เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว เฝิงอี้ก็เข้าไปพูดคุยเล่นกับพ่อของเขา ไม่นานนักคุณนายเฝิงก็กลับมาที่บ้าน ก่อนจะเอ่ยถามเขา
"อาอี้ ลูกไปที่ไหนมาเหรอ พ่อบ้านหม่าบอกว่าลูกดูรีบร้อนมากเลย"
เฝิงอี้ที่ได้ยินแบบนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะคิดถึงชุยซินอี๋ขึ้นมา เธอห้ามเขาไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร เขาเองแม้จะไม่เข้าใจเธอเท่าใดนัก แต่ก็ไม่อยากขัดความต้องการของเธอ เขายิ้มให้แม่ของตนเองเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ
"ผมแวะไปเยี่ยมซินซินมาน่ะครับ อยากไปเห็นลูกชายของเธอ เด็กน้อยน่ารักมากเลยครับแม่"
คุณนายเฝิงที่ได้ยินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะตอบ
"นั่นสินะ แม่เองก็รู้สึกถูกชะตากับชุยเป่ามากเลยแหละอาอี้ ไม่รู้สิ เขาดูน่ารักน่าถนอมมากเลย"
เฝิงอี้ไม่ตอบเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำ ค่ำคืนนั้นเขานอนไม่หลับ เอาแต่คิดถึงชุยซินอี๋และชุยเป่า ไม่รู้ตอนนี้สองแม่ลูกจะทำอะไรอยู่ แล้วจะกินข้าวเย็นหรือยัง ชุยเป่าจะมีของเล่นใหม่บ้างไหม ใจของเขามันไม่สงบเอาเสียเลย
ก่อนจะกลับกวานซี เขาไปบอกลาเติ้งเทียนอวี้ เจ้าหมอนั่นบอกว่ามีเวลาจะมาเยี่ยมเขาเสียหน่อย ตอนนี้เรียนจบแล้วต่างคนต่างก็มีภาระหน้าที่ของตระกูลที่ต้องดูแลไม่ต่างกัน
เช้านี้อากาศค่อนข้างแจ่มใส ลมพัดเย็นสบายไม่น้อย ชุยซินอี๋ตื่นนอนแต่เช้าเพื่อหุงข้าวทำอาหาร ชุยเป่ายังไม่ตื่น ส่วนแม่ของเธอเมื่อทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปทำงานแต่เช้าแล้ว ตอนนี้ที่บ้านจึงเหลือแค่เธอกับชุยเป่าเพียงสองคน
"ซินซิน ฉันซื้ออาหารเช้ามาฝากเธอกับชุยเป่าด้วย ชุยเป่ายังไม่ตื่นเหรอ"
ชุยซินอี๋เงยหน้ามามองหยางตงก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
"ขอบใจมากนะอาตง นายไม่ต้องลำบากหรอก"
"ลำบากอะไรกัน เราเป็นเพื่อนรักกันนะ"
หยางตงเอ่ยพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย เขานำอาหารเข้ามาวางไว้บนโต๊ะ และมองชุยซินอี๋ที่ทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย เขารู้สึกว่าตอนนี้ชุยซินอี๋ดูเติบโตกว่าแต่ก่อนแล้ว ไม่เหลือเค้าโครงเดิมของเด็กสาวใสซื่อบริสุทธ์อีกต่อไป หญิงสาวรวบผมขึ้น เผยให้เห็นใบหน้างดงามสวยหวาน ท่าทีที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการทำงานบ้านนั้นมันช่างน่ามองเหลือเกิน
เธอไม่เคยรู้เลยว่าเขาแอบชอบเธอมานาน เขาเองก็ไม่กล้าบอกเธอ ตอนที่เธอปฏิเสธไม่ยอมแต่งงานกับเขา ตัวเขาเองก็รู้แล้วว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับเขามากไปกว่าคำว่าเพื่อน
หยางตงเองเข้าใจดีและไม่คิดจะบังคับฝืนใจชุยซินอี๋ ขอเพียงได้ดูแลเธอห่างๆ ก็พอแล้ว
เมื่อไม่มีสิ่งใดแล้วเขาจึงขอตัวกลับ เมื่อหยางตงกลับไปแล้ว ชุยเป่าก็ตื่นขึ้นมาพอดี เด็กน้อยเดินเตาะแตะงัวเงียออกมาจากห้องนอนพร้อมกับร้องไห้หาแม่ ชุยซินอี๋ที่เห็นแบบนั้นก็รีบวางงานตรงหน้าก่อนจะเข้าอุ้มลูกชายและรีบเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็กน้อยแล้ว เธอก็มาป้อนโจ๊กให้เขา ชุยเป่ากินเก่งมาก โจ๊กถ้วยใหญ่หมดไปเกือบครึ่งก็ยังจะกินอีก จนชุยซินอี๋ต้องเอ่ยห้ามปรามเขา พร้อมกับยิ้มออกมา
นี่สินะสายใยแม่ลูก เพียงได้มองเห็นรอยยิ้มน้อยๆ นั่นเธอก็มีความสุขมากเหลือเกิน
เมื่อจัดการเรื่องลูกชายเสร็จเรียบร้อยแล้วชุยซินอี๋ก็กินอาหารเช้า ก่อนจะอุ้มชุยเป่าขึ้นมา วันนี้เธอจะนำผักไปส่งให้พ่อค้าแม่ค้าที่ตลาด และจะซื้อผ้ามาตัดชุดใหม่ให้ชุยเป่าเสียหน่อย เพราะว่าเสื้อผ้าชุดเดิมเก่ามากแล้ว เธอเองก็สงสารชุยเป่าเช่นกัน
หญิงสาวอุ้มลูกเดินไปตลาดอย่างไม่รีบไม่ร้อน ระยะทางไม่ได้ไกลเท่าไร ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงตลาด หลังจากที่ได้รับเงินค่าขายผักแล้ว ชุยซินอี๋ก็อุ้มชุยเป่ามาที่ร้านขายผ้า
ร้านตัดชุดในเมืองกวานซีค่อนข้างมีราคาแพง ตัวหนึ่งก็หลายสิบหลายร้อยหยวน เธอนับเงินในมือที่มีไม่ถึงสามสิบหยวนแล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปเลือกผ้าที่ด้านในร้าน มองอยู่นานก็เห็นผ้าเนื้อบางที่ดูจะราคาถูกเสียหน่อย จึงตัดสินใจที่จะซื้อมาเย็บชุดให้ลูกชายด้วยตนเอง
"เอาผืนนี้ค่ะ"
"เอาหมดร้านเลยครับ เอาผ้าเนื้อดีที่ตัดชุดของเด็กหนึ่งขวบกว่าๆ ได้ แล้วตัดให้เลย เอาไปส่งที่บ้านตระกูลชุยไม่ไกลจากที่นี่ ผมจะเขียนที่อยู่ไว้ให้"
ชุยซินอี๋หันขวับไปมองก่อนจะพบว่าเป็นเฝิงอี้นั่นเอง หญิงสาวมีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก ก่อนจะเอ่ย
"พี่ทำอะไร"
"ตัดชุดให้ลูกชายของ...เอ่อ ตัดชุดให้หลานชายยังไงเล่า พี่เพิ่งกลับมาอยู่กวานซี ได้ยินว่าเธอมีลูกเลยอยากจะมอบของขวัญให้หลานเสียหน่อย"
"ไม่ต้องค่ะ ฉันเกรงใจ มันมากเกินไป"
"ไม่มากหรอก เอาหมดนี่เลยครับ จัดการด้วย"
ไม่รอให้ชุยซินอี๋พูดต่อเฝิงอี้ก็ชิงตัดบทไปเสียก่อน แล้วจึงหันมามองชุยเป่า ชุยเป่าเองก็มองเขาเช่นเดียวกัน ดวงตาที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ใบหน้าที่คล้ายเขาถึงสิบส่วน มันทำให้ใจของเฝิงอี้อ่อนยวบ
ชุยเป่ายื่นมือมาจับเสื้อของเฝิงอี้พร้อมกับยิ้มตาหยี เฝิงอี้ที่เห็นแบบนั้นจึงเอ่ยถามทันที
"ทำไมเจ้าตัวอ้วน อยากให้ พ่อ...ให้ลุงอุ้มเหรอ"
ชุยเป่าคล้ายจะเข้าใจที่เฝิงอี้ถาม เด็กน้อยยิ้มร่าเริงสดใสพร้อมกับตบมือหัวเราะชอบใจ เฝิงอี้จึงคว้าเอาชุยเป่ามาอุ้มทันที ชุยซินอี๋คิดจะคว้าลูกชายคืนมา แต่เฝิงอี้กลับไม่ยอม
"พี่เฝิงอี้ ฉันบอกพี่ยังไง พี่จำไม่ได้แล้วเหรอคะ"
"จำไม่ได้ ลืมไปหมดแล้ว"
"พี่!!!"
"โอวว ทางนั้นมีของเล่นด้วย ลุงจะพาชุยเป่าไปซื้อเองนะ"
เขาทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของชุยซินอี๋เลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มเดินพาชุยเป่าไปเลือกของเล่น อีกทั้งยังซื้อของใช้มากมายให้ชุยซินอี๋อีกด้วย จากนั้นก็บังคับพาเธอกลับมาส่งถึงบ้าน
ชุยซินอี๋มองดูข้าวของมากมายที่กองอยู่ในบ้าน ก่อนจะหันมามองเฝิงอี้ ตอนนี้ชุยเป่านอนหลับไปแล้วเพราะเที่ยวเล่นจนเหนื่อย
"พี่เฝิงอี้คะ ฉันรู้ว่าพี่รู้สึกผิด แต่พี่ไม่ต้องใส่ใจ หากคุณนายเฝิงรู้เข้าคงไม่พอใจแน่"
"ก็เรื่องของแม่พี่สิ"
"พี่เฝิงอี้"
"หากเธอยังไม่หยุดพูดพี่จะบอกแม่และทุกคนในตระกูลเฝิงให้รู้เรื่องทั้งหมด พี่เองก็ไม่อยากเก็บเรื่องนี้เป็นความลับอีกต่อไปแล้วเหมือนกัน"
"อย่านะคะ!!!"
ชุยซินอี๋ที่เห็นว่าเฝิงอี้กำลังจะเดินไป เธอจึงรีบคว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้ทันที แต่เพราะไม่ทันระวังเธอจึงเซล้มถลาไปด้านหน้า เป็นจังหวะที่เฝิงอี้หันมาพอดี ใบหน้าสวยหวานของหล่อนจึงซบเข้าไปที่แผงอกของเขาอย่างไม่ตั้งใจ ชุยซินอี๋ตกใจลนลานรีบถอยห่างจากเขา ภาพในวันนั้นที่เธอตื่นมาแล้วพบตนเองมีความสัมพันธ์กับเขาในชั่วข้ามคืนพลันปรากฏชัดขึ้นมาอีกครั้งในความทรงจำ ใบหน้าสวยหวานแดงระเรื่ออย่างไม่อาจปิดบัง
เฝิงอี้ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ย
"ซินซิน เธอกลัวอะไร เธอกลัวว่าพี่จะปกป้องเธอกับลูกไม่ได้เหรอ"
ชุยซินอี๋ที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่ตอบอะไร เธอเม้มริมฝีปากแน่น เฝิงอี้ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"เธอไม่ต้องกลัวนะ ตอนนี้พี่กลับมาอยู่กวานซีแล้ว พี่จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายเธอได้อีก และจะไม่ยอมให้เธอต้องมีชีวิตอย่างลำบากอีกต่อไปแล้ว ขอเพียงเธออย่ากีดกันพี่กับลูกอีกเลยนะ ได้ไหมครับ?"
ชุยซินอี๋ไม่ตอบเธอมองเขาด้วยแววตาที่วูบไหว เฝิงอี้ที่เห็นแบบนั้นก็แทบจะอดใจไม่ไหวอยากโผเข้าไปกอดเธอเสียเหลือเกิน แต่ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอย่างที่ใจปรารถนา ก็ได้ยินเสียงของสือชิงแม่ของชุยซินอี๋เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
"นั่นซินซินลูกไปซื้อของมาเยอะแยะเลยเหรอ เอาเงินที่ไหนไปซื้อ อ้าวคุณชาย มาได้ยังไงคะ"
ชุยซินอี๋ที้เห็นว่าแม่ของตนเองมาแล้วก็รีบเข้าไปช่วยถือของ เฝิงอี้ยิ้มให้สือชิงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย
"ผมซื้อของมาให้ชุยเป่าน่ะครับ แกน่ารักดีผมรู้สึกถูกชะตา หากเป็นไปได้อยากรับเป็นลูกบุญธรรมเลยด้วยซ้ำ"
สือชิงที่ได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"คุณชายอย่าล้อเล่นเลยค่ะ คราวหน้าไม่ต้องซื้อของมามากมายแบบนี้หรอกค่ะ ฉันเกรงใจ"
"เล็กน้อยครับป้าสือชิง ผมยินดี"
"ขอบคุณมากนะคะ ฉันขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ เพิ่งเลิกงานมาน่ะค่ะ"
"เชิญครับ"
"ซินซิน ลูกดูแลคุณชายดีๆ ล่ะ เขามีน้ำใจกับลูกมากเลยนะ"
ชุยซินอี๋ทำได้เพียงพยักหน้าเล็กน้อยไม่ได้เอ่ยพูดสิ่งใดออกมา ก่อนจะหันมามองเฝิงอี้ เมื่อหันมองก็พบว่าเขากำลังยื่นหน้าเข้ามาหาเธอ ใบหน้าของคนทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ชุยซินอี้กำลังจะถอยหลังหนี แต่เฝิงอี้กลับโน้มใบหน้าเข้ามาหาเธอ และจูบที่แก้มของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย
"แล้วพบกันใหม่นะครับ คุณภรรยาของผม"
เขาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ชุยซินอี๋ยืนนิ่งก้าวขาไม่ออก ทำได้เพียงมองเขาเดินจากไปจนลับสายตา
เมื่อผ่านช่วงไว้ทุกข์มาแล้ว เฝิงอี้และชุยซินอี๋ก็แต่งงานกัน งานแต่งนี้ไม่ได้จัดใหญ่โตมากนัก เน้นเพียงความสะดวกและเรียบง่าย เติ้งเทียนอวี้และกวงจือหลินเพราะติดงานที่ต้องสะสางจึงไม่ได้มาร่วมงาน เพียงโทรมาแสดงความยินดีและส่งของขวัญแต่งงานมาให้เท่านั้น เฝิงอี้เองก็เข้าใจและเอ่ยขอบคุณเพื่อนรักทั้งสองอย่างเต็มใจหยางตงและสวีเพ่ยนั้นก็มาร่วมงานด้วย คนทั้งสองนำของขวัญมามอบให้ และอยู่ร่วมงานจนถึงเย็น ก่อนจะกลับไป เพราะสวีเพ่ยยืนนานไม่ค่อยไหว เนื่องจากเธอกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ เฝิงอี้และชุยซินอี๋มองดูหยางตงที่แบกสวีเพ่ยขึ้นหลังและเดินจากไปด้วยแววตาที่มีความสุขนับว่าพวกเขาทั้งสองเป็นคู่ที่สวรรค์บันดาลจริงๆ"พ่อครับ แม่ครับ ผมหิวอีกแล้ว"เฝิงอี้และชุยซินอี๋ที่ได้ยินอย่างนั้นก็หันไปมอง ก่อนจะพบกับเฝิงเป่าที่วิ่งเข้ามาหาเขาทั้งสอง เจ้าเด็กอ้วนตัวสูงขึ้นอีกแล้ว อีกทั้งยังชอบกิน วันๆ ถามหาแต่ของกิน แล้วยังบ่นว่าเหงามากอีกต่างหาก ชุยซินอี๋ย่อตัวลงไป ก่อนจะยื่นมือไปบีบแก้มของเฝิงเป่าอย่างมันเขี้ยว"แม่จะอุ้มลูกไม่ไหวแล้วนะรู้ไหม"เฝิงเป่าเบ้ปาก ก่อนจะเงยหน้าไปมองเฝิงอี้"พ่อครับ ผมอยากได้น้องสาวตัวอ้วนๆ
เฝิงอี้หลับตาลงรอรับลูกปืนจากเซวียนซาน แต่ทว่าเขากลับไม่พบกับความเจ็บปวดใดๆ เลยแม้แต่น้อย เมื่อลืมตามองดูก็พบว่าตอนนี้ที่หน้าท้องของเซวียนซานมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด เขาถูกยิง!!!เฝิงหลงหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่นเอง อีกทั้งยังมีภรรยาของเขา แม่ของชุยซินอี๋ และหยางตงกับสวีเพ่ยก็มาด้วย ตำรวจเล็งปลายกระบอกปืนเข้าหาเซวียนซานอีกครั้ง เฝิงหลงที่เห็นอย่างนั้นก็ตกใจก่อนจะเอ่ย"อย่ายิง!!! นี่ลูกชายของผมเอง"ปัง ปัง ปัง"พ่อ!!!"เฝิงอี้ตะโกนเรียกพ่อของตนเองสุดเสียง คุณนายเฝิงเองก็แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าเฝิงหลงใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระเสือกกระสนไปบังลูกกระสุนแทนเซวียนซาน ร่างของคนทั้งสองล้มลงไปบนพื้นพร้อมกัน เฝิงหลงจับมือของเซวียนซานเอาไว้แน่น ก่อนจะเอ่ย "พ่อขอโทษ พ่อผิดไปแล้ว พ่อที่เห็นแก่ตัวคนนี้สำนึกเสียใจแล้ว หวังว่าชีวิตนี้ของพ่อจะชดใช้ความแค้นทั้งหมดในใจของแกได้ อย่าทำร้ายใครอีกเลยนะ อาซาน"เซวียนซานหลับตาลงช้าๆ เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันมืดมนไปหมด เขาส่งเสียงเหอะในลำคอก่่อนจะร้องไห้ออกมาแผนการสำเร็จแล้ว แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกดีใจเลยล่ะ!!!คนชั่วคนนี้กำลังจะตาย แต่
เซวียนซานตอนนี้เหมือนกับคนเสียสติไปแล้ว ก่อนหน้านี้เซวียนชวนเตือนเท่าไรเขาก็ไม่ฟัง ในใจของเขามีแต่ความแค้นที่ฝังลึก เขาถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจจนมันบิดเบี้ยวเกินจะเยียวยาแล้วชุยซินอี๋จ้องมองเฝิงอี้และเฝิงเป่าด้วยแววตาที่แดงก่ำ หากวันนี้เธอเป็นอะไรไป เธอเชื่อว่าเฝิงอี้จะสามารถดูแลเฝิงเป่าได้เป็นอย่างดีแต่สำหรับเฝิงอี้แล้วเขาไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดเพียงว่าจะต้องช่วยชุยซินอี๋ออกมาให้ได้ หากช่วยไม่ได้เขาก็ไม่ไปไหนทั้งนั้นเซวียนซานลั่นไกปืนเตรียมจะยิงทุกคนที่ขวางหน้า เขาหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยกับชุยซินอี๋"เป็นยังไงล่ะซินซิน ไอ้คนที่เธอรักนักรักหนามันช่วยอะไรเธอได้ จะตายกันหมดอยู่แล้ว!!! เลือกฉันสิ แล้วเราจะมีความสุขไปด้วยกัน"ชุยซินอี๋ปรายตามองเซวียนซานด้วยความเย็นชา ก่อนจะยกยิ้มมุมปากและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลน"คนที่ไม่เห็นใครเป็นคนในสายตา ไม่คู่ควรที่จะได้ความรักจากใครหรอก ปล่อยให้ความแค้นบังตาจนมืดบอด ไม่ละอายแก่ใจตัวเอง""ซินซิน!!! โอ๊ย!!!"ชุยซินอี๋อาศัยจังหวะที่เซวียนซานเผลอใช้เศษกระเบื้องที่เธอถือเอาไว้ในมือแทงเข้าไปที่หน้าท้องของเขาอย่างแรง เซวียนซานร้องไม่เป็นภาษา ใบหน้าหล
ก่อนหน้านี้ชุยซินอี๋ได้สติตื่นขึ้นมา เมื่อตั้งสติได้และคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเธอก็ถึงกับลนลานรีบมองหาเฝิงเป่าทันที ก่อนจะพบว่าเฝิงเป่ากำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ เธอ ชุยซินอี๋หันมองซ้ายขวาพบว่ามือของตนเองถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือก "ไม่ต้องดิ้นไปหรอก ถึงเวลาผมจะปล่อยคุณเอง"เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ชุยซินอี๋จึงเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะพบว่าเป็นเซวียนซานนั่นเองภาพก่อนหน้านี้คือเขายื่นขวดน้ำให้เธอ จากนั้นเธอรู้สึกเหมือนกับถูกอะไรบางอย่างฟาดเข้ามาที่ต้นคอและสลบไปไม่ได้สติ จนเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในที่เก่าๆ เหมือนกับโรงงานร้างอย่างไรอย่างนั้น ชุยซินอี๋ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถาม“คุณจับฉันมาเหรอ"เซวียนซานยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ทว่ารอยยิ้มของเขามันดูเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัว ชุยซินอี๋ขยับตัวเข้าไปใกล้เฝิงเป่า พร้อมกับระแวดระวังเซวียนซานเอาไว้ด้วยเขาจะจับตัวเธอและลูกมาทำไมกัน ทั้งที่พวกเราไม่เคยมีเรื่องผิดใจอะไรต่อกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำเซวียนซานมองดูท่าทีของชุยซินอี๋ ก่อนจะถอนหายใจออกมา ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขาชอบเธอเข้าเสียแล้ว เขาคิดทบทวนมาหลายคืนแล้วก็ได้คำตอบที่แน่ชัด เขาชอบชุย
หลังจากที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ก็ถึงเวลาที่เฝิงอี้และชุยซินอี๋จะจัดงานแต่งงานกันอย่างมีความสุขเสียทีเช้านี้อากาศค่อนข้างแจ่มใส เฝิงอี้พาชุยซินอี๋มาตัดชุดแต่งงาน เดิมทีคนทั้งสองคิดจะประวิงเวลาออกไปก่อน เพราะตอนนี้สถานการณ์ในบ้านตระกูลเฝิงก็ยังไม่ดีเท่าใดนัก แม่ของเฝิงอี้ยังคงเย็นชากับพ่อของเขาอยู่ แต่ทว่าคุณนายเฝิงกลับบอกว่า จะให้ความทุกข์ที่พ่อแม่เป็นคนก่อ มาทำให้ลูกไม่มีความสุขได้ยังไงกัน จึงไม่ให้คนทั้งสองประวิงเวลาออกไปอีก บอกเพียงว่าจะต้องรีบจัดงานให้เร็วที่สุดชุยซินอี๋มองดูเฝิงเป่าที่กำลังนั่งกินขนมอยู่กับพี่เลี้ยง ไม่นานมานี้เฝิงอี้จ้างพี่เลี้ยงเด็กคนหนึ่งมาดูแลเฝิงเป่า เฝิงเป่าเองก็ดูจะเข้ากันได้ดีกับพี่เลี้ยงคนใหม่ อีกทั้งยังช่างพูดช่างเจรจา ยิ่งพูดได้ก็พูดไม่หยุด จนบางครั้งเธอเองยังตอบคำถามของเฝิงเป่าไม่ทันกิจการร้านบะหมี่ยังคงไปได้ดี เฝิงอี้ได้แม่ครัวคนใหม่มา แรกเริ่มชุยซินอี๋ยังคงไปสอนและแนะนำสูตรบะหมี่เดิมที่เธอทำเอาไว้ให้แม่ครัวคนใหม่ เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงได้ปล่อยให้คนงานทำงานกันเองต่อไปด้านภัตตาคารก็สร้างเสร็จแล้ว และเปิดทำการขายได้เหมือนเดิมแล้ว โดย
หยางตงที่ได้ยินอย่างนั้นก็จ้องมองซ่งชางอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปดึงตัวของสวีเพ่ยกลับมาหาตนเอง แต่คนของซ่งชางก็ยกเท้าถีบเขาจนกระเด็นลงไปกองกับพื้น หยางตงไอออกมาอย่างรุนแรง รู้สึกจุกแน่นที่หน้าท้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"อาตง!!!"สวีเพ่ยเอ่ยขึ้นมาด้วยความตกใจ เธอถูกจับตัวเอาไว้จนไม่อาจเข้าไปหาเขาได้ สวีเพ่ยหันไปมองซ่งชางด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะเอ่ย"อย่าแตะต้องเขา เขาเป็นคนรักของฉัน!!!"ซ่งชางที่ได้ยินอย่างนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมา ก่อนจะเดินเข้ามาหาสวีเพ่ย และยื่นมือขึ้นมาเชยปลายคางของเธอให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาชัดๆ"คนรักอย่างนั้นเหรอ เธอไม่มีสิทธิ์ไปรักกับใครได้หรอก เธอจะต้องไปที่ตระกูลซ่ง ไปเป็นเมียขัดดอกให้ฉัน คอยรับใช้คนตระกูลซ่งเพื่อชดใช้หนี้ บ้านของเธอและกิจการของพ่อเธอ ฉันจะยึดมาเป็นของฉันให้หมด เธอรู้ไหมว่าบ้านและกิจการของพ่อเธอมันยังไม่พอใช้หนี้ให้บ้านฉันเลยด้วยซ้ำ"สวีเพ่ยที่ได้ยินอย่างนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ย"นายอยากได้อะไรก็เอาไปให้หมดเลย ฉันไม่ยึดติดกับของพวกนี้แล้ว ส่วนเงินที่เหลือฉันจะหางานทำมาผ่อนจ่ายให้นายเอง""ผ่อนจ่ายเหรอ น้ำหน้าอย่างเธอเนี่ยนะจะทำงา
เมื่อเฝิงอี้จากไปแล้ว สวีเพ่ยจึงรีบเดินกลับเข้ามาในบ้านทันที หญิงสาวทำตัวปกติเหมือนทุกครั้งเพื่อไม่ให้มีพิรุธ ก่อนจะกลับเข้าห้องและล็อกประตูห้องอย่างแน่นหนา แล้วจึงรีบลนลานเปิดอ่านจดหมายที่หยางตงส่งมาในทันทีเพ่ยเพ่ย ฉันอาตงนะ เธอสบายดีไหม ฉันคิดถึงเธอมากเหลือเกิน ฉันมีหลายเรื่องที่อยากจะเล่าให้เธอฟัง มีหลายที่ที่อยากจะชวนเธอไปดูด้วยกัน ฉันตกปลามาได้หลายตัวเลย อยากให้เธอได้มากินปลาเผาฝีมือฉัน ร้านเหล้าตอนนี้ไม่มีคนมากนัก เหมาะที่จะชวนเธอไปนั่งดื่มด้วยกันเหมือนทุกครั้ง เพ่ยเพ่ย ฉันมีเรื่องสำคัญที่อยากบอกเธอ ฉันชอบเธอเข้าแล้ว มันคงดูตลกมากเลยใช่ไหม เธอเองคงไม่ได้คิดแบบเดียวกับฉันสินะ แต่ไม่่เป็นไรหรอก ฉันรู้เรื่องที่เธอต้องแต่งงานแล้วนะ เฝิงอี้พอจะคาดเดาเรื่องนี้ออก เขาบอกว่าคนโรคจิตอย่างเธอคงไม่ยอมถูกจับแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบง่ายๆ หรอก แล้วที่เธอยอมแต่งก็เพราะถูกพ่อบังคับ ฉันจะหาทางช่วยเธอเองนะสวีเพ่ย เราจะหนีไปด้วยกัน ฉันจะพาเธอหนี หลังจากนั้นเธออยากจะใช้ชีวิตยังไงฉันจะสนับสนุนเธอเอง เธอไม่ต้องชอบฉันก็ได้ ฉันจะคิดเพียงว่าฉันได้ช่วยเพื่อนรักอย่างเธอก็แล้วกัน เธอจะไปกับฉันไหม อีกสามวันฉั
ด้านสวีเยี่ยนนั้นตอนนี้เขากำลังมีความสุขกับเงินมากมายตรงหน้าที่ได้มาจากสินสอดของสวีเพ่ย ซึ่งทางตระกูลซ่งเป็นคนส่งมอบให้ เงินก้อนนี้นับว่าได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ไม่น้อย นอกจากคนตระกูลซ่งจะยกหนี้ก่อนหน้านี้ให้เขาเป็นโมฆะเพราะเกี่ยวดองกันแล้วแล้ว ยังมอบเงินอีกก้อนเพื่อเป็นสินสอดให้เขาอีกด้วย เมื่อสวีเยี่ยนนำเงินส่วนหนึ่งไปจ่ายหนี้พนันจนหมดแล้ว ส่วนที่เหลือเขาก็นำมันไปต่อยอดเล่นการพนันเพิ่มอีกเล็กน้อยสวีเยี่ยนยิ้มกริ่ม ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องราวในคืนนั้นคืนที่ภัตตาคารตระกูลเฝิงเกิดไฟไหม้เดิมทีเขาเป็นคนส่งคนเข้าไปวางเพลิงที่นั่นเอง เป้าหมายก็คือต้องการเผาทำลายภัตตาคารตระกูลเฝิง แหล่งทำเงินมากที่สุดของตระกูลเฝิงให้มันพังพินาศไปเสีย ที่ผ่านมาเขาพยายามคิดมาตลอดว่า เฝิงหลงเป็นเพื่อนรักที่ดีที่สุดของเขามาโดยตลอด ก่อนหน้านี้คนทั้งสองเป็นเพียงคนงานที่ทำงานในบาร์เหล้าทั่วไปเท่านั้น แต่เฝิงหลงกลับโชคดีมากกว่า ได้พบรักกับเสิ่นเยี่ย หญิงสาวที่เดินทางมาจากปักกิ่ง หล่อนมีเงินไม่น้อยเลย อีกทั้งตอนนั้นที่กวานซีกิจการของเสิ่นเยี่ยก็ทำเงินได้มากกว่าใคร เขาจึงหาทางทำให้เฝิงหลงได้เข้าไปใกล้ชิดกับเสิ่นเยี่ย
เมื่อหยางตงกลับไปแล้ว ชุยซินอี๋ก็กลับบ้านพร้อมกับเฝิงอี้ ระหว่างทางคนทั้งสองพูดคุยสนทนากันไปเรื่อยเปื่อย พูดถึงเรื่องแต่งงานแล้ว อีกไม่นานก็คงจะถึงงานแต่งงานของพวกเขาทั้งสอง เฝิงอี้คิดว่าหลังจากที่ภัตตาคารเฝิงกลับมาเปิดใหม่และเรื่องราวคลี่คลายแล้ว เขาจะแต่งงานกับชุยซินอี๋ทันทีเช้าวันต่อมาเป็นวันที่เฝิงหลงจะต้องไปพบหมอตามนัด เฝิงอี้เป็นคนขับรถพาพ่อและแม่ไปที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง ด้านเฝิงเป่านั้นก็มีสือชิงดูแลอยู่ ชุยซินอี๋เองก็วุ่นวายอยู่กับการดูแลร้านบะหมี่ ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำไม่ต่างกัน หลังจากตรวจงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณนายเฝิงก็บอกให้สามีนั่งรออยู่ที่หน้าห้องตรวจ ก่อนที่เธอเองจะไปจัดการเรื่องเอกสาร อีกไม่นานเฝิงอี้คงจะมารับเธอและสามีตามที่นัดหมายกันเอาไว้แล้วเฝิงหลงไม่ได้ให้คนติดตามมาด้วย เขาไม่ชอบความวุ่นวายมากนัก ระหว่างที่รอภรรยาก็นั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผู้คนที่มาตรวจเริ่มจะบางตาลงไปมากแล้ว เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย รู้สึกสมเพชตัวเองที่กลายมาเป็นเช่นนี้ เพราะหลายปีก่อนเขาเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ เขาจำได้ว่าตอนนั้นร่างกายขยับไม่ได้ โชคดีที่ได้พ่อของชุยซินอี๋มาช่วยพยุงเขาออกมา