องค์กรดาร์ก สมาคมสำหรับผู้บ้าอำนาจ ถูกแต่งตั้งด้วยรุ่นเก๋าอย่างพ่อของเรกาโด แม้จะถอนทัพไปนานแล้ว ทว่าเบื้องหลังทั้งหมดยังมีเขาอยู่ เรกาโดตื่นเช้าเพื่อเข้าประชุมตามคำบัญชาที่ส่งมาทางสมาร์ทโฟนไร้สาย หน้าขรึมบัดนี้ขรึมยิ่งกว่า เพราะต่อให้หงุดหงิดแค่ไหนกับความยุ่งเหยิงก็ต้องเก็บกักมันไว้ ก่อนศีรษะโค้งคำนับลงหลังถึง
" นั่งสิ "
ร่างบึกบึนที่ไม่ยอมแก่แม้หนวดเคราจะแฝงสีขาวผายมือเชื้อเชิญ แน่นอนลูกชายถอดแบบจากเขาไม่มีผิด เขาไม่นั่ง
" ผมมา เพื่อจะฟังเรื่องสำคัญของท่านเท่านั้น คิดว่าคงไม่นาน "
ใครเล่าจะนั่งสนทนากับคนที่ขึ้นชื่อทำให้แม่เขาตายลง เรกาโด วิส เม้มปากแน่น คำรามฮึมฮัมในลำคอ เดินฟึดฟัดไปหยุดข้างหน้าต่าง เขาหันหลังให้ ส่วนลูกชายยืนยืดอกนิ่ง สูทที่สวมใส่ของทั้งคู่ คงความเป็นผู้ดีบ่งบอกถึงการไว้หน้า ไม่ทำตัวกร่างต่อหน้าลูกน้องได้ดีเลยทีเดียว
" แกพาเด็กคนนั้นเข้ามาอยู่ในบ้าน ได้สืบหัวนอนปลายเท้าหล่อนรึยัง "
แน่นอนครูซัสพ่นลมหายใจพรืด เดาไม่เคยผิดว่าต้องเป็นเรื่องนี้
" เธอเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เกิด โตมาจากที่นั่น จะต้องสืบอะไรอีก "
" ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่หล่อนตายแล้วนี่ "
" แค่ผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นฮะพ่อ อย่าได้กังวล"
" ผู้หญิงคนเดียว แกคิดว่ามันไม่โตขึ้นมารึไง! หากรู้เรื่องในองค์กร.."
" ผมไม่มีทางพาเธอเข้ามาในโลกของผมและองค์กรอันห่วยแตกของพ่อหรอกโอเค๊? "
คำเถียงประสานกันก่อนหยุด หลังทำลูกน้องคนพูดทั้งสองฝ่ายพากันสะดุ้งโหยง เกรงฝ่ายคนเป็นพ่อจะอารมณ์ร้อนชักปืนขึ้นมายิงเฉี่ยวกบาลลูกชายอย่างคราที่แล้วอีก จึงได้แต่คอยระแวดระวัง ทว่า เมื่อถึงยุติด้วยคำตะเพิดของครูซัส เสมือนเป็นคำประกาษิต พวกเขาก็สบายใจ
" ฮึ แม่แกคงตายตาหลับ ลูกชายที่ไม่เคยเอาไหนอย่างแก เกิดบ้าจี้มาทำตามฝันให้ขึ้นมา "
เรกาโด วิสประชดแดกดัน ยกมือไขว้หลัง หันมาทางเขา ครูซัสถอนหายใจอีกระลอก ประชดกลับคืนเช่นเดียวกัน ก่อนหมุนตัวกลับ โดยไม่ลืมคำนับ ซึ่งนั่นทำบิดาเขาเดือดดาลน่าดู
" แม่ตายตาไม่หลับ ตั้งแต่ที่มีพ่อเป็นสามีแล้วล่ะครับ จบธุระท่านนะครับ ผมขอตัว "
ปัง!!
" ไอ้บิ๊กครูซ แก ไอ้ลูกเวร! "
เขาตบโต๊ะสะเทือนห้อง ตะโกนไล่หลังเขาไปติดๆ
เอมิเลียหอบของพะรุงพะรังเข้ามาในคฤหาสน์ หลังกลับจากมหาวิทยาลัยโดยมีลูแคนไปรับ วันนี้เธอไม่ได้ขอให้เขาพาไปนอกลู่นอกทางที่ไหน เนื่องจากมีจุดมุ่งหมายเพียงอย่างเดียว..คือนวนิยาย และเตียงนอน ทว่าสิ่งที่คิดกับสิ่งที่เป็นไม่ได้สมพงษ์กลมกลืนกันสักเท่าไหร่ เมื่อบุคคลที่เธอไม่อยากจะเจอที่สุดมายืนรออยู่เบื้องหน้า ตรงกลางทางที่เธอจะเดินผ่านไป เอมิเลียชะงักสีหน้าเริ่มซีด ใจแผ้วหล่นลงตาตุ่ม
“ คุณเคลที่...”
รายนั้นไม่ยิ้มไม่พอ ยังยืนกอดอกแน่นเสียด้วย หล่อนใช้ฝาผนังเป็นที่ค้ำยันแผ่นหลังตัวเอง นั่นบ่งบอกให้รู้หล่อนตั้งใจมายืนรอ และนานพอสมควรแล้ว
“ เมื่อวานแกไปกินข้าวกับพี่ชายฉันมาหรือ...”
เสียงที่เคยแผดแหลมกดลงต่ำ เคลที่ผงะมายืนขวางเอมิเลียใกล้กว่าเก่า ส่วนเธอเอาแต่ก้มหน้างุน
“.......”
จะว่ามันคือนิสัยเฉพาะตัวของเธอก็ว่าได้ ยามใดที่รู้สึกตัวเองไม่ปลอดภัย หญิงสาวจะบอกตัวเองเสมอ พยายามเงียบไว้ ต้องปิดปากให้สนิทที่สุด และถ้าไม่จำเป็น อย่าได้สบตาศัตรูเชียว ซึ่งที่ผ่านมา มันสามารถช่วยเหลือเธอให้หลุดพ้นได้ ทว่าไม่ใช่วันนี้
“ ฉันถามก็ตอบสิ!! "
เพี๊ยะ
เมื่อเคลที่ตีแขนเธอสุดแรง ความแรงของมันทำหนังสือในวงแขนหล่นตุบเกลื่อนพื้น ท่ามกลางความสนใจของหมู่คณะแม่บ้าน และเช่นเคยสายตาเห็นใจเหล่านั้นไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นมาเลย นอกจากจะเพิ่มความรำคาญให้กับเคลที่
“ มองอะไร! มีอะไรก็ไปทำซะสิ "
เพียงหล่อนขึงตาใส่ ตรงจุดนั้นก็จะเหลือแต่ความว่างเปล่า
“ ว่าไง ฉันถาม จะบอกฉันได้หรือยัง "
ก่อนจะหันมาเล่นงานเอมิเลียต่อ ในขณะดวงตากำลังสั่นระริก เธอพยายามตะปบมือไม่ให้สั่นตาม ภาวนาให้ใครสักคนผ่านเข้ามา และคนๆนั้นต้องช่วยเหลือเธอได้ ทว่า วันนี้คงจะเป็นวันซวยของเธอจริงๆ เธอตัดสินใจตอบ โดยการรวบรวมความกล้าทั้งหมด แต่ไม่คิดว่าจะโดนหนักกว่านี้ เคลที่บีบปากเธอ
“ นายท่านพาไปเอง ฉันไม่ได้ขอ...อื้อ”
พร้อมกัดฟันกรอด สภาพสีหน้ากับท่าทางที่หล่อนกำลังเป็น ในสายตาของเอมิเลียตอนนี้มันไม่ต่างจากผู้ป่วยโรคจิต
“ เฮอะ รู้อะไรไหมเอมี่ คำตอบของเธอน่ะ มันช่างเป็นคำตอบที่กวนประสาทฉันที่สุด"
“ .....”
“ เธอคิดว่าเธอพูดแบบนี้ แล้วจะรอดงั้นหรือ .....อย่าเอาพี่ชายฉันมาอ้าง!"
“ อ๊ะ! ....”
ความเจ็บปวดตอนถูกหล่อนบีบปากยังไม่เจ็บเท่ากับตอนที่หล่อนสะบัดหน้าเธอ ทั้งง่ามนิ้วทั้งเล็บจิกข่วนพวงแก้มแสบชาไปเป็นแถบ สร้างความโกรธให้เอมิเลียไม่น้อย ทว่าเธอยังคงเก็บกักมันไหว จึงทำได้แค่ทรุดตัวลงไปเก็บหนังสือขึ้นมา ในขณะเธอพยายามถนุถนอม เพราะให้ค่าว่าคือเพื่อนแท้มาตลอด แต่เคลที่หล่อนไม่ กลับถลาเข้ามาแย่งชิง
“ ชอบเหรอ...”
เอาไปเปิดดูทีละหน้า พร้อมเอ่ยถามเสียงเย้ยยัน เอมิเลียถึงกับใจแผ้ว เสมือนเธอรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า นั่นยิ่งปลุกความโกรธที่มีอยู่ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกทวีคูณ
แควก!!!
“ ไม่นะ! นั่นมันของของฉัน!"
" ฮ่าๆๆ "
" เอาคืนมานะ! "
เพราะหนังสือเล่มโปรดของเธอถูกฉีกขาด จึงเผลอกำหมัด ที่แค่หวังไว้ใช้ข่มอารมณ์ในทีแรกเท่านั้น ไม่คิดจะเหวี่ยงออกไป
แต่แล้ว....
ผั๊วะ!!
เอมิเลียใช้มันฟาดหน้าเคลที่เเต็มๆ ท่ามกลางคนดูนับสิบ และ...เรกาโด ที่เพิ่งจะเดินเข้ามาหมาดๆ พร้อมแบกความเหนื่อยมหาศาลจากข้างนอกมาด้วย กลับต้องมาห้ามทัพพี่น้องต่างสายเลือดสู้กันอีก!
" หยุด!! เป็นบ้าอะไรกัน "
เรกาโดเดินไวมาดันอกเคลที่ออก จังหวะหล่อนกำลังจะง้างมือใส่เอมิเลีย เขาไม่ได้เข้าข้างใคร เพียงแต่เขารู้นิสัยน้องสาวตัวเองดี แค่เห็นผลงานอันพรีเมี่ยม ที่ลอยละล่องเกลื่อนพื้น กับหนังสือเล่มขนาดพกพามีรอยขยุ้มทึ้งสุดแรง แค่นี้แทบจะไม่ต้องสืบคดีแล้ว
" นี่ปล่อยฉันนะ มันชกหน้าฉัน! "
" อย่าเคลที่! "
ในขณะเรกาโดกำลังฉุดร่างน้องสาวออกห่าง พบว่า เอมิเลียถอยกรูดไปไกลแล้ว พลางสะดุ้งโหยง เมื่อศีรษะทุยเกิดชนเข้ากับอกลูแคน ที่ยืนดูอยู่ห่างๆ
" ขะ ขอโทษค่ะ "
" ไม่เป็นไรครับ "
เขายิ้ม เพราะรู้เธอกำลังประหม่าปนเสียขวัญ
" ปล่อยฉัน ฉันจะถลกหนังหัวมัน ไม่เคยมีใครกล้าทำฉัน พี่ได้ยินไหม! "
" พอเคลที่ พี่บอกให้พอ เอมี่! ไปให้ไกล ไป๊! "
ก่อนเสียงตะเพิดนี้จะทำให้เธอสะดุ้งอีกรอบ และอึ้งกับสรรพนามที่เรกาโดเผลอเรียกชื่อ ในขณะเท้าเหมือนจะเข้าใจ เพราะมันพาหญิงสาววิ่งตั้งแต่สิ้นสุดคำนั้น
" จะไปไหนน่ะ! แกยังไปไหนไม่ได้นังบ้า! อร๊ายยย นี่! พี่ปล่อยฉันนะ"
" เคลที่! พี่บอกให้หยุด หยุด! นี่คือคำสั่ง!!! "
" ไม่!!! "
" เคลที่! "
เพี้ยะ!!!
และเสียงทุกอย่างถูกดับไป หลังเธอปิดประตูลง เอมิเลียยืนค้าง ในท่าหันหลัง ไหล่เธอห่อคอเธอตก ไม่อยากจะเชื่อ..เรกาโดตบหน้าน้องสาวของตัวเอง
" ฮึก... นี่มันเรื่องบ้าอะไร "
ด้วยความหมดแรง ผวาไม่หาย ร่างบางจึงทรุดนั่งปลายเตียง เธอยกเข่าขึ้นมาชัน เพื่อจะกอดตัวเอง
" นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ฮือๆๆ"
ใช่ เธอไม่คิดว่าเคลที่จะสติแตกขนาดนั้น ถึงขั้นจะฆ่าเธอให้ได้ นั่นมันคืออาการของคนโรคจิตชัดๆ
คำตอบที่มีในใจเอมิเลียตอนนี้ อยู่ไปนานๆอีกหลายวัน เธอจะตายไหม?
ผิวเนื้อเนียนละเอียดบนใบหน้า ปลุกให้รูขุมขนลุกชูชันด้วยความเย็นยะเยือก จิตใต้สำนึกเธอบอกลืมปิดหน้าต่างจึงหนาวเหน็บแบบนี้ เปลือกตาหนักอึ้งพยายามเบิกโพลง แต่ดูเหมือนจะยากเหลือเกิน ความง่วงไม่เคยปราณีเธอสักครั้ง ยิ่งครั้งที่ต้องเจอกับความเหนื่อยระหว่างวันแบบนี้
ใช่ ก่อนหน้านี้เธอร้องไห้ถึงขั้นเผลอหลับไป แลหารู้ไม่ ไอ้ความเย็นที่กำลังเจอะเจอ คุกคามไปทั่วใบหน้าลามลงมาถึงลำคอนั้นมันคือฝ่ามือของครูซัส
ชายหนุ่มที่แกร่งทั้งนอกและใน ไม่รู้จักคำว่าอ่อนโยน เพราะไม่เคยได้เจอมันมาก่อน ทว่า สัมผัสนี้มันกินใจคนหลับสนิทอย่างเอมิเลียเหลือเกิน ในขณะเธอกำลังคิดถึงมือซิสเตอร์ แต่อีกคนกลับนึกถึงมารดาซึ่งล่วงลับไปแล้ว ทำไมในจิตใจยามมองเธอจึงเป็นแบบนี้ เรกาโดงงกับตัวเอง ก่อนจะรีบชักมือกลับ เมื่อร่างบางขยับ กลับไปยืนเต็มความสูงห่างจากเตียง
อันที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะโน้มตัวลงไปใกล้หรือมีเจตนาจะคิดอกุศลกับเธอขนาดนั้น ทว่า.. ท่านอนคดคู้ กอดตัวเองเมื่อครู่นี้ มันทำให้เขาเผลอไผลคิดเลยเถิดไป
" แฮ่ม! "
" O.O"
และแน่นอน เอมิเลียสะดุ้งเฮือก ตกใจหนักตามที่เขาคิดไว้ เธอร่อนตัวไปชนขอบเตียงตาเบิกโพลง
" ใจเย็นๆก่อน ฉันเอง"
อาจจะเป็นเพราะความงัวเงียด้วย เลยทำเธอเสียขวัญ
" คะ คุณ .."
" โทษทีที่เข้ามาโดยพลการ ฉันเคาะประตูแล้ว เธอไม่เปิด คิดว่าคงหลับ แต่กลัวจะเป็นอะไรไปมากกว่า "
เขาอธิบาย ยกมือขึ้นลูบหน้า สลัดความคิดบ้าๆนั่นไปด้วย ยอมรับ เรกาโดเองก็ประหม่าไม่น้อยไปกว่าเธอหรอก
" มีอะไรรึเปล่าคะ "
เอมิเลียช้อนตาถาม ขาที่ชันขึ้นเริ่มคลายลง ส่วนเขาพ่นลมหายใจออกมา ช่างใจกับสิ่งที่ตัวเองกำลังตัดสินใจทำ
" ฟู่ว! เก็บของ พรุ่งนี้ ..."
"....."
" เธอต้องไปอยู่หอพัก "
สี่ล้อกระเป๋าถูกลากผ่านการ์ดนับสิบ โดยอุ้งมือของลูแคน ซึ่งถูกเจ้านายวานทำภารกิจแทนพาขึ้นรถไป เอมิเลียหันมองคฤหาสนเป็นครั้งสุดท้าย เธอไม่ได้ยิ้มดีใจใดๆทั้งสิ้น เพียงแค่ความรู้สึกในยามนี้มันกำลังถามเธอ
...แน่ใจหรือว่านอกรั้วนี้ ชีวิตของเธอจะปลอดภัยกว่า" คุณหนูขา "
ซีอาร์เรียกเสียงเบา พร้อมหน้าหงอย ทำเอมิเลียชะงักในจังหวะกำลังจะขึ้นรถ
" ดูแลตัวเองนะคะ นี่ค่ะ อันนี้พี่คืน "
สาวใช้ก้าวเข้ามาจับมือเธอ พลางยัดของให้ มันคือยาดมขวดโปรด ที่เอมิเลียเคยให้เธอครั้งก่อน
" มันรักษาพี่หายแล้ว ก็ให้มันกลับไปอยู่กับเจ้าของมันนะคะ "
" พี่ซีอาร์..."
ทำน้ำตาเอมิเลียไหลอาบแก้ม เธอรับมันมากำไว้ ก่อนโน้มตัวลงไปกอดหล่อน
" อีกสี่ปีหนูจะกลับมา เพราะอย่างไรเสีย ชีวิตของหนูคงหลุดพ้นจากนายท่านยาก จะคิดถึงพี่นะคะ " พร้อมกระซิบ
นั่นคือคำลาสุดท้ายที่ซีอาร์ได้ยินจากปากเธอ ต่อจากนั้นอีกสี่ปี ถึงจะได้เจอกันอีก
เอมิเลียยิ้มอ่อนให้ลูแคน หลังเขามาส่งเธอถึงที่หมาย ใจดวงบางเริ่มแผ้ว มีความเฉาเป็นนิจ เมื่อนึกต่อแต่นี้จะไม่มีคนพาเที่ยวอย่างเขาอีกแล้ว
" ดูแลตัวเองด้วยนะครับคุณหนู "
ลูแคนคำนับเตรียมตัวจะออกไป ถ้าไม่ติดว่าแว้บแรกที่เห็นคือเอมิเลียยืนก้มหน้าหงอย
" หนูกลัวจังเลยค่ะคุณลูแคน "
แน่นอน เขาเข้าใจความรู้สึกเธอดี แค่ไม่คิดว่าหญิงสาวจะใจกล้าพอ ถึงขั้นมาซบหลังเขา
" คุณหนู.. "
" ฮึก..ฮึก.."
เพราะนอกจากจะกอดเขาหลวมๆแล้ว เธอยังสะอื้นไห้อีกด้วย หรือเหตุการณ์เมื่อคืนทำเธอตกใจไม่หาย
ใช่ซี.. เอมิเลียอยู่แต่ในโรงเรียนกับเพื่อนกำพร้า ไม่ต่างจากกบในกะลา จะเอาอะไรมาเป็นภูมิคุ้มกัน
" อีกสี่ปี กับที่นี่ คุณหนูจะปลอดภัยกว่า "
ลูแคนบอกเสียงเรียบ จับมือเธอมากุมไว้ ยิ้มบางให้กำลังใจ นับตั้งแต่เธอออกมาจากกะลา เผชิญกับโลกภายนอก ก็มีแต่เขา ที่ดีกับเธอ
ใช่ เอมิเลียคงใจหายวาบ
" ฮือๆๆ "
" เข้มแข็งนะครับ เมื่อใดที่เรียนจบคุณหนูจะโตกว่านี้ ผมให้สัญญา ผมจะมีชีวิตอยู่ จนถึงวันนั้น "
และไม่คิดว่าบอดี้การ์ดเถื่อน เอาแต่ทำหน้าขรึมอย่างลูแคนจะมีคำพูดดีๆเหล่านี้ได้ เขาบีบหัวไหล่เธอให้หันหลังให้เขา ก่อนจะดันให้เดิน ร่างบางหันกลับมาใหม่ เมื่อเดินไปไกลห่าง เสมือนอำลาเป็นครั้งสุดท้าย โดยที่ลูแคนชูมือขึ้น บ่งบอกถึงการให้กำลังใจ คำถามในใจเธอ แล้วผู้ปกครองเธอเล่า อยู่ที่ไหน?? ทำไมถึงไม่มาส่งเธอเหมือนคนอื่นๆ
ปากหนาเป็นกระจับ แดงระเรื่อเผยอขึ้นพ่นควันบุหรี่ ในขณะสายตาคมกริบกำลังมองภาพเคลื่อนไหวผ่านชิปสอดแนม ซึ่งแอบติดไปกับเสื้อลูแคน หลังแสร้งทำเป็นตบบ่าฝากฝังให้ไปส่งน้องสาวกำมะลอ จริงๆแล้ว เจตนาของเขานั้นแค่เป็นห่วง อยากรู้ว่าเธอนั้นเป็นอย่างไร ไม่นึกว่าจะมาเห็นภาพอะไรแบบนี้ และถ้าชิปเก่านั้นไม่ขัดข้องเพราะไม่ค่อยได้ใช้งานนานเสียก่อน คงจะได้ยินเสียงด้วย ภาพตรงหน้าจึงถูกฉายให้เห็นเพียงเอมิเลียโผเข้าโอบหลังบอดี้การ์ดของเขาตุบ!ครูซัสเตะถังขยะไปไกลห่าง หลังทิ้งก้นบุหรี่ลง จนมันล้มเทระเนระนาด ก่อนจะลุกเต็มความสูงเดินไปใส่เสื้อ เก็บกักอารมณ์หงุดหงิดนั้นไว้ เพื่อไปประชุมให้ทันใช่ เพราะไอ้เวย์คนเดียว ทำให้เขาชวดจากการไปส่งเธอ!ในห้องประชุมของดาร์ก บรรยากาศแสงสลัว แอร์เย็นฉ่ำ มีเพียงไฟจากสปอร์ตไลท์เท่านั้นที่ชี้ไปทางกระดานขาว เรกาโดนั่งเงียบในขณะเพื่อนๆกำลังเฮฮาสนั่นห้อง ก่อนหนังสือเล่มหนึ่งจะลอยมาโดนศีรษะ แน่นอนเมื่อรู้ทิศทางของคนปามา เขาจึงปากลับ สร้างเสียงหัวเราะให้เพื่อนที่เหลือไม่น้อย“ เฮ้ พวกไม่เอาน่า แค่ลูกหย่านมแค่นี้ ถึงกับเศร้าเลยหรือวะ"“ ฮ่าๆๆ "พวกเขารู้ เอมิเลียออกจากบ้านของครูซัส
เอมิเลียเดินมาหยุดกลางห้อง ซึ่งเป็นห้องเดิมเมื่อสี่ปีก่อน ตลอดทางเดินที่มาเธอเก็บความมึนงงในนาทีแรกที่เจอลูแคนไว้ จนถึงจุดหมาย หญิงสาวปล่อยมือออกจากที่จับกระเป๋า ย้ายไปนั่งปลายเตียงแทน ทบทวนเหตุการณ์ พยายามนึกถึงสาเหตุที่ทำลูแคนเย็นชาแบบนั้นได้ ทว่านึกยังไงก็นึกไม่ออก การกระทำของเขาเหล่านั้นสวนทางกับจิตใจ จนทำให้เธอมองออกแต่แล้ว.... ในขณะเธอนั่งครุ่นคิด ไม่นานภวังค์ของเธอก็หลุด ถูกทำลายโดยสาวใช้อายุรุนราวคราวเดียวกับเธอ เอมิเลียขมวดคิ้วในจังหวะหล่อนเดินมาถึงและคำนับให้" สวัสดีค่ะคุณหนู ดิฉันซากี มีหน้าที่ดูแลคุณหนูนับแต่นี้ค่ะ "" เอ๋ ?? ..แล้วพี่ซีอาร์ล่ะคะ ไปไหน? "เธอเอียงคอถาม ในขณะซากีก้มหน้างุน สคริปของหล่อนไม่มีคำพูดนอกเหนือจากนี้ หล่อนถูกสั่งให้มารายงานตัวและจัดเก็บกระเป๋าให้คุณหนูเพียงอย่างเดียว" เอ่อ..."" ออกไปให้พ้นซะซากี ""ค่ะ "ระหว่างอ้ำอึ้ง สาวใช้กลับต้องกระวีกระวาดรีบคำนับรนรานเพราะเสียงดังของใครคนนึงครูซัสถือวิสาสะเดินเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต จงใจจะห้ามไม่ให้หล่อนนั้นปากโพล่ง แต่นั่นยิ่งทำเอมิเลียสงสัยเข้าไปใหญ่ เธอเหยียดเท้าลงจากเตียงเหยียบพื้น ยืนเต็มความสูง แต่ไ
ร่างสูงปราดเปรียว คอไร้เครื่องประดับ ทว่าระหงสวยจนใครต้องเหลียวหลังมอง สีชุดของเธอฉูดฉาดขับผิวให้เด่น แต่กระนั้นมันไม่ใช่ที่ที่เธอจะต้องมาเดิน ตาหวานกวาดหาสัญลักษณ์ห้องน้ำ เธอหวังจะไปสงบสติอารมณ์เท่านั้น แต่แล้ว ข้อมือเรียวกลับถูกใครบางคนฉุดไว้ ดึงหันตัวไปมอง ในจังหวะร่างบางถึงมุมอับ คนยืนประชันหน้าคือ ..มิเชล" เย้ว! "" อ๊ะ.."หล่อนยืนมองเธอตั้งแต่หน้าผับแล้ว มองตามหลังกรายๆ เห็นแค่เสี้ยวหน้าก็พอจะรู้ว่าเธอสวย และคนสวยมักจะถูกเรกาโดเลือกจนกระทั่งเข้ามาในงาน ยืนมองโต๊ะวีไอพีที่เด่นที่สุดในมุมมืด รอจังหวะเอมิเลียผละออกมา และก็สมหวัง ตาสีฟ้ามองเข้ามาในตาลึก หลังทักทายเสียงแหบห้าว และด้วยส่วนสูงที่เท่ากัน ทำหล่อนจิกได้ง่าย ในขณะเอมิเลียงง เธอชะงักชะงัน" เอาล่ะแม่สาวน้อย บอกฉันมา เธอชื่ออะไร "ขบฟันถาม เส้นเลือดขึ้นลำคอ" คุณเป็นใคร "" เรากำลังจะได้รู้จักกันอยู่นี่ไง "" ฉัน เอมิเลีย "" อืม เอมิเลีย ฉัน ..มิเชล "จริงๆ แล้ว คนที่รู้จักมิเชลฝ่ายเดียวคือเอมิเลีย เธอเคยเห็นหล่อนเมื่อสี่ปีก่อน ตรงหน้ารั้วคฤหาสน์ ซึ่งกำลังทะเลาะกับเรกาโดอย่างบ้าคลั่ง และท้ายที่สุดก็จบลงตรงการนอนด้วยกัน"
เอมิเลียยืนค้าง เธอหมดคำจะเอื้อนเอ่ย แผ่นหลังเนียนพิงฝาผนังบ่งบอกถึงความหมดแรง มีอะไรอีกหลายอย่างที่เธอไม่รู้ และอ่อนหัด เขาทำแผลเสร็จก็เก็บของเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีช่วงนึงหลังวางสายจากซันดรูและปล่อยเธอทิ้ง ไม่พูดไม่จาทำเหมือนห้องนี้ไม่มีคนอยู่ จนกระทั่งหลุดเข้าไปล้างมือในห้องน้ำแล้วเดินกลับ จึงจะค่อยสนใจใหม่ เธอไม่รู้ ในสมองเขามีเรื่องให้ต้องคิดหลายเรื่อง"มานั่งนี่สิ มาใกล้ๆ ฉัน" เขาตบเบาะข้างกายหลังขึ้นไปนั่งบนฟูกหนัง หญิงสาวยังคงลังเลจนเขาต้องดึงสติซ้ำ" เอมิเลีย ได้ยินที่ฉันพูดไหม ฉันมีบางเรื่องจะตกลงกับเธอ"นั่นจึงผลักให้เธอยอมเดิน ทั้งที่ใจประหม่าแทบแย่ เธอค่อยๆ ก้าว ขึ้นไปนั่งข้างเขาเชื่องช้า และด้วยความสูงที่ต่างกัน เท้าเธอจึงลอย เรกาโดถอนหายใจเฮือก เอี่ยวตัวจากการเก็บของ หันกลับมามองเธอ" ยังเสียใจอยู่หรือเปล่า "" คะ? ""......." เขาเงียบ ปล่อยให้เธอนึกเอง" อ้อ นิดหน่อยค่ะ "เอมิเลียพยักหน้า สีหน้าประหม่าและกดดันเต็มที ภาวนาให้เรื่องที่เขาถามคือเรื่องเดียวกับที่เธอตอบ ทว่า ไม่ ไม่ใช่มันคนละเรื่อง เขาหมายถึงการตายของซีอาร์ ส่วนเธอเข้าใจว่า เรื่องที่เกิดคือเหตุการณ์ชุลม
ตึกสูงระฟ้า ข้างในเป็นองค์กรทั้งเผยและลับ ดำมืดในการตลาดค้าอาวุธสงคราม ทั้งถูกกฏหมายและไม่ถูกกฏหมาย บางชนิดขึ้นทะเบียน บางชนิดสั่งทำพิเศษมีหนึ่งเดียวในโลก แต่นั่นคงเป็นเรื่องโกหก โฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น หากทุกชิ้นที่ผลิต เจ้าของธุรกิจต้องมีไว้ครอบครองด้วยเรกาโด ครูซัสลงมายืนตระหง่านจากรถดำคันแกร่ง กันกระสุนเข้าอย่างทรงประสิทธิภาพ ใช้มือหนาทึ้งชายเสื้อจัดแจงสูทให้เข้าที่พร้อมพ่นลมหายใจ วันนี้แหละคือวันที่เขาจะทำให้เรื่องนี้รู้ดำรู้แดง และจบให้สวยที่สุด" ไง ท่านบิ๊กครูซ"เสียงแหบแห้งดังจากมุมห้อง ก่อนรถเข็นซึ่งมีชายสูงวัยอายุราวๆ หกสิบนั่งอยู่ตรงหน้าเขา และค่อยๆหันกลับมา เรกาโดหยุดชะงักฝีเท้าโค้งคำนับ" อรุณสวัสดิ์ครับ"เขาคือราชาขององค์กรอีกคนหนึ่ง ที่มีอำนาจมากพอจะหนุนหลังแก็งอัลฟาได้ แม้ขาแข้งจะพิการ เพราะถูกกระสุนเจาะกระดูกข้อเข่าสมัยทำสงครามตอนยังเป็นหนุ่ม ทว่า สังขารนี้หาได้เป็นอุปสรรคต่อเขาไม่ 'โดโรธี ทอน' บุคคลที่น่ากลัวพอๆ กันกับศัตรู ยากจะหยั่งรู้ความคิด นั่งมือผสาน ช้อนตามองคนหนุ่มกว่า คราวรุ่นลูกและรักเสมือนลูก" เรียกผมมาวันนี้ มีเรื่องสำคัญงั้นหรือ"" ก็ไม่สำคัญเท่าไหร่นั
ร้านอาหารญี่ปุ่น รสชาดอร่อยถูกปากสมกับราคา มิเชลเคี้ยวตุ้ยๆ ยิ้มแก้มตุ่ยอย่างมีจริต ดีใจจนออกนอกหน้า หลังชวนแฟนหนุ่มมาทานมื้อดินเนอร์ด้วยกันสำเร็จ แม้หน้าตาเขาจะเคร่งขรึม เสมือนบอกบุญไม่รับ ทว่า คนอย่างหล่อนไม่เคยคิดสนใจ เพราะนั่นมันคือเรื่องปกติของเขาอยู่แล้วเหตุการณ์ก่อนหน้าในขณะชายหนุ่มกำลังกระซิบประโยคหนึ่ง ที่ชวนสยิวไปถึงแก้วหูเอมิเลีย ริงโทนคุ้นเคยดังลอดสมาร์ทโฟน แล้วกดรับ พร้อมเดินออกมา ด้วยท่าทางที่ไม่แยแสว่าเอมิเลียจะรู้สึกอย่างไร" ว่าไงมิเชล"(ครูซคะ ได้โปรดเถอะค่ะ วันนี้วันครบรอบ 7 ปีของเรา)" อืมได้"(รับปากนะคะ)" ที่ไหน"(ขอบคุณค่ะ)ทว่ามิเชลจะไม่รู้เลย ว่านี่คือแผนการเห็นแก่ตัวของแฟนหนุ่ม เขายอมเพราะแค่ต้องการจะชดเชยความสุขเสมือนเป็นครั้งสุดท้ายให้ โดยการฉลอง ให้เป็นภาพความทรงจำก่อนจากลา เขาเบื่อผู้หญิงอย่างมิเชลเต็มทน สำหรับเขา ต่อให้ไม่มีเอมิเลียเข้ามาในชีวิต อย่างไรก็ตั้งใจจะเลิก ด้วยเหตุผลที่ว่า มิเชลไม่เคยเห็นความสำคัญต่องาน และความเป็นตัวตนของเขา นับวันหล่อนยิ่งทำตัวงี่เง่า พูดจาไม่รู้เรื่อง พยายามจะเข้ามาในโลกใบเดียวกับเขา จนเขาเริ่มอึดอัด" คุณนั่งนิ่งแบบนี้ม
หลายวันจริงอย่างที่เอมิเลียต้องการ ที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับเจ้าของคฤหาสน์ เขาไม่มาก่อกวนหรือเรียกเธอไปรังแกตั้งแต่นั้น แม้แต่เรื่องขุ่นมัวใจ ที่บอดี้การ์ดมือซ้ายของเขาถือวิสาสะเดินไปคุยกับผู้หญิงของเขา ก็ไม่มีวี่แววจะเอาคืน ทว่าเอมิเลียหารู้ไม่ เรกาโดงานยุ่งเหยิงเสียจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นเขาอยู่ในช่วงปฏิบัติการอารักขาบอสใหญ่ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ถึงวันเลือกผู้นำคนใหม่ ในองค์กรดาร์ก ซึ่งมีคู่แข่งเข้าชิงถึงสี่องค์กร เหตุผลของผู้ชนะเพียงต้องการมีดินแดนทำมาหากินไว้ฟอกธนบัติมหาศาล แน่นอน ความลำบากใจ คงไม่พ้นเรกาโด เมื่อหนึ่งในนั้นมีบิดาของเขาด้วยนิ้วใหญ่กดปากกาเหล็กเป็นจังหวะ ขณะในใจลอยไปไกลถึงแผนการลับเรกาโดขมวดคิ้วหนาเข้าหากันมาเป็นชั่วโมง หลังปลีกตัวจากกลุ่มเพื่อนตอนจบการประชุมมาขลุกตัวอยู่ในห้องแล็บ ความคิดยิ่งใหญ่กระหน่ำกันเข้ามากดดันเขา ถาโถมให้หนักอึ้งที่บ่า เสมือนงานนี้คือเหล็กอันมหึมามากดทับ" ฟู่ววว..." สลับกับการถอนหายใจระงม เอนร่างพิงพนัก แหงนหน้ามองเพดาน หวนนึกกลับไปยังสิบปีก่อนสมัยเขาเรียนจบใหม่ๆ' แกต้องช่วยงานฉัน'' ผมจบบริหารมาก็จริง แต่ไม่ได้จะเอามาใช้ในงานผิดกฏหมายขอ
ความตกใจประหนึ่งเกิดภัยพิบัติ ทำเอมิเลียดิ้นพล่าน มือน้อยตะปบท่อนแขนแกร่ง ทั้งจิกทั้งข่วนและกระทืบในเวลาเดียวกัน พร้อมขึ้นเสียงสูงโวยวาย ทว่า เสมือนบั่นทอนให้เรี่ยวแรงลดลงเสียดื้อๆ" แค่กอด"เขากระซิบ ก่อนเธอจะหยุดดิ้นหมุนคอไปเถียง"ฉันจะไม่มีทางโง่เป็นครั้งที่สองหรอก ปล่อยนะ ไอ้คนกะล่อน! "ความอดทนที่อุตส่าห์นับหนึ่งถึงสิบมาตลอด ถูกบีบออกมาเน้นๆ เธอจะไม่ถือสาคนเมาเลย หากเขานั้นแค่เซมาชนหรือโงนเงนล้มทับแต่นี่.." แล้วไง? " เมาแล้วยังจะยียวนกวนประสาทอีก" คุณเรกาโด คุณมากอดฉันทำไม คุณมีสิทธิ์อะไรคะ"อีกอย่างมือข้างนึงที่รวบกอดร่างบาง มันทาบอยู่กับเต้ากลมกลึงของเธอด้วย เขาเกาะกุม จงใจใช้นิ้วเกลี่ยยอดถัด ในขณะปากยังพูด แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว เป็นบ่อเกิดความประหม่าปนกลัวให้หญิงสาวไม่น้อย เธออยากร่ำไห้ ทว่า ความโกรธในใจเหมือนจะมีเยอะกว่า เธอตั้งปฏิญาณไว้กับตัวแล้วว่า อย่างไรวันนี้จะขอสู้กับเขาสักตั้ง" ไอ้ผู้ใหญ่เฮงซวย ปล่อยฉันนะ ไอ้ยักษ์! "" โอะโอ นี่เธอโกรธฉันเหรอ"" คนบ้า ฮือๆๆ "แต่จนแล้วจนรอด คนตัวเล็กอย่างเธอหรือจะสู้ไหว เผลอๆ คนเมาเสียอีกที่ฟิวขาด มีแต่จะจับเหวี่ยงฟาดเสาร่า
ข้างกระโจมเรียงรายหลายหลัง บริเวณกว้างรอบล้อมไปด้วยทะเลทราย นับว่าเป็นครั้งแรกที่แก็งค์อัลฟามาเหยียบที่นี่ และเป็นครั้งเลอค่าไม่เสียแรงที่ยอมเหนื่อยเพื่อได้ไต่เต้า พวกเขาทำสำเร็จ เพียงเพราะการต่อลองของเรกาโด แลกกับการอารักขาหัวโขนผู้ยิ่งใหญ่ใช่ เขาช่างเป็นผู้ที่เสียสละแน่นอนภายหลังของภารกิจพรรคพวกเขาต้องร่วมและมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย นั่นหมายถึงบ่อเกิดของการต้องประนีประนอม บ่อยครั้งที่ต้องเย็นกว่า เพื่อสยบร้อนให้มากที่สุด ยามเรกาโดกระฟัดกระเฟียด ดุจนิสัยหญิงมีประจำเดือนเป็นระลอกแบบไม่ดูเวล่ำเวลา หรือจะเรียกว่าสามวันดี สี่วันไข้ก็ยังได้ แลนิสัยเหล่านี้ มักจะทำงานใหญ่พังประจำ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พรรคพวกนอกชายแดนแบบไม่สนิทเท่าไหร่นัก ทว่ายอมร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันจนงานสำเร็จ แม้ว่าเจตนาที่เข้ามาช่วยนั้นจะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจทั้งหมด กระนั้นเรื่องแบบนี้ ขึ้นชื่อว่าวงการตลาดมืด หามีใครมาถือสากันไม่แต่แล้ว...กลับถูกยิงตายด้วยเงื้อมมือของเรกาโด เพียงแค่ถกเถียง และออกความเห็นไม่ตรงกัน ด้วยเรื่องไร้สาระแค่นั้นเปรียบเป็นอุทาหรณ์สอนใจทุกคนในทีมได้ดีเลยทีเดียว เหล่าเพื่อนสนิ
แผ่นหลังบางถูกสัมผัสเข้ากับพรมหนา พร้อมร่างใหญ่โน้มลงมาคร่อม นิ้วเรียวแตะจึ้กทาบริมฝีปาก ก่อนเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ในจังหวะเขาลดหน้าเตรียมจะจูบ" หืม ..."" อย่าทำแบบนี้ "" อะไร ก็แค่จูบ "เรกาโดเลิกคิ้วหนา" ขอพักได้ไหมคะ เหนื่อยจะแย่"ส่วนเธอร้องขอเสียงกระท่อนกระแท่นเอากับเขาสิ ทีแรกบอกจะนอนเอาแรง คนกะล่อนอย่างเขา หากเธอรู้ไม่ทันก็แย่เต็มทีแล้ว" เอมิเลีย ฉันแค่จะจูบ.."" ฉันอยากคุยกับคุณมากกว่านะคะ"" ........."หัวไหล่แกร่งยักขึ้น หลังก้มมองพวงแก้มเธอนิ่ง ลากสายตามายังลำคอระหง ที่กำลังลอบกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกเคลื่อน แล้วยันตัวลุก" มีสิทธิ์สั่งฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ "ทิ้งตัวลงไปนอนข้างๆ เธออย่างว่าง่าย เพราะเขาเองก็เหนื่อยเหมือนกัน พลางหันมาหาในท่าเท้าคางนอนตะแคง พร้อมถอนหายใจ" จะคุยเรื่องอะไร ก็ว่ามา .."" เรื่อง.."เธอก้มหน้างุด ประโยคทิ้งท้ายเอ่ยเสียงแผ่ว" ซิสเตอร์และเด็กๆ "" ฟู่ววว "ว่าแล้ว เดาไม่เคยผิด ชายหนุ่มถอนหายใจ พลางยันตัวลุก เขาไม่พร้อมจะเจรจาเรื่องเครียดตอนนี้ แต่เธอคงไม่ยอม" ถามว่า? "" คุณพาศพพวกเขาไปไว้ที่ไหน "" ฝากบาทหลวงทำพิธี ฝังในพื้นที่ของฉัน"ชายหนุ่
เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวล่อนลงแตะพื้น ก่อนออฟโรดมากกว่าสิบคันจะมารอรับ เอมิเลียเริ่มหายใจไม่ออก ท้องไส้ปั่นป่วน เมื่อเห็นความใหญ่อลังการของแก็งค์เขา มันคงยากมากหากจะเชื่อ ทว่า ก็ต้องเชื่อ หลังเธอมายืนอยู่จุดนี้ กับรอยยิ้มที่เจื่อนสนิท เมื่อเทียบชุดที่เขาสวมใส่กับชุดนอนบางเบาของเธอ ทำไมเรกาโดถึงไม่ให้เวลาเธอได้เตรียมตัวบ้าง" ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย "เข้าภวังค์ได้ไม่นาน เสียงทุ้มร่างสูงข้างกายก็โพล่งขึ้น เขาติเตือนเธอในขณะใบหน้าและดวงตายังจ้องมองไปยังบอดี้การ์ด ที่พากันลำเลียงของลงจาก ฮ. สู่หลังรถ" คุณพาฉันมาด้วยทำไม ไหนว่ามาพักผ่อน นี่มันผจญภัยชัดๆ ..."" แฮ่มมม" เขาชะงักก่อนยกกำปั้นกระแอมยามเธอหันมาฉอดๆใส่เขา" คุณนี่มัน..."" เฮ้บิ๊กครูซ "แต่แล้ว...กลับต้องปิดปากเงียบหันไปหาเสียงผู้มาใหม่แทน ในขณะสีหน้ายังคงกระเง้ากระงอดอยู่แมททริกยื่นกระเป๋าเดินทางฝากการ์ดที่เดินผ่าน ก่อนวิ่งเร็วมาหาคนทั้งคู่ เขายิ้มทักทาย ในขณะเธอทำได้แค่หลุบหน้าต่ำ เพราะปรับอารมณ์ไม่ทัน" ไง "" โทษทีว่ะ ที่มาช้ากว่าคนอื่น พอดีติดภารกิจที่บ่อน "" ช้าที่ไหน มึงก็มาแล้วนี่ ""เออ ว่าแต่นี่..."" เอมิเลียไง"และนั่
ดวงตาอิดโรยหลุบหลบต่ำ ไซร่าเลือกที่จะไม่ตอบ สมองเริ่มบีบเพราะต้องหวนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา แขนเรียวเปอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นผสมเลือด กวาดกอดตัวเองอีกระลอก ตัวสั่นสะท้าน สติเลอะเลือน เรกาโดอมลมในปาก เริ่มวิตกกังวล ก่อนผละร่างออกห่างยืดอกยืนเต็มความสูง หันไปหาลูกน้อง" เอาน้ำมาสาดเธอ "ซ่า!สิ้นสุดคำสั่ง น้ำถังใหญ่ถูกสาดราดลงกลางหัว ผ่านตัวไปนองพื้น หญิงสาวไม่สะท้กสะท้าน ยิ่งทวีคูณความกลัวด้วยการกอดตัวเองแน่น และแรงกว่าเดิม" ฮึกๆๆ"ก่อนจะล้มลงหมดสติไป' รุ่นเดียวกัน ชะตาเหมือนกัน รักกันให้มากๆนะรู้ไหม 'เสียงเรียบแสนจะอบอุ่นของหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้น มือคู่บางจับมือเด็กน้อยทั้งสามคนไว้ พร้อมใบหน้ายิ้มแย้มเปี่ยมไปด้วยความใจดี' ค่ะซิสเตอร์ '' เอมี่ ในสถานะที่ลูกอยู่ที่นี่มานาน ดูแลเพื่อนๆด้วยนะ ว่าแต่แม่จะตั้งชื่อลูกสองคนว่ายังไงดี .. '' สเปชี่กับไซร่าไหมคะซิสเตอร์ เอมี่ชอบ 'เด็กน้อยวัยสิบขวบยิ้มตาหยี หันมองหน้าคนข้างๆสลับกับซิสเตอร์ของเธอ' เอางั้นเรอะ ก็ได้ๆ '' ว่าแต่ ทำไมสเปชี่ไม่คุยเลยล่ะ 'เด็กหญิงถามสีหน้าฉงน พร้อมดวงตากลมโตจะเผลอถ่างขึ้นทุกคราที่เธอสงสัย ซิสเตอร์เม้มปากแน่น
ตาหวานเคลือบความใสดุจน้ำมันเบิกออก ร่างถึกอมยิ้ม เกลี่ยพวงแก้มสาวด้วยความหลงใหล ค่อยๆ โน้มหน้าปลายจมูกจ่อใกล้ เธอประหม่า เตรียมหลบ ทว่า มือใหญ่คว้าไว้กลางคัน" อยู่ที่นี่ คงเบื่อแย่ "ชวนสนทนาน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะมืออีกข้างไถถูไปรอบเอวคอดกิ่ว หน้าขาแกร่งเบียดหน้าขาเล็ก ท่อนเอ็นถูเสียดเข้ากับเนื้อนูน เอมิเลียตัวเกร็ง เมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติ ที่กำลังขยายตัว" อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า "" อยากออกห่างจากตัวคุณค่ะ "" หืม.."ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ขำขันต่อคำพูดตรงไปตรงมา ไร้ความแอบแฝงใดๆ นั่น เธอคงกลัว ทว่า กลับท้าทายต่อเขา" เพราะอะไร "" มันอึดอัด "" ไหน ตรงไหน บอกสิ ฉันจะแก้ให้ "เขาล้อเลียน นิ้วใหญ่เลื่อนไปนาบตรงกลางกาย หญิงสาวสะดุ้งโหยง รนรานหลบหลีก ทว่า เรี่ยวแรงกลับไม่เท่าเขา" อย่าค่ะ "ปลายนิ้วเกลี่ยถูไปทั่ว ก่อนจะค่อยล้วงเข้าไปใต้กระโปรงบานผ้าลื่นของเธอ" อย่าอะไร "ขนหน้าขาเรียวขนลุกชู ยามนิ้วเย็นลากยาวทาบทับ พร้อมเสียงกระซิบ ริมฝีปากเหน็บเม้มติ่งหู" คุณครูซ..."" อยู่เฉยๆ สิ อย่าขัดความสุขของฉัน "มาถึงตอนนี้ต่อให้ฝ่ามือเล็กตะปบ ยื้อยึดมือเขา เรกาโดผู้เปี่ยมไปด้วยความเผด็จการ คงไม่
เรกาโดหันขวับ เปลี่ยนติดทางไปยังคนพูดทันที พลางยกกระบอกปืนชี้ ไซร่าเห็นยิ่งตัวสั่น ก้มหน้างุนกว่าเดิม" เธอว่าอะไรนะ" เขาถามย้ำนาทีนี้คงไม่มีใครสนใจคนเจ็บที่นั่งเลือดอาบแขนอยู่บนพื้น" ฉันไม่ทราบค่ะ เธอเอาข้อเสนอมาให้พวกเรา"หล่อนตอบตะกุกตะกัก ไม่ค่อยจะเต็มเสียงนัก สายตาเบือนต่ำไปหาเพื่อนสาว ก่อนเบือนหน้าหนี" ข้อเสนออะไร"" ขะ ข้อเสนอ.... "" บอกมาเถอะน่า ถ้าเธอบอก ฉันจะไว้ชีวิตเธอ"เขาเก็บปืนเหน็บเอวสอบ ก่อนเลื่อนเก้าอี้มานั่งตรงหน้า อย่างใจเย็น ไซร่ากลืนน้ำลายก้อนใหญ่ คอแห้งเผือด กลัวเสียจนกระหายน้ำ" เธอบอกว่า จะดูแลพวกเราอย่างดี เพราะเป็นนายหญิงของที่นี่"" แลกกับอะไร? "" อย่าบอกนะไซร่า... ""หุบปาก! "นิ้วเรียวชี้หน้าคนที่นั่งกับพื้น สายตาดุดัน ในจังหวะเขาถามแล้วหล่อนแทรกขึ้นมา สเปชี่เห็นอย่างนั้น จึงรีบหลบตา .... สำหรับเรกาโดตอนนี้ หล่อนคือคนกลัวไม่เกรง และร้ายที่สุด" หรือฉันจะฆ่าเพื่อนเธอก่อนดีไซร่า " เขากระซิบ " แล้วเรามาคุยกันสองคน... เอาแบบว่า เนื้อแนบเนื้อเลยดีไหม..."เขาหยั่งเชิง เลิกคิ้วเข้ม โน้มหน้าเข้าไปใกล้ เพราะดูออก เด็กพวกนี้หวังสูงเอาการ คงเห็นแบบอย่างเป็นเอ
ทางเดินสีดำมืดมนที่เคยพานพบ สำหรับเรกาโดก่อนหน้านี้ เขาคิดมาโดยตลอดว่าเขาเอาอยู่ ในคติของใจสุดลึก อะไรก็ตามเข้ามาอยู่ในอุ้งมือ ปล่อยเสรีให้เขาดูแลอย่างเต็มที่ ไม่มีทางที่เขาจะทำพลาด ถึงแม้เรื่องนั้นจะยากเกินตัว เว้นแต่...วันที่เธอคนนี้เดินเข้ามา" เอมิเลีย... ฟู่ววว"เขาถึงกับกุมขมับไปไม่ถูก เอนหลังแกร่งพิงพนักเก้าอี้ยาวประจำตำแหน่ง ใช้ความคิดหาทางออกต่อเหตุการณ์ครานี้ แต่เหมือนมันตื้อไปหมดนิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะเป็นจังหวะของเส้นสมองประกอบความคิด ก่อนเรกาโดจะหลับตาแน่น คลายความกดดันนั้นลง ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พาร่างล่ำสมาร์ทไปยืนตรงระเบียง เพื่อจุดบุหรี่สูบภาพศพเรียงรายดำไหม้แทบกลายเป็นขี้เถ้า ติดอยู่นัยย์ตาเขา พาลทำหลอนประสาท หากเรื่องนี้ไม่ใช้เงินมหาศาลในการปิดข่าว เพื่อกันเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามายุ่งเกี่ยว เขาคงจะเครียดหนักกว่านี้ เผลอๆถึงขั้นกระอักเลือดสถานที่กำพร้า แม้จะเป็นพื้นที่ของเขา ตระกูลเขาใช้อิทธิพลกวาดซื้อ เพื่อสานต่อภายในอนาคต หวังบังหน้าธุระกิจผิดกฏหมาย แม้ในความคิดของบิดาจะแสร้งทำ ทว่ากลับมีค่าต่อจิตใจมารดาของเขาทั้งสิ้น ความผิดหวังและเสียใจต้องเกิดขึ้นกับบุตรชายอย่างเ
เอี๊ยด!ล้อรถหยุดเคลื่อนตัวหน้าคฤหาสน์หรู หน้าที่ของคนขับหลังเปิดประตูรถให้ตัวเอง ต้องรนรานลงมาเปิดประตูรถให้เจ้านายด้วย เนื่องจากนายหญิงสลบเหมือดไม่ได้สติตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วเรกาโดแบกร่างบางสาวไว้เต็มสองแขน กรอบหน้ามนสวยปรักจมแผงอกอุ่น เขาเดินเร็วรุดหน้าไปยังโรงพยาบาลขนาดย่อม หาได้สนใจไม่" ตามหมอมา"" ครับนาย"บาดแผลนอกกายไม่ได้หนักหนาสาหัส เท่ากับภายในใจ ณ ตอนนี้ ชายหนุ่มคิดไม่ตก คงจะหมดความมั่นใจ หากเธอฟื้นขึ้นมาแล้วไม่เหมือนเดิม" หมอมาแล้วครับ"เรกาโดค่อยๆ วางร่างเธอลงบนเบาะ ในจังหวะหมอประจำตระกูลเข้ามาก้มคำนับให้ ใบหน้าหวานเปอะเปื้อนไปด้วยเขม่าควันดำครึก นั่น ทำเขาไม่อยากจะละสายตา เธอหลับตาพริ้ม ท่ามกลางคราบน้ำตาเต็มเปลือก" ฝากด้วยนะหมอ เธอฟื้นเมื่อไหร่บอกฉันด้วย"" ครับ"ก่อนจะหันหลังเดินจากไป เพื่อไปสะสางคดีความสามชั่วโมงผ่านไปเปลือกตาหนักอึ้ง ค่อยๆ ลืมขึ้น ภาพแรกที่เห็น คือเพดานสีขาวสะอาดตา กลิ่นยาคุ้นเคยตลบอบอวลไปทั่ว หญิงสาวลุกพรวดด้วยความตกใจ ก่อนจะเบ้ปากด้วยความเจ็บปวด เมื่อแขนข้างหนึ่งดึงสายน้ำเกลือขึ้นจนตึง" ซี๊ดดดด"เธอปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ลามไปทั้งตัว" นายหญ
มืดสลัว นาฬิกาภายในห้องบอกเวลาสามทุ่ม เอมิเลียสลึมสลือตื่นเพราะเสียงโหวกเหวกโวยวาย เสมือนฝีเท้าเคาะพื้นเป็นจังหวะรัวเร็วของผู้คนมากกว่าสิบหญิงสาวถูกปลุกขึ้นมาจากความฝัน เธอฝันถึงซิสเตอร์และเด็กๆ จัดงานวันเกิดให้แก่เธอในห้องนอนเก่า ทุกคนแต่งชุดสวย สีสันสดใสสว่างไสวไปด้วยแสงเทียน เสียงปรบมือกระทบกันเป็นจังหวะ หลายคู่ผสานพร้อมกันกับเสียงเพลงในจังหวะน้องเล็กสุดยื่นเค้กมาให้เธอพร้อมยิ้มหวาน จังหวะนั้นที่เธอกำลังจะเป่า แต่แล้ว....ตึก ตึก ตึก ตึกกลับมีเสียงดังกล่าวมารบกวนการนอนของเธอ เอมิเลียลุกขึ้นเดินโซซัดโซเซไปแง้มหน้าต่าง ภาพที่เห็นคือความยุ่งเหยิง ชวนให้เวียนหัว" อะไรกัน.."ก่อนรถทุกคันซึ่งถูกจอดเรียงไว้ จะค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป คันสุดท้ายคาดว่าจะเป็นของนายใหญ่เปิดประตูค้าง เรกาเดินเร็วออกมาจากตัวบ้าน เขาหยุดคุยกับบอดี้การ์ดสลับกับช้อนตาขึ้นมามองหน้าต่างห้องของเธอ โชคดีไฟไม่ได้เปิดเขาจึงมองไม่เห็นมีเธอยืนอยู่และไม่นานเสียงเคาะประตูห้องเธอก็ดังขึ้น ด้วยความอยากรู้ หญิงสาวจึงเดินเร็วไปกระชากมากกว่าเปิด แต่แล้วประโยคแรกที่ได้ยินกลับต้องยืนช็อค" นายหญิง.. "" มะ มีอะไร......."" บ