[คุณอิฐ]
ผมยอมหลีกทางให้ไอ้เพลิง ทั้ง ๆ ที่ในใจผมมันโคตรเจ็บ แต่ทำไงได้ล่ะครับ ก็ผู้หญิงที่ผมรักเขา เขาไม่ได้รักผม ผมคงทำได้แค่ทำใจ และยอมรับความจริง ผมเดินเงียบ ๆ ออกมาจากตรงนั้น ผมพยายามอดกลั้น ไม่ให้น้ำตามันไหลลงมา แต่ผมก็ทำไม่ได้ มันไหลออกมาเหมือนท่อประปาแตกเลยล่ะครับ ผมขับรถมาเรื่อยๆ ผมมองทางด้วยสายตาที่พร่ามัว ก่อนจะเหลือบไปเห็นผู้หญิงรูปร่างคุ้นตา เดินอยู่ท่ามกลางความมืดเพียงลำพัง จากที่ผมอารมณ์เย็นลง แต่พอเห็นว่าผู้หญิงตรงหน้าคือใคร สุดท้ายความโมโหที่ผมพยายามสลัดมันทิ้ง ก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง ผู้หญิงตอแหล แสร้งทำเป็นรักเพื่อน แต่สุดท้ายก็เห็นแก่เงิน หน้าเงิน ยอมหักหลังเพื่อนเพื่อจับผู้ชายรวย อยากได้ผมนักใช่ไหม ได้!! ผมจะทำให้มันรู้ซึ้งถึงรสชาติของความเจ็บปวด ผมเร่งความเร็ว ขับเข้าไปประชิดตัวไอ้แป้งมัน ก่อนจะขับไปปาดหน้ามัน ไอ้แป้งมันดูตกใจเล็กน้อย มันพยายามเดินถอยหลังหนี ก่อนที่ผมกระโจนเข้าหามันแบบไม่ทันตั้งตัว “มึงมานี่!!” “ว้าย!! นี่คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ ปล่อย!!” คนตัวเล็กมันพยายามดิ้นหนี และแหกปากออกมาเสียงดังลั่น แต่ด้วยความโมโหที่มีอยู่เต็มอก ผมจึงใช้มือหนาคว้าเอวมันไว้แล้วเหวี่ยงตัวมันเข้าไปในรถสุดแรง จนหัวมันกระแทกไปที่หลังคารถ หึ!! โคตรสะใจเลยว่ะ สักพักมันก็พยายามตะเกียกตะกายออกจากรถ แต่ผมรีบใช้มือหนาคว้าคอมันไว้ ผมกับมันจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง เพราะตอนนี้ในใจของผมมันมีแต่ความโกรธแค้น “หึ!! ทำความรักกูพังทลายขนาดนี้ อย่าคิดว่ากูจะปล่อยมึงไปง่าย ๆ” “คุณจะทำอะไร?” “กูจะทำให้มึงเจ็บปวด แบบที่กูเป็นอยู่ตอนนี้ไง” น้ำตาของไอ้แป้งมันหยดลงมาบนมือของผม แต่ผมไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด มือหนาก็สะบัดใบหน้าขาวนวลของมันทิ้งซะ ก่อนที่ผมจะจับเธอมันยัดเข้าไปในรถ คนตัวเล็กพยายามดิ้นสู้ แต่มันก็สู้แรงผมไม่ได้ “ฮึก!! นี่คุณจะพาฉันไปไหน? ” “.....” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถอย่างใจจดใจจ่อ ภายในใจมันร้อนรุ่ม เหมือนไฟกำลังแผดเผาอยู่ตลอดเวลา “ปล่อยฉันลงจากรถเดี๋ยวนี้นะ” “ทำไมกูต้องฟังคำที่มึงพูด มึงไม่ใช่แม่กู!!” “นี่คุณพูดดี ๆ กับฉันสักครั้งมันจะตายหรือไง ห้ะ!!” “ทำไมกูจะต้องพูดดีกับมึง มึงมันก็แค่ผู้หญิงตอแหล หน้าเงิน หักหลังได้แม้กระทั่งเพื่อนแท้ ๆ” “ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น คุณกำลังเข้าใจผิด” แป้งมันหันมาพูดกับผมด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด ในขณะที่ผมกำลังขับรถอยู่ ต่อให้มันจะพูดแก้ตัวยังไง ผมก็ไม่มีทางเชื่อ เพราะผมเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง เพราะผู้หญิงที่ใช้เรือนร่างบริการความสุขให้คนอื่น ส่วนใหญ่มักจะไล่จับผู้ชายรวย ๆ เพราะเงินกันทั้งนั้น ซึ่งไอ้แป้งมันก็เป็นผู้หญิงจำพวกนั้น เพราะอาชีพที่มันทำก็ไม่ได้สูงส่งอะไรนัก ไอ้แป้งมันนั่งนิ่งเงียบอยู่บนรถ ไม่กล้าพูดอะไรออกมา ส่วนผมก็ขับรถด้วยความเร็ว ผมใช้เวลาขับรถราว ๆ ห้าชั่วโมงเห็นจะได้ จนรถมาจอดสนิทอยู่ที่บ้านพักตากอากาศริมทะเล ซึ่งมันก็เป็นบ้านของผมเองนั่นแหละ ผมรีบก้าวฝีเท้ายาว ๆ ลงจากรถ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูแล้วลากตัวมันลงมา “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม?” แป้งมันพูดออกมาด้วยความกระวนกระวายใจ ผมดูออกว่าตอนนี้มันกลัวผมมาก เพราะตัวมันสั่นเครือ ผมไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป ก่อนจะเหวี่ยงมันลงไปในทะเล จนตอนนี้เนื้อตัวมันเปียกชุ่ม “กรี๊ด!!” ไอ้แป้งมันกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว ก่อนจะหันมาจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่เจ็บปวด “ผู้หญิงอย่างมึง ต้องเจอคนอย่างกู!!” ผมกัดฟันตัวเองกรอดๆ และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงอันตราย ก่อนชี้หน้าส่งสายตาคาดโทษไปให้มัน ไอ้แป้งมันคงกลัว มันรีบถีบถอยหลังหนีผมทันที “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย... ใครก็ได้ช่วยด้วย...” แป้งมันรีบหันซ้ายหันขวากวาดสายตามองหาผู้คนให้ช่วย แล้วมันก็ตะโกนออกมาสุดแรง ซึ่งแน่นอน ที่นี่ไม่มีใคร นอกจากผมกับมัน เพราะที่นี่คือบ้านพักตากอากาศส่วนตัวของผมเอง ส่วนไอ้แป้งมันก็ร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว “หึ!! ร้องไห้ให้ตาย ก็ไม่มีใครช่วยมึงได้หรอก” “ฮึก!! ฮือ... เราสองคนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันอยากกลับบ้าน ฮือ...” แป้งมันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนที่จะเงยหน้ามองมาที่ใบหน้าคมคายของผมด้วยสายตาที่ขอร้องอ้อนวอน “มึงแน่ใจเหรอว่าไม่มี มึงลืมอะไรไปแล้วหรือเปล่า นี่มึงเพิ่งทำลายความรักที่กูโคตรจะทุ่มเททั้งกายทั้งใจ และมันก็พังทลายลงไปด้วยน้ำมือของมึง” ผมก้าวฝีเท้าหนาเดินเข้าไปหาไอ้แป้งมันช้า ๆ ก่อนจะยกนิ้วชี้หน้าส่งสายตาคาดโทษ แล้วตะคอกออกไปสุดแรง “ฮึก!! ฉันไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ ฉันขอโทษ... ฮือ...” แป้งมันส่ายหัวไปมาช้าๆ ก่อนจะเอ่ยคำขอโทษออกมาด้วยความรู้สึกผิด ทุกคนคิดว่าผมควรเห็นใจมันไหม แต่สำหรับผม ไม่!! ต่อให้มันจะเอ่ยคำขอโทษออกมาสักร้อยครั้งพันครั้งผมก็ไม่มีวันให้อภัย “วางแผนจับผู้ชายรวยๆ งานถนัดมึงละสิ” “หมายความว่าอะไร ฉันไม่เข้าใจ” แป้งมันแสดงสีหน้าออกมาด้วยความสับสน ทำตัวเหมือนเด็กไร้เดียงสาไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ซึ่งมันทำให้ผมหมั่นไส้มันเป็นอย่างมาก “ก็หมายความอย่างที่พูด” “ฉันไม่ได้คิดกับคุณแบบนั้น” “แล้วสิ่งที่มึงทำ มันคืออะไรวะ!!? ” “.....” “หึ!! อยากได้กูมาก ถึงขนาดต้องวางแผนพาสปายหนีกลับไปหาไอ้เพลิง อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะว่ามึงคิดอยากจะจับผู้ชายรวย ๆ มึงกล้ามากที่รวมหัวกับไอ้เพลิงเล่นงานกู ทั้ง ๆ ที่กูก็เคยเตือนมึงแล้ว แต่มึงก็ยังทำ มึงคิดได้ไงว่ะ สุดยอดจริง ๆ กูปรบมือให้ความตอแหลของมึงเลย” “.....” ผมปรบมือดัง ๆ ไปสามที ก่อนจะก้มลงไปเสยคางกลมมนของมันขึ้นมาช้า ๆ ซึ่งตอนนี้ผมกับมันกำลังจ้องตากันอยู่ แต่ต่างกันตรงที่นัยน์ตาของเธอมันมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่ “อยากได้กูเป็นผัวมากนักหรือไง เลยต้องใช้วิธีการสกปรก ๆ แบบนี้ ห้ะ!!” ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง แต่คำว่า ห้ะ!! ผมตะคอกออกมาเสียงดัง จนไอ้แป้งมันสะดุ้งตกใจ สักพักน้ำตาที่กลั่นออกมาจากความเจ็บปวด ก็หยดลงมาเปียกปอนใบหน้าขาวนวล ก่อนที่ผมจะสะบัดใบหน้ารูปไข่ทิ้งไป “ไม่ต้องมาสำออย กูรู้ว่ามึงตอแหล ขนาดเพื่อนแท้ มึงยังเสแสร้งทำเป็นรักเลย” เพี๊ยะ!! แป้งมันกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ จากนั้นมันก็กัดฟันปาดน้ำตาตัวเองลวกๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนมาประทับฝ่ามือที่เรียวยาวบนใบหน้าคมคายของผมเต็มแรง จนหน้าผมหันไปอีกทาง มันคงจะโกรธผมมาก ก่อนที่มันจะเริ่มเปลี่ยนสรรพนาม จากคำว่าฉัน เป็นกูกับมึง “มันจะมากเกินไปแล้วนะ กูไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่มึงกล่าวหา กูไม่ได้อยากจับผู้ชายรวย กูไม่เคยคิดกับสปายแบบนั้น และกูไม่เคยแกล้งรักสปายมันด้วย และที่กูทำไปทั้งหมด ก็เพราะว่ากูรักมึง เข้าใจไหม ว่ากูรักมึง ฮึก!! ฮือ...” “มึงกล้าตบกูงั้นเหรอ ได้!!” แป้งมันปล่อยโฮออกมาทันที แต่ผมไม่คิดจะสนใจหรือเห็นใจมัน แล้วทำไมผมต้องเห็นใจมัน เพราะมันทำให้ผมเจ็บ และผมก็เคยพูดไปแล้ว ว่าถ้าเป็นน้ำตาของผู้หญิงคนนี้ผมไม่แคร์ แต่ด้วยความโมโหที่มีอยู่เต็มอก ผมรีบเอื้อมมือเข้าไปกระชากผมไอ้แป้งด้วยความรวดเร็ว มันกล้ามากที่กล้าตบหน้าผม เพราะทั้งชีวิตยังไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าตบหน้าผมแรงขนาดนี้มาก่อนเลย จากนั้นผมก็ลากมันลงไปกลางทะเล รักผมงั้นเหรอ หึ!! ตลกสิ้นดี “โอ๊ย!! ฮึก!! ฉันเจ็บนะ ปล่อย!! ฮือ...” “วางแผนตั้งแต่เริ่มเข้ามาตีสนิทกู พยายามอ่อย พยายามเข้าหา พยายามทำตัวเป็นคนดี นี่ก็คงเป็นหนึ่งในแผนการของมึงสินะ” “ไม่ใช่! อึก!!” ผมจับหัวไอ้แป้งกดน้ำ ส่วนมันก็ดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน เพราะมันคงหายใจไม่ออก ตอนนี้ผมมีความคิดอยากฆ่ามันให้ตาย ๆ ไปซะ แต่เพราะคำว่าศีลธรรมมันค้ำคอ ผมเลยดึงหัวมันขึ้นมาให้หายใจอีกครั้ง “แคกๆๆ” ไอ้แป้งมันสำลักน้ำ และไอออกมาสุดแรง มันหายใจหอบแฮก ก่อนที่มันจะหันมามองหน้าผมช้าๆ แต่ผมสังเกตเห็นดวงตาแดงก่ำที่ฉายภาพมาบนใบหน้าขาวนวลของมัน ซึ่งมันก็ทำให้ผมตกใจนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา “เฮือก!!” ไอ้แป้งมันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “ฮึก!! มึงเลิกกล่าวหากูแบบนี้สักที เพราะสิ่งที่มึงพูดมันไม่เป็นความจริง” ผมไม่ได้สนใจคำพูดของมัน ก่อนจะลากไอ้แป้งมันขึ้นมาบนบก ผมลากมันเดินขึ้นมาบนบ้านพัก ก่อนจะเหวี่ยงมันไปชนกำแพงเต็มแรง จนผมได้ยินเสียง อึก!! ดังขึ้นมา และไอ้แป้งมันก็ร้องเสียงหลง ก่อนที่มันก็ทรุดตัวลงไปกองกับพื้น “อึก!! โอ๊ย!! ฮึก!! ฮือ...” “หึ!! น่าสมเพชสิ้นดี” ผมแสยะยิ้มมุมปากอย่างสะใจ ก่อนจะนั่งชันเข่าลงไปข้าง ๆ มัน ผมเอื้อมมือหนาไปบีบแก้มมันไว้อย่างใจเย็น และตอนนี้ไอ้แป้งมันก็มองหน้าผมด้วยสายตาที่แดงก่ำ ก่อนที่หยดน้ำใส ๆ จะร่วงหล่นลงมา หึ!! กำลังแสดงละครเป็นผู้หญิงผู้น่าสงสารให้ผมเห็นใจละสิ “เห็นเพื่อนรักมีความสุข อิจฉาหรือไงที่ตัวเองไม่มีใครรัก ขาดความอบอุ่นเหรอว่ะ เลยต้องทำแบบนี้” “ฮึก!! กูว่ามึงกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่นะ คิดว่ากูไม่รู้เหรอว่ามึงต้องการความรักมากแค่ไหน มึงมันก็เป็นได้แค่เด็กมีปัญหา ขาดความอบอุ่น!!” “.....” ไอ้แป้งมันตะคอกใส่หน้าผมสุดแรง ส่วนผมกัดฟันจ้องหน้ามันด้วยความโกรธ เพราะคำพูดของไอ้แป้งมันจี้จุดผมมาก ใช่!! ผมขาดความอบอุ่น เพราะตั้งแต่เด็กจนโต พ่อไม่เคยรักผม ไม่เคยพูดจาดี ๆ กับผมเลยสักครั้ง ซึ่งแน่นอนผมเลยเป็นเด็กมีปัญหา ต้องการความรัก ผมล้มลุกคลุกคลานตะเกียกตะกายจนชีวิตประสบความสำเร็จ มีรถ มีบริษัท มีที่ดินนับพันไร่เป็นของตัวเอง แต่เรื่องความรักอัปรีย์สิ้นดี “หึ!! ขาดความอบอุ่นงั้นเหรอ” เอาจริงๆ คำพูดของไอ้แป้งทำให้ผมโมโหมาก ผมรีบสะบัดหน้ามันทิ้งก่อนจะบันดาลโทสะเอื้อมมือหนาไปบีบรัดลำคอเรียวยาวของมันด้วยความโกรธ จนผมเห็นสีหน้าไอ้แป้งเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเลือด เพราะหายใจไม่ออก เพราะผมบีบไปแรงมาก ๆ มือเรียวเล็กก็ยกขึ้นมาจับมือผมด้วยอาการสั่นเครือ แต่พอผมได้สติ ผมก็รีบคลายมือหนาออกจากคอของไอ้แป้งอย่างรวดเร็ว ผมแม่งทำอะไรลงไปว่ะ ผมเกือบจะฆ่าคนตาย!! “แคกๆๆ เฮือก!!” ไอ้แป้งมันรีบยกมือขึ้นไปกุมคอตัวเองไว้ ก่อนจะหายใจออกมาแรงๆ สักพักมันก็หันมามองหน้าผมด้วยสายตาที่ผมก็เดาไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคิดอะไรอยู่ “มึงมันเลวกว่าที่กูคิดไว้เยอะ” แป้งมันจ้องใบหน้าคมคายของผมไม่ละสายตา ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจะผิดหวังเอามากๆ แต่ผมไม่สนอะ “หึ!! นี่แค่เริ่มต้น สำหรับมึง กูเลวได้มากกว่านี้”[แป้งร่ำ]สองเดือนผ่านไปเดินทางเข้ามาสู่ประตูวิวาห์ โดยที่แป้งร่ำมีอายุครรภ์ได้สี่เดือนเต็ม บรรยากาศล้อมรอบไปด้วยทะเลและหุบเขาสุดกว้างใหญ่ไพศาลคอนเซปต์งานถูกจัดขึ้นตามความชอบของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่มักจะชวนกันมานั่งชมพระอาทิตย์ตกดินยามเย็นด้วยกันเป็นประจำ เป็นงานแต่งเล็ก ๆ ที่มีแขกมาร่วมงานเพียงสี่ร้อยที่นั่งมีญาติฝั่งเจ้าบ่าวมาร่วมงานอย่างคับคั่ง ส่วนฝั่งเจ้าสาวมีเพียงป้าเพ็ญและลุงวินัยมาเป็นญาติผู้ใหญ่ให้ ส่วนเจ๊ตาล สปาย นุ่น และบลูเบอร์รี่เพื่อนสมัยเรียนก็ต่างเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับเธอในครั้งนี้เช่นกัน“มึงสวยมากเลยแป้ง ยิ่งท้องก็ยิ่งสวย ยิ่งได้ใส่ชุดเจ้าสาวยิ่งโคตรสวย”สปายเพื่อนรักเอ่ยชม ขณะที่เจ้าสาวกำลังจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่โดยช่างแต่งหน้าระดับเวิลด์คลาสอย่างคุณมิวกี้ นักแต่งหน้าชื่อดังที่ต้องใช้เวลาจองตัวนานถึงสองเดือนกว่าจะได้ฤกษ์งามยามดีมาสะบัดแปรงบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาของคุณแม่ลูกสองอย่างแป้งร่ำ“งื้อ~ ขอบคุณมากนะมึง”เจ้าของใบหน้ายิ้มแย้มหมุนตัวไปมาหน้ากระจกอย่างเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ ตัวเธอนั้นกำลังสวมชุดแต่งงานผ้าชีฟองบริสุทธิ์ ยามชายกระโปรงยาวฟูฟ่อ
หลังจากกินข้าวกันเสร็จ แป้งร่ำก็เข้าไปล้างไม้ล้างมือให้สะอาดสะอ้านในห้องน้ำ สองเท้าเรียวก้าวขาพ้นธรณีประตูกลับต้องตกใจ เมื่อพบว่าคุณอิฐกำลังนั่งคุกเข่ารอเธออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว“คุณอิฐ คุณทำอะไร ลุกขึ้นมาก่อน”หญิงสาวพยายามโน้มลงไปประคองคนตัวสูงให้ลุกขึ้นยืน แต่เขากลับเอาแต่นั่งนิ่ง ๆ มองไปยังใบหน้าแสนหวานไม่วางตา สายตาคู่สวยก็หันไปมองบริเวณโดยรอบ เผยให้เห็นว่ามีทุกคนเดินเข้ามาล้อมรอบเธอกับคุณอิฐไว้ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม“แต่งงานกับพี่นะแป้ง หลายวันก่อนพี่อาจจะยังไม่พร้อม แต่วันนี้พี่ตามหาแหวนเพชรน้ำดีที่สุดมาคุกเข่าขอเธอแต่งงาน พี่พร้อมแล้วที่จะสร้างครอบครัวกับเธอ พี่สัญญาว่าจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดีของลูกทั้งสอง”ชายหนุ่มคว้ากล่องกำมะหยี่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมายื่นอยู่ตรงหน้าหญิงสาวที่ตนรัก ก่อนจะค่อย ๆ เปิดมันออกช้า ๆ เผยให้เห็นแหวนเพชรพิงค์โกลด์ เป็นตัวเรือนทองคำแท้ เนื้อสีชมพูอมแดง ซึ่งราคาก็น่าจะปาไปแปดหลักเข้าให้“คุณอิฐ”หญิงสาวเอ่ยเรียกชื่อคุณอิฐด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาจนทุกคนแทบจะไม่ได้ยิน แต่ชายหนุ่มตรงหน้าเขาได้ยินอย่างชัดเจน ก่อนที่เขาจะคลี่ยิ้มออกมาจาง ๆ ในดวงตาคู่คมกับมีน้
วันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งเป็นวันที่ลูกสาวหยุดเรียนพอดิบพอดี และเป็นจังหวะประจวบเหมาะที่จะพาหลานสาวไปเยี่ยมปู่กับย่าเป็นครั้งแรก เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจยกใหญ่ เพราะอยากเห็นคฤหาสน์ที่คุณปู่กับคุณย่าอาศัยอยู่ เพราะผู้เป็นพ่อนั้นเคยเอ่ยปากบอกว่ามันใหญ่โตอย่างกับพระราชวัง“ป๊าวันนี้วันเสาร์ใช่มั้ยคะ”เด็กน้อยชะเง้อคอถามผู้เป็นพ่อที่กำลังขับรถอยู่อย่างคนเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ ส่วนคุณอิฐก็คลี่ยิ้มจาง ๆ พลางเอ่ยตอบลูกสาว ก่อนจะหันกลับมาขับรถอีกครั้ง“ใช่ค่ะ เสาร์ทั้งวันอ่ะวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาทิตย์ทั้งวัน”“ป๊า~ น้องโอปไม่เข้าใจ”เด็กน้อยขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมมองไปทางผู้เป็นพ่อด้วยความงุนงง เสาร์ทั้งวันคืออะไร อาทิตย์ทั้งวันคืออะไร ซึ่งผู้เป็นพ่อไม่เคยให้คำตอบที่เข้าใจง่าย ๆ ได้เลยสักครั้ง“น้องโอปอลล์อย่าไปถือสาคุณพ่อเขาเลยค่ะ เขายังไม่โต...”แป้งร่ำทำได้เพียงถอนลมหายใจออกมาแรง ๆ อย่างเอือมระอา ก่อนจะหันไปปลอบลูกสาวที่นั่งอยู่เบาะหลัง เพราะไม่อยากให้เด็กน้อยต้องรู้สึกสับสนกับคำตอบนี้“แต่ป๊าตัวโตกว่าคุณแม่อีกนะคะ”“ก็ใช่ค่ะ แต่ก็โตแค่ตัวนั่นแหละ”“คุณแม่จะบอกว่าป๊าสมองไม่พัฒนาเห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปคุณอิฐยังคงมีอาการแปลก ๆ คล้ายกับคนขาดวิตามิน จนหญิงสาวก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไรไป เธอพยายามชวนเขาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพอยู่หลายครั้ง แต่เขานั้นมันดื้อรั้นกว่าสิ่งไหน“ไปหาหมอหน่อยไหม เป็นแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วนะ”จะว่าเป็นห่วงก็คงใช่ เพราะช่วงนี้เขาป่วยหนักจนแทบไม่ได้เข้าไปดูแลบริษัทเลย ขลุกอยู่แต่ที่บ้านของเธอตั้งหลายอาทิตย์ไปยอมไปไหน ร้องขอให้เธออยู่ดูแลตลอดเวลา“รอให้ลูกกลับมาจากโรงเรียนก่อนได้ไหม อยากพาลูกไปด้วยกัน”“ได้สิ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ใกล้เวลาเลิกเรียนแล้ว”หญิงสาวเม้มริมฝีปากบางก่อนจะพยักหน้ารับด้วยความดีใจ เพราะวันนี้คุณอิฐกลับเชื่อฟังคำพูดของเธอ ทั้งที่ผ่านมาเขาก็ยืนกรานมาตลอดว่าจะไม่ไปเวลาล่วงเลยไปถึงสี่โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียนของน้องโอปอล์ ชายหนุ่มขับรถไปรับลูกสาวหน้าโรงเรียนแบบนี้เป็นประจำ จนคุณครูที่ยืนประจำการอยู่หน้าโรงเรียนจำหน้าคร่าตาอันหล่อเหลาเอาการของเขาได้“ลูกหมาของป๊า”ผู้เป็นพ่อนั่งย่อตัวอ้าแขนรอรับลูกสาวที่กำลังวิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจเฉกเช่นทุกครั้ง ท่อนแขนแกร่งก็โอบกอดลูกสาวไว้อย่างแนบแน่นด้วยความคิดถึง“พ่อหมาของลูก ฮ่
ท่อนแขนแกร่งคว้าเอวบางเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลังอย่างแนบแน่น ก่อนจะใช้คางเกยไหล่เธอเอาไว้อย่างออดอ้อน“กลัวผีหรือเปล่า”“ไม่กลัว”“ผีผ้าห่มก็ไม่กลัวเหรอ”“คุณพูดอะไรเดี๋ยวลูกก็ได้ยินหรอก”คนตัวเล็กถึงกับเอ่ยตวาดชายหนุ่มยกใหญ่ แต่เขากลับไม่รู้สึกสะทกสะท้าน แถมยังหัวเราะชอบใจให้กับปฏิกิริยาโต้ตอบของเธอ“ไม่ได้ยินหรอกลูกหลับแล้ว”ไม่พูดเปล่า ยังใช้ริมฝีปากหนาดูดดุ้นซอกคอระหงจนเกิดรอยแดง จนคนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ“นี่จะทำอะไร ปล่อยนะ”“ไม่ไหวแล้ว หัวก็หอม ตัวก็หอม เธอน่าขึงที่สุดเลยรู้ไหม”ชายหนุ่มพูดพร้อมกับซุกไซร้ไปตามซอกคอขาวเนียนอย่างหื่นกระหาย เขามีอารมณ์ทางเพศทุกครั้งเมื่อได้สัมผัสกับเรือนร่างอรชรของเธอ จนกักเก็บอารมณ์ความรู้สึกว่าต้องการหญิงสาวตรงหน้าเอาไว้ไม่อยู่ ปลายจมูกโด่งก็สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากร่างบางเข้าไปจนเต็มปอด“คืนนี้ขอได้ไหม?”“แล้วถ้าบอกว่าไม่ล่ะ”“ไม่ก็จะเอา เพราะลูกชายสุดที่รักของพี่มันพองตัวแล้ว ลองจับมันดูสิ”ชายหนุ่มคว้ามือเรียวมาจับความเป็นชายที่พองตัวอยู่ใต้ร่มผ้า ซึ่งมันก็ใหญ่โตตามคำบอกเล่าของเขาจริง ๆ คนตัวเล็กทำได้เพียงนั่งกัดปากเพราะรู้สึกเกร็งจนท
ห้าเดือนผ่านไปเมื่อมีเวลาว่างคุณอิฐก็ตามมาแจกขนมจีบแป้งร่ำที่ร้านดอกไม้ฟลาวเวอร์รี่โรสเป็นประจำ และเขาก็ทำแบบนี้มาจะเข้าปีที่ห้าแล้ว พนักงานในร้านก็ต่างรู้สึกอิจฉาที่แป้งร่ำได้เจอผู้ชายดี ๆ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าที่ผ่านมาเธอต้องเจอกับอะไรบ้าง“สวัสดีครับทุกคน”ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้พนักงานทุกคนภายในร้านแบบนี้เป็นประจำ ในมือก็ถือข้าวของมากมายที่เขาไปคว้านซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าชื่อดังเข้ามาด้วย“อ้าวพ่อหนุ่มมาทุกอาทิตย์เลย”“วันนี้ผมว่างน่ะครับ เลยตามมาเฝ้าแม่ของลูกที่ร้านได้”คุณอิฐฉีกยิ้มหวานกระชากใจ สายตาคู่คมชำเลืองไปมองคนตัวเล็กที่กำลังนั่งจัดดอกไม้ตลอดเวลา“แหม... ไม่ได้เจอกันตั้งสองวันพี่แมวคิดถึ๊ง คิดถึง”พี่แมวโน้มเข้ามากอดคุณอิฐอย่างถือวิสาสะ ใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัยก็ถูไถไปมายังท่อนแขนแกร่งอย่างออดอ้อน ส่วนคุณอิฐก็ฉีกยิ้มแห้ง ๆ ออกมาให้ได้เห็น เขาพยายามหลีกหนีให้ห่าง แต่ด้วยความเกรงใจเลยยืนนิ่ง ๆ ให้พี่แมวกอดให้หนำใจอยาก“ผมก็คิดถึงทุกคนครับ”“หึ!!”คนตัวเล็กเบะปากคว่ำก่อนจะร้อง หึ! ออกมาในลำคออย่างไม่สบอารมณ์ เพราะเธอรู้สึกสะอิดสะเอียนคำพูดตอแหลของเขาจนเต็มทน เพราะคุณอิฐเขามักจ
“เอ่อ... ผัวก็คือป๊าเองค่ะน้องโอป”ผมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ เพราะอยากแสดงความเป็นเจ้าของหญิงสาวตรงหน้าให้ลูกสาวรับรู้ แต่เด็กน้อยอย่างน้องโอปก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี ก่อนจะเอียงคอถามผมอีกครั้ง“แล้วทำไมป๊าถึงต้องแทนตัวเองว่าผัวด้วยคะ น้องโอปไม่เข้าใจ”“น้องโอปอล์ หนูอย่าไปให้ความสนใจกับคำพูดของพ่อมากนักเลยค่ะ บางครั้งพ่อเขาก็มักจะพูดอะไรออกไปแบบไม่คิด”หน้าหล่อ ๆ ของผมถึงกับแตกออกจากกันเป็นเสี่ยง ๆ เพราะแป้งร่ำเธอพูดหักหน้าผมเข้าให้แล้ว มันเจ็บแปล๊บ ๆ เหมือนโดนมีดบาด แต่ผมไม่สนน่ะ เพราะผมเป็นผัวเธอจริง ๆ“พูดไม่คิดยังไงแป้ง ที่กูพูดไป กูคิดมันทุกคำ ว่ากูเป็นผัวมึง แล้วไอ้เรื่องเมื่อคืนอีก อย่าบอกนะว่าลืม...”“คุณอิฐ อยู่ต่อหน้าลูกอย่าพูดคำหยาบได้ไหม ฉันไม่อยากให้ลูกซึมซับสิ่งไม่ดี”ใบหน้าแสนหวานหม่นลงในทันทีที่ผมพูดจบ ผมชะงักไปทันที ถึงแม้ว่าที่ผ่านมานิสัยผมจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่คำพูดคำจาก็ยังคงเหมือนเดิม เพราะผมรู้ตัวเองดีว่าผมเป็นคนโผงผาง พูดไม่เพราะ ชอบพูดจาหยาบคายเป็นที่หนึ่ง เลยทำให้คนตัวเล็กเอือมระอาขนาดนี้ ซึ่งตอนนี้ผมก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก กลัวว่าน้องโอปจะซึมซั
“ฉันอยาก”เท้าเรียวเล็กจิกเกร็งไปหมด แป้งร่ำเธอใช้ขาข้างหนึ่งถูไถไปตามเรียวขาสวยเพื่อระบายอารมณ์เสียวซ่านที่พลุ่งพล่านอยู่ในตัว“ก็จะทำให้อยู่นี่ไง รีบเหรอ”ผมโน้มลงไปกระซิบที่ซอกคอของเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่า พลางจูบพรมไปตามลำคอระหง เลื่อนขึ้นมายังพวงแก้มขาวนวล และจูบย้ำ ๆ ลงบนปากกระจับได้รูปของเธอ ร่างเล็กอ่อนระทวยด้วยพิษรักยั่วสวาท เธอเด้งหน้าอกรับเมื่อผมใช้ริมฝีปากคลอเคลียลงไปตามเนินอกอวบอิ่ม“อืม ฉันรีบ ฉันไม่ไหวแล้ว มันร้อน ร้อนไปทั้งตัว”มือเรียวยกขึ้นสางผมที่เปียกซกไปด้วยเม็ดเหงื่อ ใบหน้าแสนหวานของเธอเปล่งประกายระเรื่อขึ้นมาจนเห็นได้ชัด เธอร้องซี๊ดออกมายกใหญ่ทั้งที่ผมยังไม่ทันทำอะไร ดวงตาคู่สวยจ้องมองมาที่ใบหน้าคมคายด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม“จะรับไหวหรือเปล่า ของกูใหญ่นะ”“ไหวสิ ฉันจะอดทน คุณรีบทำหน่อยได้ไหม”ฟันคู่คมกัดเม้มริมฝีปากบางของตัวเองแน่น ก่อนที่เธอจะยกมือเรียวขึ้นมาคล้องคอผมไว้และแสดงสีหน้าออดอ้อน ผมที่ได้เห็นถึงกับเก็บอารมณ์ฟุ้งซ่านในใจเอาไว้ไม่อยู่ อยากจะจับเธอกระแทกให้แรง ๆ โทษฐานที่ทำตัวน่าเอา“อยากจูบตรงนั้นของมึงด้วยได้ไหม?”“ได้สิ ฉันยอมคุณแล้ว ยอมทุกอย่าง คุณอยาก
[คุณอิฐ]หลายอาทิตย์ผ่านไปผมกลับมาดูแลบริษัทที่กรุงเทพฯทุกอาทิตย์ ก่อนจะเดินทางกลับไปหาลูกเมียทันทีเมื่อเคลียร์งานทุกอย่างเสร็จ ผมใช้เวลาเพียงสี่ชั่วโมงในการเดินทางไปจังหวัดใกล้เคียงที่น้องโอปอล์กับแม่ของลูกอาศัยอยู่ มาถึงที่นี่ก็เป็นเวลาสามทุ่มพอดีเป๊ะรถสปอร์ตคันหรูจอดสนิทอยู่หน้าบ้านไม้หลังเล็ก ๆ แต่กลับพบเพียงความมืดมน เพราะเวลานี้กลับไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน แล้วแป้งร่ำเธอพาลูกไปอยู่ที่ไหน ผมไม่รอช้ารีบต่อสายตรงหาเธอทันที แต่โทรไปเท่าไรเธอก็ไม่รับสาย ก่อนที่ผมจะตัดสินใจส่งข้อความไปหาเธอAit : [อยู่ไหน ทำไมไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน]Ait : [พาลูกไปไหน บอกมา... เดี๋ยวจะไปรับ]Ait : [ตอบกลับข้อความที]ผมรอจนแล้วจนรอดแต่ก็ไม่มีข้อความตอบกลับแต่อย่างใด จนเวลาล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืน ก่อนจะตัดสินใจไปกดกริ่งหน้าบ้านของป้าเพ็ญ เผยให้เห็นเด็กหญิงตัวเล็ก กับหญิงวัยกลางคนเดินออกมาเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน ทำไมเวลานี้น้องโอปถึงยังไม่นอน“ป๊า...”ผู้เป็นพ่อนั่งย่อตัวอ้าแขนรอรับลูกสาวที่กำลังวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางดีอกดีใจอย่างเช่นทุกอาทิตย์“น้องโอป...”ชายหนุ่มคว้าลูกสาวตัวน้อยมาโอบกอดอย่างแนบแน่น ก่