공유

สาเหตุ

last update 최신 업데이트: 2025-05-16 11:50:07

จิ๊บ ๆ ~

เสียงร้องเจื้อยแจ้วของนกเขาตัวเมีย ส่งเสียงเรียกปลุกลูกนกออกจากรังเพื่อป้อนอาหาร วัดนี้เป็นวัดต่างจังหวัดในภาคกลาง พื้นดินถือว่าอุดมสมบูรณณ์ รายล้อมไปด้วยทุ่งนา แมกไม้ วัวควาย และเสียงรถมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่าที่กว่าจะสตาร์ทได้แต่ละทีเล่นเอาเหนื่อยหอบ ยังคงดังผ่านไปมา เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายที่จอมทัพเจอมาตลอดสามเดือนนี้

สายลมเย็น ๆ พัดพาดวงใจเงียบสงบเสมอมา ทว่าครั้งนี้กลับไม่เหมือนเช่นเคย คงเป็นเพราะในใจแอบไหววูบเล็กน้อยที่ต้องจากที่นี่ไปในอีกไม่กี่วัน หรือแท้จริงแล้ว ไม่อยากจะพบเจอใครบางคน

แต่ยังไงงานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกราอยู่ดี เขาอยู่ที่นี่ไปตลอดไม่ได้ ยังมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ไหนจะครอบครัว เพื่อนฝูง ที่รอคอยเขากลับไป

แกร็ก ๆ

เสียงไม้กวาดทางมะพร้าวกระทบพื้นปูนเปลือยใต้ศาลาวัด ในทุกเช้าจอมทัพจะทำหน้าที่หลัก ๆ อยู่ไม่กี่อย่าง อย่างเช่นตอนนี้ที่เขากวาดลานวัดอยู่ หลังจากกลับมาจากบิณฑบาตรกับหลวงพ่อและเณร

“หลวงพี่ทัพพพพ!” สิ้นเสียงเล็กแหลมตะโกนดังเข้ามาจอมทัพก็หลุดออกจากภวังค์ความคิด ใบหน้าคมหันตามเสียงเรียก เป็นเณรพ่ายนั่นเอง

“ว่าไงเณร เรียกซะเสียงดังเลย”

“เณรเรียกหลวงพี่มาสามรอบแล้ว หลวงพี่นั่นแหละเอาแต่เหม่อ” เจ้าของจีวรสีส้มผืนเล็กตรงหน้าอมลมแก้มป่องเมื่อหลวงพี่คนสนิทตรงหน้าหันมาทำตาดุใส่เบา ๆ

ทั้ง ๆ ที่เขาเรียกไปตั้งหลายรอบแต่หลวงพี่ก็เอาแต่ยืนเหม่อสติหลุดไปไหนก็ไม่รู้ อย่างนี้ต้องฟ้องหลวงตาเสียแล้ว คนตัวเล็กได้แต่ทดไว้ในใจ

“อ้าวหรอ ไม่ได้ยินเลย แล้วมีอะไรล่ะ”

จอมทัพไม่รู้ตัวเลยว่าเขานั้นเหม่อลอยจนไม่ได้ยินเสียงเณรพ่ายเรียกได้ยังไง

เณรพ่ายบวชมาก่อนจอมทัพได้ 1 ปีกว่าแล้ว เพราะครอบครัวเกิดประสบอุบัติก่อนวันปีใหม่ทำให้เณรพ่ายในวัย 10 ปีไม่เหลือญาติผู้ใหญ่ที่พึ่ง แม้จะมีทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้จนสามารถเรียนจนจบมหาวิทยาลัยเลยก็ตาม แต่จิตใจของเด็กน้อยที่เสียพ่อแม่กระทันหันไหนเลยจะต้องการเงินทอง

หลวงตาที่สงสารจึงนำมาอยู่ด้วยแรก ๆ เป็นเด็กวัด หลังจากไป ๆ มา ๆก็เริ่มสนใจพุทธศาสนาจึงบวชเณรแทน ทำให้ตอนนี้เณรพ่ายบวชเรียนประจำอยู่ที่วัดตั้งแต่นั้นมา

“มีสีกาจากกรุงเทพมาหาหน่ะ บอกว่าเป็นคนรู้จักหลวงพี่ นั่งรอตรงโต๊ะหินอ่อนตรงหน้าศาลานู้นแหละ” นิ้วมือป้อมชี้ไปตามทางที่จากมา

จอมทัพคิดในใจว่าใครกันที่มา สีกาที่รู้จักมีแค่แค่แม่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าเขาบวช กับเพื่อน ๆ ในสาขายังไม่รู้กันเลยด้วยซ้ำ

“งั้นเณรเป็นเพื่อนกับหลวงพี่ทีนะ พระอยู่กับสีกาคงไม่เหมาะสมนัก”

“ได้เลยหลวงพี่”

เสียงรองเท้าแตะกระทบพื้นใกล้เข้ามาทำให้หญิงสาวที่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าที่คุ้นเคยในความทรงจำของจอมทัพส่งผลให้ตาคมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ไม่กี่วิก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

“จอมทัพจริง ๆ ด้วย”

น้ำเสียงหวานใสเอ่ยพลางส่งยิ้มให้อย่างน่ารักเหมือนแต่ก่อน ใบหน้าขาวนวลผุดผ่องเปื้อนรอยยิ้ม กอปรกับดวงตาสดใสเหมือนลูกกวางน้อย ดูสดใส ไร้เดียงสา

แค่ดูเหมือนนะ…

“เรียกพระเถอะโยม”

“เอ่อ…ขะขอโทษค่ะ เจนไม่รู้เอ้ยโยมไม่รู้วิธีการพูด…แค่ดีใจมากไปหน่อยที่เจอพระ” หญิงสาวพูดตะกุกตะกัก ยิ้มเจื่อน ๆ วางตัวไม่ถูก

“ไม่เป็นไร แล้วโยมมาวันนี้มีอะไรรึเปล่า” น้ำเสียงนิ่งยังคงถามต่ออย่างเป็นมารยาท

“โยมขอคุยกับพระเป็นการส่วนตัวได้มั้ยคะ” หญิงสาวตรงหน้ากล่าวด้วยแววตาเว้าวอน พลางเหลือบมองดูเณรน้อยด้านหลังเขา จอมทัพถอนหายใจ

“พระกับสีกาอยู่ใกล้กันจะถูกครหาเอาได้ ให้เณรพ่ายอยู่ด้วยเถอะ”

“…กะก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงอ่อย

“มีอะไรก็ว่ามาเถอะโยม” น้ำเสียงนิ่งแต่แฝงไปด้วยความดุราวกับตำหนิหญิงสาวตรงหน้าเป็ยนัย ๆ

“คือว่า…โยมอยากจะมาขอขมาเรื่องก่อนหน้านี้ที่เคยทำไม่ดีกับพระ อยากให้พระให้อภัยเจน ถึงจะมาขอโทษช้าไปหน่อยเพราะกว่าจะรู้ว่าพระอยู่ไหนก็ตามหานาน พอรู้จากเพื่อนในสาขาของพระ เจนเอ้ย!…โยมก็รีบมาทันที”

หญิงสาวตรงหน้าพูดผิด ๆ ถูก ๆ อย่างร้อนรน ยกมือขึ้นมาพนมแนบอก ปากบอกเล่าความรู้สึกผิดในใจ แววตาที่เคยสดใสบัดนี้ฉายแววเศร้าหมอง ไม่แม้แต่จะสบตาผู้ที่อยู่ในชายผ้าเหลืองตรงหน้าแม้แต่น้อย

ความเงียบได้ปกคลุมพื้นที่นี้อีกครั้ง สายลมพัดพาจีวรสีส้มปลิวไสว ภาพตรงหน้าคล้ายจิตกรรมฝาผนังภายในโบสถ์ ดูเลื่อมใสและน่านับถือ ความรู้สึกผิดบาปก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของหญิงสาวจนแทบเก็บสีหน้าไว้ไม่อยู่ หรือจริง ๆ แล้วความรู้สึกตอนนี้ของเธอคือการชดใช้กรรมกัน

“อาตมาขออโหสิกรรมให้โยม ไม่ว่าเรื่องที่ผ่านมาโยมจะกระทำด้วยความตั้งใจก็ตามหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ทุกเรื่องที่ผ่านมาอาตมาไม่ถือโทษโกรธเคืองโยมให้เป็นบ่วงกรรมอีกต่อไปแล้ว…ต่อไปนี้ก็ขอให้โยมเจอทางที่ดี”

สิ้นเสียงภิกษุหนุ่มตรงหน้าก็เหมือนความหนักของร่างกายมลายหายไป ดวงใจที่ห่อเหี่ยวมืดมนกลับเห็นแสงสว่าง ความรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจเริ่มคลายลงถนัดตา

“ขะ…ขอบคุณค่ะ” เสียงสั่นไหวเอ่นตอบ ไหล่เล็ก ๆ จากที่ตึงดูผ่อนคลายลงมากทีเดียว จอมทัพเห็นคนตรงหน้าสีหน้าคลายกังวลขึ้นก็เบาใจ

กายแกร่งหมุนตัวหันหลังกลับไป สบตากับดวงตาแสนสอดรู้สอดเห็นของเณรพ่าย แม้จะหันหน้าหนีไปอีกทาง ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้แอบฟัง แต่ก็ไม่เนียนเช่นกัน เพราะสายตาที่เหล่มองมาทางหสบาทั้งคู่บังเอิญสบตาเข้าหลวงพี่ผู้เคร่งขรึมพอดี ทำให้คนตัวเล็กลุกลี้ลุกลนยามถูกจับได้ว่าแอบฟัง

“อืม…ถ้าหมดธุระแล้วอาตมาต้องขอตัวก่อน มีกิจของสงฆ์อีกมากที่รอคอยอยู่”

“งั้นลาเจ้าค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ลา

“เจริญพรเถอะโยม” จอมทัพเอ่ยตอบเบา ๆ พลางพยักหน้าช้า ๆ ถือเป็นการรับความหวังดีจากคนตรงหน้าเอาไว้ เห็นอย่างนั้นหญิงสาวก็ยิ้มออกมาอีกครั้งพลางเดินกลับไปยังรถที่จอดไว้ ไม่นานรถยนต์ป้ายทะเบียนกรุงเทพก็ขับออกไปจนไม่เห็นแม้แต่ฝุ่น

“คนนี้ใครอะหลวงพี่” เสียงเจื้อยแจ้วเป็นใครไม่ได้นอกจากเณรพ่าย ร่างสูงอยู่ในชุดสีส้มได้แต่ถอนให้ใจกับความอยากรู้อยากเห็นของเจ้าเปี๊ยกตัวน้อยด้านข้าง แต่ก็ไม่ได้คิดปิดบัง

“แฟนเก่า” น้ำเสียงของหลวงพี่เรียบ ๆ แต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกบางอย่าง เณรพ่ายถึงกับชะงักไปหนึ่งจังหวะ ก่อนจะเบิกตาโพลง

“ว่าแล้วเชียว!!” เณรพ่ายร้องลั่นขึ้นมาพร้อม ดีดนิ้วเป๊าะด้วยท่าทีมั่นใจ ดวงตาเปล่งประกายวาววับเหมือนนักสืบที่จับไต๋คนร้ายได้ตรงเป๊ะ

“แบบนี้อย่าบอกนะว่า…หลวงพี่มาบวชพระเพราะว่าอกหักน่ะ!” คนตัวเล็กหรี่ตาอย่างจับผิดคนตรงหน้า

ที่เขาคิดแบบนั้นเพราะท่าทางที่พูดคุยกับสีกาเมื่อกี้และไหนจะท่าทีเศร้า เจ็บปวด ตอนที่มาบวชช่วงแรก ๆ นั่นอีก คงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากอกหักอย่างแน่นอน เณรพ่ายฟันธง!

เท้าที่กำลังเดินอยู่ สะดุด กึก! กับคำถามของเจ้าตัวจ้อยตรงหน้า หลวงพี่ได้แต่พ่นลมหายใจเบา ๆ เอามือไพล่หลัง ยืนนิ่งสงบ ดวงตาคมเหม่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ภาพบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว เรื่องราวก่อนที่เขาจะมาบวช…

วันเรียนจบวันสุดท้าย

“เอ้าทุกคน ขอให้โชคดีกับการสอบปลายภาคนะ” เสียงทุ้มของอาจารย์ประจำภาคดังขึ้นหน้าห้อง คนพูดอายุอานามเกินครึ่งร้อยแต่ยังดูมีชีวิตชีวาในแบบที่เด็กวิศวะโยธาส่วนใหญ่คุ้นชิน

“ขอโชคเอครับอาจารย์!”

เสียงดังตะโกนมาจากหลังห้อง ต่อมาไม่นานก็พบกับเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมชั้นตามมา เป็นคนผิวแทนส่งรอยยิ้มกวน ๆ ทีเล่นทีจริงตอบกลับอาจารย์หน้าห้องอย่างไม่เกรงกลัว

คนที่กล้าขนาดนี้คงเป็นใครไม่ได้นอกจาก ปั้นสิบ เพื่อนที่เป็นเหมือนโทรโข่งประจำกลุ่ม ฉายาสิบรู้โลกรู้ หนุ่มหล่อผิวแทนของดีประจำภาควิชาโยธา สกิลฝีปากไม่เป็นสองรองใคร ลูกรักอาจารย์ทั้งภาควิชาเพราะท่าทีอ้อร้อและประจบเก่งที่สุดในชั้นปี

“เอ้ากล้าขอก็กล้าให้ ถ้าคุณคะแนนเกิน 85 อะนะ ฮ่าฮ่า”

หนุ่มวัยกลางคนหัวเกือบล้านตอบกลับนิสิตตัวแสบประจำห้องด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายขำขัน แต่เรียกเสียง โห่ โอดครวญตามไล่หลังมาระนาว

“โห่จาร เกิน 50 ก็เป็นบุญผมแล้วเนี่ย”

“งั้นเทอมหน้าค่อยแก้ตัวใหม่ ยังไงเทอมนี้ก็ไม่ทันแล้ว ตั้งใจสอบให้เหมือนตั้งใจเซตผมมาเรียนด้วยล่ะ”

เสียงแซวจากอาจารย์จบไปก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะลั่นของเพื่อน ๆ ทั้งเซคอีกทั้งยังส่งสายตาล้อเลียนทรงผมปั้นสิบวันนี้ที่จัดเซตเสยผมขึ้นกันยกใหญ่

“แม่งกูตื่นมาเซ็ทตั้งนาน เจอจารแซวไปคำเดียวผมกูแฟบเลย” คนผิวแทนบ่นเสียงอุบ

“สิบเพื่อนรัก มึงเล่นผิดคนแล้วว่ะ ฮ่า ๆๆ” สายฟ้าหัวเราะจนหน้าแดงมองเพื่อนซี้ที่ลูบผมที่เซตมาอย่างอาย ๆ

“หัวเราะเข้าไปนะมึง อย่าให้ถึงทีกูบ้าง!”

“เออ ๆ แล้วเย็นนี้ไปไหนกันปะ” ก่อนที่จะเบี่ยงเบนความอายจากการแซวเมื่อครู่ ปั้นสิบก็หันไปถามสายฟ้าพลางเก็บของใส่กระเป๋า

“มึงจะไปไหน”

“ไม่ไปอะ กูมีนัดเดทกับสาวถามเป็นมารยาทเฉยๆ” ไม่วายกล่าววาจากวนตีนคนตรงหน้าไปอีกครั้ง

“ไอ้สัส มึงนี่นะ” สายฟ้าด่าปั้นสิบไปเล่น ๆ ไม่จริงจัง พลางพูดต่อ “แต่กูก็มีนัดหญิงเหมือนกันว่ะ ไว้เจอกันเพื่อน”

“โถ่ไอ้เวร! แล้วทำเป็นมาด่ากู เออแล้วมึงสองคนล่ะ” ครั้งนี้หันไปหาคิระและจอมทัพที่นิ่งเงียบอีกฝั่งแทน

“กูว่าจะกลับไปอ่านหนังสือ” เสียงเรียบนิ่งเป็นเอกลักษณ์ของคิระพูดตอบกลับมา

“ส่วนกูว่าจะซื้อขนมไปให้เจนว่ะ เห็นบอกว่าวันนี้ติวหนังสือกับเพื่อนอยู่” จอมทัพกล่าวด้วยใบหน้าชื่นบาน แววตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงแฟนสาว

“แหม ๆๆๆ คนมีแฟนนี่นะ ไม่ไปกับพงกับเพื่อนแล้วดิ”

ท่าทางล้อเลียนของปั้นสิบทำให้จอมทัพส่ายหัวเบา ๆ พลางเดินหนีไปหาคิระที่กำลังเก็บของอยู่ด้านข้าง

“มึงจะกลับด้วยกันมั้ยเดี๋ยวแวะไปส่ง กูว่าจะไปซื้อขนมเค้กแถวคอนโดมึงพอดี เจนชอบร้านนั้น”

“เอาดิ กูขี้เกียจเรียกรถกลับพอดี” คิระตอบกลับเสียงเรียบ ดีเสียอีกเขาจะได้ไม่ต้องเปลืองเงิน คิระคิดในใจก่อนจะเดินตามจอมทัพไป ท่าทีระคนมีความสุขของจอมทัพทำคิระเผลอเบะปากมองบนกับความคลั่งรักแฟนคนแรกของคนตรงหน้า แต่ถึงอย่างนั้นก็หวังให้เพื่อนรักมีความสุขแบบนี้ตลอดไป

รถยนต์คันหรูแล่นมาจอดหน้าคอนโดในช่วงหัวค่ำที่ลมเริ่มพัดแรง คิระเปิดประตูลงจากรถ มือขาวปลดเข็มขัดออกอย่างเชื่องช้าก่อนจะหันมาเอ่ยลาสารถีด้านข้าง ที่ใจไปอยู่หอแฟนแล้วตอนนี้

“เจอกันวันสอบนะ”

“เออ อ่านแล้วมาสอนกูด้วยนะ”

“เออแล้วทักมา”

ปึ้ง!

เสียงประตูปิดดังขึ้น ไม่นานรถคันสวยก็แล่นออกไปช้า ๆ สู่ทิศทางร้านเบเกอรี่ที่ถัดไปไม่ไกล ปล่อยให้คนที่ยืนอยู่ข้างล่าง…มองตามแผ่นหลังรถที่ไกลออกไปเรื่อย ๆ

เงาสีส้มของไฟหน้าคอนโดทาบลงบนพื้น เสียงลมพัดต้นไม้ไหวบ่งบอกว่าลมพายุฤดูร้อนใกล้จะมาถึง และหัวใจของใครบางคน…ที่ยังไหวเบา ๆ กับบางอย่างที่ไม่กล้าเอ่ยถึง

หลังจากลงไปหาซื้อเค้กให้เจนได้ไม่นานก็ขับรถมาถึงหอพักของแฟนสาว เค้กที่เลือกมาก็เป็นเค้กส้ม ซึ่งเป็นเค้กรสโปรดของเจนนั่นเอง เจนเป็นแฟนคนแรกของจอมทัพ และก็เป็นฝ่ายเข้ามาจีบเขาก่อน ความน่ารักสดใสและใจดีของเจนเอาชนะใจหนุ่มโสดหน้าขรึมที่เหงาเปล่าเปลี่ยวมานานตั้งแต่เกิดอย่างเขาได้อย่างง่ายดาย

จอมทัพเป็นคนรักใครรักจริง และตั้งใจที่จะรักอย่างจริงใจ มั่นคง ตัวเขานั้นชอบการดูแลคนอื่นเป็นอย่างมาก อาจเป็นเพราะเขาเห็นตัวอย่างมาจากพ่อผู้ที่พูดน้อยแต่รักจริง ไม่ยอมให้แม่ของเขาลำบาก แม้ไม่ค่อยจะบอกรักแต่ทุกการกระทำก็เป็นเครื่องบ่งบอกความรักได้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

เขาก็อยากจะทำแบบนั้นให้กับแฟนคนแรกของเขาเช่นกัน

มือใหญ่ที่กำถุงเค้กแน่น มือเย็นเฉียบเพราะความตื่นเต้น นี่คือครั้งแรกที่เขาซื้อของมาเซอร์ไพรส์แฟนและก็เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เจอเพื่อนของเจนแบบใกล้ชิด ตอนที่จีบกันแรก ๆ เขาไม่เคยเจอเพื่อนเจนแบบใกล้ ๆ เลยสักครั้งจนถึงตอนนี้ เธอให้เหตุผลว่าอยากคบกันลับ ๆ แบบส่วนตัวซึ่งเขาก็เห็นด้วยที่ว่าไม่ต้องไประกาศบอกใคร คนที่รู้เรื่องก็จะมีแค่เพื่อนสนิทของเขาและเจนเท่านั้น

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอเจนเพราะงานที่คณะกองอัดต้องส่งก่อนไฟนอลมากมาย แต่ก็พิมพ์แชทคุยกันทุกวันไม่เคยว่าง และวันนี้เจนบอกว่ามีติวหนังสือกับเพื่อนจึงไม่สามารถออกมาเจอได้ เขาเลยอยากแวะมาหา…แค่เห็นหน้าก็ยังดี

ความรักเป็นแบบนี้สินะ แค่ขอให้ได้เห็นหน้าก็ชื่นใจแล้ว

หวังว่าเจนจะชอบเค้กร้านโปรดที่ซื้อให้นะ จอมทัพคิดในใจพลางอมยิ้มผิวปากกดลิฟต์อย่างอารมณ์ดี

ไม่นานเสียงฝีเท้าแผ่วเบาไปหยุดหน้าประตูห้องของผู้ที่ได้สถานะแฟนคนแรก มือหนาเอื้อมหมายจะเคาะ แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจเพราะอยากให้เป็น เซอร์ไพรส์ อย่างแท้จริง นิ้วเรียวยาวเอื้อมไปหยิบกุญแจสำรองที่อีกฝ่ายเคยให้ไว้ตอนคบกันใหม่ ๆ ไว้ใช้เวลาฉุกเฉิน

แกร๊ก…แอ๊ดด

เสียงประตูค่อย ๆ เปิดแง้มได้ไม่นาน ภาพตรงหน้าที่ปรากฏเป็นเรือนร่างสองคนที่พันธนาการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ใต้ผ้าห่มผืนบางในท่าที่ไม่ต้องการคำอธิบายก็เข้าใจได้

ตุ้บ!

กล่องเค้กที่ตั้งใจถือหิ้วอย่างถนุถนอมมาตั้งแต่ในรถร่วงกระทบพื้นเสียงดัง เช่นเดียวกับหัวใจของเขาที่ถูกดึงร่วงตามไปด้วย ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้างอย่างช็อก ร่างกายแข็งค้างราวถูกแช่แข็ง

เสียงกล่องเค้กที่ตกลงไปดังก้องทั่วทั้งทางเดิน ปลุกสองคนที่ฟัดกันอย่างเร่าร้อนบนเตียงมองมาตามเสียงหน้าประตู ไม่นานก็มีเสียงกรี๊ดของหญิงสาวดังขึ้น

กรี๊ดด!!

จอมทัพยืนอึ้งค้างก่อนจะรวบรวมสติเอื้อมมือไปปิดประตูหลังจากที่ได้สบสายตาตกใจราวกับเห็นผีของแฟนสาวตรงหน้า ดวงตาที่เขาเคยคิดว่าเหมือนกับลูกกว้างน้อย ทั้งดูสดใสและไร้เดียงสา

แต่ว่าเขาคงคิดผิดไปเอง…เพราะที่เขาเห็นห่างไกลจากคำว่าไร้เดียงสาไปมาก

ประตูถูกปิดลงอย่างเงียบเชียบโดยฝีมือของจอมทัพที่สั่นระริก ร่างสูงก้าวเท้าออกจากตึกอย่างไร้จุดหมายด้วยท่าทีเหม่อลอย มือหนายกมือทาบอกยามรู้สึกได้ว่าเจ็บปวดเสียเหลือเกินปานดวงใจถูกมือที่มองไม่เห็นฉีกทิ้งไม่เหลือซาก น้ำตาลูกผู้ชายที่ยากจะไหลบัดนี้เอ่อล้นออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

ท้องฟ้าเหนือหัวกลายเป็นสีเทาเข้ม เสียงฟ้าร้องครืดคราดราวกับบอกว่าจะมีพายุ แต่ไม่มีพายุไหนรุนแรงไปกว่าพายุในอกของเขาตอนนี้แล้วแหละ

เสียงข้อความดังขึ้นมาแข่งกับท้องฟ้าที่ส่งเสียงร้องเตือนถึงพายุที่กำลังจะมา ฝนตั้งเค้าลูกใหญ่ตรงหน้าไม่เป็นที่สนใจแม้แต่น้อย ในสายตาของจอมทัพตอนนี้มีเพียงภาพเหตุการณ์แสบเจ็บปวดเล่นซ้ำไปมา

‘ขอโทษนะ’

‘เจนไม่ได้ตั้งใจ’

มือหนายกโทรศัพท์สีทึบขึ้นมาอ่านข้อความผ่านม่านน้ำตาที่ไหลรินลงมาไม่ขาดสาย มือสั่นละริกพยายามพิมพ์ข้อความตอบกลับไปก่อนจะยัดโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋ากางเกงและขึ้นรถขับออกไป พร้อมหัวใจที่แตกสลายเหลือจะทน

‘เราเลิกกันเถอะ’

คุณได้ทำการ Blocked เจน เรียบร้อยแล้ว

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   จิ๊กซอตัวสุดท้าย

    หลังจากผ่านคำคืนเฉลิมฉลองให้กับคู่รักข้าวใหม่ปลามันเสร็จทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปคนละทาง สายฟ้าก็มีแฟนหนุ่มอย่างแสงเหนือมารับถึงที่ ส่วนปั้นสิบก็ลงไปเรียกรถกลับห้องอย่างน้อยใจชีวิต ปล่อยให้คู่รักคู่ใหม่ได้ใช้เวลาสวีทหวานร่วมกันเป็นเวลาเกือบบ่ายโมง ร่างสมส่วนลุกขึ้นจากที่นอนก่อนจะเอี้ยวตัวบิดเพราะความเมื่อยล้าหลังจากที่แยกย้ายกับเพื่อนเมื่อคืนเสร็จทั้งเขาและจอมทัพก็เข้านอนกันเลยตาเรียวหรี่ตามองฝั่งซ้ายของเตียงที่ว่างเปล่า ก่อนจะเดินออกไปยังห้องครัว แต่กลับได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขัดขึ้นมาเสียก่อน“ไงมึง ข้าวอยู่ในครัวนะ”คิระเดินขยี้ตาออกมาจากห้องนอนก็สะดุดกับคำทักทายของผู้บุกรุกนิรนามตรงหน้า สายตาเริ่มปรับโฟกัส สมองเริ่มตื่นเต็มที่ก็ผงกหัวตอบรับไป“กินข้าวยังล่ะ”“กูกินตั้งแต่สิบโมงละ มึงกินเลยกูซื้อของโปรดมา”“ทัพไปไหน”“เห็นมันบอกว่าไปธุระกับที่บ้านนะเลยโทรให้กูซื้อข้าวมาให้มึงหน่อย คนโสดอย่างกูถึงได้มาเสนอหน้าอยู่ที่นี่ไง” ปั้นสิบอธิบาย หลังจากที่จอมทัพโทรปลุกเขาตั้งแต่เช้าตรู่ว่ามาดูแลเมียมันให้หน่อยเมียมันก็เพื่อนเขาไม่ใช่รึไง ปั้นสิบส่ายหัวอย่างเอือมระอากับอาการคนคลั่งรัก

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   สิ้นสุดการรอคอย

    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็สัมผัสได้ว่ามีอะไรเย็น ๆ กระทบที่ใบหน้า ตาคมกระพริบไล่ความงัวเงีย แสงไฟจากเพดานแยงเข้าตาอย่างจังจนต้องหยีตาลง และเมื่อปรับสายตาได้แล้วก็ต้องตกใจคนที่อยู่ตรงหน้าใบหน้าขาวนวล ผมหน้ายาวแทบปิดตา แต่ก็ไม่อาจปกปิดแววตาที่ราวกับรวมดวงดาวนับล้านนั้นเอาไว้ได้ เจ้าของดวงตาสวยมองมาไม่กระพริบทำให้ตอนนี้ทั้งเขาทั้งคิระเอาแต่จ้องตากัน เนิ่นนานจนกระทั่งคิระเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน“ตื่นแล้วหรอ” เสียงนุ่มทุ้มที่ฟังอยู่แทบทุกวัน คนตรงหน้าเอื้อมมือที่ถือผ้าชุบน้ำอยู่เช็ดตามกรอบหน้าคมเบา ๆ อย่างอ่อนโยน ความเย็นจากน้ำประทะกับความหนาวของเครื่องปรับอากาศทำเอาขนแขนลุกความเงียบเข้าปกคลุมพื้นที่ห้องนั่งเล่น คนเมาไล่สายตามองคนตรงหน้าที่ตั้งอกตั้งใจเช็ดตัวให้เขาอยู่ ใบหน้าเรียบนิ่งอ่านออกได้ยากว่ากำลังคิดหรือรู้สึกอย่างไรแต่ในใจเขาก็ขอให้มันรู้สึกเหมือนกัน เขาไม่อยากมั่นใจนักแต่ที่มันมาหาเขาถึงที่ขนาดนี้ก็ต้องมีรู้สึกบ้างแหละ “มีอะไรก็พูดสิ” คิระเห็นท่าทีเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดของคนเมาก็เอ่ยถาม“มึงกับยูตะ…เอ่อมันยังไง” ในที่สุดจอมทัพก็เอ่ยถามเรื่องที่ค้างค

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   ปลอบ

    คอนโดปั้นสิบ“ลมอะไรหอบมึงมาวะ”เสียงทุ้มห้วนของปั้นสิบดังขึ้นทันทีที่เห็นเพื่อนหน้าโหดที่บัดนี้ยืนหน้าหงอยกอดขวดเหล้าไว้แน่นอยู่หน้าห้อง ดวงตาคู่ดุแดงระเรื่อเหมือนคนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาตลอดทาง“เข้ามาสิ”เจ้าของห้องไม่ได้ถามอะไรต่อ เพียงเปิดประตูแล้วถอยให้เพื่อนสนิทเดินเข้าไป จากนั้นก็เดินนำไปยังโซฟาตัวเก่าที่พวกเขาใช้เป็นฐานประจำสำหรับ ‘วงเหล้าเฉพาะกิจ’ แกร๊ก!เสียงน้ำแข็งกระทบแก้วใสกังวานตามด้วยเสียงซ่าของโซดาที่เพิ่งเปิด กลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ลอยปะปนไปกับความเงียบที่เริ่มปกคลุมห้องจอมทัพนั่งนิ่งบนโซฟา ร่างสูงดูเหนื่อยล้าแทบหมดแรงเดิน ดวงตาเหม่อลอยราวกับร่างไร้วิญญาณ สีหน้าหม่นหมองเงียบงัน ไม่พูดไม่จา เอาแต่ยกแก้วขึ้นกระดกไม่ยั้ง ไม่สนใจเจ้าของห้องที่นั่งจ้องเลยสักนิดปั้นสิบมองแขกผู้เศร้าโศกที่เคาะห้องเขายามวิกาลอยู่พักใหญ่ และความอดทนของคนผิวแทนเริ่มหมดลง “มึงจะเล่าได้ยังกูรอฟังจนจะหลับแล้วเนี่ย”เสียงถอนหายใจดังขึ้น ดวงตาคู่คมคล้ายสั่นไหวยามนึกถึงเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้น จอมทัพยกมือข้างหนึ่งมากุมหน้าอกตัวเองแน่น “เฮ้อ… กูแค่รู้สึกแปลก ๆ ในใจ มันเหมือนถูกบีบรัดแน่น ๆ ย

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   ความมืด

    “คิระคุง ข้อนี้ทำยังไงหรอ” น้ำเสียงนุ่มละมุนดังขึ้นด้านข้าง ใบหน้าหวานช้อนตามองบุคคลที่รับหน้าที่ติวเตอร์จำเป็นอย่างคิระ“อืมมันต้องทำแบบนี้นะ” ใบหน้าหล่อเหลาที่ฉายแววชัดตั้งแต่เด็กตั้งใจอธิบายด้วยท่วงท่าที่มีเสน่ห์ บวกกับคิระนั่งหลังตรงเป็นธรรมชาติช่วยเสริมบุคลิกให้ดูดีมากขึ้นไปอีก“…” มัวแต่มองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าเพลิน รู้ตัวอีกทีก็เห็นคิระโบกมือไปมาตรงหน้าเพื่อเรียกสติ“ยูตะเข้าใจใช่มั้ย?” คิริเอียงคอมองคนตรงหน้าที่หน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศยามที่ใบหน้าทั้งสองใกล้กันยูตะเป็นเด็กผู้ชายที่ใบหน้าหวานมองเผิน ๆ แอบคล้ายผู้หญิงตอนเจอครั้งแรกเขาก็ตกใจ ถ้าไม่ก้มดูว่าใส่กางเกงคงทักผิดเป็นแน่ ร่างเล็กตรงหน้าสวมแว่นตาทรงกลมช่วยขับให้ดูน่ารักน่าถนุถนอมยิ่งขึ้น อดไม่ได้ที่จะแกล้งเอานิ้วจิ้มที่ปลายจมูกดื้อรั้นนั่น“อ๊ะ!” ยูตะตกใจจนถอยหลัง ใบหน้าขึ้นสีทั้งหน้า ก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว“เดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”“หึ” เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนหน้านิ่งได้เป็นอย่างดีตึกตัก ตึกตักเสียงหัวใจเต้นแรงระรัว มือน้อย ๆ แตะที่กลางอก กลัวว่ามันจะหลุดออกมา“คิระไม่สนใจฉันเลย เขาไม่ชอ

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   ฝันร้าย

    บางครั้งจอมทัพก็คิดว่าตนเองคงต้องไปหาหมอแล้ว เหตุผลก็คือฝันบอกเหตุ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนเขาไม่อาจสลัดความคิดที่วนเวียนในหัวออกไปได้ เขาถึงได้ฝันถึงคิระและยูตะ ในฝันเหมือนจริงมากเสียจนตื่นขึ้นมาเหงื่อฝุดเต็มตัวจนแทบเปียกที่นอน ยิ่งตอนที่ตื่นมาแล้วพบว่าคนข้างกายไม่อยู่บนที่นอนแล้วยิ่งร้อนใจขึ้นไปใหญ่บวกกับความฝันที่ไม่อยากให้เป็นจริงในฝันนั้นเขาเห็นว่าคิระจูบกับยูตะอย่างดูดดื่มเหมือนจริงมาก ร่างหนาลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนอนอย่างร้อนใจ ในที่สุดก็เจอคนที่ตามหากำลังปิ้งขนมปังอยู่หมับ!“อื้อ! ตกใจหมดเลย” ร่างแกร่งคว้าตัวคนที่สวมใส่ชุดนอนลายการ์ตูนหน้าแมวส้มเข้ามาในอ้อมกอดอย่างเต็มแรง ใบหน้าคมซุกไซร้จนเกิดรู้สึกจั๊กจี้จนต้องย่นคอ“มึงแปลก ๆ ละ”“แปลกยังไง” เสียงแหบพล่าเอ่ยก่อนจะเอื้อมมือไปปิดแก๊ส แล้วอุ้มยกคนตัวขาวจับวางไว้บนเคาน์เตอร์ลายหินอ่อน“อ๊ะ! ทำไรเนี่ยอื้มมม”ริมฝีปากอวบอิ่มบ่นไม่ทันขาดคำก็ต้องกลืนคำบ่นลงท้อง ก่อนคิระจะอ้าปากรับลิ้นร้อนเกี่ยวตวัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เนิ่นนานจวนจะหมดลมหายใจปึก! ๆมือเรียวทุบอกแกร่งดังปึกเมื่อลมหายใจใกล้จะหมด“อึก…พอก่อนหายใจไม่อื้ออ”แล

  • หายใจเข้าพุทธ หายใจออกเธอ   เดต

    ปัจจุบันโรงภาพยนตร์“อยากดูเรื่องอะไร” เสียงนุ่มดังขึ้น คิระเลื่อนหน้าจอขนาดใหญ่กว่าตัวคนเพื่อดูรอบตารางฉายหนังไปมา รอคนด้านข้างตัดสินใจวันนี้เป็นวันหยุดยูตะจึงชวนเขามาดูหนังในโรงภาพยนตร์ แม้คิระจะไม่ค่อยสันทัดมากนักแต่ก็ยอมมาอย่างไม่อิดออด คิระไม่ชอบดูหนังในโรงสักเท่าไหร่ เพราะมันมืดและไม่เป็นส่วนตัว ดังนั้นทุกครั้งที่ดูก็จะเลือกดูในห้องตนเองไม่ก็ห้องเพื่อน ๆ เท่านั้น“อยากดูเรื่องนี้” นิ้วเรียวสวยตะไบเล็บสั้นกดจิ้มลงไปยังหน้าจอ เรื่องที่ปรากฏเป็นหนังสยองขวัญที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ และยังโด่งดังจนฉายไปหลายประเทศอีกด้วย“เอาสิ” คิระตอบเสียงเรียบก่อนจะกดจิ้มที่หน้าจอเลือกที่นั่งและจ่ายเงิน“อยากซื้ออะไรไปกินมั้ย”“ป๊อปคอร์นกับน้ำก็ดีนะ” สิ้นเสียงใสกล่าวจบมือของคิระก็ถูกคนด้านข้างชักจูงไปยังเคาน์เตอร์จำหน่ายสินค้าทันที ไม่นานแก้วน้ำอัดลมทั้งสองแก้วก็อยู่ในมือของหนุ่มลูกครึ่ง“อื้มม อร่อยมากกก ยูลองกินสิ อ้าปาก” ยูตะป้อนป็อปคอร์นรสหวานเข้าปากอีกคนทันที ก่อนจะอมยิ้มไปด้วยความสุขจนแทบล้น “อร่อยมั้ย?”“อื้ม…อร่อย” คิระตอบกลับเสียงนุ่ม พลางก้มดูดน้ำจากแก้วที่ถือไว้ ดวงตาไร้รอยยิ้มเ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status