“เงียบไปเลยนะไอ้ฉัตร กูไม่อยากได้คนอื่น อยากได้คนนี้ และกูก็ต้องได้ด้วย” เทพกานต์พูดเสียงเข้ม รู้สึกเหมือนกระไอร้อนผ่าวค่อยๆ แผ่ซ่านจากกึ่งกลางเรือนกายและลามเลียไปถึงใบหน้าอย่างรวดเร็ว
“งั้นมึงก็เอาอย่างนี้ซิวะไอ้เทพ” ฉัตรจักรเสนอความคิดด้วยเพราะเริ่มรู้สึกรำคาญในความเรื่องมากของเพื่อน “มึงเขียนใส่กระดาษให้น้องเขาเอาไปส่งให้ แล้วถ้ายายนักร้องนั่นเล่นตัวนักไม่มาคุยด้วย...มึงก็ตามไปปล้ำเสียในห้องแต่งตัวเสียเลยไหมล่ะ” ฉัตรจักรพูดประชดประชันด้วยอิดหนาระอาใจในความเอาแต่ใจของเพื่อนรัก ที่อยากได้อะไรแล้วมักจะต้องเอาให้ได้ แล้วก็ต้องนั่งหน้าเหวอ เมื่อเทพกานต์ตอบกลับมา
“เออ...ความคิดมึงดีมากเลยวะไอ้ฉัตร” ร่างหนาใหญ่เอนตัวอิงโซฟานุ่ม เท้าแข็งแกร่งพาดขึ้นไปทับบนขาอีกข้าง มือใหญ่ควานหาปากกาที่มักจะอยู่ติดกับเสื้อและยื่นอีกมือไปรับกระดาษจากพนักงานที่ส่งมาให้ใบหน้าจืดเจื่อนเต็มที่ ก่อนก้มเขียนอะไรบางอย่างแบบลายมือเหมือนกับไก่เขี่ย เพราะมองไม่ค่อยจะเห็น
นลินยื่นมือไปรับกระดาษสีขาวที่พนักงานส่งมาให้พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูง ดวงตากลมโตมองตามมือใหญ่ที่ชี้บอกตำแหน่งของเจ้าของกระดาษ พร้อมพยักหน้ารับ ริมฝีปากรูปกระจับขยับเคลื่อนขึ้นลงตามทำนองของบทเพลง ขณะเหลือบสายตาลงมองดูข้อความในกระดาษ ที่พอจะเดาได้อยู่แล้วว่ามันเขียนอะไร เหมือนๆ กับที่เคยได้รับมาทุกครั้ง แต่ก็อดที่จะหน้าตึงไม่ได้และรีบขยำทิ้งอย่างเสียความรู้สึก
ผู้ชายที่มาเที่ยวที่นี่ก็เหมือนกันหมด เห็นนักร้องเป็นเหมือนกับอีตัวที่จะลากไปไหนมาไหนด้วยก็ได้ตามความพอใจ พอได้ลิ้มชิมรสหวานสำเร็จเรียบร้อยก็ทิ้งไปอย่างไม่สนใจไยดี บางคนดีหน่อยเลี้ยงดูเป็นนางน้อยๆ แต่ถ้าบ้านใหญ่รู้เมื่อไหร่ก็ต้องเลิกเมื่อนั้น หรือถ้าหากว่าไม่รู้ก็อยู่กันไป พอเบื่อหรือว่าได้เจอกับสาวน้อยคนใหม่ก็หาทางเขี่ยทิ้ง อย่างไม่สนใจในความรู้สึกของคนที่ถูกทอดทิ้ง
มือเล็กเรียวกำเข้าหากันแน่น อึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออก รังเกียจพวกผู้ชายเจ้าชู้เห็นไม่มีหางแล้วก็ฟาดเรียบ ผู้ชายคนที่ส่งข้อความมาให้เธอนั่น ตัวดีเชียวล่ะ ได้ข่าวว่าเจ้าชู้ตัวพ่อ ดวงตาคมออกดุเล็กน้อยแต่ก็หวานราวกับเคลือบน้ำตาล มองมาแต่ละครั้งเหมือนกับจะสะกดจิตให้หลงใหล ปากหวานน้ำตาลยังต้องเรียกว่าพี่
แต่นั่นแหละ ต้องยอมรับ ชายหนุ่มเก่ง รวยและมีเสน่ห์ สาวๆ ต่างก็หลงใหลในคำหวานที่เอ่ยออกมา พร้อมความหวังว่าจะได้เป็นคุณนายแห่งตระกูลอรุณสนิทชัยวงศ์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลยสักนิด เพราะปลาไหลอย่างเทพกานต์ไม่มีทางที่จะหยุดอยู่ที่ผู้หญิงเพียงคนเดียว
ใบหน้าขาวสวยแสยะยิ้ม พร้อมกับถลึงตาส่งไปให้ชายหนุ่มที่โบกไม้โบกมือให้ ไม่ใช่ว่าเธอจะหยิ่งหรืออะไรนะ แต่ไม่ชอบที่จะเอาตัวไปสนิทสนมกับคนรวยและเจ้าชู้ อีกทั้งเธอเคยรู้รสของความเจ็บปวดจากผู้ชายปากหวานแต่ไม่จริงใจมาแล้ว ในครั้งนั้นเจ็บปวดปางตาย กว่าที่จะผ่านพ้นมาได้ก็หลายปี แต่ก็ต้องขอบคุณในความเจ็บนั้น เพราะมันทำให้เธอเข้มแข็ง แม้ภายนอกจะดูอ่อนแอ แต่ภายในกลับแกร่งเสียยิ่งกว่าหินผา
หญิงสาวส่งรอยยิ้มเศร้าๆ พร้อมกับครวญเพลงรักหวานปนเศร้าอีกเพลง ก่อนจะวางไมค์และเดินกลับเข้าไปด้านหลังเวที โดยไม่แม้แต่จะหันมองชายหนุ่มคนที่ส่งข้อความมาให้
ร่างโปร่งบางพาตัวเองเดินลัดเลาะไปยังห้องแต่งตัวซึ่งทางไนต์คลับมอบไว้ให้ อย่างต้องการจูงใจให้เธอทำงานที่นี่ไปนานๆ เพราะคืนใดที่เป็นคิวร้องของเธอ คืนนั้นจะมีแขกเต็มจนล้นเสมอ
มือเรียวปลดเอาเครื่องพันธนาการที่เธอไม่เคยจะชอบเลยสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นต่างหูที่ห้อยระย้าจนเกือบจะถึงไหล่ สร้อยคอคริสตัลซึ่งสะท้อนแสงไฟเป็นประกายยามขยับ หรือแม้แต่ไอ้เครื่องสำอางที่พอกจนแทบจะไม่เห็นเค้าหน้าที่แท้จริง แล้วรอยยิ้มเล็กๆ ก็ผุดขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะกระทำหลังจากนี้
มือเล็กดึงพนักเก้าอี้ออกมาและทรุดตัวนั่งลงไป ดวงตากลมโตมองผู้หญิงในกระจกเงาบานใหญ่ ปลายนิ้วเรียวลากไล้ไปบนใบหน้าซึ่งเปลี่ยนไปจากวันวานจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม
ดวงตากลมโตฉายแววร้าวราน ขอบตาร้อนผ่าว เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เคยสร้างบาดแผลในชีวิต น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นคลอเบ้า ริมฝีปากอวบอิ่มสั่นเล็กน้อย จนนลินต้องรีบสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปในทันที
ใบหน้าคมหวานแหงนหงายไปด้านหลัง พร้อมกับหลับตาลงอย่างเหนื่อยและล้า จนแทบอยากจะนอนหลับไปเสียตรงนี้แล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย แต่ก็คงเป็นได้เพียงแค่ความคิดเท่านั้นเอง เพราะในความเป็นจริง คนเราไม่มีทางที่จะนอนหลับและไม่ตื่น
หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกจากปอด มือเล็กยื่นไปคว้าแก้วน้ำอุ่น เหยาะน้ำมะนาวและน้ำส้มสูตรที่เธอคิดขึ้นมาเองเพื่อใช้รักษากล่องเสียงให้หวานใสเหมือนกับน้ำในแก้วมาดื่ม พร้อมความคิดที่แล่นออกไปยังชายหนุ่มที่อยู่ด้านนอก อยากรู้นักว่าเทพกานต์จะทำอย่างไร เมื่อถูกเธอปฏิเสธแบบนี้
อืม...จะว่าไปก็ชักอยากจะเห็นหน้าเสียแล้วซิ จะหน้าเขียวหน้าเหลืองหรือว่าจะซีดเผือดเหมือนไก่ต้ม เพราะไม่เคยโดนหญิงสาวคนไหนหักหน้ามาก่อนเลยในชีวิต
ใบหน้าขาวสวยแย้มยิ้มจนเห็นไรฟัน ดวงตากลมโตเป็นประกาย คิดแล้วก็อยากจะหัวเราะ ต่อไปนี้สิ่งที่ชายหนุ่มไม่เคยเจอ ก็จะต้องเคยเมื่อได้พบกับเธอ คิดแล้วก็ชักจะสนุกแล้วซิ
นลินส่ายศีรษะกับความคิดของตัวเอง ดวงตากลมโตหลับลงอย่างช้าๆ ด้วยต้องการพักสายตาจากแสงไฟที่สว่างจ้าเป็นช่วงๆ กับความเหนื่อยล้าจากงานประจำที่วันนี้กว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบจะถึงเวลาร้องเพลง เพราะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้ทำงานที่นั่น ยังดีว่าแพรพนัสไปรับได้ทัน ไม่งั้นเธอคงเข้างานที่นี่สาย รอยยิ้มหวานนุ่มแต่งแต้มบนใบหน้า เมื่อนึกถึงเพื่อนรักนัยน์ตาคมหวานและนิสัยดี แต่แสนจะห้าวและไม่ยอมใครแล้วก็นึกขึ้นได้
แพรพนัสจะมารับเธอไปทานข้าวต้มรอบดึก ก่อนเพื่อนรักจะต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดหลายวัน
เทพกานต์ถึงกับหน้าตึงเปรี๊ยะ และหันไปถลึงตาใส่เพื่อนรักที่นั่งหัวเราะงอหงายอยู่ใกล้ๆ “หยุดหัวเราะเลยนะมึงไอ้ฉัตรถ้ายังไม่อยากถูกกูเอาเท้าเหยียบหน้า”
กรามหนาขบกัดจนนูนเด่นและแทบจะได้ยินเสียงดังกรอดๆ ถ้าไม่มีเสียงดนตรีและเสียงเพลงที่แว่วมา ดวงตาคมกริบวาววับเหมือนดวงตาพญาเหยี่ยวลุกโชนด้วยเพลิงโทสะ เพราะเสียหน้าที่ถูกปฏิเสธ แล้วชายหนุ่มก็โยนความผิดที่ถูกเพื่อนหัวเราะไปให้กับนักร้องสาวสวยที่เดินลับหายไปจากสายตา
“อ้าว...แกจะมายืนอึ้งบื้อใบ้กินอยู่ทำไมล่ะเจ้าเทพ แกเป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้เองนะ”“ผม...ผมนี่หรือครับแม่เป็นคนทำ แม่เอาอะไรมาพูด” เทพกานต์โวยวายเสียยกใหญ่“หลินเป็นอะไรหรือคะท่านประธาน” รมย์นลินเริ่มที่จะอยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว พร้อมความกังวลกับอาการที่เป็นอยู่ ทำงานก็ไม่ถนัดเท่าไหร่ คอยแต่จะวิงเวียนศีรษะและเหม็นโน่นนี่ตลอด แต่นั่นก็ยังไม่กับความรู้สึกของคนรักไม่ได้นอนกอดเธอเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาก็หม่นหมอง หน้าตาดำคล้ำ ขอบตาลึกโบ๋ จนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ถ้าเกิดเป็นเดือนอย่างที่จิราพรพูดละก็...เทพกานต์ได้เป็นบ้าแน่“อยากรู้ก็ให้เทพพาไปตรวจซิ จะได้รับยามาทานด้วย อะไรที่ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็จะได้รู้ว่าไม่ควรทำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เธอยิ่งชอบบุกลุยตะบี้ตะบันไม่สนใจใครอยู่ด้วย หลังจากนี้คงจะได้ดูแลตัวเองมากขึ้น”รมย์นลินยิ่งมึนงงกับคำพูดของแม่สามี“แม่ครับ หลินเป็นอะไร แม่บอกมาเถอะครับถ้ารู้ อย่าให้เราสองคนต้องเป็นกังวลมากกว่านี้เลยนะครับ”เทพกานต์ส่งเสียงอ้อนวอน เขาเป็นห่วงรมย์นลินจนจะบ้าแล้ว แม่ยังจะพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องเล็ก
เช้ามาหุงหาอาหารใส่บาตร ทำความสะอาดบ้านจนสะอาดเอี่ยมอ่อง จัดการเรื่องราวในบ้านได้อย่างละเอียดและรอบคอบ ถึงขนาดว่านุจรีที่ไม่เคยเอ่ยปากชมใครยังยอมยกนิ้วให้ กลางวันก็ไปทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต บางวันข้าวตอนเที่ยงก็แทบจะไม่ตกถึงท้อง กว่าจะกลับบ้านได้ก็ค่ำมืดดึกดื่นแต่แม้จะเหนื่อยและเพลียขนาดไหนหญิงสาวก็ไม่เคยที่จะท้อแท้และหมดกำลังใจ บทบาทในการเป็นแจ๋วให้แม่เขาไม่เคยขาดตกบกพร่อง หน้าที่บนเตียงนอนเขาก็ยังเร่าร้อนเป็นไฟเช่นเดิม เพิ่งจะมีก็เกือบจะอาทิตย์กว่าๆ นี่แหละที่รมย์นลินกลับบ้าน พร้อมท่าทางอิดโรยเหมือนคนพักผ่อนไม่เพียงพอ ก่อนจะนอนก็มีอาการแปลกๆ อยากกินส้มเปรี้ยวจี๊ดขึ้นมาบ้างล่ะ อาเจียนจนหมดไส้หมดพุงบ้างล่ะ แต่ที่เขาโคตรจะหงุดหงิดและโกรธจนควันออกหูนั่นก็คือ...“เทพไปไกลๆ เลย ใช้น้ำหอมบ้าอะไรน่ะ เหม็นจะตายชัก”แขนใหญ่ยกขึ้นดมดอมอย่างงงๆ เพิ่งจะออกจากห้องน้ำแท้ๆ ตัวก็ยังไม่ได้เช็ด แป้งก็ยังไม่ได้ประ แล้วจะเอาเวลาไหนไปใช้น้ำหอมกันล่ะ“ฉันยังไม่ได้ใช้น้ำหอมเลยนะหลิน”“แล้วกลิ่นอะไรล่ะ เหม็นจะตาย ไปไกลๆ เลย”ไม่เพียงแค่พูดแต่สองมือเล็กยังผลักไสให้ออกจากห้องนอนด้วย โคตรจะหงุดหงิดและโม
“หลินเป็นห่วงกลัวแม่เหนื่อย เลยบังคับให้ผมพามาช่วยงานน่ะครับ ตอนนี้เธออยู่ข้างนอกครับ กำลังสั่งงานพนักงานอยู่” เทพกานต์ตอบใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างดีใจที่วันนี้แม่ถามถึงเมียรักที่อยู่ดีๆ ก็เป็นลมขึ้นมาท่ามกลางความตกใจของพนักงานซึ่งกำลังทำงานกันจนตัวเป็นเกลียว ตอนนั้นคนที่อยู่ด้วยก็ดันไม่ใช่เขาแต่เป็นมารดา กว่าเขาจะรู้ว่าหญิงสาวไม่สบายก็เป็นเวลาค่ำแล้วแม้ว่าเรื่องนั้นจะเกิดมาได้นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลาถึงหกเดือนแล้ว แต่เขายังคิดเหมือนกับเพิ่งจะเกิดขึ้นมาเมื่อวานนี้เอง มารดาโกรธและรับไม่ได้กับสิ่งที่รมย์นลินและเขาได้กระทำไว้ แม่ด่าเขาชนิดที่ว่าหูชาอย่างไม่เห็นเป็นลูก เพราะไม่เคยเลี้ยงให้เขาเป็นผู้ชายรังแกผู้หญิง เป็นคนเห็นแก่ได้และมักมาก แต่ก็อภัยเพราะลูกก็คือลูก แต่สำหรับรมย์นลินแม้จะทำตัวดีแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอทำไว้ก็ไม่ได้รับการให้อภัยจากจิราพรอยู่ดีเขายังจำภาพที่หญิงสาวนั่งหน้าซีด ดวงตากลมโตหวานอมโศกเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมและสำนึกในความผิดที่ได้กระทำไว้“หลินกราบขอโทษท่านประธานนะคะที่ทำลายความรักความเอ็นดูและหวังดีที่มีให้ หวังว่าท่านประธานจะใจกว้าง ยอมยกโทษให้คนที่ทำผิดแล้วสำนึกได้ ยอมให
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นวางมือบนมือใหญ่และนั่งลงบนตักกว้าง สองแขนโอบรอบลำคอแข็งแกร่งและหันหน้าไปหาชายหนุ่มอีกคนที่ทำอย่างเดียวกับเพื่อนรักของเธอ แต่ดูจะมากกว่า ด้วยสองมือใหญ่ที่รั้งสองแก้มนุ่มและดึงรั้งให้โน้มไปหาใบหน้าคมคร้ามที่รอรับจุมพิตเร่าร้อนและวาบหวาม เห็นแล้วก็ปั่นป่วนในช่องท้องจนต้องหันมามองเทพกานต์ตาปรอย นิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นบีบจมูกเล็กโด่งเบาๆ “เอาไว้ค่อยจูบตอนที่เราอยู่กันสองต่อสองดีกว่าหลิน เดี๋ยวฉันระงับใจไม่ไหวยืมห้องเจ้าฉัตรรักเธอแล้วจะยุ่ง” “บ้าจริงเชียวเทพนี่ คนอะไรหน้าไม่อาย” มือเล็กยกขึ้นทุบอกกว้างเบาๆ กระไอร้อนไล่ขึ้นจากกึ่งกลางเรือนกายสู่สองพวงแก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว “จะอายทำไม ก็คนมันรักมันคิดถึงนี่นา” “เมื่อกี้คุยอะไรกัน หน้าเครียดเชียว” รมย์นลินเอ่ยถามเสียงนุ่ม มองเทพกานต์สลับกับฉัตรจักรก่อนจะไล่ไปหาแพรพนัสที่นั่งเขินหน้าแดงจนต้องซุกใบหน้ากับลำคอกว้าง จากที่ยังมีความกังวลในวันที่ได้รู้ว่าแพรพนัสยอมอยู่กินกับฉัตรจักร แต่มาถึงวันนี้ ได้เห็นเพื่อนรักมีความสุข เธอก็พลอยดีใจด้วย หวังเพียงฉัตรจักรจะรักและมั่นคง เติมเต็มความรักให้กับแพรพนัสอย่างเต็มที่ สัญญาจากใจที่จะไม่เอ
“ตอบ...ตอบแล้ว” รมย์นลินรีบบอกโดยไว ริมฝีปากห่ออู้ สะโพกขยับส่ายตอบรับเสาเข็มที่ตอกลงมาช้าๆ เนิบนาบและมั่นคง “ฉัน...ฉันกับรินเราเป็นคนเดียวกัน” เพราะรู้ดีว่าบทลงโทษเธอคงไม่หยุดเพียงแค่เพลิงพิศวาสบทนี้แน่ ตอบช้าเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งแย่ ตอบเร็วอาจจะดีหน่อยคงพอมีเวลาได้พักทำใจใบหน้าคมคร้ามแย้มยิ้มกว้างแทบจะฉีกถึงใบหู สะโพกสอบจุ่มจ้วงโถมเพลิงเสน่หาใส่กายนุ่มอย่างอ่อนโยนแต่ถี่รัว เพื่อให้รางวัลแก่คนน่ารักที่ยอมบอกความจริงเขามันพวกละโมบและโลภมาก ใจก็คงจะโลเลไม่น้อย ถึงได้ชอบอรินธวัชและรักรมย์นลิน ที่เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนเป็นคนเดียวกัน...เป็นคนที่เขารักสุดใจอีกด้วย ที่ตอนนี้ความสุขโอบรอบจนรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งโลกกลายเป็นสีชมพู แต่ก็ยังมีอีกสิ่งที่ยังต้องได้รู้และในเดี๋ยวนี้ด้วย“หลินจ๋า...รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักมาก รักที่สุด”ในเมื่อรัก...ทำไมถึงทำร้ายกัน ตอนนี้มาให้ความหวังแล้วยังจะทิ้งไปอีก เทพกานต์ก็ไม่ยอมให้ความอยากรู้ค้างคาอยู่นาน “รักฉันแล้วทำร้ายฉันทำไม”“ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งแค้น นายทำฉันเจ็บมากนะ ทำให้ฉันหมดอนาคต ทำให้ฉันช้ำใจ เกือบจะถูกคนข่มเหงอีก อย่างนี้แล้วนายจะให้ฉันเ
“นาย...จะทำอะไร…เทพ”“แค่อยากรู้ เธอเอาสมองที่ไหนมาคิดเรื่องร้ายๆ พวกนี้”“จากความเจ้าเล่ห์ของนายและ...อ่านจากหนังสือเอา”“หืม...” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย “ฉันเจ้าเล่ห์ขนาดปลอมแปลงตัวเองเป็นผู้ชายหน้าหวานได้ด้วย”รมย์นลินกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ใจแกว่งๆ เมื่อคิดว่าเรื่องอรินธวัชแตกแล้ว แต่...เป็นไปได้ยังไงกันล่ะ “นายพูดเรื่องอะไรเทพ...ฉันไม่รู้เรื่อง” สะดุ้งเฮือกเมื่อเจอพิษนิ้วร้อนผ่าวที่จัดการร่ายมนตร์สวาทใส่ทรวงอกสล้าง“คำถามฉันไม่เห็นจะยากเลยนะหลิน...แค่บอกความจริงมา เธอกับอรินธวัชเป็นอะไรกัน ก็แค่นั้น มันยากนักหรือไง”คำถามง่ายๆ แต่ตอบยากสำหรับเธอนะสิ! ใช่! ก็โดนชุดใหญ่ ไม่ใช่ก็...ได้โดนบีบจนคอหมุนได้รอบกันล่ะแม้จะโดนศึกหนักเล่นงานสมองเลยทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่เพราะคิดไว้แล้ววันหนึ่งจะต้องเจอกับคำถามนี้ ใบหน้าสวยหวานจึงมีรอยยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้กระชุ่มกระชวยและใจเต้นแรง“เรื่องแค่นี้เอง รินก็เป็นผู้ชายที่แปลงเพศแล้วไง ฉันกับรินเราเป็นเพื่อนกัน ทำไมล่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่รู้ไม่ชี้“แน่ใจน่ะว่าตอบฉันอย่างนี้...รมย์นลิน” เทพกานต์ถามพร้อมหัวเราะกลั้วคอ กายใหญ่เริ่มขยับเคลื