เมื่อคนจากไปแล้ว ชุยซินอี๋จึงถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ความรู้สึกอุ่นร้อนที่แก้มขาวนวลยังคงหลงเหลือให้เธอสัมผัสถึง ใบหน้าสวยหวานพลันแดงระเรื่อขึ้นมา เธอพยายามข่มกลั้นความรู้สึกที่เลยเถิดของตนเอง ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในบ้าน เมื่อเข้ามาก็พบว่าชุยเป่านั้นตื่นนอนแล้ว เด็กน้อยยกมือขึ้นขยี้ตาตนเอง ก่อนจะเดินเตาะแตะไปคว้าหยิบของเล่นที่เฝิงอี้ซื้อมาให้ขึ้นมาเล่นอย่างอารมณ์ดี
สือชิงเดินออกมาจากห้อง ก่อนจะเอ่ยกับลูกสาวของตนเอง
"ซินซิน คราวหน้าหากคุณชายซื้อของให้อีก ลูกก็ปฏิเสธบ้างนะ แม่เกรงใจเขา"
"ค่ะแม่"
ชุยซินอี๋แม้จะรับปากเอ่ยตอบรับแม่ตนเอง แต่เธอเองกลับลอบถอนหายใจ ไม่รู้ว่าจะห้ามปรามเฝิงอี้ได้ไหม เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะเป็นคนที่ดื้อรั้นได้ถึงเพียงนี้
ด้านเฝิงอี้นั้นเมื่อกลับมาถึงบ้านก็พบกับคุณนายเฝิงแม่ของตนเองที่กำลังป้อนผลไม้ให้สามีตนเองอยู่ เขายิ้มออกมาเล็กน้อย ตั้งแต่พ่อป่วยแม่ก็ดูแลพ่อแบบนี้มาตลอด มันเป็นภาพที่เขาเห็นอยู่บ่อยครั้ง
"อ้าวอาอี้ กลับมาแล้วเหรอลูก ไปที่ไหนมากัน อย่าเที่ยวเล่นให้มากนักนะ อีกสองวันแม่จะให้ลูกมาดูแลกิจการแล้ว แม่จะได้พักเสียที"
คุณนายเฝิงเอ่ยกับลูกชายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนจะหันไปป้อนผลไม้ให้สามีของตนเองต่อ เฝิงจงมองบุตรชายตนเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
"แกก็เติบโตแล้ว รีบแต่งงานเสียที ได้ยินว่าใกล้จะหมั้นหมายกับสวีเพ่ยแล้ว หากแต่งงานกันแล้วอย่าทำให้หล่อนเสียใจล่ะ อย่างไรนั่นก็เป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อเชียวนะ"
เฝิงอี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าเรียบเฉยขึ้นมาในทันที คุณนายเฝิงมองลูกชายก่อนจะส่ายหน้าไปมา เป็นเชิงบอกว่าอย่าพูดสิ่งใดที่กระทบกระเทือนจิตใจของพ่อตนเองเป็นอันขาด เขาจึงทำเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวกลับเข้าไปในห้อง
หลายวันต่อมาเสื้อผ้าที่เฝิงอี้สั่งตัดให้ชุยเป่าก็มาส่งที่บ้านตระกูลชุย ชุยซินอี๋มองกองผ้ามากมายด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง ไม่คิดว่ามันจะมากมายขนาดนี้ ดูแล้วสามารถใส่ได้ตลอดทั้งปีเลยเชียวแหละ แม้กระทั่งแม่ของเธอยังอุทานตกใจทันทีที่ได้เห็นกองผ้าตรงหน้า
"ซินซิน นี่เป็นผ้าที่คุณชายตัดให้เป่าเป่าเหรอ"
ชุยซินอี๋ยิ้มแห้งพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อยไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ สือชิงถอนหายใจออกมา คิดว่าครั้งหน้าจะต้องบอกคุณชายเสียหน่อยว่าอย่าทำเช่นนี้ พวกเธอเกรงใจเหลือเกิน หากคุณนายเฝิงรู้เข้าคงจะไม่พอใจเป็นแน่ หลังจากพูดคุยสนทนากับลูกสาวต่ออีกหน่อย สือชิงก็ไปทำงานทันที ตอนนี้ที่บ้านจึงเหลือเพียงชุยซินอี๋กับลูกเพียงสองคน เมื่อป้อนข้าวเด็กน้อยแล้วก็หาของเล่นมาให้เล่น ก่อนจะอุ้มมานั่งที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ ส่วนตัวเธอนั้นก็ไปรดน้ำผัก ตอนนี้ต้องรอผักรอบใหม่โตเสียก่อน จึงจะสามารถนำไปขายได้ ชุยซินอี๋รู้สึกเหนื่อยไม่น้อยเลย เงินที่เก็บมาก็ยังมีน้อยนิด ไม่สามารถเปิดร้านบะหมี่ที่เธออยากเปิดได้
หญิงสาวไม่อยากคิดมากอีก หลังจากรดน้ำผักเสร็จแล้ว เธอก็ทิ้งกายนั่งลงถอนหญ้า มันเป็นงานประจำวันที่ชุยซินอี๋ทำไปเสียแล้ว
"ซินซิน ฉันซื้อขนมมาฝากเธอด้วยแหละ"
ชุยซินอี๋เงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นหยางตงนั่นเอง เธอยิ้มให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปล้างมือและเอ่ยกับเขา
"ขอบใจนายมากนะ ฉันบอกนายแล้วยังไงล่ะว่าไม่ต้องก็ได้"
หยางตงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะเดินเข้าไปหาชุยเป่าและหยอกล้อเด็กน้อยอย่างเอ็นดู ชุยซินอี๋เดินมารับขนมจากหยางตงก่อนจะเอ่ย
"นายไปตลาดมาเหรอ"
"ใช่"
"ฉันก็ว่าจะไปเหมือนกัน ของสดที่บ้านหมดแล้ว ว่าจะไปซื้อมาตุนไว้เสียหน่อย"
"หากเธอไม่มีเงินมายืมฉันก่อนก็ได้นะ"
"ไม่เป็นไร ฉันยังพอมี"
หยางตงเองก็ไม่อยากเซ้าซี้ชุยซินอี๋อีก คนทั้งสองพูดคุยกันเรื่องทั่วไปอยู่นานสองนาน โดยไม่ทันสังเกตเลยว่ามีีรถคันหนึ่งมาจอดอยู่ถัดจากบ้านของชุยซินอี๋ไป
เฝิงอี้มองเข้าไปในเขตบ้านของชุยซินอี้ เขาเห็นว่าชุยซินอี๋กำลังสนทนากับผู้ชายคนหนึ่งอย่างสนิทสนม อีกทั้งไอ้ผู้ชายบ้านั่นยังเข้าใกล้และหยอกล้อชุยเป่าอีกด้วย
ความรู้สึกหงุดหงิดแผ่ซ่านครอบคลุมจิตใจของเฝิงอี้ในทันที เขากำมือถุงใส่ผลไม้ที่ซื้อติดมือมาจนมันยับย่น ก่อนจะพยายามระงับโทสะ นั่งอยู่ในรถเงียบๆ รอจนหยางตงเดินออกมาและกลับไปแล้ว เขาจึงเปิดประตูรถและก้าวลงมาจากรถ พร้อมกับเดินเข้าไปหาชุยซินอี๋ทันที
"แม่จะพาลูกเข้าบ้านนะจ๊ะ"
ในขณะที่ชุยซินอี๋กำลังจะอุ้มชุยเป่านั้น กลับมีมือหนาใหญ่คู่หนึ่งมาคว้าตัวชุยเป่าไปอุ้มเอาไว้เสียก่อน เมื่อหล่อนเงยหน้าไปมองก็พบว่าเป็นเฝิงอี้นั่นเอง
เขามาอีกแล้ว?
ชุยซินอี๋ที่เห็นเช่นนั้นก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าใดนัก เฝิงอี้เองเมื่อเห็นว่าชุยซินอี๋คล้ายไม่ยินดีที่ได้พบกับเขา ก็รู้สึกเศร้าในใจไม่น้อย เขายื่นถุงผลไม้ส่งให้หญิงสาวก่อนจะเอ่ย
"ซื้อมาฝากครับ"
ชุยซินอี๋จ้องมองถุงผลไม้นั่นเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจรับมันมา อย่างไรเขาก็ซื้อมาแล้วหากไม่รับก็คงจะไม่ดีเท่าใดนัก เฝิงอี้ที่เห็นเช่นนั้นจึงมีสีหน้าที่ดูดีขึ้นมาไม่น้อย
"กำลังทำอะไรอยู่เหรอ ให้พี่ช่วยไหม"
เขาชวนเธอพูดคุยก่อน ชุยซินอี๋ส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"ไม่มีค่ะ เพียงแค่จะพาชุยเป่าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและป้อนข้าวเท่านั้น งานง่ายๆ ฉันทำเองได้"
เฝิงอี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย
"ดีเลย อย่างนั้นเธอมาสอนพี่สิ พี่จะได้ทำเป็น"
"เอ?"
"เป่าเป่าเจ้าตัวกลม เราไปอาบน้ำกันดีกว่าไปกันๆ"
ชุยซินอี๋ขมวดคิ้วมุ่น เฝิงอี้ทำตามใจตัวเองอีกแล้ว เขาอุ้มชุยเป่าก้าวเดินเข้าไปในบ้านของเธออย่างถือวิสาสะ เมื่อเข้ามาถึงเฝิงอี้ก็ชะงักไปเล็กน้อย
บ้านตระกูลชุยเดิมทีมองจากภายนอกก็ดูไม่ได้กว้างใหญ่อยู่แล้ว เมื่อเข้ามาเขาจึงได้รู้ว่า ภายในบ้านไม่มีของใช้อยู่เลย มีเพียงที่นอนเล็กๆ ซึ่งน่าจะเป็นที่นอนของสือชิง เขามองไปโดยรอบก่อนจะพบกับห้องห้องหนึ่ง คาดว่าคงจะเป็นห้องของชุยซินอี๋ มันดูเล็กมากเลย เขาพลันรู้สึกปวดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ผ่านมาหลายสิบปีบ้านของเธอก็ยังเป็นเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
ชุยซินอี๋ไม่เคยอายที่ตนเองอยู่บ้านแบบนี้ เธอคิดว่าอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ขอใครกิน เธอทำอาชีพสุจริต ขยัน เธอเชื่อเสมอว่าคนขยันย่อมไม่มีทางอดตาย
เฝิงอี้หันมามองชุยซินอี๋ เดิมทีชุยซินอี๋คิดว่าเขาคงจะส่งชุยเป่าให้เธอ เพราะคุณชายที่มีฐานะร่ำรวยเช่นเขาคงรับไม่ได้ที่จะต้องอยู่ในบ้านสภาพเช่นนี้นานๆ แม้จะเคยเห็นบ้านของเธอในวัยเด็กมาก่อน แต่ตอนนี้เขาเติบโตแล้ว เป็นคุณชายที่หล่อเหลาดูสำอาง คงจะรับไม่ได้ที่ต้องมาอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ เช่นนี้นานๆ
แต่ทว่าเขากลับยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย
"ไปอาน้ำบให้ชุยเป่ากัน ปกติเธออาบน้ำให้เขาที่ไหน"
ชุยซินอี๋ได้สติตื่นจากความคิด ก่อนจะเอ่ย
"ปกติอาบที่หลังบ้านค่ะ เขาอาบในถังน้ำ"
เฝิงอี้พยักหน้าก่อนจะให้ชุยซินอี๋นำทางไป เมื่อมาถึงชุยซินอี๋ก็นำน้ำที่ต้มไว้แล้วมาผสมในอ่างให้เด็กน้อยอาบน้ำ ตรงนี้มีไม้แผ่นหนาที่ตีแปะๆ กันทำเป็นที่กั้นลมหนาวพัดเข้ามา ชุยเป่าตอนนี้กำลังแช่ในอ่างน้ำ ชุยซินอี๋รีบถูตัวอาบน้ำให้เขา เฝิงอี้เองก็ยิ้มมองเจ้าก้อนแป้งตัวกลมด้วยแววตาที่เอ็นดู
เมื่ออาบเสร็จแล้วก็รีบพาชุยเป่าเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้า เด็กอ้วนร้องไห้อยากกินนมแม่ ชุยซินอี๋อึกอักไม่รู้จะพูดบอกเขายังไงดี เฝิงอี้ที่เห็นท่าทีลนลานของเธอจึงรีบเอ่ยถามทันที
"เธอเป็นอะไรเหรอ บอกพี่ได้นะ"
"คือ คือเป่าเป่าอยากกินนมฉันน่ะค่ะ"
เฝิงอี้ที่ได้ยินก็รู้สึกอ้ำอึ้งขึ้นมา เขาพอจะเข้าใจความหมายอยู่บ้างว่าเจ้าเด็กอ้วนนี่หิวนมแม่แล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงรีบเอ่ยกับเธอทันที
"อย่างนั้นพี่จะหันไปที่อื่นก่อน"
ชุยซินอี๋คิดจะให้เขาออกไปข้างนอก แต่ว่าชุยเป่าร้องงอแงเพราะหิวแล้ว เธอจึงให้นมเขาทันทีโดยไม่เอ่ยพูดอะไรอีก ชุยซินอี๋รู้สึกกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก เธอนั่งให้นม ส่วนเขาก็ยืนอยู่ด้านหลังเธอไม่ได้จากไปไหน ช่วงเวลาเหมือนผ่านไปยาวนานเหลือเกิน จนกระทั่งชุยเป่าหลับไป ชุยซินอี๋วางเจ้าก้อนแป้งตัวกลมลงบนที่นอน ก่อนจะหาผ้าผืนบางมาวางทับไว้บนหน้าอกของชุยเป่าเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกตกใจ
เฝิงอี้หันมามอง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ชุยซินอี๋ พลางก้มลงไปสำรวจมองดูชุยเป่าอย่างสนใจ
ตา คิ้ว จมูกเหมือนเขาไม่มีผิด แต่เวลาเจ้าเด็กนี่ยิ้มเหมือนชุยซินอี๋ราวกับถอดแบบกันมา
เหมือนทั้งพ่อทั้งแม่เลยสินะ ช่างน่าเอ็นดูจริงๆ
ชุยซินอี๋ที่เห็นว่าเฝิงอี้เอาแต่ก้มมองดูชุยเป่า บางครั้งก็ยื่นนิ้วมือไปเขี่ยแก้มเขาเล่น เธอจึงลืมตัวยกมือขึ้นตีไหล่เฝิงอี้เบาๆ
"อย่ากวนเขาสิคะ เดี๋ยวเขาก็ตื่นขึ้นมาร้องไห้"
เฝิงอี้หันมามองชุยซินอี๋ เห็นหญิงสาวกำลังยกมือขึ้นทัดผมไปที่หลังใบหู เผยให้เห็นลำคอขาวเนียนชวนมอง เขารู้สึกเหมือนถูกดึงดูดอย่างไม่อาจห้ามใจ ชุยซินอี๋หันมาเห็นสายตาที่ร้อนแรงของเฝิงอี้ก็ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบขยับถอยหนีเขาเล็กน้อย
เฝิงอี้คล้ายจะได้สติ จึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
"ครัวเธออยู่ไหน พี่ต้องการใช้ครัว"
"อยู่ข้างห้องนอนฉันค่ะ ตรงนั้น"
ชุยซินอี๋ชี้มือไป เฝิงอี้มองตามก็พบกับห้องครัวขนาดเล็ก เขาลุกขึ้นไปที่ห้องครัว ก่อนจะจัดการนำผลไม้ในถุงมาล้างให้สะอาดและปอกเปลือกออก ชุยซินอี๋มองดูเขาด้วยแววตาที่สั่นไหว ไม่พบกันนานคล้ายว่าพี่ชายคนนั้นที่ร้องไห้เพราะตกต้นไม้จนขาหักจะเติบโตขึ้นมากแล้ว เขาดูหล่อเหลาและอบอุ่นเหลือเกิน
ไม่นานนักเฝิงอี้ก็เดินเข้ามาหาชุยซินอี๋ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างกายเธอ ชายหนุ่มหยิบสาลี่ที่ปอกแล้วและหั่นเป็นชิ้นอย่างดีส่งให้หญิงสาว แต่ชุยซินอี๋กลับปฏิเสธ
"ฉันยังไม่หิวค่ะ"
เฝิงอี้ยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาอ้าปากพร้อมกับอ้าปากคาบสาลี่เอาไว้ แล้วจึงดึงชุยซินอี๋เข้าหาตัว ก่อนจะป้อนสาลี่จากปากของตนเองเข้าไปในปากของหญิงสาว
ชุยซินอี๋ตกใจจนทำสิ่งใดไม่ถูก คิดจะถอยหนีแต่เขากลับกอดรั้งเอวบางของเธอเอาไว้แน่น เฝิงอี้ยิ้มตาหยีก่อนจะเอ่ย
"อยากให้ป้อนด้วยปากก็ไม่บอกนะครับคุณภรรยา"
ชุยซินอี๋ใบหน้าแดงก่ำ พลางก่นด่าเขาในใจ
คนบ้า!! คนบ้า!!!
เมื่อผ่านช่วงไว้ทุกข์มาแล้ว เฝิงอี้และชุยซินอี๋ก็แต่งงานกัน งานแต่งนี้ไม่ได้จัดใหญ่โตมากนัก เน้นเพียงความสะดวกและเรียบง่าย เติ้งเทียนอวี้และกวงจือหลินเพราะติดงานที่ต้องสะสางจึงไม่ได้มาร่วมงาน เพียงโทรมาแสดงความยินดีและส่งของขวัญแต่งงานมาให้เท่านั้น เฝิงอี้เองก็เข้าใจและเอ่ยขอบคุณเพื่อนรักทั้งสองอย่างเต็มใจหยางตงและสวีเพ่ยนั้นก็มาร่วมงานด้วย คนทั้งสองนำของขวัญมามอบให้ และอยู่ร่วมงานจนถึงเย็น ก่อนจะกลับไป เพราะสวีเพ่ยยืนนานไม่ค่อยไหว เนื่องจากเธอกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ เฝิงอี้และชุยซินอี๋มองดูหยางตงที่แบกสวีเพ่ยขึ้นหลังและเดินจากไปด้วยแววตาที่มีความสุขนับว่าพวกเขาทั้งสองเป็นคู่ที่สวรรค์บันดาลจริงๆ"พ่อครับ แม่ครับ ผมหิวอีกแล้ว"เฝิงอี้และชุยซินอี๋ที่ได้ยินอย่างนั้นก็หันไปมอง ก่อนจะพบกับเฝิงเป่าที่วิ่งเข้ามาหาเขาทั้งสอง เจ้าเด็กอ้วนตัวสูงขึ้นอีกแล้ว อีกทั้งยังชอบกิน วันๆ ถามหาแต่ของกิน แล้วยังบ่นว่าเหงามากอีกต่างหาก ชุยซินอี๋ย่อตัวลงไป ก่อนจะยื่นมือไปบีบแก้มของเฝิงเป่าอย่างมันเขี้ยว"แม่จะอุ้มลูกไม่ไหวแล้วนะรู้ไหม"เฝิงเป่าเบ้ปาก ก่อนจะเงยหน้าไปมองเฝิงอี้"พ่อครับ ผมอยากได้น้องสาวตัวอ้วนๆ
เฝิงอี้หลับตาลงรอรับลูกปืนจากเซวียนซาน แต่ทว่าเขากลับไม่พบกับความเจ็บปวดใดๆ เลยแม้แต่น้อย เมื่อลืมตามองดูก็พบว่าตอนนี้ที่หน้าท้องของเซวียนซานมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด เขาถูกยิง!!!เฝิงหลงหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่นเอง อีกทั้งยังมีภรรยาของเขา แม่ของชุยซินอี๋ และหยางตงกับสวีเพ่ยก็มาด้วย ตำรวจเล็งปลายกระบอกปืนเข้าหาเซวียนซานอีกครั้ง เฝิงหลงที่เห็นอย่างนั้นก็ตกใจก่อนจะเอ่ย"อย่ายิง!!! นี่ลูกชายของผมเอง"ปัง ปัง ปัง"พ่อ!!!"เฝิงอี้ตะโกนเรียกพ่อของตนเองสุดเสียง คุณนายเฝิงเองก็แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าเฝิงหลงใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระเสือกกระสนไปบังลูกกระสุนแทนเซวียนซาน ร่างของคนทั้งสองล้มลงไปบนพื้นพร้อมกัน เฝิงหลงจับมือของเซวียนซานเอาไว้แน่น ก่อนจะเอ่ย "พ่อขอโทษ พ่อผิดไปแล้ว พ่อที่เห็นแก่ตัวคนนี้สำนึกเสียใจแล้ว หวังว่าชีวิตนี้ของพ่อจะชดใช้ความแค้นทั้งหมดในใจของแกได้ อย่าทำร้ายใครอีกเลยนะ อาซาน"เซวียนซานหลับตาลงช้าๆ เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันมืดมนไปหมด เขาส่งเสียงเหอะในลำคอก่่อนจะร้องไห้ออกมาแผนการสำเร็จแล้ว แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกดีใจเลยล่ะ!!!คนชั่วคนนี้กำลังจะตาย แต่
เซวียนซานตอนนี้เหมือนกับคนเสียสติไปแล้ว ก่อนหน้านี้เซวียนชวนเตือนเท่าไรเขาก็ไม่ฟัง ในใจของเขามีแต่ความแค้นที่ฝังลึก เขาถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจจนมันบิดเบี้ยวเกินจะเยียวยาแล้วชุยซินอี๋จ้องมองเฝิงอี้และเฝิงเป่าด้วยแววตาที่แดงก่ำ หากวันนี้เธอเป็นอะไรไป เธอเชื่อว่าเฝิงอี้จะสามารถดูแลเฝิงเป่าได้เป็นอย่างดีแต่สำหรับเฝิงอี้แล้วเขาไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดเพียงว่าจะต้องช่วยชุยซินอี๋ออกมาให้ได้ หากช่วยไม่ได้เขาก็ไม่ไปไหนทั้งนั้นเซวียนซานลั่นไกปืนเตรียมจะยิงทุกคนที่ขวางหน้า เขาหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยกับชุยซินอี๋"เป็นยังไงล่ะซินซิน ไอ้คนที่เธอรักนักรักหนามันช่วยอะไรเธอได้ จะตายกันหมดอยู่แล้ว!!! เลือกฉันสิ แล้วเราจะมีความสุขไปด้วยกัน"ชุยซินอี๋ปรายตามองเซวียนซานด้วยความเย็นชา ก่อนจะยกยิ้มมุมปากและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลน"คนที่ไม่เห็นใครเป็นคนในสายตา ไม่คู่ควรที่จะได้ความรักจากใครหรอก ปล่อยให้ความแค้นบังตาจนมืดบอด ไม่ละอายแก่ใจตัวเอง""ซินซิน!!! โอ๊ย!!!"ชุยซินอี๋อาศัยจังหวะที่เซวียนซานเผลอใช้เศษกระเบื้องที่เธอถือเอาไว้ในมือแทงเข้าไปที่หน้าท้องของเขาอย่างแรง เซวียนซานร้องไม่เป็นภาษา ใบหน้าหล
ก่อนหน้านี้ชุยซินอี๋ได้สติตื่นขึ้นมา เมื่อตั้งสติได้และคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเธอก็ถึงกับลนลานรีบมองหาเฝิงเป่าทันที ก่อนจะพบว่าเฝิงเป่ากำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ เธอ ชุยซินอี๋หันมองซ้ายขวาพบว่ามือของตนเองถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือก "ไม่ต้องดิ้นไปหรอก ถึงเวลาผมจะปล่อยคุณเอง"เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ชุยซินอี๋จึงเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะพบว่าเป็นเซวียนซานนั่นเองภาพก่อนหน้านี้คือเขายื่นขวดน้ำให้เธอ จากนั้นเธอรู้สึกเหมือนกับถูกอะไรบางอย่างฟาดเข้ามาที่ต้นคอและสลบไปไม่ได้สติ จนเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในที่เก่าๆ เหมือนกับโรงงานร้างอย่างไรอย่างนั้น ชุยซินอี๋ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถาม“คุณจับฉันมาเหรอ"เซวียนซานยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ทว่ารอยยิ้มของเขามันดูเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัว ชุยซินอี๋ขยับตัวเข้าไปใกล้เฝิงเป่า พร้อมกับระแวดระวังเซวียนซานเอาไว้ด้วยเขาจะจับตัวเธอและลูกมาทำไมกัน ทั้งที่พวกเราไม่เคยมีเรื่องผิดใจอะไรต่อกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำเซวียนซานมองดูท่าทีของชุยซินอี๋ ก่อนจะถอนหายใจออกมา ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขาชอบเธอเข้าเสียแล้ว เขาคิดทบทวนมาหลายคืนแล้วก็ได้คำตอบที่แน่ชัด เขาชอบชุย
หลังจากที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ก็ถึงเวลาที่เฝิงอี้และชุยซินอี๋จะจัดงานแต่งงานกันอย่างมีความสุขเสียทีเช้านี้อากาศค่อนข้างแจ่มใส เฝิงอี้พาชุยซินอี๋มาตัดชุดแต่งงาน เดิมทีคนทั้งสองคิดจะประวิงเวลาออกไปก่อน เพราะตอนนี้สถานการณ์ในบ้านตระกูลเฝิงก็ยังไม่ดีเท่าใดนัก แม่ของเฝิงอี้ยังคงเย็นชากับพ่อของเขาอยู่ แต่ทว่าคุณนายเฝิงกลับบอกว่า จะให้ความทุกข์ที่พ่อแม่เป็นคนก่อ มาทำให้ลูกไม่มีความสุขได้ยังไงกัน จึงไม่ให้คนทั้งสองประวิงเวลาออกไปอีก บอกเพียงว่าจะต้องรีบจัดงานให้เร็วที่สุดชุยซินอี๋มองดูเฝิงเป่าที่กำลังนั่งกินขนมอยู่กับพี่เลี้ยง ไม่นานมานี้เฝิงอี้จ้างพี่เลี้ยงเด็กคนหนึ่งมาดูแลเฝิงเป่า เฝิงเป่าเองก็ดูจะเข้ากันได้ดีกับพี่เลี้ยงคนใหม่ อีกทั้งยังช่างพูดช่างเจรจา ยิ่งพูดได้ก็พูดไม่หยุด จนบางครั้งเธอเองยังตอบคำถามของเฝิงเป่าไม่ทันกิจการร้านบะหมี่ยังคงไปได้ดี เฝิงอี้ได้แม่ครัวคนใหม่มา แรกเริ่มชุยซินอี๋ยังคงไปสอนและแนะนำสูตรบะหมี่เดิมที่เธอทำเอาไว้ให้แม่ครัวคนใหม่ เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงได้ปล่อยให้คนงานทำงานกันเองต่อไปด้านภัตตาคารก็สร้างเสร็จแล้ว และเปิดทำการขายได้เหมือนเดิมแล้ว โดย
หยางตงที่ได้ยินอย่างนั้นก็จ้องมองซ่งชางอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปดึงตัวของสวีเพ่ยกลับมาหาตนเอง แต่คนของซ่งชางก็ยกเท้าถีบเขาจนกระเด็นลงไปกองกับพื้น หยางตงไอออกมาอย่างรุนแรง รู้สึกจุกแน่นที่หน้าท้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"อาตง!!!"สวีเพ่ยเอ่ยขึ้นมาด้วยความตกใจ เธอถูกจับตัวเอาไว้จนไม่อาจเข้าไปหาเขาได้ สวีเพ่ยหันไปมองซ่งชางด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะเอ่ย"อย่าแตะต้องเขา เขาเป็นคนรักของฉัน!!!"ซ่งชางที่ได้ยินอย่างนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมา ก่อนจะเดินเข้ามาหาสวีเพ่ย และยื่นมือขึ้นมาเชยปลายคางของเธอให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาชัดๆ"คนรักอย่างนั้นเหรอ เธอไม่มีสิทธิ์ไปรักกับใครได้หรอก เธอจะต้องไปที่ตระกูลซ่ง ไปเป็นเมียขัดดอกให้ฉัน คอยรับใช้คนตระกูลซ่งเพื่อชดใช้หนี้ บ้านของเธอและกิจการของพ่อเธอ ฉันจะยึดมาเป็นของฉันให้หมด เธอรู้ไหมว่าบ้านและกิจการของพ่อเธอมันยังไม่พอใช้หนี้ให้บ้านฉันเลยด้วยซ้ำ"สวีเพ่ยที่ได้ยินอย่างนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ย"นายอยากได้อะไรก็เอาไปให้หมดเลย ฉันไม่ยึดติดกับของพวกนี้แล้ว ส่วนเงินที่เหลือฉันจะหางานทำมาผ่อนจ่ายให้นายเอง""ผ่อนจ่ายเหรอ น้ำหน้าอย่างเธอเนี่ยนะจะทำงา
เมื่อเฝิงอี้จากไปแล้ว สวีเพ่ยจึงรีบเดินกลับเข้ามาในบ้านทันที หญิงสาวทำตัวปกติเหมือนทุกครั้งเพื่อไม่ให้มีพิรุธ ก่อนจะกลับเข้าห้องและล็อกประตูห้องอย่างแน่นหนา แล้วจึงรีบลนลานเปิดอ่านจดหมายที่หยางตงส่งมาในทันทีเพ่ยเพ่ย ฉันอาตงนะ เธอสบายดีไหม ฉันคิดถึงเธอมากเหลือเกิน ฉันมีหลายเรื่องที่อยากจะเล่าให้เธอฟัง มีหลายที่ที่อยากจะชวนเธอไปดูด้วยกัน ฉันตกปลามาได้หลายตัวเลย อยากให้เธอได้มากินปลาเผาฝีมือฉัน ร้านเหล้าตอนนี้ไม่มีคนมากนัก เหมาะที่จะชวนเธอไปนั่งดื่มด้วยกันเหมือนทุกครั้ง เพ่ยเพ่ย ฉันมีเรื่องสำคัญที่อยากบอกเธอ ฉันชอบเธอเข้าแล้ว มันคงดูตลกมากเลยใช่ไหม เธอเองคงไม่ได้คิดแบบเดียวกับฉันสินะ แต่ไม่่เป็นไรหรอก ฉันรู้เรื่องที่เธอต้องแต่งงานแล้วนะ เฝิงอี้พอจะคาดเดาเรื่องนี้ออก เขาบอกว่าคนโรคจิตอย่างเธอคงไม่ยอมถูกจับแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบง่ายๆ หรอก แล้วที่เธอยอมแต่งก็เพราะถูกพ่อบังคับ ฉันจะหาทางช่วยเธอเองนะสวีเพ่ย เราจะหนีไปด้วยกัน ฉันจะพาเธอหนี หลังจากนั้นเธออยากจะใช้ชีวิตยังไงฉันจะสนับสนุนเธอเอง เธอไม่ต้องชอบฉันก็ได้ ฉันจะคิดเพียงว่าฉันได้ช่วยเพื่อนรักอย่างเธอก็แล้วกัน เธอจะไปกับฉันไหม อีกสามวันฉั
ด้านสวีเยี่ยนนั้นตอนนี้เขากำลังมีความสุขกับเงินมากมายตรงหน้าที่ได้มาจากสินสอดของสวีเพ่ย ซึ่งทางตระกูลซ่งเป็นคนส่งมอบให้ เงินก้อนนี้นับว่าได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ไม่น้อย นอกจากคนตระกูลซ่งจะยกหนี้ก่อนหน้านี้ให้เขาเป็นโมฆะเพราะเกี่ยวดองกันแล้วแล้ว ยังมอบเงินอีกก้อนเพื่อเป็นสินสอดให้เขาอีกด้วย เมื่อสวีเยี่ยนนำเงินส่วนหนึ่งไปจ่ายหนี้พนันจนหมดแล้ว ส่วนที่เหลือเขาก็นำมันไปต่อยอดเล่นการพนันเพิ่มอีกเล็กน้อยสวีเยี่ยนยิ้มกริ่ม ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องราวในคืนนั้นคืนที่ภัตตาคารตระกูลเฝิงเกิดไฟไหม้เดิมทีเขาเป็นคนส่งคนเข้าไปวางเพลิงที่นั่นเอง เป้าหมายก็คือต้องการเผาทำลายภัตตาคารตระกูลเฝิง แหล่งทำเงินมากที่สุดของตระกูลเฝิงให้มันพังพินาศไปเสีย ที่ผ่านมาเขาพยายามคิดมาตลอดว่า เฝิงหลงเป็นเพื่อนรักที่ดีที่สุดของเขามาโดยตลอด ก่อนหน้านี้คนทั้งสองเป็นเพียงคนงานที่ทำงานในบาร์เหล้าทั่วไปเท่านั้น แต่เฝิงหลงกลับโชคดีมากกว่า ได้พบรักกับเสิ่นเยี่ย หญิงสาวที่เดินทางมาจากปักกิ่ง หล่อนมีเงินไม่น้อยเลย อีกทั้งตอนนั้นที่กวานซีกิจการของเสิ่นเยี่ยก็ทำเงินได้มากกว่าใคร เขาจึงหาทางทำให้เฝิงหลงได้เข้าไปใกล้ชิดกับเสิ่นเยี่ย
เมื่อหยางตงกลับไปแล้ว ชุยซินอี๋ก็กลับบ้านพร้อมกับเฝิงอี้ ระหว่างทางคนทั้งสองพูดคุยสนทนากันไปเรื่อยเปื่อย พูดถึงเรื่องแต่งงานแล้ว อีกไม่นานก็คงจะถึงงานแต่งงานของพวกเขาทั้งสอง เฝิงอี้คิดว่าหลังจากที่ภัตตาคารเฝิงกลับมาเปิดใหม่และเรื่องราวคลี่คลายแล้ว เขาจะแต่งงานกับชุยซินอี๋ทันทีเช้าวันต่อมาเป็นวันที่เฝิงหลงจะต้องไปพบหมอตามนัด เฝิงอี้เป็นคนขับรถพาพ่อและแม่ไปที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง ด้านเฝิงเป่านั้นก็มีสือชิงดูแลอยู่ ชุยซินอี๋เองก็วุ่นวายอยู่กับการดูแลร้านบะหมี่ ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำไม่ต่างกัน หลังจากตรวจงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณนายเฝิงก็บอกให้สามีนั่งรออยู่ที่หน้าห้องตรวจ ก่อนที่เธอเองจะไปจัดการเรื่องเอกสาร อีกไม่นานเฝิงอี้คงจะมารับเธอและสามีตามที่นัดหมายกันเอาไว้แล้วเฝิงหลงไม่ได้ให้คนติดตามมาด้วย เขาไม่ชอบความวุ่นวายมากนัก ระหว่างที่รอภรรยาก็นั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผู้คนที่มาตรวจเริ่มจะบางตาลงไปมากแล้ว เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย รู้สึกสมเพชตัวเองที่กลายมาเป็นเช่นนี้ เพราะหลายปีก่อนเขาเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ เขาจำได้ว่าตอนนั้นร่างกายขยับไม่ได้ โชคดีที่ได้พ่อของชุยซินอี๋มาช่วยพยุงเขาออกมา