“ไม่ต้องกลัวนะ เทพทั้งรักทั้งหลงหลินแทบเป็นบ้าอยู่แล้ว หลินจะทิ้งให้คนที่รักต้องทรมานเหรอ รู้ไหมว่าถ้าถูกปฏิเสธคราวนี้ เทพคงจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ เลย” เทพกานต์กัดฟันบอกด้วยความปวดร้าวและน้อยใจที่รมย์นลินไม่เชื่อใจเขา
ใบหน้าคมคร้ามแดงคล้ำ ลมหายใจหอบแรง แม้ว่าจะต้องเจ็บปวดกับการที่ยังไม่ได้ฝังร่างในความอบอุ่นและฉ่ำร้อน แต่ก็ยอมตัดสินใจปล่อยมือเล็กเรียวให้เป็นอิสระพร้อมกับหันหลังหนีหญิงสาว ด้วยรู้ดีว่าถึงรมย์นลินจะใจแข็งแค่ไหน แต่ถ้าถูกเขาแสดงออกแบบนั้น หญิงสาวย่อมต้องยอมโอนอ่อนผ่อนตาม
ใบหน้านวลผุดผ่องคลี่ยิ้มพราย เมื่อมือเล็กสอดเข้าระหว่างเอวสอบ วางใบหน้าแนบกับแผ่นหลังกว้าง “ขอโทษ เทพอย่าโกรธหลินเลยนะ” ง้องอนเสียงหวานพร่า “หลินแค่กลัว”
“เทพไม่ได้โกรธหลินนะ แต่โกรธตัวเอง ที่ทำให้คนที่รักกลัว และ...” เทพกานต์พูดเสียงหวานนุ่มทุ้ม และหันกลับมาพร้อมกับคว้ามือเล็กเรียวไปจูบเบาๆ มือใหญ่ลูบไล้บ่ากว้างแผ่วเบาและนุ่มนวล ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้ไปบนพวงแก้มอิ่มเต็มและแดงซ่าน
มือเล็กเรียวยื่นไปวางบนริมฝีปากหนาอุ่นร้อน ใบหน้าขาวนวลแดงปลั่งอายจนต้องเสหลบลงมองฟูกที่นั่งอยู่ จึงทำให้ไม่เห็นสายตาแห่งความดีใจและสาสมใจของเทพกานต์ มือเล็กเรียวยื่นไปคว้ามือใหญ่มาบีบและจับเอาไว้
“ขอโทษนะเทพ แต่หลินกลัวจริงๆ ”
“เทพรู้จ๊ะ เพราะรักถึงไม่โกรธไง”
รมย์นลินตื้นตันใจกับคำปลอบโยนหวานหู กายอรชรค่อยๆ เอนตัวลงไปนอนบนเตียงนอนพร้อมกับดึงร่างหนาให้ตามติดมาด้วย มือเล็กค่อยๆ ลูบไล้ไปบนเรือนกายใหญ่อย่างที่ชายหนุ่มสอนไว้เมื่อครู่ และเมื่อถึงเรือนกายซึ่งร้อนผ่าวและขยายใหญ่ แม้จะกระดากอาย แต่เพื่อคนที่รัก เธอก็พร้อมที่จะยอมมอบให้เขาทุกอย่าง สองขาเรียวยาวค่อยๆ แยกออกกว้างให้ร่างหนาใหญ่ได้เข้ามาพักพิงตรงกึ่งกลาง แต่ไฟร้อนผ่าวที่แนบชิดกับเนินสวาทก็ยังทำให้เธอกลัวๆ อยู่
“ไม่ต้องกลัว...เทพรักหลิน เราจะเดินทางไปพร้อมกันนะที่รัก” เพื่อให้หญิงสาวพร้อมพรั่งกับการเดินทางสายพิศวาส เทพกานต์ก็เริ่มต้นปลุกเร้าหญิงสาวใหม่จนรมย์นลินร้อนผ่าวเป็นเพลิงไฟในพริบตา
“เทพ...ได้โปรด...ช่วยด้วย...” สองมือเล็กจิกกดลงไปบนไหล่กว้าง อย่างต้องการระบายลูกไฟร้อนผ่าวที่วิ่งไหลวนไปตามกระแสเลือด ใบหน้าขาวสวยแหงนหงายไปด้านหลัง สองบัวตูมงามเต่งตึงกระเพื่อมไหวและจมหายเข้าไปในปากหนากว้างที่กลืนกินเม็ดบัวสลับกันไปมา
“เจ็บ...เทพเจ็บ...” ร้องบอกเสียงสั่นพร่า เมื่อความแข็งแกร่งและร้อนผ่าวเริ่มเคลื่อนไหวเข้าไปในเรือนกายแม้จะเชื่องช้าและอ่อนโยนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังทำให้กุหลาบดอกโตบอบช้ำอยู่ดี สะโพกงามงอนขยับส่ายหนีแต่กลับถูกตรึงเอาไว้ให้รอรับความอลังการที่ยังคงเคลื่อนเข้าหา
“อดทนนิดนะที่รัก อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้วคนดี” เทพกานต์ปลอบโยนเสียงนุ่ม แม้ว่าตัวเขาจะเจ็บปวดและทรมานกับเรือนกายที่มันค้างคาไปไม่ถึงจุดหมาย แต่ก็ยังพยายามดึงรั้งรมย์นลินออกจากความเจ็บปวดด้วยการตวัดลิ้นหยอกล้อกับเม็ดบัวทั้งสองฝากฝั่ง ขณะมือใหญ่ก็กดคลึงปมเสน่หาและลูบไล้บีบนวดต้นขาสลับกับขยำนวดสะโพกกลมมน พร้อมกับค่อยๆ กดฝังเรือนกายจนจมลึกหายไปในช่อดอกรัก
สองมือเล็กเรียวจิกบนแผ่นหลังกว้างและลากแรงๆ จนกายใหญ่สะดุ้งด้วยความเจ็บแสบและปวดแปลบ ยังจะมีฟันที่ขบกัดลงบนไหล่กว้าง น้ำตาอุ่นร้อนหยดจากสองดวงตาคู่สวย เมื่อความเจ็บร้าวและอึดอัดเคลื่อนเข้าไปฝังอยู่ในเรือนกาย
“หลินไม่เป็นไรใช่ไหมคนดี เทพขอโทษนะที่ทำให้เจ็บ”
“ไม่เป็นไร หลินเข้าใจ” เอ่ยอย่างอึดอัดระคนเจ็บปวดที่ยังคงมีอยู่ สองมือเล็กเรียวจับรั้งใบหน้าคมคร้าม และส่งรอยยิ้มหวานๆ ให้ ศีรษะทุยผงกขึ้นเล็กน้อยพอให้ริมฝีปากสองคนได้ประทับกัน
ลูกศิษย์สาวหัวไวเริ่มต้นจุดประกายไฟปรารถนาบนกายใหญ่ด้วยการมอบจุมพิตหวานฉ่ำเชื่อม ปลายลิ้นเล็กๆ ลากไล้ไปตามเรียวปากหนากว้างก่อนจะใช้ลิ้นเล็กๆ แยกมันออกจากกันและล่วงล้ำเข้าไปในโพรงปากนุ่มและอบอุ่น ปลายลิ้นเล็กลากไล้เที่ยวท่องไปทั่วกระพุ้งปาก ก่อนจะเกี่ยวกระหวัดและดุนดันกับปลายลิ้นสากระคายที่ออกมาต้อนรับและย้ายจากโพรงปากใหญ่มาซอกซอนหาความฉ่ำหวานปานน้ำผึ้งในโพรงปากเล็ก
แขนกำยำสอดรัดกอดร่างนิ่มแนบชิด สะโพกสอบเริ่มเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวลพร้อมกับสังเกตปฏิกิริยาจากแม่สาวเนื้อหวาน และเมื่อเห็นว่ารมย์นลินไม่แสดงความเจ็บปวดออกมาแล้ว กายใหญ่ก็ขยับเคลื่อนตัวด้วยความหนักหน่วง เนิบนาบ ช้าสลับเร็ว มือใหญ่ช้อนขาเรียวยาวให้โอบรอบเรือนกายแข็งแกร่ง เพื่อให้สองร่างได้แนบชิดจนเกือบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
“ที่รัก...หลิน...” เทพกานต์ร้องครางขาดเป็นห้วงกับการตอบสนองของรมย์นลิน สะโพกสอบเพรียวขยับเคลื่อนโยกซ้ายย้ายขวา บ้างก็ค่อยๆ เคลื่อนออกมาอย่างเชื่องช้าและถลากลับเข้าไปใหม่อย่างดุดันรุนแรง ที่เพลิงพิศวาสโอบเร้าทำให้เขาทวีความหนักหน่วง จนได้ยินเสียงหวีดร้องเล็กๆ ดังมาจากร่างโปร่งบาง มือและกายใหญ่ทำหน้าที่ประสานกันได้อย่างลงตัว ส่งให้รมย์นลินเดินทางไปบนฝั่งแห่งความฝันครั้งแล้วครั้งเล่า
ใบหน้าคมคร้ามแดงคล้ำและบูดเบี้ยวเหยเก ลมหายใจหอบพร่าและแรงเร็วจนแผ่นอกกว้างไหวกระเพื่อมบดเบียดเสียดสีกับเรือนกายนุ่ม ปลายทรวงสีน้ำตาลเข้มเสียดสีกับปลายยอดถันสีชมพูเข้มยิ่งเพิ่มความปั่นป่วนและเสียวซ่านให้กับสองร่างจนต้องส่งเสียงร้องออกมาพร้อมๆ กัน
สองมือใหญ่เคลื่อนไปตามลำแขนเรียวยาวและสอดเข้ากับสองมือเล็ก “หลินจ๋า...ไปกับเทพอีกครั้งนะ...” ชายหนุ่มเอ่ยพูดเสียงหวานนุ่มและแหบพร่า เส้นทางสวาทบีบกระชับรัดภมรตัวใหญ่ ทำให้เขาร้อนแทบจะระเบิดออกมา สะโพกสอบสะบัดเคลื่อนออกมาและกดลึกจมหายไปในกลีบบุปผานุ่มและอบอุ่นรัวเร็วถี่ยิบ
สองหนุ่มสาวค่อยๆ เกาะเกี่ยวร้อยความปรารถนาเดินทางเคียงคู่กันไปในบนฝากฟ้ากว้าง ชายหนุ่มกดฝังเรือนกายในความอบอุ่นและฉ่ำร้อนแนบสนิทจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน สายธาราอุ่นร้อนจากสองกายาหลอมรวมกันและไหลล้นออกจากกายน้อยๆ พร้อมสองร่างที่ส่งเสียงร้องด้วยความสุขสมออกมาสอดผสานกัน
ยามราตรีเงียบสงบ ค่ำคืนแสนยาวนานที่สองหนุ่มสาวกดกอดและมอบสัมผัสแห่งไฟพิศวาสให้แก่กันและกัน ราวกับคนอดอยากหิวโซที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จวบจนเรือนกายอ่อนล้าจึงได้นอนหลับไปในอ้อมแขนของกันและกัน
“กูนับถือมึงจริงๆ ไอ้เทพ” ฉัตรจักรเอ่ยชมเพื่อนรักอย่างประชดประชัน มือใหญ่ตบลงบนบ่ากว้างแรงๆ อย่างไม่คิดว่าเทพกานต์จะทำได้อย่างที่พูด
หลอกล่อให้รมย์นลิน สาวที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในมหาวิทยาลัยและก็เป็นคนที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่สนใจผู้ชายคนไหน ทุ่มเทชีวิตให้กับการเรียน แต่สุดท้ายก็ต้องมาตกม้าตาย เพราะชายหนุ่มจอมเจ้าชู้อย่างเทพกานต์
“อ้าว...แกจะมายืนอึ้งบื้อใบ้กินอยู่ทำไมล่ะเจ้าเทพ แกเป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้เองนะ”“ผม...ผมนี่หรือครับแม่เป็นคนทำ แม่เอาอะไรมาพูด” เทพกานต์โวยวายเสียยกใหญ่“หลินเป็นอะไรหรือคะท่านประธาน” รมย์นลินเริ่มที่จะอยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว พร้อมความกังวลกับอาการที่เป็นอยู่ ทำงานก็ไม่ถนัดเท่าไหร่ คอยแต่จะวิงเวียนศีรษะและเหม็นโน่นนี่ตลอด แต่นั่นก็ยังไม่กับความรู้สึกของคนรักไม่ได้นอนกอดเธอเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาก็หม่นหมอง หน้าตาดำคล้ำ ขอบตาลึกโบ๋ จนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ถ้าเกิดเป็นเดือนอย่างที่จิราพรพูดละก็...เทพกานต์ได้เป็นบ้าแน่“อยากรู้ก็ให้เทพพาไปตรวจซิ จะได้รับยามาทานด้วย อะไรที่ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็จะได้รู้ว่าไม่ควรทำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เธอยิ่งชอบบุกลุยตะบี้ตะบันไม่สนใจใครอยู่ด้วย หลังจากนี้คงจะได้ดูแลตัวเองมากขึ้น”รมย์นลินยิ่งมึนงงกับคำพูดของแม่สามี“แม่ครับ หลินเป็นอะไร แม่บอกมาเถอะครับถ้ารู้ อย่าให้เราสองคนต้องเป็นกังวลมากกว่านี้เลยนะครับ”เทพกานต์ส่งเสียงอ้อนวอน เขาเป็นห่วงรมย์นลินจนจะบ้าแล้ว แม่ยังจะพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องเล็ก
เช้ามาหุงหาอาหารใส่บาตร ทำความสะอาดบ้านจนสะอาดเอี่ยมอ่อง จัดการเรื่องราวในบ้านได้อย่างละเอียดและรอบคอบ ถึงขนาดว่านุจรีที่ไม่เคยเอ่ยปากชมใครยังยอมยกนิ้วให้ กลางวันก็ไปทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต บางวันข้าวตอนเที่ยงก็แทบจะไม่ตกถึงท้อง กว่าจะกลับบ้านได้ก็ค่ำมืดดึกดื่นแต่แม้จะเหนื่อยและเพลียขนาดไหนหญิงสาวก็ไม่เคยที่จะท้อแท้และหมดกำลังใจ บทบาทในการเป็นแจ๋วให้แม่เขาไม่เคยขาดตกบกพร่อง หน้าที่บนเตียงนอนเขาก็ยังเร่าร้อนเป็นไฟเช่นเดิม เพิ่งจะมีก็เกือบจะอาทิตย์กว่าๆ นี่แหละที่รมย์นลินกลับบ้าน พร้อมท่าทางอิดโรยเหมือนคนพักผ่อนไม่เพียงพอ ก่อนจะนอนก็มีอาการแปลกๆ อยากกินส้มเปรี้ยวจี๊ดขึ้นมาบ้างล่ะ อาเจียนจนหมดไส้หมดพุงบ้างล่ะ แต่ที่เขาโคตรจะหงุดหงิดและโกรธจนควันออกหูนั่นก็คือ...“เทพไปไกลๆ เลย ใช้น้ำหอมบ้าอะไรน่ะ เหม็นจะตายชัก”แขนใหญ่ยกขึ้นดมดอมอย่างงงๆ เพิ่งจะออกจากห้องน้ำแท้ๆ ตัวก็ยังไม่ได้เช็ด แป้งก็ยังไม่ได้ประ แล้วจะเอาเวลาไหนไปใช้น้ำหอมกันล่ะ“ฉันยังไม่ได้ใช้น้ำหอมเลยนะหลิน”“แล้วกลิ่นอะไรล่ะ เหม็นจะตาย ไปไกลๆ เลย”ไม่เพียงแค่พูดแต่สองมือเล็กยังผลักไสให้ออกจากห้องนอนด้วย โคตรจะหงุดหงิดและโม
“หลินเป็นห่วงกลัวแม่เหนื่อย เลยบังคับให้ผมพามาช่วยงานน่ะครับ ตอนนี้เธออยู่ข้างนอกครับ กำลังสั่งงานพนักงานอยู่” เทพกานต์ตอบใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างดีใจที่วันนี้แม่ถามถึงเมียรักที่อยู่ดีๆ ก็เป็นลมขึ้นมาท่ามกลางความตกใจของพนักงานซึ่งกำลังทำงานกันจนตัวเป็นเกลียว ตอนนั้นคนที่อยู่ด้วยก็ดันไม่ใช่เขาแต่เป็นมารดา กว่าเขาจะรู้ว่าหญิงสาวไม่สบายก็เป็นเวลาค่ำแล้วแม้ว่าเรื่องนั้นจะเกิดมาได้นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลาถึงหกเดือนแล้ว แต่เขายังคิดเหมือนกับเพิ่งจะเกิดขึ้นมาเมื่อวานนี้เอง มารดาโกรธและรับไม่ได้กับสิ่งที่รมย์นลินและเขาได้กระทำไว้ แม่ด่าเขาชนิดที่ว่าหูชาอย่างไม่เห็นเป็นลูก เพราะไม่เคยเลี้ยงให้เขาเป็นผู้ชายรังแกผู้หญิง เป็นคนเห็นแก่ได้และมักมาก แต่ก็อภัยเพราะลูกก็คือลูก แต่สำหรับรมย์นลินแม้จะทำตัวดีแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอทำไว้ก็ไม่ได้รับการให้อภัยจากจิราพรอยู่ดีเขายังจำภาพที่หญิงสาวนั่งหน้าซีด ดวงตากลมโตหวานอมโศกเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมและสำนึกในความผิดที่ได้กระทำไว้“หลินกราบขอโทษท่านประธานนะคะที่ทำลายความรักความเอ็นดูและหวังดีที่มีให้ หวังว่าท่านประธานจะใจกว้าง ยอมยกโทษให้คนที่ทำผิดแล้วสำนึกได้ ยอมให
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นวางมือบนมือใหญ่และนั่งลงบนตักกว้าง สองแขนโอบรอบลำคอแข็งแกร่งและหันหน้าไปหาชายหนุ่มอีกคนที่ทำอย่างเดียวกับเพื่อนรักของเธอ แต่ดูจะมากกว่า ด้วยสองมือใหญ่ที่รั้งสองแก้มนุ่มและดึงรั้งให้โน้มไปหาใบหน้าคมคร้ามที่รอรับจุมพิตเร่าร้อนและวาบหวาม เห็นแล้วก็ปั่นป่วนในช่องท้องจนต้องหันมามองเทพกานต์ตาปรอย นิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นบีบจมูกเล็กโด่งเบาๆ “เอาไว้ค่อยจูบตอนที่เราอยู่กันสองต่อสองดีกว่าหลิน เดี๋ยวฉันระงับใจไม่ไหวยืมห้องเจ้าฉัตรรักเธอแล้วจะยุ่ง” “บ้าจริงเชียวเทพนี่ คนอะไรหน้าไม่อาย” มือเล็กยกขึ้นทุบอกกว้างเบาๆ กระไอร้อนไล่ขึ้นจากกึ่งกลางเรือนกายสู่สองพวงแก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว “จะอายทำไม ก็คนมันรักมันคิดถึงนี่นา” “เมื่อกี้คุยอะไรกัน หน้าเครียดเชียว” รมย์นลินเอ่ยถามเสียงนุ่ม มองเทพกานต์สลับกับฉัตรจักรก่อนจะไล่ไปหาแพรพนัสที่นั่งเขินหน้าแดงจนต้องซุกใบหน้ากับลำคอกว้าง จากที่ยังมีความกังวลในวันที่ได้รู้ว่าแพรพนัสยอมอยู่กินกับฉัตรจักร แต่มาถึงวันนี้ ได้เห็นเพื่อนรักมีความสุข เธอก็พลอยดีใจด้วย หวังเพียงฉัตรจักรจะรักและมั่นคง เติมเต็มความรักให้กับแพรพนัสอย่างเต็มที่ สัญญาจากใจที่จะไม่เอ
“ตอบ...ตอบแล้ว” รมย์นลินรีบบอกโดยไว ริมฝีปากห่ออู้ สะโพกขยับส่ายตอบรับเสาเข็มที่ตอกลงมาช้าๆ เนิบนาบและมั่นคง “ฉัน...ฉันกับรินเราเป็นคนเดียวกัน” เพราะรู้ดีว่าบทลงโทษเธอคงไม่หยุดเพียงแค่เพลิงพิศวาสบทนี้แน่ ตอบช้าเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งแย่ ตอบเร็วอาจจะดีหน่อยคงพอมีเวลาได้พักทำใจใบหน้าคมคร้ามแย้มยิ้มกว้างแทบจะฉีกถึงใบหู สะโพกสอบจุ่มจ้วงโถมเพลิงเสน่หาใส่กายนุ่มอย่างอ่อนโยนแต่ถี่รัว เพื่อให้รางวัลแก่คนน่ารักที่ยอมบอกความจริงเขามันพวกละโมบและโลภมาก ใจก็คงจะโลเลไม่น้อย ถึงได้ชอบอรินธวัชและรักรมย์นลิน ที่เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนเป็นคนเดียวกัน...เป็นคนที่เขารักสุดใจอีกด้วย ที่ตอนนี้ความสุขโอบรอบจนรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งโลกกลายเป็นสีชมพู แต่ก็ยังมีอีกสิ่งที่ยังต้องได้รู้และในเดี๋ยวนี้ด้วย“หลินจ๋า...รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักมาก รักที่สุด”ในเมื่อรัก...ทำไมถึงทำร้ายกัน ตอนนี้มาให้ความหวังแล้วยังจะทิ้งไปอีก เทพกานต์ก็ไม่ยอมให้ความอยากรู้ค้างคาอยู่นาน “รักฉันแล้วทำร้ายฉันทำไม”“ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งแค้น นายทำฉันเจ็บมากนะ ทำให้ฉันหมดอนาคต ทำให้ฉันช้ำใจ เกือบจะถูกคนข่มเหงอีก อย่างนี้แล้วนายจะให้ฉันเ
“นาย...จะทำอะไร…เทพ”“แค่อยากรู้ เธอเอาสมองที่ไหนมาคิดเรื่องร้ายๆ พวกนี้”“จากความเจ้าเล่ห์ของนายและ...อ่านจากหนังสือเอา”“หืม...” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย “ฉันเจ้าเล่ห์ขนาดปลอมแปลงตัวเองเป็นผู้ชายหน้าหวานได้ด้วย”รมย์นลินกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ใจแกว่งๆ เมื่อคิดว่าเรื่องอรินธวัชแตกแล้ว แต่...เป็นไปได้ยังไงกันล่ะ “นายพูดเรื่องอะไรเทพ...ฉันไม่รู้เรื่อง” สะดุ้งเฮือกเมื่อเจอพิษนิ้วร้อนผ่าวที่จัดการร่ายมนตร์สวาทใส่ทรวงอกสล้าง“คำถามฉันไม่เห็นจะยากเลยนะหลิน...แค่บอกความจริงมา เธอกับอรินธวัชเป็นอะไรกัน ก็แค่นั้น มันยากนักหรือไง”คำถามง่ายๆ แต่ตอบยากสำหรับเธอนะสิ! ใช่! ก็โดนชุดใหญ่ ไม่ใช่ก็...ได้โดนบีบจนคอหมุนได้รอบกันล่ะแม้จะโดนศึกหนักเล่นงานสมองเลยทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่เพราะคิดไว้แล้ววันหนึ่งจะต้องเจอกับคำถามนี้ ใบหน้าสวยหวานจึงมีรอยยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้กระชุ่มกระชวยและใจเต้นแรง“เรื่องแค่นี้เอง รินก็เป็นผู้ชายที่แปลงเพศแล้วไง ฉันกับรินเราเป็นเพื่อนกัน ทำไมล่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่รู้ไม่ชี้“แน่ใจน่ะว่าตอบฉันอย่างนี้...รมย์นลิน” เทพกานต์ถามพร้อมหัวเราะกลั้วคอ กายใหญ่เริ่มขยับเคลื