อากาศในตอนนี้เริ่มจะอบอุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว ชุยซินอี๋ตอนนี้กำลังต้มโจ๊กให้ชุยเป่าเอาไว้กิน ก่อนจะไปทำอาหารเพิ่มอีกสองอย่างให้กับแม่ของเธอ หญิงสาวทำหมูเส้นผัดมันฝรั่งและผัดผักสามสหาย ตอนเช้ามืดหยางตงแวะมาหาเธอและนำซาลาเปาไส้เนื้อมามอบให้เธอหลายลูก ชุยซินอี๋จึงนำมันมาอุ่นเอาไว้ เพื่อเก็บไว้กินตอนมื้อกลางวัน
ระยะนี้เฝิงอี้เองก็มักจะมาเยี่ยมเธออยู่เสมอ แต่พักหลังๆ เหมือนเขาจะมีงานต้องทำจึงไม่ได้มา เธอเองก็รู้สึกโล่งใจที่เขาไม่ได้มาเช่นกัน เขามาบ่อยเสียจนเธอไม่รู้จะตอบคำถามของแม่อย่างไรแล้ว แต่พอเขาไม่มาเธอก็รู้สึกเหงาใจอย่างบอกไม่ถูก
ตอนนี้ชุยเป่าก็ขวบกว่าๆ แล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะสองขวบพอดี เด็กน้อยเริ่มพูดจาอ้อแอ้บ้างแล้ว แต่ยังคงไม่เป็นภาษา แต่ทว่ากลับเดินเริ่มคล่องขึ้นมาก ทุกวันมักจะตามเธอไปทุกที่ จนชุยซินอี๋ถึงกับยิ้มออกมาไม่หยุด ลูกเป็นทั้งหมดในชีวิตของเธอ เธอเองก็สุขใจทุกครั้งที่ได้เห็นชุยเป่ามีความสุข
สองปีที่ผ่านมานี้กวานซีเจริญขึ้นไม่น้อย ได้ยินว่ามีธุรกิจมากมายมาเปิดใหม่ แต่ทว่าชุยซินอี๋ไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก
"ซินซิน แม่จะไปทำงานแล้วนะ ลูกก็ดูแลบ้านดีๆ"
"ค่ะแม่ นี่ค่ะกล่องอาหาร หนูเตรียมเอาไว้ให้แม่แล้ว แม่จะได้ไม่ต้องไปซื้อข้าวกินข้างนอกอีก"
"จ้ะ"
สือชิงรับกล่องอาหารไปจากลูกสาว ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป ชุยซินอี๋ครุ่นคิดเล็กน้อย เธอคิดว่าจะให้แม่ลาออกจากงานมาเลี้ยงชุยเป่า ส่วนเธอก็จะไปหางานทำ แม่ก็แก่ชรามากแล้ว จะให้มาหาเงินเลี้ยงดูเธอและชุยเป่าก็คงไม่ดีเท่าใดนัก เห็นทีรอแม่กลับมาตอนเย็นเธอก็คงต้องพูดคุยกับแม่แล้ว ชุยเป่าก็รู้ความแล้ว ย่อมเลี้ยงง่ายกว่าแต่ก่อนมากนัก
รอจนตอนเย็นที่แม่ของเธอกลับมา ชุยซินอี๋จึงตัดสินใจพูดคุยเรื่องนี้กับแม่ทันที สือชิงเองก็พยักหน้าเห็นด้วย เธอก็แก่ชราลงไปไม่น้อยแล้ว อยากจะพักอยู่บ้านเลี้ยงหลานไปวันๆ แต่เพราะก่อนหน้านี้ยังวางมือจากงานไม่ได้ จึงไม่ยอมให้ชุยซินอี๋ไปทำงานแทนเสียที เมื่อคิดได้เช่นนั้นเธอจึงเอ่ยกับลูกสาวทันที
"ลูกก็กลับไปทำงานที่ภัตตาคารตระกูลเฝิงแทนแม่ละกัน แม่จะบอกคุณนายเฝิงเอาไว้ คุณนายเฝิงใจดีย่อมเข้าใจเรา"
ชุยซินอี๋ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"แม่คะ หนูไม่อยากไปทำที่ภัตตาคารตระกูลเฝิงแล้ว"
"ทำไมล่ะ"
สือชิงขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถามลูกสาวด้วยความสงสัย ชุยซินอี๋ยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ย
"หนูรู้ว่าแม่ผูกพันกับที่นั่นมาก แต่หนูไม่อยากให้แม่คิดมาก ต้องคอยพะวงว่าหนูจะทำงานไม่ถูกใจคุณนายเฝิงจนท่านไม่พอใจหรือเปล่า หนูจึงไม่อยากไปทำงานที่นั่นอีก หนูจึงเลือกไปหางานทำใหม่เพราะอยากทำงานอย่างสบายใจค่ะแม่ หนูก็ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอธิบายให้แม่เข้าใจดี"
สือชิงเองกลับคิดว่าที่ชุยซินอี๋ไม่อยากกลับไปทำที่นั่นเพราะยังลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะการไปทำงานที่ภัตตาคารตระกูลเฝิงทำให้ลูกสาวของเธอต้องพบเจอกับเรื่องไม่คาดฝัน ที่นั่นอาจจะเป็นที่ที่ดีสำหรับเธอ แต่ทว่ามันกลับเป็นที่ที่เหมือนฝันร้ายของชุยซินอี๋ และลูกสาวของเธอก็คงไม่อยากจะเอ่ยถึงเรื่องในตอนนั้นอีก เมื่อคิดได้เช่นนั้นเธอจึงไม่เอ่ยถามสิ่งใดจากลูกสาวของตนอีก
“ก็ได้จ้ะ แม่จะไปลาออกมาเลี้ยงชุยเป่าเอง"
"แม่สบายใจได้เลยค่ะ หนูจะทำทุกอย่างให้แม่ไม่ลำบาก"
"อืม"
สองแม่ลูกยิ้มให้กันอย่างอารมณ์ดี มื้อเย็นก็กินอาหารกันอย่างเรียบง่าย
ด้านเฝิงอี้นั้นตอนนี้เขากลับมาดูแลกิจการแล้ว นอกจากภัตตาคาร บาร์เหล้า และกิจการยิบย่อยแล้ว ได้ยินว่ายังตระกูลเฝิงยังจะเปิดโรงแรมร่วมกับตระกูลสวีอีกด้วย เพราะเหตุนี้ทำให้เฝิงอี้ต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อควบคุมดูแลงานต่างๆ ให้ลุล่วงเป็นไปด้วยดี รอจนกระทั่งเฝิงอินเรียนจบกลับมา ก็คงจะให้น้องสาวมาช่วยดูกิจการอีกแรงหนึ่ง
ส่วนแม่ของเขานั้นก็ไม่ได้ทำงานมากเท่าแต่ก่อนอีก เพียงเข้ามาดูบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น ส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาไปกับการอยู่เป็นเพื่อนพ่อ
วันนี้ก็เหมือนกันเขาต้องเข้ามาดูงานที่ภัตตาคาร ในขณะที่กำลังตรวจสอบบัญชีอยู่นั้นก็ได้ยินว่าสือชิงแม่ของชุยซินอี๋มาขอพบเขา เฝิงอี้วางงานในมือลง ก่อนจะเอ่ย
"เข้ามาได้ครับ"
สือชิงเดินเข้ามาก่อนจะยิ้มให้้เฝิงอี้ เฝิงอี้เองก็ยิ้มตอบเช่นเดียวกัน ก่อนจะเอ่ย
"คุณป้านั่งลงก่อนสิครับ"
สือชิงพยักหน้า ก่อนจะทิ้งกายนั่งลงตรงข้ามกับเฝิงอี้ แล้วจึงเริ่มพูดเข้าประเด็นสำคัญทันที
"คุณชายคะ ป้าอยากจะมาขอลาออกค่ะ"
เฝิงอี้ที่ได้ยินเช่นนั้นเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แล้วจึงเอ่ยถาม
"ทำไมอยู่ๆ ถึงคิดจะลาออกล่ะครับ ป้าทำงานอยู่กับแม่ตั้งนานนี่ หรือว่ามีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจใช่ไหม ป้าบอกกับผมได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ"
สือชิงส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ
"ไม่มีค่ะ ป้าทำงานอยู่ที่นี่แล้วมีความสุขมาก แต่ว่าซินซินอยากให้ป้าพักน่ะค่ะ เธออยากให้ป้าไปเลี้ยงหลานอยู่บ้าน เธอจะเลี้ยงดูป้าเอง เราสองคนแม่ลูกตกลงกันแล้ว ป้าเองก็เหนื่อยมาหลายปี ก่อนหน้านี้ป้าได้บอกคุณนายเฝิงไปแล้ว คุณนายเฝิงไม่ได้ว่าอะไร แต่ให้ป้ามาบอกคุณชายเสียหน่อย เพราะตอนนี้คนที่ดูแลกิจการคือคุณชายค่ะ"
เฝิงอี้ขมวดคิ้วมุ่น เขาพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยถาม
"แล้วเธอจะไปทำงานที่ไหนครับ เอาอย่างนี้ดีไหม ให้เธอมาทำที่ภัตตาคารแทนป้าเถอะครับ หรืออยากทำที่โรงแรมก็ได้ อีกไม่นานเราจะเปิดโรงแรมใหม่ หรืออย่างนั้นก็ไปช่วยดูแลกิจการในตลาดก็ได้นะครับ อย่างไรเราก็รู้จักกันมานาน เธอจะได้ไม่ต้องไปหางานที่อื่นทำให้ลำบาก"
สือชิงยิ้มแห้ง ก่อนจะเอ่ยตอบ
"ป้าไม่อยากปิดบังคุณชายนะคะ ซินซินอาจจะยังฝังใจกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้น จึงไม่อยากมาทำงานที่นี่ เอ่อ เรื่องเมื่อสองปีก่อนน่ะค่ะ ถึงเธอจะไม่พูดอะไรสักคำ แต่ฉันเป็นแม่ของเธอ เพียงมองตาเธอฉันก็เข้าใจแล้วค่ะ ต้องขออภัยคุณชายด้วยนะคะ หากมีเรื่องไหนให้ป้าช่วยหรือขาดคนงาน สามารถเรียกใช้ป้าได้ตลอดเวลาเลยนะคะ ป้ายินดี"
เฝิงอี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็พอจะเข้าใจเรื่องราวได้ในทันที เขาเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะพยายามสงบสติอารมณ์ และเอ่ยกับสือชิง
"เช่นนั้นก็ตามใจป้าครับ ผมไม่คัดค้านอยู่แล้ว แต่หากอยากกลับมาทำเมื่อไหร่ก็มาได้เสมอเลยนะครับ"
"ขอบคุณนะคะคุณชาย วันนี้เป็นวันหยุดของป้า แต่ว่าป้าจะมาทำงานจนครบเดือนแล้วถึงจะหยุดนะคะ"
"ครับ ส่วนเรื่องเงินเดือนของป้า ผมจะจัดการจ่ายให้เร็วๆ นะครับ ป้าไม่ต้องกังวล"
"ขอบคุณคุณชายมากเลยนะคะ เช่นนั้นป้าขอตัวกลับก่อนนะคะ"
"ครับ"
เมื่อสือชิงจากไปแล้ว เฝิงอี้ก็กลับมามีสีหน้าที่เคร่งเครียดเหมือนเดิม เขาครุ่นคิดถึงคำพูดเมื่อครู่ของคุณป้าสือชิง ที่บอกว่าชุยซินอี๋มีความทรงจำที่ไม่ค่อยดี เกรงว่ายังกระทบจิตใจของเธออยู่
เรื่องนั้นคงเป็นเรื่องของเขาใช่หรือไม่?
เฝิงอี้จิตใจไม่สงบแล้ว เขาวางงานตรงหน้าลง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานในทันที
เมื่อผ่านช่วงไว้ทุกข์มาแล้ว เฝิงอี้และชุยซินอี๋ก็แต่งงานกัน งานแต่งนี้ไม่ได้จัดใหญ่โตมากนัก เน้นเพียงความสะดวกและเรียบง่าย เติ้งเทียนอวี้และกวงจือหลินเพราะติดงานที่ต้องสะสางจึงไม่ได้มาร่วมงาน เพียงโทรมาแสดงความยินดีและส่งของขวัญแต่งงานมาให้เท่านั้น เฝิงอี้เองก็เข้าใจและเอ่ยขอบคุณเพื่อนรักทั้งสองอย่างเต็มใจหยางตงและสวีเพ่ยนั้นก็มาร่วมงานด้วย คนทั้งสองนำของขวัญมามอบให้ และอยู่ร่วมงานจนถึงเย็น ก่อนจะกลับไป เพราะสวีเพ่ยยืนนานไม่ค่อยไหว เนื่องจากเธอกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ เฝิงอี้และชุยซินอี๋มองดูหยางตงที่แบกสวีเพ่ยขึ้นหลังและเดินจากไปด้วยแววตาที่มีความสุขนับว่าพวกเขาทั้งสองเป็นคู่ที่สวรรค์บันดาลจริงๆ"พ่อครับ แม่ครับ ผมหิวอีกแล้ว"เฝิงอี้และชุยซินอี๋ที่ได้ยินอย่างนั้นก็หันไปมอง ก่อนจะพบกับเฝิงเป่าที่วิ่งเข้ามาหาเขาทั้งสอง เจ้าเด็กอ้วนตัวสูงขึ้นอีกแล้ว อีกทั้งยังชอบกิน วันๆ ถามหาแต่ของกิน แล้วยังบ่นว่าเหงามากอีกต่างหาก ชุยซินอี๋ย่อตัวลงไป ก่อนจะยื่นมือไปบีบแก้มของเฝิงเป่าอย่างมันเขี้ยว"แม่จะอุ้มลูกไม่ไหวแล้วนะรู้ไหม"เฝิงเป่าเบ้ปาก ก่อนจะเงยหน้าไปมองเฝิงอี้"พ่อครับ ผมอยากได้น้องสาวตัวอ้วนๆ
เฝิงอี้หลับตาลงรอรับลูกปืนจากเซวียนซาน แต่ทว่าเขากลับไม่พบกับความเจ็บปวดใดๆ เลยแม้แต่น้อย เมื่อลืมตามองดูก็พบว่าตอนนี้ที่หน้าท้องของเซวียนซานมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด เขาถูกยิง!!!เฝิงหลงหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่นเอง อีกทั้งยังมีภรรยาของเขา แม่ของชุยซินอี๋ และหยางตงกับสวีเพ่ยก็มาด้วย ตำรวจเล็งปลายกระบอกปืนเข้าหาเซวียนซานอีกครั้ง เฝิงหลงที่เห็นอย่างนั้นก็ตกใจก่อนจะเอ่ย"อย่ายิง!!! นี่ลูกชายของผมเอง"ปัง ปัง ปัง"พ่อ!!!"เฝิงอี้ตะโกนเรียกพ่อของตนเองสุดเสียง คุณนายเฝิงเองก็แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าเฝิงหลงใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระเสือกกระสนไปบังลูกกระสุนแทนเซวียนซาน ร่างของคนทั้งสองล้มลงไปบนพื้นพร้อมกัน เฝิงหลงจับมือของเซวียนซานเอาไว้แน่น ก่อนจะเอ่ย "พ่อขอโทษ พ่อผิดไปแล้ว พ่อที่เห็นแก่ตัวคนนี้สำนึกเสียใจแล้ว หวังว่าชีวิตนี้ของพ่อจะชดใช้ความแค้นทั้งหมดในใจของแกได้ อย่าทำร้ายใครอีกเลยนะ อาซาน"เซวียนซานหลับตาลงช้าๆ เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันมืดมนไปหมด เขาส่งเสียงเหอะในลำคอก่่อนจะร้องไห้ออกมาแผนการสำเร็จแล้ว แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกดีใจเลยล่ะ!!!คนชั่วคนนี้กำลังจะตาย แต่
เซวียนซานตอนนี้เหมือนกับคนเสียสติไปแล้ว ก่อนหน้านี้เซวียนชวนเตือนเท่าไรเขาก็ไม่ฟัง ในใจของเขามีแต่ความแค้นที่ฝังลึก เขาถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจจนมันบิดเบี้ยวเกินจะเยียวยาแล้วชุยซินอี๋จ้องมองเฝิงอี้และเฝิงเป่าด้วยแววตาที่แดงก่ำ หากวันนี้เธอเป็นอะไรไป เธอเชื่อว่าเฝิงอี้จะสามารถดูแลเฝิงเป่าได้เป็นอย่างดีแต่สำหรับเฝิงอี้แล้วเขาไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดเพียงว่าจะต้องช่วยชุยซินอี๋ออกมาให้ได้ หากช่วยไม่ได้เขาก็ไม่ไปไหนทั้งนั้นเซวียนซานลั่นไกปืนเตรียมจะยิงทุกคนที่ขวางหน้า เขาหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยกับชุยซินอี๋"เป็นยังไงล่ะซินซิน ไอ้คนที่เธอรักนักรักหนามันช่วยอะไรเธอได้ จะตายกันหมดอยู่แล้ว!!! เลือกฉันสิ แล้วเราจะมีความสุขไปด้วยกัน"ชุยซินอี๋ปรายตามองเซวียนซานด้วยความเย็นชา ก่อนจะยกยิ้มมุมปากและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลน"คนที่ไม่เห็นใครเป็นคนในสายตา ไม่คู่ควรที่จะได้ความรักจากใครหรอก ปล่อยให้ความแค้นบังตาจนมืดบอด ไม่ละอายแก่ใจตัวเอง""ซินซิน!!! โอ๊ย!!!"ชุยซินอี๋อาศัยจังหวะที่เซวียนซานเผลอใช้เศษกระเบื้องที่เธอถือเอาไว้ในมือแทงเข้าไปที่หน้าท้องของเขาอย่างแรง เซวียนซานร้องไม่เป็นภาษา ใบหน้าหล
ก่อนหน้านี้ชุยซินอี๋ได้สติตื่นขึ้นมา เมื่อตั้งสติได้และคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเธอก็ถึงกับลนลานรีบมองหาเฝิงเป่าทันที ก่อนจะพบว่าเฝิงเป่ากำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ เธอ ชุยซินอี๋หันมองซ้ายขวาพบว่ามือของตนเองถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือก "ไม่ต้องดิ้นไปหรอก ถึงเวลาผมจะปล่อยคุณเอง"เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ชุยซินอี๋จึงเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะพบว่าเป็นเซวียนซานนั่นเองภาพก่อนหน้านี้คือเขายื่นขวดน้ำให้เธอ จากนั้นเธอรู้สึกเหมือนกับถูกอะไรบางอย่างฟาดเข้ามาที่ต้นคอและสลบไปไม่ได้สติ จนเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในที่เก่าๆ เหมือนกับโรงงานร้างอย่างไรอย่างนั้น ชุยซินอี๋ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถาม“คุณจับฉันมาเหรอ"เซวียนซานยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ทว่ารอยยิ้มของเขามันดูเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัว ชุยซินอี๋ขยับตัวเข้าไปใกล้เฝิงเป่า พร้อมกับระแวดระวังเซวียนซานเอาไว้ด้วยเขาจะจับตัวเธอและลูกมาทำไมกัน ทั้งที่พวกเราไม่เคยมีเรื่องผิดใจอะไรต่อกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำเซวียนซานมองดูท่าทีของชุยซินอี๋ ก่อนจะถอนหายใจออกมา ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขาชอบเธอเข้าเสียแล้ว เขาคิดทบทวนมาหลายคืนแล้วก็ได้คำตอบที่แน่ชัด เขาชอบชุย
หลังจากที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ก็ถึงเวลาที่เฝิงอี้และชุยซินอี๋จะจัดงานแต่งงานกันอย่างมีความสุขเสียทีเช้านี้อากาศค่อนข้างแจ่มใส เฝิงอี้พาชุยซินอี๋มาตัดชุดแต่งงาน เดิมทีคนทั้งสองคิดจะประวิงเวลาออกไปก่อน เพราะตอนนี้สถานการณ์ในบ้านตระกูลเฝิงก็ยังไม่ดีเท่าใดนัก แม่ของเฝิงอี้ยังคงเย็นชากับพ่อของเขาอยู่ แต่ทว่าคุณนายเฝิงกลับบอกว่า จะให้ความทุกข์ที่พ่อแม่เป็นคนก่อ มาทำให้ลูกไม่มีความสุขได้ยังไงกัน จึงไม่ให้คนทั้งสองประวิงเวลาออกไปอีก บอกเพียงว่าจะต้องรีบจัดงานให้เร็วที่สุดชุยซินอี๋มองดูเฝิงเป่าที่กำลังนั่งกินขนมอยู่กับพี่เลี้ยง ไม่นานมานี้เฝิงอี้จ้างพี่เลี้ยงเด็กคนหนึ่งมาดูแลเฝิงเป่า เฝิงเป่าเองก็ดูจะเข้ากันได้ดีกับพี่เลี้ยงคนใหม่ อีกทั้งยังช่างพูดช่างเจรจา ยิ่งพูดได้ก็พูดไม่หยุด จนบางครั้งเธอเองยังตอบคำถามของเฝิงเป่าไม่ทันกิจการร้านบะหมี่ยังคงไปได้ดี เฝิงอี้ได้แม่ครัวคนใหม่มา แรกเริ่มชุยซินอี๋ยังคงไปสอนและแนะนำสูตรบะหมี่เดิมที่เธอทำเอาไว้ให้แม่ครัวคนใหม่ เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงได้ปล่อยให้คนงานทำงานกันเองต่อไปด้านภัตตาคารก็สร้างเสร็จแล้ว และเปิดทำการขายได้เหมือนเดิมแล้ว โดย
หยางตงที่ได้ยินอย่างนั้นก็จ้องมองซ่งชางอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปดึงตัวของสวีเพ่ยกลับมาหาตนเอง แต่คนของซ่งชางก็ยกเท้าถีบเขาจนกระเด็นลงไปกองกับพื้น หยางตงไอออกมาอย่างรุนแรง รู้สึกจุกแน่นที่หน้าท้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"อาตง!!!"สวีเพ่ยเอ่ยขึ้นมาด้วยความตกใจ เธอถูกจับตัวเอาไว้จนไม่อาจเข้าไปหาเขาได้ สวีเพ่ยหันไปมองซ่งชางด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะเอ่ย"อย่าแตะต้องเขา เขาเป็นคนรักของฉัน!!!"ซ่งชางที่ได้ยินอย่างนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมา ก่อนจะเดินเข้ามาหาสวีเพ่ย และยื่นมือขึ้นมาเชยปลายคางของเธอให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาชัดๆ"คนรักอย่างนั้นเหรอ เธอไม่มีสิทธิ์ไปรักกับใครได้หรอก เธอจะต้องไปที่ตระกูลซ่ง ไปเป็นเมียขัดดอกให้ฉัน คอยรับใช้คนตระกูลซ่งเพื่อชดใช้หนี้ บ้านของเธอและกิจการของพ่อเธอ ฉันจะยึดมาเป็นของฉันให้หมด เธอรู้ไหมว่าบ้านและกิจการของพ่อเธอมันยังไม่พอใช้หนี้ให้บ้านฉันเลยด้วยซ้ำ"สวีเพ่ยที่ได้ยินอย่างนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ย"นายอยากได้อะไรก็เอาไปให้หมดเลย ฉันไม่ยึดติดกับของพวกนี้แล้ว ส่วนเงินที่เหลือฉันจะหางานทำมาผ่อนจ่ายให้นายเอง""ผ่อนจ่ายเหรอ น้ำหน้าอย่างเธอเนี่ยนะจะทำงา
เมื่อเฝิงอี้จากไปแล้ว สวีเพ่ยจึงรีบเดินกลับเข้ามาในบ้านทันที หญิงสาวทำตัวปกติเหมือนทุกครั้งเพื่อไม่ให้มีพิรุธ ก่อนจะกลับเข้าห้องและล็อกประตูห้องอย่างแน่นหนา แล้วจึงรีบลนลานเปิดอ่านจดหมายที่หยางตงส่งมาในทันทีเพ่ยเพ่ย ฉันอาตงนะ เธอสบายดีไหม ฉันคิดถึงเธอมากเหลือเกิน ฉันมีหลายเรื่องที่อยากจะเล่าให้เธอฟัง มีหลายที่ที่อยากจะชวนเธอไปดูด้วยกัน ฉันตกปลามาได้หลายตัวเลย อยากให้เธอได้มากินปลาเผาฝีมือฉัน ร้านเหล้าตอนนี้ไม่มีคนมากนัก เหมาะที่จะชวนเธอไปนั่งดื่มด้วยกันเหมือนทุกครั้ง เพ่ยเพ่ย ฉันมีเรื่องสำคัญที่อยากบอกเธอ ฉันชอบเธอเข้าแล้ว มันคงดูตลกมากเลยใช่ไหม เธอเองคงไม่ได้คิดแบบเดียวกับฉันสินะ แต่ไม่่เป็นไรหรอก ฉันรู้เรื่องที่เธอต้องแต่งงานแล้วนะ เฝิงอี้พอจะคาดเดาเรื่องนี้ออก เขาบอกว่าคนโรคจิตอย่างเธอคงไม่ยอมถูกจับแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบง่ายๆ หรอก แล้วที่เธอยอมแต่งก็เพราะถูกพ่อบังคับ ฉันจะหาทางช่วยเธอเองนะสวีเพ่ย เราจะหนีไปด้วยกัน ฉันจะพาเธอหนี หลังจากนั้นเธออยากจะใช้ชีวิตยังไงฉันจะสนับสนุนเธอเอง เธอไม่ต้องชอบฉันก็ได้ ฉันจะคิดเพียงว่าฉันได้ช่วยเพื่อนรักอย่างเธอก็แล้วกัน เธอจะไปกับฉันไหม อีกสามวันฉั
ด้านสวีเยี่ยนนั้นตอนนี้เขากำลังมีความสุขกับเงินมากมายตรงหน้าที่ได้มาจากสินสอดของสวีเพ่ย ซึ่งทางตระกูลซ่งเป็นคนส่งมอบให้ เงินก้อนนี้นับว่าได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ไม่น้อย นอกจากคนตระกูลซ่งจะยกหนี้ก่อนหน้านี้ให้เขาเป็นโมฆะเพราะเกี่ยวดองกันแล้วแล้ว ยังมอบเงินอีกก้อนเพื่อเป็นสินสอดให้เขาอีกด้วย เมื่อสวีเยี่ยนนำเงินส่วนหนึ่งไปจ่ายหนี้พนันจนหมดแล้ว ส่วนที่เหลือเขาก็นำมันไปต่อยอดเล่นการพนันเพิ่มอีกเล็กน้อยสวีเยี่ยนยิ้มกริ่ม ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องราวในคืนนั้นคืนที่ภัตตาคารตระกูลเฝิงเกิดไฟไหม้เดิมทีเขาเป็นคนส่งคนเข้าไปวางเพลิงที่นั่นเอง เป้าหมายก็คือต้องการเผาทำลายภัตตาคารตระกูลเฝิง แหล่งทำเงินมากที่สุดของตระกูลเฝิงให้มันพังพินาศไปเสีย ที่ผ่านมาเขาพยายามคิดมาตลอดว่า เฝิงหลงเป็นเพื่อนรักที่ดีที่สุดของเขามาโดยตลอด ก่อนหน้านี้คนทั้งสองเป็นเพียงคนงานที่ทำงานในบาร์เหล้าทั่วไปเท่านั้น แต่เฝิงหลงกลับโชคดีมากกว่า ได้พบรักกับเสิ่นเยี่ย หญิงสาวที่เดินทางมาจากปักกิ่ง หล่อนมีเงินไม่น้อยเลย อีกทั้งตอนนั้นที่กวานซีกิจการของเสิ่นเยี่ยก็ทำเงินได้มากกว่าใคร เขาจึงหาทางทำให้เฝิงหลงได้เข้าไปใกล้ชิดกับเสิ่นเยี่ย
เมื่อหยางตงกลับไปแล้ว ชุยซินอี๋ก็กลับบ้านพร้อมกับเฝิงอี้ ระหว่างทางคนทั้งสองพูดคุยสนทนากันไปเรื่อยเปื่อย พูดถึงเรื่องแต่งงานแล้ว อีกไม่นานก็คงจะถึงงานแต่งงานของพวกเขาทั้งสอง เฝิงอี้คิดว่าหลังจากที่ภัตตาคารเฝิงกลับมาเปิดใหม่และเรื่องราวคลี่คลายแล้ว เขาจะแต่งงานกับชุยซินอี๋ทันทีเช้าวันต่อมาเป็นวันที่เฝิงหลงจะต้องไปพบหมอตามนัด เฝิงอี้เป็นคนขับรถพาพ่อและแม่ไปที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง ด้านเฝิงเป่านั้นก็มีสือชิงดูแลอยู่ ชุยซินอี๋เองก็วุ่นวายอยู่กับการดูแลร้านบะหมี่ ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำไม่ต่างกัน หลังจากตรวจงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณนายเฝิงก็บอกให้สามีนั่งรออยู่ที่หน้าห้องตรวจ ก่อนที่เธอเองจะไปจัดการเรื่องเอกสาร อีกไม่นานเฝิงอี้คงจะมารับเธอและสามีตามที่นัดหมายกันเอาไว้แล้วเฝิงหลงไม่ได้ให้คนติดตามมาด้วย เขาไม่ชอบความวุ่นวายมากนัก ระหว่างที่รอภรรยาก็นั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผู้คนที่มาตรวจเริ่มจะบางตาลงไปมากแล้ว เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย รู้สึกสมเพชตัวเองที่กลายมาเป็นเช่นนี้ เพราะหลายปีก่อนเขาเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ เขาจำได้ว่าตอนนั้นร่างกายขยับไม่ได้ โชคดีที่ได้พ่อของชุยซินอี๋มาช่วยพยุงเขาออกมา