แชร์

หลง

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-16 11:49:28

กาเยนะ วาจายะ เจตะสา วา

สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มายา ยัง

สังโฆ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง

กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ

เสียงสวดมนต์ทำวัตรเย็นดังขึ้นทั่วทั้งศาลาวัดจบลง บทบรรเลงขับขานตามคำสอนของพระผู้เป็นเจ้าขัดเกลาแก่เหล่าภิกษุผู้อยู่ในธรรมเป็นที่ตั้ง รวมถึงตัวของชายหนุ่มหน้าโหดด้วย

นี่ก็เป็นเวลาเกือบจะสามเดือนแล้วที่ จอมทัพ หรือตอนนี้คงต้องเรียก พระจอม ได้บวชเรียนศึกษาธรรมะภายใต้ชายผ้าเหลือง

อดีตหนุ่มหล่อวิศวะ ปัจจุบันเป็นพระบวชใหม่ที่วัดป่าในชนบทแห่งหนึ่ง ที่เลือกต่างจังหวัดแทนในเมืองหลวงมีไม่กี่เหตุผล หนึ่งในนั้นคือรู้สึกถึงความสงบเหมือนได้กลับบ้าน เนื่องจากจอมทัพเกิดและโตที่ภาคเหนือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยอากาศเย็นเกือบทั้งปี ที่บ้านทำไร่ทำสวนส่งออกผลไม้รายใหญ่ของภูมิภาค ในทุกการปิดเทอมจึงมักจะไปช่วยงานที่บ้านยกเว้นเทอมนี้ที่เขาเลือกมาบวชแทน

และเหตุผลต่อมาคือเขาคิดว่าการที่ได้มาชนบทได้เห็นวิถีชีวิตผู้คน รู้จักผู้คน ทำให้ได้ตระหนักถึงชีวิตมากขึ้นไปอีกขั้น เห็นแบบนี้จอมทัพค่อนข้างจริงจังกับชีวิตและแคร์ผู้คนรอบข้างเป็นอย่างมาก แต่บางครั้งการใจดีก็ใช่ว่าจะได้ดีตอบกลับเสมอไป

ญาติโยมผู้คนที่นี่ต่างใจดี แม้จอมทัพจะไม่ได้เป็นคนที่นี่แต่กำเนิดก็ยังมาใส่บาตรแลถามไถ่ความเป็นอยู่เสมอมาทุกคราที่เจอหน้ากัน เกิดเป็นความรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา จนบางครั้งก็รู้สึกไม่อยากกลับไปเรียน แต่ถ้าทำแบบนั้นเหล่าเพื่อน ๆ เขาคงมาตามถึงวัดเป็นแน่

ร่างสูงขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งเป็นท่าคุกเข่าบนอาสนะ พลิกตัวไปยังตำแหน่งที่มีพระประธานตั้งอยู่ ก่อนมือแกร่งพนมมือขึ้นประกบกันไหว้ก้มลงกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์สามครั้ง เมื่อเสร็จสิ้นชายหนุ่มก็เอื้อมมือพับเก็บจีวรให้เป็นระเบียบเข้าที่ก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าในท่าที่สำรวมหันหลังเดินลงไปจากศาลา

ท่าทีสงบเสงี่ยมผิดวิสัยที่เคยเป็น แม้จะไม่ได้ล่อกแล่กไปเรื่อยแบบปั้นสิบ แต่ก็ไม่ได้เรียบร้อยแบบคิระเช่นกัน จอมทัพก่อนหน้าที่จะมาบวชนี้นั้นก็เป็นชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งที่มีท่าทีขึงขัง ไม่กลัวใคร รักความยุติธรรม แต่ด้วยใบหน้าที่แอบท้าทายหาเรื่อง หรือเอาง่ายๆที่ไอ้ปั้นสิบเคยพูด เรียกตีน คงเป็นนิยามสำหรับชายหนุ่ม ทำให้ผู้คนไม่ค่อยกล้าเข้าหาเขามากนัก ผิดกับนิสัยที่แท้จริงที่ถ้าได้รู้จักกันแล้วเลี้ยวแหกโค้งกันทุกราย

ซื่อสัตย์ แน่วแน่ จริงใจ เป็นลักษณะนิสัยที่ทำให้จอมทัพเป็นที่รักของเหล่าเพื่อนฝูง

บุคคลผู้ที่มีอาวุธเป็นหน้าตาแต่นิสัยกลับซื่อบื้อตามคนแทบไม่ทัน สายฟ้าพูดกับเขาไว้อย่างนั้น

ตามคนไม่ทัน คำกล่าวนี้จอมทัพไม่ขอเถียงเพราะเขาก็มีลักษณะตามที่ว่ามาจริง จอมทัพเป็นลูกคนเดียวเติบโตมากับไร่และสวน ได้รับความรักอย่างเต็มที่จากคนรอบข้างและบิดามารดามากจนแทบล้น ทำให้มีนิสัยซื่อตรง คิดอย่างไรก็แสดงออกแบบนั้น เป็นคนที่จริงใจไร้เล่ห์เหลี่ยมซึ่งขัดกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูคล้ายจะเป็นคนเกเรชอบหาเรื่องต่อยตี

ใจจริงจอมทัพก็อยากขอบคุณหน้าตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรของเขาและร่างกายที่สูงใหญ่จากการเล่นกีฬาเลี้ยงลูกลงห่วง เพราะช่วยป้องกันและคัดกรองคนที่จะเข้ามาในชีวิตได้เป็นอย่างดี แต่ข้อเสียของการที่ไม่ค่อยมีคนเข้าหาก็คือจอมทัพจะไม่ทันคนนั่นเอง

พอรู้จักคนน้อยประสบการณ์รับมือกับผู้คนก็ย่อมน้อยตาม พอโดนหลอกก็ย่อมยากที่จะรู้ตัวได้ไว รู้ตัวอีกทีจิตใจก็ยากที่จะแข็งแรงเช่นเคย ส่งผลให้โซซัดโซเซตั้งหลักไม่อยู่ หนีออกจากเมืองหลวงมาอยู่ที่ชนบทแบบนี้…

ในตอนที่ตัดสินใจบวชพระตามที่หญิงแก่นิรนามเอ่ยเตือน ก็หลังจากที่หกล้มจนปากแตกจากสเก็ตบอร์ดได้ไม่กี่วัน จอมทัพตัดสินใจโทรหาบิดามารดาที่อยู่ต่างจังหวัดแถบภาคเหนือ ปลายสายตอบกลับมาเสียงหลงยามได้ยินว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจะบวชในช่วงปิดเทอมนี้ ไม่เพียงแต่ครอบครัวเขาจะตกใจ เพื่อน ๆ ในแก๊งก็เช่นกัน

เขายังจำสีหน้าเพื่อน ๆ ได้ดีตอนที่บอกว่าจะบวชในช่วงปิดเทอมใหญ่นี้

สายฟ้ากับปั้นสิบ สองคู่หูตัวแสบตาโตเป็นไข่ห่านหลังได้ยินเขาสารภาพเรื่องเกิดอุบัติเหตุว่าตรงกับที่หมอดูหญิงแก่ได้บอกไว้ ถึงแม้ทั้งคู่ทำท่าจะโต้แย้งก็ไม่อาจทำได้เนื่องจากกลัวจะไปขัดศรัทธาบุญของเพื่อน และรู้ว่าถ้าจอมทัพตัดสินใจอะไรลงไปแล้วยากที่จะกลับคำ

เป็นมาตั้งแต่เด็กความจริงจังและซื่อตรงในคำพูดของจอมทัพใกล้เคียงกับคำว่าเด็ดขาดเป็นอย่างมาก ในเมื่อเลือกที่จะบวชแล้วใครก็ห้ามไม่ได้ หรือนี่อาจจะเป็นความดื้อรั้นของลูกคนเดียวก็เป็นได้

ส่วนคินหรือคิระ เพื่อนที่เงียบที่สุดของกลุ่มก็ไม่ได้ห้ามปรามอย่างที่คิดไว้ เพียงแค่ยิ้มและส่งคำอวยพรที่บอกให้ตั้งใจบวชให้ดีมาเท่านั้น ท่ามกลางความโกลาหลและทำตัวไม่ถูกของเพื่อน ๆ มีเพียงชายหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นคนเดียวที่ยังคงสติไร้ซึ่งตื่นตระหนกเฉกเช่นคนอื่น

ไม่นานมารดาและบิดาที่อยู่ต่างจังหวัดก็จองไฟล์ทบินมาหาภายในวันต่อมาทันที ไม่อาจปิดบังความตื่นเต้นได้หลังลูกชายคนเดียวของบ้านพูดว่าจะขอบวช และแม้เพื่อนๆตัวดีทั้งหลายจะไม่เห็นด้วยแค่ไหน แต่สุดท้ายพอมาถึงวันบวชจริงก็แย่งกันเป็นเทวดานางฟ้าหน้านาคกันหมด เต้นจนหลุดคาแรคเตอร์หล่อเท่สไตล์วัยรุ่นเมืองกรุง แว่นแบรนด์เนมหรูที่สวมใส่ไม่อาจเก็บทรงได้ยามเพลง แม่ฮ้างมหาเสน่ห์ ดังขึ้น

คำเอย โอ้ว่าสาว แม่ฮ้างนางมีด้าม

มีดีอีหลีเดอ สมผะการนานปี

คือสิ่งที่พี่ต้องการขอ เคยถูกเจาะ โดนไง้

มาหลายคนกะตามซ่าง มันบ่พังจั่งซ้าง

มันบ่ฮ้างจังกะทอใดน้องพี่

อยากฮ่วมชีวี กับแม่ฮ้างหั้นแหลว~~

นึกย้อนไปก็ตลกจริงๆด้วย เวลาผ่านไปไวจริงเชียว แป๊บ ๆ ก็จะครบสามเดือนแล้ว อีกไม่กี่วันก็ต้องสึกออกไป กลับไปใช้ชีวิตเด็กหนุ่มมหาวิทยาลัยต่อไป

“เอ้าพระจอม ยังไม่กลับกุฎิอีกหรอ”

เสียงแหบทุ้มแทรกเข้ามาจนทำให้จอมทัพหลุดออกจากภวังค์ ร่างสูงมองไปยังภิกษุชราตรงหน้า ร่องรอยตีนกาปรากฎบนใบหน้าบ่งบอกถึงประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมาโชกโชน

ชายชราตรงหน้าผู้นี้เป็นเจ้าอาวาสวัดที่จอมทัพบวชอยู่

“ว่าจะเอานมไปให้เจ้าหลงก่อนหน่ะครับหลวงพ่อ สงสารมัน"

“เอ้อ เอาเถอะ บางครั้งการที่ถูกทอดทิ้งก็ไม่น่ากลัวสักเท่าไหร่ ไอ้หลงโดนแม่มันทิ้งก็ยังมีพระจอมคอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยมัน” เว้นไปสักพักก่อนจะพูดต่อ “ชีวิตคนเราไม่ได้โชคร้ายไปทั้งหมดเสียทีเดียวหรอก ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงาม ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่…มองให้เห็นถึงจุด ๆ นั้นเถอะ…เอาล่ะอาตมาจะกลับกุฎิแล้วล่ะ”

สิ้นเสียงแหบทุ้มหลวงพ่อก็หันหลังกลับเดินฝ่าความมืดไปยังกุฎิ ทิ้งให้จอมทัพยืนนิ่งคิดตามคำพูดเมื่อครู่

จอมทัพยืนนิ่งเหม่อมองแผ่นหลังคล่อมคล้อยลับไปจนมองไม่เห็น ก่อนตนเองจะหันเดินไปอีกทิศทางหนึ่ง ทอดน่องไปเส้นทางที่คุ้นเคยที่ช่วงนี้เขาเดินมาบ่อยเสียจนจำได้แม้จะไม่มีไฟก็ตาม

เสียงฝีเท้ากระทบพื้นเปลือยดังก้องไปทั่วสารทิศ ตามมาด้วยเสียงทักทายจากเจ้าตูบสี่ขาที่จอมทัพเรียกว่า เจ้าหลง ลูกหมาที่ถูกเจ้าของนำมาทิ้งไว้ที่หน้ากุฎิ

โฮ่ง! โฮ่ง!

เสียงเห่าทักทายจากสุนัขสีน้ำตาลอ่อนตรงหน้าเรียกเอารอยยิ้มของวันนี้จากจอมทัพไปได้โดยง่าย เสียงที่เคยเข้มขรึมอ่อนโยนลงถนัดตา

“ว่าไงเจ้าหลง หิวแล้วรึยังหื้ม”

โฮ่ง!

“มา ๆ เดี๋ยวเทนมให้”

มือแกร่งเปิดขวดนมจืดเทลงไปยังภาชนะข้างๆที่DIYมาจากถ้วยกระเบื้องใบเก่า เจ้าหลงแสนรู้นั่งรอคอยเจ้านายของมันด้วยความนอบน้อมอย่างน่าเอ็นดู หางสั้นเล็ก ๆ ส่ายไปมาอย่างดีใจยามเจอเจ้าของ

เจ้าหลงเป็นลูกหมาจรจัดที่มีคนเอาใส่กล่องมาปล่อยไว้หน้ากุฎิวัด จอมทัพที่ลงจากกุฎิมาเจอก็อดที่จะสงสารไม่ได้ ตายังลืมไม่ขึ้นด้วยซ้ำสำหรับลูกหมาแรกเกิด ยิ่งตอนที่ร้องออกมาเพราะความหิวหรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ทำให้จอมทัพต้องหันหลังกลับขึ้นไปเอานมจืดในกุฎิของตนมาเจาะเทให้มันกิน

นานวันเข้าเจ้าหลงก็เริ่มติดเขา แค่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยมันก็เห่าร้องพลางวิ่งส่ายหางกระดิกไปมาอย่างดีใจ ในตอนที่เขาไม่รู้จะพูดกับใครก็พูดกับมันแทน แม้มันจะไม่เข้าใจภาษามนุษย์ก็ตามแต่แววตาสีน้ำตาลกลมโตก็มองเขาด้วยตาแป๋วอย่างตั้งใจฟัง สำหรับคนที่อยู่ไกลบ้านคนเดียวแบบเขาแล้ว เจ้าหลงก็เป็นเหมือนเพื่อนที่คลายความเหงาในใจลงไปได้

แผล่บ ๆๆ

“ค่อย ๆ กิน ไม่มีใครแย่งเอ็งหรอก” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยด้วยความเอ็นดูพลางลูบหัวกลมเล็กอย่างเบามือ ความเงียบเข้าปกคลุม มีเพียงเสียงร้องของจักจั่นรำไรปนเสียงน้ำกระทบลิ้นเล็ก ๆ ที่ตวัดนมเข้าปากจนขนสีน้ำตาลสลับขาวเปียกลู่ จอมทัพตกอยู่ในภวังค์ความคิดอีกครั้ง ร่างสูงหวนนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อที่ได้พูดไว้

ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่...งั้นหรอ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   ลา

    “หลวงพี่ก็เลยมาบวชอะหรอ” เณรพ่ายถาม ใบหน้าเล็กแหงนมองหลวงพี่ด้วยสายตาที่ตั้งใจจดจ่อ ทำเอาคนเล่าอย่างจอมทัพเอ็นดูกับความตั้งใจฟังของคนตัวเล็กตรงหน้าจอมทัพพยักหน้าตอบเบา ๆ“ประมาณนั้น”จอมทัพเล่าทั้งหมดให้แก่เณรพ่ายฟังเสร็จก็เดินไปหยิบไม้กวาดทางมะพร้าวที่วางทิ้งเอาไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมาหมายจะกวาดต่อเรื่องนี้มีแค่เพื่อน ๆ ของเขาเท่านั้นที่รู้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไร เพราะตอนนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกรักเจนแล้วเหลือแต่ความรู้สึกว่างเปล่าต่อจากนี้…ต่างคนก็ต่างเดินบนทางของตัวเอง“ไม่เป็นไรนะหลวงพี่ หล่อ ๆ อย่างหลวงพี่เณรเชื่อว่าสึกไปสาวติดตรึม” คำพูดและท่าทางแก่แดดของเจ้าตัวจ้อยทำเอาจอมทัพถึงกับถลึงตาดุคนตัวเล็กตรงหน้าทันที“เณรสำรวม ระวังคำพูดด้วย” จอมทัพเอ่ยเสียงดุ ท่าทีจริงจังรวมกับสายตาที่ดุดันทำให้คนตัวเล็กหน้าหงอยลงทันตา“ขอประทานโทษครับหลวงพี่” เสียงอ้อมแอ้มเอ่ยขอโทษเบา ๆ สีหน้าเจื้อนลงถนัดตาร่วมกับท่าทีสำนึกผิดของเณรพ่ายทำเอาจอมทัพถึงกลับใจอ่อน เด็กยังไงก็เป็นเด็ก จอมทัพปลอบตัวเองในใจ“เฮ้อ เอาเถอะ เดี๋ยวไปช่วยกันกวาดศาลากัน”“ครับหลวงพี่!” ใบหน้าหงอยกลับมายิ้มอีกครั้ง ท่าทีสดใสร่า

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   สาเหตุ

    จิ๊บ ๆ ~เสียงร้องเจื้อยแจ้วของนกเขาตัวเมีย ส่งเสียงเรียกปลุกลูกนกออกจากรังเพื่อป้อนอาหาร วัดนี้เป็นวัดต่างจังหวัดในภาคกลาง พื้นดินถือว่าอุดมสมบูรณณ์ รายล้อมไปด้วยทุ่งนา แมกไม้ วัวควาย และเสียงรถมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่าที่กว่าจะสตาร์ทได้แต่ละทีเล่นเอาเหนื่อยหอบ ยังคงดังผ่านไปมา เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายที่จอมทัพเจอมาตลอดสามเดือนนี้สายลมเย็น ๆ พัดพาดวงใจเงียบสงบเสมอมา ทว่าครั้งนี้กลับไม่เหมือนเช่นเคย คงเป็นเพราะในใจแอบไหววูบเล็กน้อยที่ต้องจากที่นี่ไปในอีกไม่กี่วัน หรือแท้จริงแล้ว ไม่อยากจะพบเจอใครบางคนแต่ยังไงงานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกราอยู่ดี เขาอยู่ที่นี่ไปตลอดไม่ได้ ยังมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ไหนจะครอบครัว เพื่อนฝูง ที่รอคอยเขากลับไปแกร็ก ๆเสียงไม้กวาดทางมะพร้าวกระทบพื้นปูนเปลือยใต้ศาลาวัด ในทุกเช้าจอมทัพจะทำหน้าที่หลัก ๆ อยู่ไม่กี่อย่าง อย่างเช่นตอนนี้ที่เขากวาดลานวัดอยู่ หลังจากกลับมาจากบิณฑบาตรกับหลวงพ่อและเณร“หลวงพี่ทัพพพพ!” สิ้นเสียงเล็กแหลมตะโกนดังเข้ามาจอมทัพก็หลุดออกจากภวังค์ความคิด ใบหน้าคมหันตามเสียงเรียก เป็นเณรพ่ายนั่นเอง“ว่าไงเณร เรียกซะเสียงดังเลย”“เณรเรียกหล

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   หลง

    กาเยนะ วาจายะ เจตะสา วาสังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มายา ยังสังโฆ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตังกาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆเสียงสวดมนต์ทำวัตรเย็นดังขึ้นทั่วทั้งศาลาวัดจบลง บทบรรเลงขับขานตามคำสอนของพระผู้เป็นเจ้าขัดเกลาแก่เหล่าภิกษุผู้อยู่ในธรรมเป็นที่ตั้ง รวมถึงตัวของชายหนุ่มหน้าโหดด้วยนี่ก็เป็นเวลาเกือบจะสามเดือนแล้วที่ จอมทัพ หรือตอนนี้คงต้องเรียก พระจอม ได้บวชเรียนศึกษาธรรมะภายใต้ชายผ้าเหลืองอดีตหนุ่มหล่อวิศวะ ปัจจุบันเป็นพระบวชใหม่ที่วัดป่าในชนบทแห่งหนึ่ง ที่เลือกต่างจังหวัดแทนในเมืองหลวงมีไม่กี่เหตุผล หนึ่งในนั้นคือรู้สึกถึงความสงบเหมือนได้กลับบ้าน เนื่องจากจอมทัพเกิดและโตที่ภาคเหนือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยอากาศเย็นเกือบทั้งปี ที่บ้านทำไร่ทำสวนส่งออกผลไม้รายใหญ่ของภูมิภาค ในทุกการปิดเทอมจึงมักจะไปช่วยงานที่บ้านยกเว้นเทอมนี้ที่เขาเลือกมาบวชแทน และเหตุผลต่อมาคือเขาคิดว่าการที่ได้มาชนบทได้เห็นวิถีชีวิตผู้คน รู้จักผู้คน ทำให้ได้ตระหนักถึงชีวิตมากขึ้นไปอีกขั้น เห็นแบบนี้จอมทัพค่อนข้างจริงจังกับชีวิตและแคร์ผู้คนรอบข้างเป็นอย่างมาก แต่บางครั้งการใจดีก็ใช่ว่าจะได้ดีตอบกลับเสมอไป ญาติโยม

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   ปฐมบท

    “หนุ่มเอ้ย ถึงคราวเคราะห์ร้ายมาเยือน เจ้ากรรมนายเวรตามมาถึงหน้าประตู ถ้าเอ็งไม่บวชละก็ได้เกิดเรื่องแน่ ๆ ”“เชื่อข้าเถอะหนุ่ม บวชสักพรรษานึง ไม่งั้นเอ็งได้เลือดตกยางออกอย่างแน่นอน…”น้ำเสียงแหบแห้งของหญิงชราที่ไม่เคยพบเจอหน้ากันมาก่อน คำพูดคนแปลกหน้าติดอยู่ในห้วงความคิดของชายหนุ่มหน้าโหดจนยากที่จะสลัดออกจอมทัพ ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ขมวดคิ้วเข้มชิดกันเป็นปมแน่น ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง ท่าทีบึ้งตึงบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก“มึงอย่าไปเชื่อเลย ฟังหูไว้หู”เป็นสายฟ้าที่พูดโพล่งออกมายามเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของจอมทัพ และไม่ปล่อยให้บรรยากาศตึงเงียบไปมากกว่านี้ ปั้นสิบที่เดินมาด้วยกันข้างๆ ก็รีบพุ่งเข้ารับไม้ต่อจากสายฟ้าทันที“จริง! หมอดูก็คู่กับหมอเดาแหละโว้ยอย่าไปคิดมาก”ธรรมดาของมนุษย์ที่พยายามบอกว่าไม่คิดมากแต่สุดท้ายก็คิดมาก ความคิดมากมาย ข้อสันนิษฐานต่าง ๆ สะเปะสะปะจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ชายหนุ่มหน้าโหดพยายามคิดยังไงก็คิดไม่ตกจอมทัพมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักกับหญิงชราคนนั้นมาก่อนอย่างแน่นอน แต่ทำไมหญิงชราคนนั้นถึงทักเรื่องเคราะห์ร้ายอะไรแบบนั้นกับเขากันว่ากันตามตรงจอมทัพเป็นคนที่ไ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status