอกว่าวันที่ไปกินเหล้าที่โบว่า พี่คริสเพื่อนพี่เจเล่าให้ฟังว่าตอนนี้แฟนเก่าพี่เจมาทำงานที่ H แล้วนะ” คำพูดของเพื่อนทำให้เด็กสาวขมวดคิ้ว
“ฮะ!”
“จริง พี่วนบอกว่าเขามาฉลองงานใหม่ที่นั่นกับเพื่อน บอกว่าย้ายมาที่ H เพื่อรอพี่เจเลยนะ” น้องน้ำหนึ่งเล่าพลางถอนหายใจ
“เอ๊า! แล้วทำไมตอนพี่เจมาไม่พูดวะ” เด็กสาวโวยให้เพื่อน
“แหะ... ก็ตอนนั้นซีบอกว่ารับเงินมาแล้วนี่” น้องน้ำหนึ่งยิ้มแห้งให้เพื่อน
“รับก็คืนได้เว้ย ถึงได้มาคุณพ่อก็ไม่ให้ใช้อยู่ดี เมื่อตอนเย็นยังเรียกไปคุยก่อนไปงานเลี้ยงไม่เห็นเหรอแล้วทีแรกที่พูดแค่คิดจะแกล้งเล่นเว้ยไม่คิดว่าจะโอนจริง ปกติพี่เจประหยัดจะตายนี่” น้องซีว่าพลางถอนหายใจ “หนึ่งว่าเรื่องนี้พี่เจรู้หรือยังวะ”
“ไม่มั่นใจแต่หนึ่งว่าน่าจะยังนะ ไม่งั้นไม่มายืมชื่อซีหรอกแค่บอกว่ามีแฟนแล้วก็จบปะ” น้องน้ำหนึ่งขมวดคิ้ว
“เท่าที่รู้พี่เจมีแฟนตอนเรียนแพทย์ ป.ตรี แล้วเลิกกันตอน เทอมสุดท้าย ใช่คนนั้นหรือเปล่า”
“น่าจะใช่ พี่เจเคยมีแฟนแค่คนเดียวตอนไปเรียนที่อเมริกาก็ไม่ได้คบใครอีกนี่” น้องน้ำหนึ่งพยักหน้าพลางมองหน้าเพื่อน
“งั้นซีจะโทรหาพี่เจยกเลิกสัญญาตอนนี้เลย” ว่าพลางคว้ามือถือจะโทรหาชายหนุ่มทันที
“เดี๋ยวเว้ย (คว้ามือถือเพื่อนมาถือไว้เอง) หนึ่งว่ารอถามพี่เจก่อนดีกว่า บางทีแกอาจมีเหตุผลที่ต้องอ้างชื่อซีกับย่าหญิงอยู่ก็ได้”
“เหตุผลอะไรวะ” เด็กสาวขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อน
“ก็เมื่อเที่ยงพี่เจบอกว่าทั้งเรียนทั้งทำงานใช่ป่าว บางทีเขาอาจคบกันที่โรงพยาบาลแต่ยังไม่บอกย่าหญิงไง” น้องน้ำหนึ่งให้เหตุผลเพื่อน
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกูคะ”
“เกี่ยวเว้ย ถ้าบอกว่าคบผู้หญิงคนนั้นย่าหญิงก็จะให้หมั้นให้แต่งเพราะอายุเท่ากันไงแต่ถ้าบอกว่าคุยกับแกก็รออีกนานไง”
“ซียังไม่เห็นความเกี่ยวพันเลยว่ะ” น้องซีพูดขึ้นก่อนจะถอนหายใจมองบน
“ก็เขาเลิกไปแล้วใช่เปล่า กลับมาคบกันมันก็ต้องเริ่มใหม่ไงวะ มันก็ต้องใช้เวลา”
“สรุปคือใช้กูบังหน้า แล้วเกิดวันนึงโป๊ะแตกขึ้นมาคือกูเป็นเด็กเลี้ยงแกะเลยงี้ มองหน้าย่าหญิงไม่ติดเลยนะ เอามือถือมาจะโทรคุยกับพี่เจให้รู้เรื่อง” เด็กสาวพูดขึ้นพร้อมกับแบมือขอมือถือจากเพื่อน
“ใจเย็นดิวะ รอดูท่าทีไปก่อน”
“ใจเย็นบ้าอะไรล่ะ เอามือถือมา” ว่าพลางพยายามจะแย่งมือถือจากเพื่อน
“เฮ้ย... เดี๋ยวดิ รอถามพี่เจก่อน” น้องน้ำหนึ่งว่าพลางมองหน้าเพื่อน
“ถามอะไรอีก เขามีแฟนเก่ามารออยู่แบบนั้น นั่นพี่สะใภ้เราเลยนะเว้ย เกิดรู้ว่ามีสัญญานี้อยู่งอนพี่เจขึ้นมา พี่เราก็อกหักสิวะ”
“แค่แฟนเก่าเว้ย เราต้องถามพี่เราดูก่อนว่าจะกลับไปคบกันมั้ย บางทีพี่เจอาจรู้แล้วว่าแฟนเก่าอยู่ที่นั่นถึงกล้าโทรมาขอพ่อศิใช้ชื่อแกอ้างกับย่าหญิงเพราะไม่อยากกลับไปคบกับแฟนเก่าก็ได้นะเว้ย เราไม่รู้ว่าเขาจบกันดีหรือเปล่านะ” คำพูดเพื่อนทำเอาเด็กสาวชะงักคิดตามขึ้นมาทันที
“เหรอ?” “อือ...” น้องน้ำหนึ่งพยักหน้า
“แล้วตกลงเล่าให้ฟังนี่จะยังไง” เด็กสาวถามประชดเพื่อน
“ก็เล่าให้ฟังจะได้รู้ไง แต่ใครผูกคนนั้นก็แก้เองสิวะเรื่องนี้แกไม่ได้เริ่มนี่ ถ้าพี่เจจะกลับไปคบกับแฟนเก่าพี่เจต้องบอกแกเองเว้ย” น้องน้ำหนึ่งพูดขึ้นพลางเอนตัวลงนอน
“เออ... งั้นพี่เจมาหาหรือโทรมาค่อยถามแล้วกัน” เด็กสาวเห็นด้วยพลางล้มตัวลงนอนข้างเพื่อน...
เออ... รอถามดูก่อนลูก ใจร้อนได้ใครมา??
“ซีไม่เข้าใจว่าพี่เจจะลงเรียน ป.ตรี อีกทำไมในเมื่อจบ ป.โท ไปแล้วรอแค่มหาลัยรับรอง” เด็กสาวเปลี่ยนมาเป็นเรื่องเรียนของชายหนุ่ม“ก็ ป.โท หมอมั้ยครับ ป.ตรี บริหารมันคนละส่วน”“พี่เจมีพ่อโรมลุงรันที่เก่งมากอยู่ที่บ้าน แถมมีพี่ชายที่เก่งกว่าอาจารย์มหาลัยของพี่แฝด ขนาดพวกพี่แฝดยังให้พี่จาติวให้ก่อนสอบเลยบอกว่าเข้าใจกว่าอาจารย์สอนซะอีก แต่ติดตรงพี่จาจะสอนเป็นฝรั่งเศสมากกว่าอังกฤษแค่นั้น ซึ่งมันก็ไม่ใช่ปัญหาของบ้านเราอยู่แล้ว แถมพี่จายังเป็นนักวิเคราะห์การตลาดและนักวางแผนที่เก่งมาก การจัดการเรื่องเวลา วิสัยการลงทุนและการเจรจาเป็นเลิศแบบหาตัวจับยาก จนคุณพ่อ พ่อมาร์ค พ่อโรมแล้วก็ป๊าเทนพากันชมไม่ขาดปาก พ่อโรมถึงวางใจ แม้พี่จาจะไม่เข้าออฟฟิศแต่พี่จาก็ไม่เคยพลาดทุกงาน ซีมองว่าประสบการณ์ตรงเรียนรู้งานกับพี่จาจะง่ายกว่าไปเรียนเอาใบปริญญาอีกนะ ได้มาแล้วก็ไม่เห็นจะเอาไปทำอะไรได้เลย” ว่าพร้อมกับมองหน้าชายหนุ่มเหมือนจับผิดก่อนจะยิ้มที่มุมปากอย่างรู้ทัน “พี่เจลงเรียนไม่ใช่หาความรู้เพิ่มเติมหรอกแต่ถ่วงเวลาเข้าออฟฟิศเหมือนที่พี่ซันบอกว่าที่พี่ทอยลงเ
ทางด้านหน้าอาคารนั้น...“ย่าว่านครับ เดี๋ยวผมไปส่งนะครับเราแวะทานข้าวกันด้วย วันนี้ผมยังไม่ได้มื้อเช้าเลย” ชายหนุ่มอ้อนคุณย่าพลางพยุงท่านคนละข้างกับเด็กสาว“งานเยอะหรือลูก” ย่าว่านถามชายหนุ่มยิ้ม ๆ“เมื่อคืนมีเคสใหญ่ครับ ลากยาวจนถึงเช้า ผมเลยได้แค่กาแฟแก้วเดียว” ปากตอบคุณย่าแต่ตามองเด็กสาวที่เดินหน้าบึ้งอยู่อีกข้างอย่างเอ็นดู “พรุ่งนี้ผมขึ้นเวรบ่าย เย็นนี้ผมนัดจะไปนอนกับไอ้วนมันด้วยครับ ว่าจะให้มันช่วยติวหนังสือให้หน่อย”“ชิ! ข้ออ้าง” เสียงลอย ๆ ของเด็กสาวน่ามันเขี้ยวยิ่งนัก“อ้างอะไร พี่ตั้งใจจะไปติวจริง ๆ นัดไอ้วนมันไว้แล้วด้วย”“ก็ใครว่าอะไรคุณล่ะ” เด็กสาวสวนขึ้นปล่อยแขนคุณย่าเดินนำไปที่รถของชายหนุ่มที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก “ซีนั่งข้างหลังกับคุณย่านะ ไม่นั่งหน้าหรอกใครนั่งมามั่งก็ไม่รู้”“น้องซีไม่น่ารักเลยลูก” คุณย่าดุหลานสาวอีกรอบ“งั้นคุณย่ากลับกับพี่เจนะคะ ซีจะไปกับลุงเติมค่ะ” พูดพร้อมกับเดินไปที่รถที่บ้านตั
หลังจากที่ส่งเด็กสาวทั้ง 2 เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มขับรถย้อนกลับมาที่บ้านของดอกเตอร์ศิลาเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและให้คนขับรถพาไปส่งที่สนามบินเพื่อไปดูย่าเพื่อนรักที่เชียงใหม่ และกลับมาทำงานในวันรุ่งขึ้น ในวันหยุดถัดมาเจเดนได้ไปดูรถยนต์คันใหม่มาใช้งานแทนคันเดิมที่ใช้มาตั้งแต่เรียนแพทย์ปี 1 ซึ่งเป็นรถสปอร์ตคันเล็กที่คุณพ่อซื้อให้เป็นรางวัลสอบแพทย์ได้ แต่ตอนนี้ด้วยหน้าที่การงานและบางวันเขาต้องไปมหาวิทยาลัยและอาจต้องไปติดต่องานแทนผู้เป็นพ่อในอนาคต ซึ่งรถคันนี้อาจไม่เหมาะเท่าไหร่และตั้งใจจะเปลี่ยนตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้ว แต่ยังคงเก็บคันนี้ไว้ที่บ้านของพี่ชายเพราะเป็นรถคันแรกของตัวเอง ด้วยความที่เขาพักที่หอพักแพทย์เป็นหลักและเพิ่งลงเรียนบริหารเทอมแรกทำให้ชายหนุ่มไม่มีเวลากลับบ้านไปหาคุณย่า จะมีแต่ท่านที่มาพบแพทย์ตามนัดแล้วแวะมาหาหลานชายที่แผนกฉุกเฉิน และอยู่พูดคุยดัวยไม่นานนักก่อนกลับทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสบายใจมากขึ้น เพราะท่านไม่เคยพูดถึงเรื่องคู่ควงหรือแฟนของตัวเองเหมือนพี่ชาย ซึ่งเหตุผลหนึ่งน่าจะมาจากตนเองยังอายุไม่มากเท่าพี่ชายซึ่งตอนนี้อายุเกิน 30 ปีไปแล้วนั่นเอง............
วันรุ่งขึ้นรถสปอร์ต 2 ประตูสีดำวิ่งมาจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ของดอกเตอร์ศิลาในตอนเช้าตรู่ คุณหมอหนุ่มถอดแว่นตากรองแสงออกวางไว้ที่คอนโซลหน้ารถก่อนจะเปิดประตูลงมายกมือไหว้เจ้าของบ้านที่เดินออกมาพอดีและยิ้มให้คนที่รับปากว่าจะมารับไปส่งโรงเรียนอย่างยิ้มแย้ม“อาศิ อาขวัญ สวัสดีครับ”“มาแต่เช้าเลย วันนี้ไม่ได้ทำงานหรือลูก”“เพิ่งลงเวรครับอา เมื่อวานอาเทนโทรมาบอกว่าย่าอุ่นเข่าบวมแต่ไม่ยอมไปหาหมอผมเลยขอสลับเวรกับหมออีกคนไปขึ้นดึก ว่าจะไปดูให้ ถ้าผมบอกแล้วยังไม่ยอมไปหาหมอคงต้องไปบอกไอ้ทอยคุยกับย่ามันนั่นแหละ ย่าอุ่นฟังแต่หมอเลยไม่ฟังอาเทน แต่ก่อนไปแวะมารับเด็กบางคนไปส่งโรงเรียนก่อน บ่นเป็นแมวเลยว่าผมลืมน้อง” ชายหนุ่มตอบพลางมองหน้าน้องสาวคนเล็กของบ้านที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างคุณแม่ของเธออย่างเอ็นดู“อ๋อ... ถึงว่าวันนี้กินข้าวไปจ้องมือถือไป” คุณศิลาพยักหน้าพลางหันไปมองลูกสาวที่ยืนหน้างอมองรถสปอร์ตคันสวยของคนมารับเหมือนกำลังไม่พอใจ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนรักของเธอที่เปิดประตูเล็กเดินเข้ามาเพื่อโรงเรียนด้วยกันเหมือนทุกวั
2 เดือนต่อมาโรงพยาบาล Hครืด...ครืด....มือถือในกระเป๋ากางเกงของคุณหมอหนุ่มดังขึ้นในขณะที่กำลังเดินออกจากห้องฉุกเฉินหลังจากลงเวรแล้ว ชายหนุ่มได้แต่หยุดถอนหายใจมองบนกับคนที่คิดว่าจะโทรมาชวนไปทานข้าวหลังลงเวรที่เขาแสนเบื่อหน่าย คุณหมอหนุ่มหันหาคนที่จะรับโทรศัพท์แทนแล้วเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉินอีกครั้งก่อนจะสะกิดคุณหมอรุ่นพี่ที่เพิ่งรับช่วงเวรต่อกันแล้วล้วงมือถือคว่ำหน้าจอยื่นให้“พี่ก้อง ถ้าเอื้อมจันทร์โทรมาบอกว่าผมติดเคสนะครับ” พูดจบเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองดึงแฟ้มประวัติผู้ป่วยมาเปิดอ่าน ส่วนคุณหมอรุ่นพี่มองหน้าจอแล้วยิ้มที่มุมปากสะกิดแขนเจ้าของเครื่องชูหน้าจอให้ดูสายเรียกเข้า ซึ่งทันทีที่เห็นคุณหมอหนุ่มก็รีบลุกขึ้นเพื่อจะเอาโทรศัพท์คืนแต่รุ่นพี่รับถอยห่างแล้วกดรับสายแทนทันที‘โห... กว่าจะรับได้แทบจะต้องไปบนเจ้าที่ที่โรงพยาบาลเลยนะคะพี่เจ’ เสียงหวานใสปนความแง่งอนดังขึ้นทันทีที่มีคนกดรับสาย“เอ่อ... ขอโทษด้วยครับ พอดีคุณหมอเจติพัฒน์ติดเคสอยู่ พี่หมอก้องรับสายแทนครับ” คุณหมอก้องตอบพลางชำเลืองมองคุณห
เย็นวันศุกร์บ้านคุณหญิงรวิดารถตู้สีขาวคันใหญ่วิ่งเข้ามาจอดในที่จอดรถของบ้าน ในเวลาเกือบอาหารเย็น หนุ่มหน้าสวย คิ้วเข้ม ปากสีชมพูเหมือนทาลิปสติกอยู่ตลอดเวลา สวมเสื้อโปโลสีฟ้าอ่อนกับกางเกงขาสามส่วนสีดำ รองเท้าแตะเปิดประตูลงมาจากรถคนแรก“หมอเจ!” “ชู่ อย่าดังครับผมมาเซอร์ไพรส์คุณย่าเลยนะ อาโรมอาเจ้ามาหรือยัง” ชายหนุ่มรีบยกมือขึ้นแตะปากแล้วถามหาคุณอาทั้ง 2 ที่พ่อของเขาโทรหาเมื่อตอนบ่ายบอกว่าเจเดนกลับมาแล้วและคุณหมอหนุ่มยังได้เล่าเรื่องที่ตัวเองไปขอยืมชื่อน้องซีมาอ้างกับคุณย่าถ้าท่านถามหาคนคุยคนคบ ซึ่งเขาจะบอกว่าตอนนี้มีคนแล้วแต่ยังไม่บอกชื่อจนกว่าคุณย่าจะเร้าหรือจึงจะยอมเปิดไปเรื่อย ๆ ซึ่งเรื่องนี้ได้ทำความเข้าใจกับน้องมาแล้วเลยทำให้สบายใจขึ้นเลยจะมาเซอร์ไพรส์คุณย่าก่อนกำหนด เพราะตามกำหนดการเขาต้องกลับมาในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคุณย่าตื่นเต้นมากเตรียมชุดสวยเพื่อไปรับหลานชายคนเล็กที่สนามบินไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่หลายวันก่อน “อันนี้เอาไปแบ่งกันนะ”“มาแล้วค่ะคุณหมอ อุ๊ย! ขอบคุณค่า” แม่บ้านตอบพร้อมกับยกมือไหว้รับถุงของฝาก







