พวกเขาเลิกกันอย่างไม่มีความสุขหลังจากนั้น พวกเขาเฉยชาต่อกันมากขึ้น และดูเหมือนว่ามีเพียงลู่เจ๋อเท่านั้นที่หลงใหลในการรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขาในฐานะสามีภรรยาเขาจะไม่ปล่อยเฉียวซุนไปอย่างแน่นอนแต่เขาแทบไม่รู้เลยว่าการปรากฏตัวของไป๋เสวี่ย ทำให้ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดของเฉียวซุนที่ดีขึ้นแล้ว เริ่มแย่ลง เธอเริ่มทานยาต้านซึมเศร้า หยุดให้นมลูก...เริ่มให้เจ้าหนูลู่เหยียนดื่มนมผงแทน ลู่เจ๋อไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้การชดเชยที่ฝ่ายชายเคยกล่าวไว้นั้นเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ที่แสนเย็นชาระหว่างสามีภรรยาบางทีเขาอาจจะยังใส่ใจเฉียวซุนอยู่ แต่เขาชอบความอ่อนโยน ความน่ารัก และการชื่นชมของหญิงสาวมากกว่า นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ชายอยากอยู่ข้างนอกและไม่อยากกลับบ้าน...เฉียวซุนป่วยหนักในช่วงปลายปีเธอนอนไม่หลับในทุกคืน และเริ่มทานยานอนหลับ... ตอนแรกเธอทานยาแค่วันละหนึ่งเม็ด ทว่าหลังจากทานมาเรื่อย ๆ กลายเป็นว่าเธอต้อนทานเพิ่มเป็นสามเม็ด ถึงจะนอนหลับได้ แต่ถึงแม้เธอจะทานยาไปแล้ว ถ้าเจ้าหนูลู่เหยียนร้องไห้ เธอก็จะตื่นขึ้นมาทันที เพื่อมากล่อมเจ้าหนูน้อย ร้องเพลงกล่อมอย่างอ่อนโยน ลู่เจ๋อก็ยั
ไป๋เสวี่ยกำลังจะตอบ แต่ลู่เจ๋อก็เดินผ่านไปแล้วเธออดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่ได้ เธอสัมผัสได้ถึงความประหลาดใจที่คุณชายลู่มีต่อเธอ เขาสนใจเธอ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มองเธอแบบนั้น และเขาคงจะไม่อนุญาตให้เธอนั่งรถของเขาในครั้งนั้นแต่ทำไม...เขาถึงไม่ต้องการเธอล่ะ?ความผิดหวังของไป๋เสวี่ย อยู่ในสายตาของคุณหญิงลู่ทั้งหมด เธอมองด้วยสายตาที่เฉียบแหลม พลางถามเลขาฉินที่อยู่ข้าง ๆ เธอว่า : "เด็กฝึกงานคนนี้เหรอ?"เลขาฉินตอบด้วยความเคารพ : "ใช่ค่ะ! เด็กสาวที่ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว! เธอมักจะหาข้ออ้างมาจะปรากฏตัวต่อหน้าประธานลู่ ประธานลู่... คุ้นกับเธอมาก!"คุณหญิงลู่หัวเราะเยาะ: "ไก่ฟ้าก็คือไก่ฟ้า เป็นนกฟีนิกซ์ไม่ได้หรอก!"ไป๋เสวี่ยได้ยินคำพูดของเธอและเธอก็รู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง เธอรู้ด้วยว่าเธอไม่ควรพัวพันกับผู้ชายที่แต่งงานแล้ว...แต่เธอก็ยังควบคุมตัวเองไม่ได้เธอชอบคุณชายลู่!......สองวันต่อมา เลขาฉินมาที่คฤหาสน์เพื่อส่งเอกสารลู่เจ๋อจัดประชุมออนไลน์ในห้องหนังสือ เลขาฉินจึงได้มาส่งเอกสาร และสะดวกที่จะไปดูเฉียวซุนและเจ้าหนูลู่เหยียนอีกด้วยบังเอิญว่าเฉียวซุนอยู่ในห้องนั่งเล่นเลขาฉินได้
หลังจากที่ลู่เจ๋อประชุมเสร็จ เวลาก็เดินมาถึงสองทุ่มแล้วเขาไม่ได้กลับไปที่ห้องนอนทันที แต่เดินไปที่หน้าต่างฝั่งห้องหนังสือ และสูบบุหรี่สองมวนอย่างเงียบ ๆ... ควันเริ่มเยอะขึ้นและปกคลุมห้องหนังสือไว้อ่อน ๆหน้าต่างมุมห้องถูกปกคลุมไปด้วยหมอก เมื่อเอื้อมมือไปเช็ดออก ก็พบว่ามีหิมะหนาประมาณ 10 เซนติเมตรกองอยู่บนพื้นด้านนอกฤดูหนาวนี้ดูเหมือนหิมะตกหนักมากลู่เจ๋อคีบบุหรี่ไว้ระหว่างนิ้วเรียวของเขา และปล่อยควันช้า ๆ พลางมองไปที่วิวที่มืดมนด้านนอก... หลังจากสูบบุหรี่เสร็จแล้ว เขาก็บีบก้นบุหรี่แล้วเดินออกจากห้องหนังสือไปเมื่อเข้าไปที่นั่งเล่นของห้องนอน เขาก็เห็นหนังสือประจำปีอย่างรวดเร็ววางไว้อย่างไม่เป็นระเบีบยเมื่อลองพลิกดูเล่น ๆ ก็เห็นภาพที่เขายืนเคียงอยู่กับไป๋เสวี่ย ภาพบรรยากาศแบบนี้ไม่สามารถพูดได้ว่าบรรยากาศไม่ได้คลุมเครือเลย...ลู่เจ๋อเชื่อว่าเฉียวซุนเห็นแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรเขาปิดหนังสือประจำปีแล้วเข้าไปในห้องนอนในคืนที่มีลมแรงและหิมะตก เฉียวซุนยืนอุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนข้างหน้าต่าง พลางเกลี้ยกล่อมให้เธอดื่มนมทีละนิด... ลู่เจ๋อเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยกมื
ลู่เจ๋อไม่ลังเลเลยที่จะลุกจากเตียงเขาเปิดประตูแล้วเดินออกไป แต่ก็มีลมหนาวพัดเข้ามา เจ้าหนูลู่เหยียนที่อยู่บนเปลเปล่งเสียงเบา ๆ ... เฉียวซุนลุกขึ้น ก่อนจะตบตูดเกลี้ยกล่อมให้เธอนอนเบา ๆหลังจากนั้นไม่นาน ลู่เจ๋อก็กลับมาเขาเหลือบมองเฉียวซุน ก็เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะมีเสียงดังมาจากข้างใน : "ผมต้องออกไปข้างนอก คุณกับลูกเข้านอนไปก่อนเลย"เฉียวซุนอุ้มลูกเดินไปที่ประตูห้องแต่งตัวลู่เจ๋อกำลังถอดเสื้อคลุมอาบน้ำ ก่อนจะสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงลำลอง แม้ว่าหิมะจะตกและมีลมแรง แต่เขาก็ยังไปพบเด็กสาวในตอนดึกเมื่อเห็นเฉียวซุนจากหางตา เขาก็ขมวดคิ้ว : "ทำไมคุณไม่นอนล่ะ?”เฉียวซุนมองดูเจ้าหนูลู่เหยียน : "ลูกกำลังร้อง! ลู่เจ๋อ ในเมื่อคุณใส่ใจเธอมากขนาดนั้น ทำไมคุณไม่ตั้งตำแหน่งให้เธอล่ะ?"เธอไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว เธอสู้กับลู่เจ๋อไม่ได้ เธอแค่ต้องการความโล่งใจภายใต้โคมไฟคริสตัลลู่เจ๋อค่อย ๆ จัดเสื้อผ้าของเขาให้เป็นระเบียบ ตอนดึกเขาแต่งตัวดีซึ่งทำให้เธอดูซีดเซียวอ่อนแอมากหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เยาะเย้ย : "แล้วทำไมคุณไม่ขอร้องผม รั้งผมไม่ให้ออกไปข้างนอกล่ะ"เฉียวซุนจะไ
รถของลู่เจ๋อจอดอยู่หน้าอพาร์ตเมนต์ในตอนเช้าหิมะสีขาวตกลงมาคนที่รออยู่ชั้นล่างดูวิตกกังวล ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อ เธอก็รีบเดินเข้าไปหาเขา อดไม่ได้ที่จะกอดเขาและพึมพำว่า : "คุณลู่คะ ฉันกลัวมาก! เมื่อกี้เหวินเหวินกินยานอนหลับไปสี่เม็ด ฉันคิดว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย……”ลู่เจ๋อปิดประตูรถด้วยหลังมือเขามองไปที่หญิงสาวในอ้อมแขนของเขา เธอล้ำเส้นเกินไปแล้ว แต่เขาไม่ได้ตำหนิเธอ ทำเพียงแค่ผลักเธอออกไปอย่างแผ่วเบา : "ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”ไป๋เสวี่ยเงยหน้าขึ้น ดวงตาเหมือนลูกกวางน้อยของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำตาเธอกัดริมฝีปากเบา ๆ แล้วพูดว่า : "ครอบครัวของเธอมาหาแล้ว และกำลังปลอบเธอ... มันอาจจะไม่สะดวกในการไปพบเธอที่หอพักตอนนี้"เด็กสาวพูดจบด้วยความรู้สึกเขินอายและไม่สบายใจขณะที่เธอลังเล ลู่เจ๋อก็เปิดประตูฝั่งผู้โดยสารออกแล้วพูดอย่างใจเย็น : “ขึ้นรถเถอะ!”ไป๋เสวี่ยมองเห็นความคิดของลู่เจ๋อไม่ชัดเจน เขารีบมาหาเธอกลางดึก แต่กลับผลักไสเธอออกไปทว่าตอนนี้เขากลับบอกให้เธอขึ้นรถอีกครั้งได้ยินมาว่ามีเพียงภรรยาและแฟนสาวเท่านั้นที่สามารถนั่งในตำแหน่งข้างคนขับของผู้ชายได้ คุณลู่ให้เธอนั่งในตำ
ลู่เจ๋อไม่ได้ผลักเธอออกไปทันทีเขาก้มศีรษะลงและมองดูใบหน้าเล็ก ๆ ที่ดูคล้ายคลึง เขาจำได้ลาง ๆ ว่าตอนเฉียวซุนยังเด็ก เธอจะเข้ามากอดเขาแบบนี้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง (ลู่เจ๋อ ฉันชอบคุณ เป็นแฟนกับฉันได้ไหม? ฉันมีข้อดีเยอะมากเลยนะ!)แต่หลังจากนับมาเกือบทั้งวัน เธอก็ไม่สามารถนับได้หลังจากนั้นไม่นาน ลู่เจ๋อก็กลับมามีสติอีกครั้ง เขาผลักหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาออกไป แล้วพูดอย่างใจเย็น : "ฉันแต่งงานแล้ว!"ไป๋เสวี่ยถูกปฏิเสธใบหน้าของเธอแดงก่ำ เธอกัดริมฝีปากและพึมพำ : "ฉันไม่ได้คิดอะไรน่าเกลียดแบบนั้น! ฉันจะไม่ทำลายครอบครัวของคุณ และฉันจะไม่ขออะไรมากมายเหมือนพี่สาวของฉัน... ฉันรู้ตัวเองดี"แค่เหมือนกับคืนนี้ มาอยู่เป็นเพื่อนเธอเป็นครั้งคราว เธอก็พอใจแล้วลู่เจ๋อจะไม่รู้ความคิดของเด็กสาวได้อย่างไร? คืนนี้เขาจะมาหรือไม่มาหาก็ได้ แต่สุดท้ายเขาก็มาอยู่ดีแต่คำพูดของไป๋เสวี่ยนั้นไร้ความสนุกแล้ว!ลู่เจ๋อเข้าไปนั่งในรถโดยไม่สนใจเธอขณะที่กำลังจะปิดประตูรถ ไป๋เสวี่ยก็จับประตูรถไว้ ริมฝีปากของเธอสั่นและพูดด้วยความเขินอาย : "คุณลู่ ฉันจะช่วยคุณหาฟิล์มนั่นให้เร็วที่สุด คุณไม่ต้องกังวลนะ
ณ ห้องผู้ป่วย ในโรงพยาบาลลู่เฉียวซุนนอนเงียบ ๆ คุณหมอสามารถช่วยให้ผ่านช่วงวิกฤติไปได้อย่างปลอดภัย... แต่ร่างกายของเธอยังคงอ่อนแอมากและเธอต้องอยู่ในโรงพยาบาลอีกสองสามวันเพื่อรอดูอาการลู่เจ๋อยืนอยู่หน้าต่าง พลางมองดูหิมะที่ตกลงบนต้นไม้ด้านนอกคุณหมอที่อยู่ข้างหลังเขาพูดเบาๆ : "คุณนายลู่กินยานอนหลับไปมากกว่า 20 เม็ดในคราวเดียว น่าจะเป็นการคิดฆ่าตัวตายที่เกิดจากภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ฉันแนะนำให้คุณนายลู่เข้ารับการรักษาทางจิตเวชอย่างเป็นระบบ และอยู่ห่างจากสาเหตุที่แท้จริงของอาการป่วยของเธอ ในกรณีนี้อาการซึมเศร้าของเธอจะดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว!”หลังจากนั้นไม่นาน ลู่เจ๋อก็พูดอย่างใจเย็น: "ผมรู้!"คุณหมอเดินออกไปหลังจากบทสนทนาจบลงลู่เจ๋อหันกลับมาและมองดูคนที่นอนเงียบ ๆ อยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแม้ว่าตอนนี้หัวใจของเขาจะสั่นเทาก็ตามเฉียวซุนเกือบจะตายแล้ว ถ้าเขากลับบ้านช้าไปอีกครึ่งชั่วโมง เฉียวซุนอาจจะไม่อยู่และได้จากไปแล้ว ส่วนเจ้าหนูลู่เหยียนก็คงไม่มีแม่ในอนาคตทันใดนั้น ดวงตาของลู่เจ๋อก็เริ่มเปียกชื้นเล็กน้อย...ช่วงเวลาบ่ายสองโมงเฉียวซุนตื่นขึ้นมา และแสงแดดส่องผ่านกระจกบนใบหน้าของ
พวกเขามีความคิดเห็นต่างกันในเรื่องของเจ้าหนูลู่เหยียนลู่เจ๋อไม่เห็นด้วยเขามองเฉียวซุนอย่างลึกซึ้ง แต่ไม่มีความผูกพันเหมือนอดีตอีกแล้ว จริง ๆ แล้ว เมื่อมองย้อนกลับไป เขาเพิ่งชดเชยให้เธอได้เพียงสี่เดือนเท่านั้น......หลังจากที่ลู่เจ๋อเดินออกไปเฉียวซุนก็พยุงร่างกายที่อ่อนแอเดินเข้าไปในห้องน้ำ เธอจับอ่างล้างหน้าและมองดูตัวเองในกระจก......เธอดูอ่อนแอและซีดเซียวมากลู่เจ๋อไม่ยอมปล่อยเธอไป เธอไม่รู้ว่าคราวนี้เธอจะอยู่รอดได้นานแค่ไหนเธอจะอยู่กับเจ้าหนูลู่เหยียนได้นานแค่ไหน......*หลายวันต่อมา เฉียวซุนได้ออกจากโรงพยาบาลและกลับบ้านไป เธอพยายามฆ่าตัวตายอีกครั้ง ซึ่งเลือดไหลมากมาย!ในห้องน้ำมีเลือดสีแดงสดไหลออกมาตามสายน้ำร้อน...... เฉียวซุนนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำ เดิมทีแขนก็มีรอยแผลเป็นอยู่แล้ว ตอนนี้กลับมีรอยบาดแผลลึกเพิ่มขึ้นมาอีกหลังจากที่เธอถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล ลู่เจ๋อได้ถ่ายเลือดให้เธอจำนวน 800ccเขายืนอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉินด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวคุณหญิงลู่ได้ยินข่าวจึงรีบตามมาทันทีเธอมองดูใบหน้าที่ซีดเซียวของลู่เจ๋อ และอดไม่ได้ที่จะกระซิบ : "ตอนนี้ลูกต้องดูแลทั้งเธอและลูก