تسجيل الدخول"เรื่องมันมีอยู่ว่า..."
เสียงแม่ขึ้นต้นเช่นทุกครั้งเวลาเล่าที่มาของพิณตะวัน เด็กหญิงหางเปียวัยสิบสองปี นอนหนุนตักแม่เล่นที่นอกชานของบ้านพักคนงานของเกาะนางรัง ลมทะเลพัดเอื่อยกำลังเย็นสบาย บ้านกระท่อมหลังกะทัดรัดขนาดสองห้องนอน อยู่กลางดงมะพร้าว สร้างแข็งแรงแน่นหนาจากไม้บนเกาะนี่เอง บ้านคนงานอยู่กันกระจายตามความกว้างของเกาะ
พ่อวัฒน์ของพิณตะวันเป็นหัวหน้าคนงานของเกาะแห่งนี้ ซึ่งมีคนงานอยู่ประจำนับร้อย เจ้าของเป็นเศรษฐีตระกูลมั่งคั่งร่ำรวยในกรุงเทพฯ พิณตะวันวิ่งเล่นซนไปทั่วเกาะตั้งแต่รู้ว่าเท้ามีไว้สำหรับเดินและวิ่ง เจ้าตัวมีเพื่อนเป็นเด็กชาวเลเต็มไปหมด... แต่สิ่งหนึ่งที่เด็กน้อยเกลียดก็คือการถูกล้อว่าเป็น...เด็กที่พ่อกับแม่เก็บได้จากถังขยะ! ถูกล้อว่าเป็นฝรั่งขี้นกบ้าง บ้างก็ล้อว่าเป็นเด็กเก็บตก และอีกสารพัด
สาเหตุก็เป็นเพราะหน้าตาของพิณตะวันนั้นไม่มีส่วนไหนคล้ายผู้เป็นพ่อกับแม่เลยนั่นเอง นายวัฒน์กับนางจินดานั้น มีผิวสีน้ำตาลเข้มเพราะเกิดอยู่กับทะเล แต่ลูกสาวกลับมีผิวขาวละเอียด ใบหน้าเรียวเล็กมีเค้ากระเดียดไปทางเลือดผสมแม้ไม่มาก แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์
เจ้าตัวถูกล้อว่าเป็นลิงเผือกเพราะผิวขาวจัดถ้าหากเปรียบเทียบกับเด็กชาวเกาะที่กำเนิดกลางทะเลผิวเป็นสีดำแดงหรือที่เรียกว่าผิวสองสี บ้างก็ตัวดำเป็นเหนี่ยง ทำให้เด็กหญิงไม่พอใจจนมีเรื่องมีราวชกต่อยกับเด็กที่ล้อซึ่งเป็นเด็กผู้ชายอยู่เป็นประจำ ร่างเล็กเพรียวแข็งแรงแต่มีใจเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ไม่เกรงกลัวใครในวัยเดียวกัน สามารถต่อยเด็กผู้ชายจนร้องไห้วิ่งแจ้นไปฟ้องพ่อแม่ จนต่อมาเด็กเกเรทุกคนต่างขยาด ไม่กล้าล้อเลียนเด็กหญิงอีก และแถมยกให้เป็นหัวหน้าแก๊งด้วย
"ตอนนั้นพ่อกับแม่กำลังออกทะเลหาปลา ตะวันกำลังจะตกดิน สีส้มอร่ามสวยงามเหลือเกิน แม่กับพ่อก็กำลังรอเวลาจะเก็บแหที่ปักทอดเอาไว้ เย็นวันนั้นเราสองคนจอดเรืออยู่ใกล้โขดหินนั่งมองตะวันกันเพลิน แม่ไม่มีลูกก็นึกอธิษฐานขอกับพระอาทิตย์ ว่าขอให้ได้ลูกสักคนเถ๊อะ เจ้าประคุ๊ณ"
จินดาเล่าอย่างคล่องปากกับเรื่องนี้ที่เล่ามานับครั้งไม่ถ้วน เธอก้มมองใบหน้าเรียวเล็กด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู เจ้าตัวนอนหนุนตักใช้พัดใบตาลโบกให้แม่แย็บๆ ทั้งๆ ที่ลมทะเลก็พัดเย็นดี แต่เพราะเป็นเด็กที่มีนิสัยกตัญญู คอยดูแลเอาใจใส่แม่กับพ่อในสิ่งที่ตนพอจะทำได้ ซึ่งเห็นตัวเล็กแค่นี้ แต่ก็คล่องแคล่วปราดเปรียวและเป็นงานหลายอย่างแล้ว ต่างมือต่างเท้าได้ยามจำเป็น
พิณตะวันมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของแม่ด้วยดวงตาใสแป๋ว เพราะต่อไปจะเป็นตอนที่ชอบฟังที่สุด เพราะมันคือปาฏิหาริย์แห่งชาติกำเนิดของเจ้าตัว...
"ทันใดนั้น ขณะที่พระสุริยเทพกำลังทรงราชรถจะลาลับขอบฟ้า จู่ๆ ก็มีวัตถุกลมๆ ห่อด้วยผ้าขาวลอยลงมาจากท้องฟ้า หล่นลงมากลางแหของพ่อเข้าพอดี พระอาทิตย์ท่านได้ประทานลูกมาให้พ่อกับแม่ตามที่แม่ได้อธิษฐานเอาไว้อย่างไม่คาดฝัน ท่านศักดิ์สิทธิ์เหลือเกินลูกเอ๊ย แถมยังทรงประทานพิณลอยตามมาด้วย แม่กับพ่อถึงได้ตั้งชื่อให้หนูว่า พิณตะวัน ยังไงล่ะ"
เด็กน้อยยิ้มแก้มปริ ดวงตาคมขำ กลมโตใสเปล่งประกายวิบวับระยับงามเวลาชอบใจ แต่เวลาโกรธล่ะก็จะคมดุ จนคนที่โดนจ้องเขม็งต้องเมินสายตาไม่กล้าจ้องสบด้วยนานๆ
"เพราะตะวันเป็นเด็กวิเศษ เป็นลูกพระอาทิตย์ ตะวันเลยมีลักษณะไม่เหมือนเด็กคนอื่นแถวนี้ ตะวันเข้าใจแล้ว และก็รู้สึกสงสารไอ้ก้อง ไอ้โก้ ไอ้แหลม และอีกหลายไอ้ที่มันไม่รู้ ตะวันไม่โกรธพวกมันแล้วที่มันเคยล้อตะวัน คนไม่รู้เขาเรียกว่าฉลาดน้อย ตะวันฉลาดมากกว่า ก็จะต้องให้อภัยพวกมัน ตอนนี้พวกมันขึ้นมะพร้าวให้ตะวันทุกวัน ตะวันเลยให้อภัยมันทุกคนเลยจ้ะแม่ การให้อภัยเป็นสมบัติของคนดี ตะวันจำที่แม่สอนได้ทุกอย่างจ้ะ"
เด็กหญิงเอ่ยเสียงแจ่มใส จดจำสิ่งที่แม่สอนได้ขึ้นใจทุกข้อ จินดายิ้มเอ็นดูกับความฉลาดเฉลียว ปราดเปรียว คล่องแคล่วและกล้าแกร่งเกินวัยของลูกสาว
"เมื่อไหร่พ่อจะเอาพิณไปซ่อมให้ตะวันล่ะจ๊ะแม่ มันไม่มีสายแบบนั้นเมื่อไหร่จะได้เล่นเป็นเสียที"
เด็กหญิงเอ่ยถาม จินดานึกถึงเครื่องดนตรีที่ทำจากไม้ทาเชลแล็กจนสวยมันเงา ตรงก้านมีปลายงอนเป็นลักษณะอ่อนช้อยงดงาม มันอยู่ในกล่องของมันอย่างดี ตอนที่ลอยหวือลงมาจากเรือสำราญลำนั้น สามีเก็บรักษาไว้อย่างมิดชิด ไม่ให้ใครเห็นเพราะความงามแปลกตาไม่เคยเห็นแถวนี้หรือแถวไหนมาก่อน ถือว่าเป็นสมบัติประจำตัวของพิณตะวัน...สักวันหนึ่งมันอาจจะมีประโยชน์กับลูกก็ได้
"พ่อขึ้นแผ่นดินใหญ่รอบหน้า เห็นว่าจะไปหาซื้อมาให้จ้ะ นี่ก็ดึกแล้ว พ่อของตะวันทำไมยังไม่มาอีก นายหัวเรียกไปที่เรือนใหญ่ตั้งแต่หลังอาหารค่ำแล้ว ไม่สบายแบบนี้ ทางโน้นคงจะต้องการมารับกลับ แต่ท่านดื้อ"
จินดาเอ่ยกับลูก พิณตะวันขยับตัวลุกขึ้นนั่งทันที
"ให้ตะวันไปดูให้ไหมจ๊ะ ตะวันวิ่งปรู๊ดเดียว เดี๋ยวก็รู้...นะ"
คนอยากวิ่งเล่นรีบเสนอตัว บนเกาะแห่งนี้มีไฟฟ้าใช้อย่างสะดวกสบาย เนื่องจากทางเกาะได้ทำการขอให้ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าใช้บนเกาะ เกาะที่เป็นหมู่บ้านอยู่ด้านชายหาด ส่วนถ้ำที่เป็นที่อยู่ของนกนางแอ่นจะอยู่ด้านใน ซึ่งความจริงเป็นเกาะถ้ำหินปูนอีกเกาะแต่เชื่อมกันกับเกาะของหมู่บ้านด้วยสันเขาหินปูนมีป่าปกคลุมโดยรอบ
เรือนใหญ่ตั้งอยู่ด้านตะวันออก ห่างจากบ้านของพิณตะวันก็ไม่ไกลประมาณ 200 เมตร แต่ไม่เห็นกันเพราะมีทิวมะพร้าวและต้นไม้บัง บนเกาะมีต้นไม้ใหญ่เยอะมาก เพราะนายหัวเป็นคนรักธรรมชาติ เห็นว่านายหัวเป็นคนบุกเบิกเกาะนี้ตั้งแต่ตอนท่านยังหนุ่ม ตอนนี้ท่านแก่หง่อมแล้ว และกำลังไม่สบาย ที่นี่มีที่จอดเฮลิคอปเตอร์ด้วย เพราะพวกเจ้านายเดินทางด้วยเครื่องเหาะส่วนตัว ไม่ค่อยเดินทางเรือ เพราะจากเกาะถึงฝั่งก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมง เวลานี้มีเจ้าเครื่องนั่นมาลงเมื่อตอนบ่าย เห็นผู้ชายตัวโตๆ สามสี่คนเดินลงจากเครื่อง คงจะมารับท่านกลับเข้ากรุงเทพฯ นั่นเอง
"เอาสิลูก แต่ระวังเท้านะ เดี๋ยวจะไปเหยียบงูเงี้ยวเขี้ยวขอเข้า เอามีดไปด้วย"
จินดาเอ่ยอนุญาต บนเกาะนี้ทุกคนรู้จักกันดี ไม่เคยมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น เกาะนี้ยังไม่เคยมีเรื่องการขโมยรังนกเหมือนเกาะอื่นที่เป็นข่าว พิณตะวันถูกสอนให้รู้จักการป้องกันตัวมาตั้งแต่วิ่งได้ ยิงหนังสะติ๊กได้เก่งและแม่นยำ เวลานี้พ่อได้สอนให้ใช้มีดด้วย เพราะเอาไว้ปาดตาล ปาดขั้วมะพร้าว เลยถือโอกาสเอาไว้ป้องกันตัวด้วย พ่อได้ซื้อมีดสั้นเล่มสวย ชนิดพกติดตัว มาให้จากตลาดบนแผ่นดินใหญ่ ตะวันเอาใส่ไว้กระเป๋ากางเกงเอาไว้ตลอด พกแล้วรู้สึกอุ่นใจเหมือนมีเพื่อนตาย
"ไม่ต้องห่วงจ้ะ ตะวันจะระวังตัว"
กล่าวเสร็จเจ้าตัวก็วิ่งปรู๊ดลงบันไดห้าขั้น หางเปียแกว่งกระด๊อกกระแด๊ก มองเห็นได้จากระเบียง จินดายิ้มพลางส่ายหน้า...ทูนหัวของแม่... ขอให้พระคุ้มครองลูกให้แข็งแรงและแจ่มใสอย่างนี้ตลอดไป... จินดาขอพรพระเช่นทุกครั้ง
เด็กน้อยแสนฉลาดปราดเปรียวนัก ไม่ได้รู้สึกมีปมด้อยกับการที่ได้รู้ความจริงว่าไม่ใช่ลูกที่แม่เบ่งออกมาจากครรภ์เหมือนเด็กคนอื่นๆ แต่กลับมองโลกในแง่ดีว่าเจ้าตัวเป็นลูกสาวพระอาทิตย์ไปซะนี่... จินดาดีใจที่เธอไม่ต้องโกหกลูกสำหรับเรื่องนี้
"เฮ้ย...ร้องไห้ทำไมกัน ไม่เอา... ห้ามร้อง ตะวันไม่ใช่คนอ่อนแอและร้องไห้ง่ายสักหน่อย...หยุดร้องเดี๋ยวนี้เลย"เขาทั้งปลอบและทั้งสั่ง...แต่ร่างบางก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุด ชายหนุ่มชักเริ่มใจไม่ดี ไม่อยากเห็นน้ำตาของยัยตัวดี เขาล้มตัวลงไปนอน ดึงร่างบางให้นอนซบหน้าอก ลูบแผ่นหลังบางเบาๆ"ไม่เอาน่า...หยุดร้องก่อน...คืนนี้จะเลี้ยงฉลองความสำเร็จของตะวัน แล้วมาร้องไห้แบบนี้ ตาบวม หมดสวยกันพอดี"เขาแกล้งแหย่"ไม่อยากสวย! ฮือๆ "คนไม่อยากสวยส่งเสียงโต้ตอบ กอดเอวเขาไว้แน่นแล้วก็ร้องไห้จนเสื้อเขาเปียก"เอาล่ะ...หยุดร้องก่อน... นะ""ตะวันมะโห! ฮือๆ และก็น้อยใจด้วย! นายหัวจะใจร้ายกับตะวันไปถึงไหน"เสียงสะอื้นเอ่ยตัดพ้อต่อว่า"มะโห แต่ไม่ร้องได้ไหม ฉันไม่ชอบเห็นน้ำตาของตะวัน"เสียงห้าวเอ่ยแล้ว ผลักร่างบางให้นอนหงายไปกับที่นอน จากนั้นก็ค่อยใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน พิณตะวันร้องไห้จนพอใจก็หยุด... นอนซุกหน้ากับอกกว้าง รู้สึกอบอุ่นในหัวใจที่ได้อยู่กับเขาอีกครั้ง..."หายมะโหหรือยังหือ..." เขาแกล้งถาม พลางก้มไปหอมแก้มที่เปียกด้วยน้ำตา พิณตะวันค้อนคว่ำให้เขา"ตบหัวแล้วลูบหลังเหรอ...จะมะโหต่อถ้
****พิณตะวันจัดการเก็บข้าวของที่คอนโด คุยกับวายุแล้วว่าจะย้ายออก ของใช้ส่วนตัวก็ไม่มีอะไรมาก วายุจึงให้ขนไปไว้ที่บ้านอิสรีพัฒน์ แล้วก็คืนคอนโดไปไอลวิลเดินทางมาถึงบ้านที่กรุงเทพฯ ในเวลาบ่ายคล้อย ร่างเพรียวระหงนั่งรออยู่แล้วที่สวนหย่อมหลังบ้าน พอเฮลิคอปเตอร์ลงจอด เจ้าหล่อนก็ลุกขึ้นยืนทำหน้าตื่นเต้น เมื่อไอลวิลลงจากเครื่อง ร่างเพรียวก็วิ่งเข้าไปหาทันทีจนเขาแทบจะเปิดอ้อมแขนกางรับไม่ทัน เจ้าตัวโผเข้ากอดอย่างเต็มที่และเต็มแรง โดยไม่กลัวว่าจะพากันล้ม เขาต้องตั้งหลักยืนให้มั่น"เบาๆ หน่อย จะพากันล้มกลิ้งเอา"เสียงห้าวเอ่ย รู้สึกขำที่เวลาผ่านไปสี่ปี คนในอ้อมแขนอายุย่างยี่สิบสองปีแล้ว แต่กับเขาก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง..."ดีใจที่สุด ตะวันรอนายหัวมาสองวันเต็มๆ ตะวันขนของจากคอนโดมาไว้ที่นี่หมดแล้ว ของไม่มีแยะหรอก แค่สองกระเป๋าเอง คุณท่านจัดห้องให้ตะวันห้องหนึ่ง อยู่ติดกะห้องของนายหัวด้วยล่ะ"เสียงแจ๋วเอ่ยรายงานยาวเหยียด...เงยหน้าขึ้นยิ้มกระจ่าง ใบหน้านวลปลั่งมีสีเรื่อด้วยเลือดฝาดแห่งวัยสาว ดวงตาคู่กลมโตเปล่งประกายวาวระยับเต็มไปด้วยความสุข"ตะวันช่วยแม่ครัวเตรียมอาหารสำหรับคืนน
เจ้าของวันเกิดกำลังยืนหลับตาอธิษฐานเสียงดัง"ขอให้นายหัวมีสุขภาพกายและใจแข็งแรง ขอให้นายหัวมีความสุขมากๆ ขอให้พระคุ้มครองให้นายหัวปลอดภัย ขอให้นายหัวจงเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป สาธุ๊..."เสียงแจ๋วเอ่ยขอพร"อ้าว แล้วกัน วันเกิดเรา ก็ขอให้ตัวเองสิ มาขอให้ฉันทำไม"เสียงห้าวเอ่ยทักท้วงอย่างรู้สึกขำเจ้าหล่อน"ก็นั่นแหละเป็นสิ่งที่ตะวันต้องการที่สุดสำหรับวันเกิด ถ้านายหัวมีความสุขและสุขภาพดี ตะวันก็มีความสุขยิ่งกว่าไง"คนอธิษฐานเอ่ยโต้ตอบบอกเหตุผล ไอลวิลจึงพยักหน้ายอมๆ ให้ทำตามอำเภอใจ จากนั้นเจ้าตัวก็เป่าเทียนวันเกิดที่ปักอยู่เพียงเล่มเดียวตรงกลางเค้ก มือบางจัดการตัดเค้กแล้วใส่จานเดียวกับช้อนสองคัน นั่งกินด้วยกันที่โซฟา เปิดทีวีรายการการ์ตูนคลอเป็นแบ็กไปด้วยไอลวิลมองดูคนที่กินเค้กจนพุงกาง แถมเจ้าหล่อนยังคะยั้นคะยอบังคับเขา พอเขาหยุดตักกิน ก็ลงมือป้อนให้ถึงปาก ไอลวิลรู้ทันเจ้าตัวดีที่ทำท่ากินช้าลงอย่างเห็นได้ชัด"ถ้าอิ่มแล้ว ก็เก็บไว้ในตู้เย็นดีไหม ไม่ต้องฝืนหรอกมั้ง" เขาเอ่ยอย่างรู้ทัน คนอิ่มทำหน้ายิ้มแหยให้"ก็ตะวันกลัวนายหัวเสียน้ำใจนี่นา"เจ้าตัวพูดเสียงอ่อย เพราะเมื่อครู่ก่อนได้ประกาศปาวๆ ว่าจ
พิณตะวันหันไปมองลริณา"เอาไงดีริณา...จะให้คุณวาไปส่งไหม คุณแม่ของริณาจะว่าหรือเปล่าที่มีหนุ่มไปส่งแบบนี้"พิณตะวันเอ่ยอย่างที่ไม่ได้คิดอะไร แต่ทำให้ลริณาหน้าแดง และวายุก็เลิกคิ้วสูงกับคำพูดของเจ้าหล่อน"เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่รู้จักพี่ตะวันนี่คะ"สาวน้อยเอ่ยตอบน้ำเสียงอ่อน วายุไม่เข้าใจว่าเด็กสองคนนี้มาคบหาเป็นเพื่อนกันได้อย่างไร คนหนึ่งห้าวสุดห้าว กล้าแกร่งก็ปานนั้น อีกคนก็หวานสุดหวานและเรียบร้อยสุดบรรยายแบบนี้"แต่พี่เพิ่งเคยเห็นท่านครั้งเดียวและคุยโทรศัพท์ด้วยหนหนึ่ง ก็เท่านั้นเอง แต่ก็ลองไปดู ไปเลยๆ คุณวา"คนกลางตัดสินใจทันที คนขับรถก็ทำตามโดยมีคนที่นั่งเบาะหลังเป็นคนบอกทาง วายุเอาที่อยู่ใส่ใน GPS ให้ช่วยบอกทางให้ จากนั้นก็ขับรถไปยังบ้านของลริณาคฤหาสน์หลังใหญ่มีบริเวณกว้างขวาง สมกับเป็นครอบครัวที่ทำเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ จากประตูรั้วต้องขับรถเข้าไปอีกประมาณร้อยเมตรเลยทีเดียว"อยู่กันกี่คนนี่ริณา"พิณตะวันถามสาวน้อย แต่ไม่ได้ทำตาโต เพราะพิณตะวันเห็นบ้านอิสรีพัฒน์จนชินซึ่งก็ใหญ่โตพอกัน แต่ที่สำคัญพิณตะวันไม่ตาโตกับสมบัติของใคร บ้านของพิณตะวันที่เกาะคือสวรรค์ที่สุดแล้วสำหรับพิณ
"หือ..."ทำเอาคนฟังต้องนิ่งชะงักไม่แน่ใจว่าเจ้าหล่อนหมายถึงอะไร"อยากเห็นนาย ... ความจริงตะวันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับวันเกิดหรอกนะ นายหัวไม่ต้องเข้ามาวันเกิดก็ได้ เพราะมันตั้งสิ้นปีโน่นแน่ะ นายหัวยกยอดมาอาทิตย์หน้าก็ได้ ตะวันไม่ถือหรอก ฉลองวันเกิดล่วงหน้าไง"คนอยากเจอเอ่ยโน้มน้าว ไอลวิลยิ้มขำ"ก็ถ้าว่าง จะเข้าไป ช่วงนี้ต้องอยู่เกาะ ตอนนี้ไม่เหมือนตอนที่ตะวันอยู่ มันมีคนแปลกถิ่นและแปลกหน้าเข้ามา พวกต่างชาติ เพื่อนบ้านไทยนี่แหละ แอบเข้ามาป้วนเปี้ยน เราเลยต้องวางเวรยามที่เกาะรังนกทุกเกาะของเรา"เขาเอ่ยเล่าความเป็นไปให้เจ้าของเกาะตัวจริงฟังนิดหนึ่ง"จริงเหรอ...ตะวันอยากกลับไปช่วยนายเร็วๆ มาเรียนทำไมก็ไม่รู้ ไม่เห็นมีประโยชน์เลย ถ้าตะวันอยู่ที่โน่นกับนายคงจะมีประโยชน์กว่านี้"เจ้าตัวดีได้โอกาสก็บ่นใส่ทันที"งานพวกดูแลเกาะ ให้พวกผู้ชายเขาทำ เราเรียนบัญชีก็ดีแล้ว ต่อไปจะได้ช่วยวายุที่สำนักงานใหญ่ นั่นก็เป็นงานสำคัญ""แต่ตะวันอยากช่วยนายมากกว่านะ...อะไรกัน ไหนว่าเรียนจบแล้วจะให้กลับไงเล่า"น้ำเสียงเริ่มขุ่นและงอน"ฉันแค่เกริ่นให้ฟัง จบแล้วค่อยว่ากันอีกทีว่าตะวันอยากจะอยู่ไหนและทำอะไร คิดว่าอยากจ
การเรียนเป็นไปอย่างราบรื่นและเรียบร้อย พิณตะวันเป็นคนที่ถ้าหากตั้งใจจะทำสิ่งใดแล้วก็จะมีความมุ่งมั่นพยายามและไม่ไขว้เขวกับสิ่งยั่วยุ สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อหลอกให้คนในวัยศึกษาเล่าเรียนเป๋มีมากมายในเมืองกรุง แต่พิณตะวันไม่เคยเป๋เหมือนเด็กในวัยเดียวกันอีกหลายคนผู้ที่ไม่มีจุดยืนและไม่มีเป้าหมายที่แน่นอนในชีวิตนั้น สามารถตกเป็นเหยื่อของสังคมแห่งวัตถุนิยมได้ง่ายๆ ดังนั้นพิณตะวันจึงรู้สึกขอบคุณบิดามารดาและสิ่งแวดล้อมที่ทำให้พิณตะวันได้รู้จักโลกที่เป็นธรรมชาติของชีวิตที่แท้จริง ไม่ใช่โลกจอมปลอมของมหานครกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อใจว่าสวยงาม แต่เบื้องหลังเบื้องลึกนั้นกลับสกปรกโสมมสำหรับพิณตะวันแล้ว ถ้าให้เปรียบเทียบกรุงเทพฯ เป็นผู้หญิง เมืองฟ้าอมรแห่งนี้ก็เปรียบเสมือนหญิงสาวที่ไม่ได้อาบน้ำ แต่พยายามห่อหุ้มร่างด้วยเสื้อผ้าสวยงามและฉีดพรมน้ำหอมเพื่อดับกลิ่นอย่างเต็มที่ แต่งหน้าแต่งตัวเริดหรูอลังการ ทำให้คนที่ไม่รู้เบื้องลึกหลงคิดว่าสวยงามและหอมหวนทวนลมเสียเหลือทน แต่ความจริง ถ้าเปลื้องผ้าออกจะรู้ว่าร่างนั้นเหม็นสางสกปรกและหมักหมมด้วยเชื้อโรคแค่ไหน... ดังนั้นคนอย่างพิณตะวันไม่ยอมหลงเ







