Share

บทที่ 3

last update Last Updated: 2025-11-08 09:45:03

บทที่ 3

ใบหน้าแสนพยศเชิดขึ้นเมื่อถูกท้าทาย นึกอยากปฏิเสธนักแต่น้ำเสียงและแววตาหยามหยันเหมือนหล่อนเป็นพวกขี้กลัวทำให้ยศสิตาต้องขยับไปใกล้กับประตูอีกฝังของรถจี๊ปคั้นนั้นเพื่อขึ้นรถตามคำเชิญของเขา แต่รถดันสูงเกินไปทำให้หญิงสาวไม่สามารถก้าวขึ้นไปได้ง่ายๆ

ภูริภัชร์กลั้นยิ้มบนใบหน้า พอยต์เท้าลงจากรถอย่างรวดเร็ว เดินอ้อมมาหา และโดยที่ยศสิตาไม่ทันได้ตั้งตัว มืออุ่นๆ ของเขาก็กระชับเข้าที่เอวอ้อนแอ้น แล้วส่งหล่อนขึ้นไปนั่งบนรถโดยใช้เวลาแค่เสี้ยวนาที

ฝ่ายนั้นตวัดตามองขุ่น ใบหน้าแสนหวานง้ำงอแดงระเรื่อด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด รอยสัมผัสอุ่นๆ จากมือแกร่งเมื่อสักครู่ยังอบอวลอยู่ที่เอวหล่อน

ชายหนุ่มหัวเราะร่วน รู้สึกสนุกกับท่าทีพยศผยองของหล่อนยิ่งนัก ใบหน้าหล่อคมจึงจงใจโน้มลงมาใกล้ๆ อย่างอยากแกล้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแหบพร่ารวยระรินลงบนใบหูขาวสะอาด

“...หน้างอจังเลย...”

“ใครหน้างอ!” เสียงหวานตวาดแว้ด มองเขาตาขวาง “พูดจาให้ดีๆ นะ”

“จะมีใครเสียอีกล่ะ” เขากระดกคิ้วขึ้น ยิ้มร่าราวกับอ่านใจหล่อนได้

“เอยคงเสียสติเป็นแน่ ถ้ายิ้มแย้มให้คนที่ฉวยโอกาสอย่างคุณ”  

ภูริภัชร์หัวเราะเบาๆ อย่างถูกใจ “ไม่ได้ฉวยโอกาสครับยาหยี เพียงแต่...”

“เพียงแต่อะไร?” คิ้วเรียวผูกกันเป็นปม

“เพียงแต่” เขาหยุดพูดแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะเอ่ยต่อ “ตั้งใจจะช่วย”

คำนั้นยิ่งทำเอายศสิตาหน้าคว่ำหนักยิ่งกว่าเดิม

“คราวหลังไม่ต้อง เอยช่วยตัวเองได้”

“อืม...” เขาบุ้ยปาก พยักหน้าล้อเลียน แล้วแกล้งยั่วกลับไป “จะจำใส่ใจไว้ก็แล้วกัน”

ภูริภัชร์ฮัมเพลงเดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับอย่างอารมณ์ดี หลังจากนั้นจึงบังคับให้รถแล่นอย่างช้าๆ ไปตามถนนซึ่งเป็นทางเข้าไร่ ยศสิตาอดไม่ได้ที่จะแอบปรายหางตาชำเลืองมองเสี้ยวหน้าของคู่อริ ใบหน้าสวยสะบัดพรืดออกไปมองข้างทางอย่างหงุดหงิดเมื่อคิดถึงคำพูดอันยียวนกวนประสาทของอีกฝ่าย ทำไมเขาชอบกวนตะกอนอารมณ์ของหล่อนให้ขุ่นนัก หรือเป็นเพราะ…

ความคิดนั้นสะดุดลงเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นขัดจังหวะ

“คุณหนูเอยคนสวยครับ” ใบหน้าคมเหล่มองและยิ้มมุมปาก “หน้าผมมันน่าเกลียดขนาดไม่อยากจะหันมาแลเลยเหรอ?”

ยศสิตาหันมาตวัดค้อนใส่แล้วเบือนหน้าไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง

“เอยเหรอจะสวยสู้สาวๆ ของคุณ!” ไม่รู้อะไรทำให้หล่อนแขวะเขากลับไปเช่นนั้น

“พูดเหมือนหึงผม”

“บ้า!” ปากรูปกระจับเม้มลงเพียงนิด “เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำไมเอยต้องหึงคุณด้วย”

ท่าทางกระฟัดกระเฟียดแสนรั้นนั้นทำเอาปากหยักกระดกยิ้มอย่างนึกขัน

“งอนซะขนาดนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแอบหึงผม” เขาพูดราวกับมานั่งอยู่ในใจของหล่อน หญิงสาวก็ไม่เข้าใจตัวเองนักหรอกว่าทำไมต้องตั้งแง่ใส่คนบ้านี้นักหนา

“อย่ามาโมเมนะ คนอะไรหลงตัวเองสิ้นดี” ยศสิตาปฏิเสธเสียงแข็งแต่ใบหน้ากลับร้อนผะผ่าวขึ้น

“ไม่ได้โมเม” เขาทำหน้าทะเล้น ยักคิ้วให้หนึ่งข้าง “คนปากแข็ง กลบเกลื่อนไม่มิดชิดเอาซะเลย” ก่อนจะสำทับไปอีก

หญิงสาวตีหน้ามุ่ยทันทีแล้วเอ่ยประโยคที่ใช้เป็นเกราะกำบังตัวเอง “เอยไม่ได้ชอบคุณ และไม่มีวันจะชอบ จำไว้ด้วย”

“หนักแน่นจังเลยนะ หึๆ” ชายหนุ่มหัวเราะร่วนเมื่อได้ยินคำพูดแข็งขันของหล่อน เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าหล่อนจะปากแข็งไปถึงไหน

ภูริภัชร์ขับรถไปรอบๆ ไร่พร้อมกับถือโอกาสตรวจความเรียบร้อยไปด้วย รถจี๊ปคู่ใจแล่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงท้ายไร่ท้องฟ้าที่สดใสโปร่งโล่งในตอนเช้าตรู่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นก้อนเมฆสีเทาทะมึนเกลื่อนกล่น สายลมเย็นๆ พัดแรงขึ้น อากาศรอบๆ มัวซัว หยาดฝนเม็ดเล็กเริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ก่อนที่จะค่อยๆ หนาทึบขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเม็ดขนาดใหญ่ กระหน่ำเทลงมาบนพื้นดินราวกับฟ้ารั่วจนมองไม่เห็นทาง

ยศสิตาเริ่มขยับตัวเกร็งๆ อย่างใจคอไม่ดีเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า ภูริภัชร์รู้สึกถึงความกังวลของคนแสนพยศข้างๆ ทันทีเมื่อหล่อนเงียบเสียงลง

“ไม่ต้องกลัวนะ” เขาหันมาปลอบเสียงนุ่ม “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”

ชายหนุ่มประคองรถไปจอดหน้ากระท่อมหลังหนึ่งซึ่งเขาปลูกไว้ให้เป็นที่พักของคนงาน ลำขายาวๆ ก้าวลงจากรถและไม่ลืมจะหยิบเสื้อโค้ดตัวใหญ่ที่พาดอยู่บนเบาะรถฝั่งคนขับลงมาด้วย ร่างสูงสมาร์ตอ้อมไปเปิดประตูรถอีกฝั่งและดึงข้อมือเล็กๆ ให้ลงมาจากรถ

เสื้อตัวใหญ่ถูกใช้กำบังเม็ดฝนก่อนที่เขาจะพาหล่อนวิ่งลิ่วเข้าไปในกระท่อมเพื่อหลบฝน

มือหนาเกร็งแกร่งรีบเปิดประตูกระท่อม พาหล่อนเดินผ่านเข้าไปในนั้นและปิดประตูเมื่อทิศทางของเม็ดฝนสาดเข้าทางนั้นพอดี ชายหนุ่มเดินไปเปิดหน้าต่างอีกฝั่งเพื่อให้อากาศถ่ายเทมากขึ้น แสงสีทองแปลบปลาบกะพริบเข้ามาทางหน้าต่างเป็นระยะๆ ชวนให้สถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนั้นน่าประหวั่นพรั่นพรึงมากขึ้นไปอีก

เมื่อชายหนุ่มหันกลับมาอีกทีก็เห็นว่ายศสิตากำลังเดินกลับไปกลับมาเป็นหนูติดจั่น

“คงอึดอัดมากสินะที่ต้องมาถูกขังอยู่กับคนที่ตัวเองไม่ชอบขี้หน้า” เสียงทุ้มติดประชด

“ก็มากอยู่” หล่อนประชดกลับด้วยน้ำเสียงแดกดันทันที

เท้าเล็กๆ เดินไปยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ชายหนุ่มก้าวตามไปประชิด ลำแขนแข็งแรงทั้งสองข้างยกขึ้นเท้าคร่อมร่างอรชรเอาไว้ราวกับเป็นกรง นั่นเท่ากับหล่อนถูกขังอยู่ในอ้อมแขนของเขา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ห้วงรักไฟเสน่หา   บทที่ 6

    บทที่ 6“ขึ้นรถเดี๋ยวไปส่ง” “ไม่ไปค่ะ”“จะไปดีๆ หรือจะให้ใช้กำลัง”“อย่ามาวางอำนาจแถวนี้นะ”“ไหมคงอยากจะขายหน้าคนทั้งป้ายรถเมล์ใช่ไหม” เขาขู่“คนบ้า” เธอแหวใส่เขาก่อนจะหันไปมองที่ป้ายรถเมล์ ตอนนี้สายตาหลายๆ คู่กำลังจับจ้องมาที่เธอและเขาอย่างสนใจ“ผมเตือนเป็นครั้งสุดท้าย” เขาทำท่าจะประชิดตัวทำให้วราลีต้องรีบเดินไปขึ้นรถเขาเพื่อหลบให้พ้นสายตาอยากรู้อยากคนอื่นๆ“ทำไมเงียบจัง” เขาถามเมื่อขับรถออกมาได้สักพัก“ก็ไม่มีอะไรจะพูดนี่คะ” เธอยังคงหน้าบึ้งตึงเพราะไม่พอใจที่ถูกเขาบังคับแบบนั้น“กลัวผมเหรอ”“ไม่อยากเข้าใกล้” เธอสวนกลับไปทันที“กลัวอะไร กลัวใจตัวเองอย่างนั้นเหรอ” เขาพูดเหมือนรู้ทัน“ไหมไม่ใช่สาวๆ ของพี่จะได้กลัวใจตัวเอง”“หึ หึ แล้วเมื่อไหร่จะเลิกทำหน้าบึ้งๆ เสียที”“ทำไม”“ไม่ชอบ ถ้าไม่อยากเจอดีน่ะ เลิกหน้าบึ้งเสียที”“เจอดีอะไรไม่ทราบ”“ก็ลองไม่หายดูสิ เดี๋ยวก็รู้ ถ้าก่อนจะถึงบ้านยังหน้างออยู่ล่ะก็...” เขาไม่ยอมพูดต่อ“ก็อะไร”“ช่างเถอะ เดี๋ยวก็รู้เองแหละ”“ไม่ มีสิทธิ์อะไรมาสั่ง”“พูดอย่างนี้เหมือนท้าทาย”เขาหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทาง วราลีมองอย่างระแวง“พี่เคนจะทำอะไร” เธอเริ่มโว

  • ห้วงรักไฟเสน่หา   บทที่ 5

    บทที่ 5ยศสิตาครางออกมาเหมือนคนละเมอเสียงดังเท่ากระซิบ และพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีผลักอกเขาไว้แต่ชายหนุ่มกลับยิ่งระดมจูบอย่างดูดดื่มจนหล่อนอ่อนระทวยไปทั้งร่าง ริมฝีปากหนาดูดเม้มกลีบปากอิ่มสลับบนล่างเบาๆ อยู่เป็นนานกว่าจะถอนจูบปากรูปกระจับกลายเป็นสีแดงจัด ใบหน้าหวานระเรื่อแดง ดวงตาหวานหยดกะพริบถี่ๆ จ้องมองหน้าเขาเขม็งเหมือนตื่นจากความฝัน...“คนบ้า คนฉวยโอกาส เกลียดที่สุด!”“บอกมาเป็นร้อยครั้งแล้ว ผมจำได้ขึ้นใจ” ภูริภัชร์อมยิ้ม“จะบอกอย่างนี้ตลอดไป”“หมายความว่าจะอยู่ทะเลาะกับผมไปตลอดชีวิตเลยใช่ไหม” เขาพูดด้วยอารมณ์ขบขัน หลิ่วตาให้อย่างล้อเลียน“บ้า!!!” หญิงสาวตวัดเสียงใส่ มองเขาตาเขียวปั๊ด!“ไม่อยากอยู่กับผมจริงๆ น่ะเหรอ” เขาจ้องหล่อนนิ่ง ใบหน้าแสนหวานที่เปล่งปลั่งด้วยเลือดสาว งดงามราวกับดอกกุหลาบแรกแย้ม ผมยาวปล่อยสลวยเต็มบ่า เวลานี้มันช่างชวนมองจนทำให้ชายหนุ่มจับจ้องไปอย่างลืมตัว“จ้องอะไร?”“อยากรู้ว่ารสจูบผมมันจืดชืดจริงหรือเปล่า”“ใช่! จืดชืด ไร้รสชาติและน่าขยะแขยงที่สุด” หญิงสาวหยีหน้า ตอบโต้ออกไปด้วยสิ่งที่ตรงข้ามกับความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง หล่อนไม่มีทางปฏิเสธได้เลยว่าจูบของเ

  • ห้วงรักไฟเสน่หา   บทที่ 4

    บทที่ 4หญิงสาวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้มที่อยู่ไม่ห่าง ลมหายใจอุ่นวาบเป่าพ่นรดใส่หน้าผากมนเป็นระยะ หัวใจดวงน้อยเต้นตุบๆ ถี่รัวด้วยความหวาดหวั่นในขณะที่ตาสองคู่สบประสานสายตากันนิ่ง ยศสิตาเผลอจับจ้องอย่างลุ่มหลงในมนต์เสน่ห์ นี่เป็นครั้งแรกหลังจาก... ‘ครั้งนั้น’ ที่หล่อนได้เห็นหน้าเขาในระยะใกล้ชิดขนาดนี้ดวงตากลมแป๋วยังคงจ้องมองเขาอยู่อย่างนั้นจนไม่อาจถอนสายตาได้ ใบหน้าคมคร้ามประดับด้วยดวงตาสีน้ำตาลเข้มซึ่งเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ชวนค้นหา จมูกเขาโด่งเป็นสันรับด้วยริมฝีปากหยักได้รูปแต่ทว่าบางสวยราวกับริมฝีปากผู้หญิง ช่วงบ่ากว้างผึ่งผาย ช่วงแขนแข็งแรงน่าสัมผัส หน้าอกกลัดแกร่งขวางเต็มไปด้วยมัดกล้ามหนั่นแน่น เอวสอบเพรียวไม่มีไขมันส่วนเกิน มันเป็นความหล่อเหลาในทุกมุมมองอย่างหาตัวจับยาก เขาช่างเต็มไปด้วยความเป็นบุรุษเพศสมชายชาตรี สามารถดึงดูดให้อิสสตรีเข้าใกล้ได้อย่างไม่ต้องใช้ความพยายามเลยสักนิด“กลัวผมหรือกลัวใจตัวเอง?” เขาจงใจก้มลงมาถามด้วยเสียงชวนสยิวในระยะกระชั้นชิดจนปากแทบจะสัมผัสกับปาก น้ำเสียงนั้นแฝงไว้อะไรบางอย่างที่มีความหมายลึกซึ้งแล่นปลาบเข้าไปในขั้วหัวใจของหล่อนจนจังหวะของชีพจรไห

  • ห้วงรักไฟเสน่หา   บทที่ 3

    บทที่ 3ใบหน้าแสนพยศเชิดขึ้นเมื่อถูกท้าทาย นึกอยากปฏิเสธนักแต่น้ำเสียงและแววตาหยามหยันเหมือนหล่อนเป็นพวกขี้กลัวทำให้ยศสิตาต้องขยับไปใกล้กับประตูอีกฝังของรถจี๊ปคั้นนั้นเพื่อขึ้นรถตามคำเชิญของเขา แต่รถดันสูงเกินไปทำให้หญิงสาวไม่สามารถก้าวขึ้นไปได้ง่ายๆภูริภัชร์กลั้นยิ้มบนใบหน้า พอยต์เท้าลงจากรถอย่างรวดเร็ว เดินอ้อมมาหา และโดยที่ยศสิตาไม่ทันได้ตั้งตัว มืออุ่นๆ ของเขาก็กระชับเข้าที่เอวอ้อนแอ้น แล้วส่งหล่อนขึ้นไปนั่งบนรถโดยใช้เวลาแค่เสี้ยวนาทีฝ่ายนั้นตวัดตามองขุ่น ใบหน้าแสนหวานง้ำงอแดงระเรื่อด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด รอยสัมผัสอุ่นๆ จากมือแกร่งเมื่อสักครู่ยังอบอวลอยู่ที่เอวหล่อนชายหนุ่มหัวเราะร่วน รู้สึกสนุกกับท่าทีพยศผยองของหล่อนยิ่งนัก ใบหน้าหล่อคมจึงจงใจโน้มลงมาใกล้ๆ อย่างอยากแกล้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแหบพร่ารวยระรินลงบนใบหูขาวสะอาด“...หน้างอจังเลย...”“ใครหน้างอ!” เสียงหวานตวาดแว้ด มองเขาตาขวาง “พูดจาให้ดีๆ นะ”“จะมีใครเสียอีกล่ะ” เขากระดกคิ้วขึ้น ยิ้มร่าราวกับอ่านใจหล่อนได้“เอยคงเสียสติเป็นแน่ ถ้ายิ้มแย้มให้คนที่ฉวยโอกาสอย่างคุณ” ภูริภัชร์หัวเราะเบาๆ อย่างถูกใจ “ไม่ได้ฉวยโอกาสครับยาหยี

  • ห้วงรักไฟเสน่หา   บทที่ 2

    บทที่ 2หล่อนเอ่ยเพียงในใจ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นมาบนหน้าผากมนทันที และมีบางจังหวะที่นิ้วปลายนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ช่วยกันรุมจิก ตะบี้ตะบันบีบคลึงที่ปลายถันของหล่อน“ไม่นะ!” ยศสิตาอุทานออกมาเสียงดังอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเล่นเอาสายตาทุกคู่หันพรึบมองมายังหล่อนเป็นตาเดียวกัน วินาทีนั้นหญิงสาวจึงรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากเพราะจินตนาการที่ไปไกลเหนือการควบคุม ใบหน้าหวานแดงแปร๊ดขึ้นด้วยความอับอาย‘เป็นอะไรของเขา’ ภูริภัชร์ขมวดคิ้วผูกเป็นปมอย่างสงสัย หากยังคงวางฟอร์มเก๊กหน้าขรึมตามแบบฉบับของตน“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า พี่พี”เสียงของอริสราราวกับระฆังช่วยชีวิต ยศสิตาจึงกลบเกลื่อนสถานการณ์อันน่าขายหน้า รีบกระวีกระวาดตามน้องสาวเข้าไปทำความเคารพผู้ใหญ่ทั้งสองคนและกล่าวทักทายตัวต้นเหตุอย่างไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้“ว่าไงเราสบายดีไหม” ภูริภัชร์กล่าวทักทายอริสราอย่างสนิทสนม เอื้อมมือมาขยี้ผมหล่อนเล่นอย่างเอ็นดูเช่นเคยภาพนั้นกระทบหัวใจที่กำลังวูบไหวส่งผลไปยังเปลือกตาคู่สวยต้องหลุบมองลงพื้นเพื่อบดบังรัศมีอันร้อนผะผ่าวของเปลวไฟริษยา ภูริภัชร์ให้ความเป็นกันเองสนิทสนิมกับอริสราแบบนี้มาตลอดแต่กับหล่อน... เขาจะ

  • ห้วงรักไฟเสน่หา   บทที่ 1

    บทที่ 1ปลายเดือนมกราคม...สายลมยามเช้าที่โชยมาเพียงแผ่วๆ พัดใบไม้ให้แกว่งไกว บ้างปลิดปลิวพลิ้วลอยไปตามกระแสลมเย็นอันสดชื่น หมู่ไม้ดอกหลากชนิดพากันชูช่อบานสะพรั่งอย่างมีชีวิตชีวา น้ำค้างสีใสสะท้อนแสงแดดเป็นประกายพราวระยับตามยอดหญ้า ท้องฟ้าที่เคยเต็มไปด้วยเงาดำทะมึนของหมู่มวลเมฆฝนกลับเปิดโล่งสว่างสดใส บ่งบอกให้คนที่มาเยือนรู้ว่านี่คือบรรยากาศหน้าหนาวของภาคเหนืออย่างแท้จริงรถสปอร์ตโฟร์วีลสมรรถนะสูงแบบเจ็ดที่นั่งกำลังแล่นออกจากสนามบินของจังหวัดเชียงใหม่ด้วยความเร็วคงที่ มุ่งหน้าไปยังอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาลของไร่ ‘วลีพรรณ’ทัศนียภาพสองข้างทางนั้นประดับไปด้วยภูเขาลูกย่อมๆ และต้นส้มที่ปลูกเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบซึ่งตอนนี้กำลังออกผลดกจนกลายเป็นสีเหลืองอร่ามสุดลูกหูลูกตาแสงแดดอ่อนยามเช้าเริ่มส่องแสงลงมากระทบกับน้ำค้างสะท้อนเป็นภาพระยิบวิบวับแวววาวหยอกล้อกับสายลมที่เคลื่อนไหวเพียงบางเบาเป็นระยะๆ คล้ายดั่งใครบางคนที่เคยฝากรอยยั่วเย้าเอาไว้บนเรียวปากนุ่มโดยที่เจ้าตัวไม่ได้เต็มใจสักนิดมือเรียวบางดั่งหยกสลักของ ‘ยศสิตา’ ขยับไปกดปุ่มข้างๆ ประตู ลดระดับกระจกลงมาเพื่อสัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์แล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status