“นี่คุณจะทำอะไรน่ะ”
แพรไหมถามด้วยความตกใจไม่คิดว่าเขาจะทำเช่นนี้
“ก็ช่วยคุณไง ให้ผมทิ้งคุณไว้ที่นี่คนเดียวผมทำไม่ลงหรอกและผมก็ต้องรีบไปพรีเซนต์งานให้ทันบ่ายนี้ด้วย”
เขาดึงเธอที่ไม่มีแรงขัดขืนขึ้นขี่หลังอย่างง่ายดายเพราะเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก เมื่ออยู่ในท่าที่พร้อมเรียบร้อย เขาจึงพาหญิงสาวเดินกลับทางเดิมที่วิ่งมา
“ขอบคุณนะคะ”
“ผมสิต้องเป็นฝ่ายขอบคุณคุณ ขอบคุณมากครับที่ช่วยผมเอาไว้วันนี้ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปส่งที่ป้ายรถเมล์ที่เราวิ่งมา”
เขาบอกพร้อมกับขยับร่างเธอให้สูงขึ้นเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะตก
“คุณนี่ตัวเล็กแค่นี้วิ่งเร็วและอึดมากเลยนะรู้มั้ย เป็นนักวิ่งหรือไง” เขาถามเพื่อชวนเธอคุยและด้วยความอยากรู้
“เอาความจริงนะ ฉันว่าสมองของฉันมันคงมีปัญหาหรือเอ๋อไปแล้วแน่ ๆ ที่บ้าวิ่งตามคนร้ายให้คุณแบบนั้นน่ะถ้าย้อนกลับไปได้ฉันก็จะไม่ทำ”
เธอว่าตัวเองจนชายหนุ่มได้แต่ยิ้มกับคำพูดตรง ๆ ของเธอแต่ก็เข้าใจในคำพูดนั้นของเธอ โชคดีที่วันนี้เธอไม่เป็นอะไรอดคิดไม่ได้ว่าหากเขาวิ่งตามไปช้ากว่านี้เธอจะเป็นอย่างไรอาจถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บมากกว่าการวิ่งจนเหนื่อยหมดแรงแบบนี้ก็เป็นได้ เขารู้สึกขอบคุณในความใจกล้าของเธอจริง ๆ
“ว่าแต่คุณเนี่ยเป็นผู้ชายทำไมให้เขาขโมยของสำคัญไปได้ง่าย ๆ ละคะแถวนี้โจรเยอะต้องระวังให้ดีเผลอไม่ได้เลย”
“ผมไม่ทันระวัง รู้ตัวอีกทีก็โดนกระชากกระเป๋าไปแล้ว พอตั้งสติได้คนร้ายก็วิ่งไปไกลแล้วจริง ๆ ในกระเป๋าไม่มีของมีค่าอะไรเลยมีเพียงแฟลชไดรฟ์ที่สำคัญกับผมมากเท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นโชคดีของผู้ชายคนนั้นที่ไม่ได้กระเป๋าของคุณไป ไม่อย่างงั้นป่านนี้คงได้นั่งร้องไห้อาละวาดเป็นแน่” เธอบอกอย่างติดตลกทำเอาเขาอดขำ กับความคิดของเธอไม่ได้
"ฮ่า ๆ คุณนี้ขนาดไม่มีแรงยังตลกออกเลยนะ ว่าแต่ทำไมคุณถึงหายใจแรงจัง”
“ก็ฉันเหนื่อยนิ เหนื่อยมากและหิวมากด้วยตอนนี้” พูดแล้วหญิงสาวก็กลืนน้ำลายเพื่อยืนยันความหิวโหยของตัวเอง พร้อมกับเสียงท้องที่ร้องดังมายืนยันคำพูดของเธอเมื่อสักครู่อีกเสียง
“ถ้าอย่างนั้นคุณพักก่อนถึงแล้วผมจะบอก แล้วจะหาอะไรให้คุณทาน”
“อืม”
หญิงสาวรับคำด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เธอที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนเพราะเฝ้าไข้บิดาที่โรงพยาบาลและก็ยังไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อคืน แถมยังต้องใช้พลังงานที่มีไปกับการช่วยคนแปลกหน้าทำให้หญิงสาวผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
“ถึงแล้วครับ”
“...”
“คุณ คุณ นี่หลับหรอกเนี่ยเหลือเชื่อเลย” ชายหนุ่มทึ่งกับหญิงสาวร่างเล็กหน้าตาน่ารักที่นอนหลับอยู่บนหลังคนแปลกหน้าได้อย่างสบายใจ เธอคงเหนื่อยมากจริง ๆ เขาคิด
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวหลับสนิทชายหนุ่มจึงยืนนิ่งไม่ปลุกปล่อยให้เธอได้หลับอยู่บนหลังของเขาต่อสักพัก เธอคงเหนื่อยมากจริง ๆ ขนาดเขาที่เป็นผู้ชายทั้งแท่งยังเหนื่อยขนาดนี้ เวลาผ่านไปไม่นานชายหนุ่มเห็นว่าหญิงสาวหลับไปนานเขาจึงตัดสินใจปลุกให้เธอตื่นไม่เช่นนั้นเขาเองก็คงจะไปพรีเซนต์งานไม่ทันเป็นแน่
“คุณ คุณครับ”
นคินทร์พยายามเรียกปลุกหญิงสาวที่หลับอยู่อย่างนุ่มนวลที่สุด หากไม่ติดว่ามีธุระเขาจะปล่อยให้เธอได้หลับยาว ๆ ไปเลย เพราะดูท่าแล้วเธอกำลังหลับสบายเชียว
“อื้อ. .”
คนหลับที่ถูกกวนใจทำเสียงอื้ออึงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะสะดุ้งตัวขึ้นมาเมื่อได้สติว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหนเวลานี้
“เอ๊ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ให้ฉันลงที”
เธอบอกด้วยท่าทางร้อนรนเมื่อลงจากหลังเขาได้หญิงสาวก็ควานหาโทรศัพท์มือออกมาดูเวลา ราวกับคนรีบร้อนอะไรอย่างนั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ดูเธอยังชิว ๆ อยู่เลย
“คุณอยากทานอะไรเดี๋ยวผมเลี้ยงถือเป็นการตอบแทนที่คุณช่วยผมในวันนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะฉันต้องไปแล้ว”
“เมื่อกี้คุณบอกว่าหิวนิ”
“หิวค่ะ แต่ฉันต้องรีบไปแล้ว “
“หาอะไรง่าย ๆ แถวนี้ทานก่อนดีมั้ยครับผมเลี้ยงเอง”
ชายหนุ่มยังคงตื้อหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้งเพราะเขาอยากขอบคุณเธอจริง ๆ
“ไม่เป็นอะไรจริง ๆ ค่ะ ตอนนี้ฉันสายมากแล้ว” เธอปฏิเสธเสียงแข็งขณะที่สายตาก็มองรถบัสโดยสารที่กำลังมาจอดเทียบท่าอย่างใจจดจ่อ
“มีเรื่องด่วนหรือครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอเบอร์ติดต่อคุณไว้ติดต่อเลี้ยงข้าวคุณเป็นการขอบคุณวันหลัง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ครั้งหน้ามีโอกาสได้เจอกันอีก คุณค่อยเลี้ยงฉันตอนนั้นก็แล้วกัน วันนี้ฉันไม่สะดวกจริง ๆ ไปก่อนนะคะ”
เธอปฏิเสธอีกครั้งในขณะที่สายตายังคงจับจ้องที่รถบัสคันที่กำลังจะแล่นมาจอดเทียบท่า ด้วยความรีบร้อน จึงบอกปัดไม่ให้เขารบเร้าถามต่ออีก ก่อนจะก้าวเดินตรงไปขึ้นรถบัสคันดังกล่าวด้วยความรวดเร็ว
“บายครับ” ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่มองตามหลังคนตัวเล็กที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อและเบอร์โทรติดต่อก่อนโบกมือลาเธอ
“บายค่ะ”
ยิ่งคิดก็หวนให้นึกถึงภาพวันนั้น วันแรกที่ได้พบกับเธอวันนั้นเธอก็ช่วยเขาจนหมดแรงแบบนี้เช่นกัน มันคงเป็นนิสัยของเธอสินะ อันที่จริงจะโทษเธอฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เป็นเขาเองที่ละเลยเธอสนใจแต่งานตรงหน้าจนลืมใส่ใจเธอ“ผมขอโทษ ต่อไปถ้าถึงเวลาก็ต้องกินผมสั่งให้ทำอะไรก็ต้องให้ผมรอ ถ้าคุณเป็นอะไรไปผมจะทำยังไง”“ก็หาผู้ช่วยคนใหม่ไงคะ”“ไม่ได้เหรอหาคนที่ถูกใจมันยากนะ”“ไม่บ่นได้มั้ยคะ ฉันไม่มีแรงจะเถียงด้วย” ชายหนุ่มเผลอยิ้มให้กับคำพูดของเธออย่างสุขใจ เด็กอะไรช่างพูดช่างเจรจา“งั้นก็พักเถอะถึงร้านอาหารแล้วผมจะบอก”“ว่าแต่คุณอยากกินอะไร”“.…..” ไม่มีสัญญาณตอบกลับ จากคนด้านหลัง มีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอออกมาให้ได้ยิน“ให้ตายสิ หลับไปแล้วหรือเนี่ย เหนื่อยทีไรเป็นต้องหลับได้ตลอดเลยสินะ”“อืม หอมจัง”เมื่อได้กลิ่นหอมของอาหารโชยมา ทำให้หญิงสาวที่หลับไปนานเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา ทันทีที่เธอลืมตาตื่นขึ้น ก็พบข้าวมันไก่จา
หลังประชุมเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำงาน นคินทร์เองก็กลับมาทำงานต่อที่ห้อง ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่า ต้องรีบหาโรงงานไม้เพื่อขึ้นแบบ“คุณแพร วันนี้ผมมีนัดอีกมั้ย”“ไม่มีแล้วค่ะ”“งั้นดีเลย คุณไปเอาแผนที่โรงงานไม้ ที่ผมให้คุณหาไว้มา”“ทั้งหมดเลยเหรอคะ”“ครับ ทั้งหมด ตอนนี้เลย แล้วมาเลือกวันนี้เราจะไปกัน”“เรา..” เธอย้ำพร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง“ครับเรา”“แล้วคุณจะไปวันไหนคะ”“วันนี้”“ วันนี้..” เธอทวนคำเสียงดังอย่างตกใจ“ครับ คุณติดปัญหาอะไรหรือเปล่า”“ เปล่าค่ะ รอสักครู่นะคะ”แพรไหมรับคำเสียงอ่อนแรงอย่างปฏิเสธไม่ได้ ผู้ชายคนนี้จะใช้งานเธอโหดเกินไปแล้ว ทำงานเก่งก็จริงแต่เธอไม่ใช่เครื่องจักรนะ ต้องกินข้าวนี่บ่ายสองแล้วยังไม่ได้กินมื้อเที่ยงเลย หิวจนตาลายไปหมดแล้วแต่ด้วยหน้าที่ ต้องทำตามที่เจ้านายสั่ง ไม่เอ่ยปากบ่นสักคำ เธอเป็นอย่างนี้เสมอ อดทนได้กับทุกเรื่องจะไม่ร้องขอความเห็นใจจากใคร แม้ว่าตัวเองจะไม่ไหวก็จะฝืนทำจนถึงที่สุด40 นาทีต่อมา.....“นี่คุณพาผมมาถูกทางรึเปล่า”“ถูกแล้วนะคะ เนี่ยก็จีพีเอสบอกให้เดินตรงมาทางนี้ห้าสิบเมตรแล้วจะมีซอยให้เลี้ยวขวา”พูดไปพลาง ตาก็มองแผนที่ในมือถือสลั
ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา แพรไหมมักจะสังเกตใส่ใจกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้เสมอ หญิงสาวไม่ได้ทำบ่อยจนน่าโมโห เธอรู้กาลเทศะว่าเวลาไหนควรทำหรือไม่ควรทำ มักเลือกเวลาที่เหมาะสมในการแสดงความห่วงใยส่วนใหญ่จะเป็นเวลาที่เขาไม่ได้ขยับร่างกายจากกองเอกสารนาน ๆ แล้วต้องพบแขกทั้งภายในและภายนอก เธอจะทำเช่นนี้เพื่อให้เขาได้ใช้เวลาสามถึงห้านาทีในการปรับอารมณ์ ให้สดชื่นขึ้น ไม่เช่นนั้นเขาจะเครียดใส่คนอื่นมากเกินไป“ขอบคุณครับ ปกติดูแลทุกคนแบบนี้ตลอดเลยหรือเปล่า”“เปล่าค่ะ ทำแค่ตอนที่คุณพ่อมีเรื่องเครียด ๆ จากงานมาท่านบอกว่าแบบนี้จะพอช่วยได้”“เหงามั้ย”“ไม่ค่ะ ฉันเริ่มชิ้นแล้ว พร้อมมั้ยคะใกล้ได้เวลาประชุมแล้ว”“ครับ”เขาพยักหน้าพร้อมกับลุกจากเก้าอี้ เดินตรงไปยังห้องประชุม ก็เห็นทุกคนมารอกันอยู่พร้อมหน้าก่อนแล้ว“ที่ผมเรียกทุกคนมาประชุมในวันนี้ ก็เรื่องปัญหาที่พวกคุณสรุปมาให้ ผมได้ทำแผนงานคร่าว ๆ มาให้ เอกสารอยู่ด้านหน้าของทุกคนแล้ว ผมอยากให้ทุกคนช่วยดูแล้ววิเคราะห์แผนงานที่ผมทำ หากใครมีข้อเสนอหรืออยากแนะนำเปลี่ยนแปลงตรงไหนแจ้งมาได้เลยครับ"เวลาผ่านไปชั่วครู่หลังที่ทุกคนได้อ่านเอกสารที่นคินทร์เตรียม
“มองตาผมสิ ถ้าผมไม่ใช่คนแรกของคุณ ผมก็คงไม่ต้องคิดมากแบบนี้ ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วผมพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง”“คุณจะมารับผิดชอบฉันทำไม ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะค่ะฉันลืมมันไปหมดแล้ว”“ลืมไปหมดแล้วงั้นเหรอ คุณสามารถลืมครั้งแรกของตัวเองได้ง่ายดายขนาดนี้เลยเชียว”นั่นสิ เธอจะลืมครั้งแรกของตัวเองได้ยังไง เป็นคำตอบที่โง่มากที่ตอบออกไปแบบนั้น แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า จะให้คนที่ไม่ได้รักมารับผิดชอบได้อย่างไร และเธอก็อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่อยากลืมอดีตที่ไม่ดี ความทรงจำที่เจ็บปวดไปให้หมด“ค่ะ ลืมหมดแล้ว”“โกหก ไม่มีผู้หญิงคนไหนลืมครั้งแรกของตัวเองได้หรอก”“แล้วคุณต้องการอะไรคะ ในเมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้ว จะมารื้อฟื้นทำไม”“ผมเป็นผู้ชาย ที่สำคัญเป็นพี่ชายของเพื่อนรักคุณด้วย ผมคงปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้”“แล้วยังไงต่อคะ คุณจะรับผิดชอบผู้หญิงที่คุณเจอเพียงไม่กี่ครั้ง ไม่ได้รักด้วยซ้ำ แต่ดันเมาแล้วเผลอไปมีอะไรด้วย อย่างฉันหรือไง”“ใช่ ..”“…..”“ตั้งแต่คืนนั้น ผมก็บอกตัวเองว่าผมต้องรับผิดชอบคุณ”“เพราะอะไรคะ ในเมื่อคุณก็ไม่ได้ชอบฉันหรือว่ารับผิดชอบเพียงเพราะหน้าที่ ฉันบอกเลยว่าถ้าเป็นอย่างนั้นไม่ต้องค่ะ ฉ
ตลอดการเดินทาง ภายในรถมีแต่ความเงียบสนิท ได้ยินเพียงลมหายใจของกันและกันเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างเงียบ นคินทร์จึงเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อน“ดูเหมือนว่าคุณจะสนิทกับครอบครัว ของผมมากเลยนะครับ”“ก็ระดับหนึ่งค่ะ” แพรไหมบอกสีหน้าเรียบตึง แสดงออกชัดว่าไม่อยากคุยกับเขา-ระดับหนึ่งอย่างนั้นหรือ- นคินทร์คิดในใจในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากพูด จึงปล่อยให้ความเงียบปกคลุมภายในรถอีกครั้ง ไม่นานรถเก๋งคันหรูก็ขับมาถึงที่หมาย“ส่งฉันแค่ตรงนี้ก็พอค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”“แต่ผมหิวน้ำ”“ในรถคุณก็มีน้ำค่ะ”ไม่พูดเปล่ายังเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำก่อนยื่นส่งให้พร้อม นคินทร์ยิ้มขันกับท่าทีของคนรู้ทัน ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมแพ้“แต่ผมอยากดื่มน้ำเย็น”“นี่! คุณดิน ตอนนี้มันดึกมากแล้วนะคะ ถ้าใครมาเห็นว่าฉันอยู่กับผู้ชายสองต่อสองเข้า มันจะดูไม่ดี”“แต่ว่าเราเคย..”“เราไม่เคยมีอะไรกันทั้งนั้นค่ะ เชิญคุณกลับไปได้แล้ว ขอบคุณอีก
ภาพความสนิทสนมของทั้งสามคนอยู่ในสายตาของ ลูกชายเจ้าของบ้านอีกคนตลอดเวลา นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มของบิดาและน้องสาวของเขา แสดงสีหน้ามีความสุขอย่างเต็มอิ่ม ผ่านรอยยิ้มแบบนี้ มันเป็นภาพที่เห็นแล้วก็ทำให้เขามีความสุขตามไปด้วยทั้งที่ความสุขอยู่แค่ตรงหน้า แต่เขากลับไปไขว่คว้าหาอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ต่อจากนี้นคินทร์ตั้งใจจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาความสุขที่มี ให้อยู่กับตนเองได้นานที่สุด“แจ๋วทำไมถึงจัดโต๊ะสี่ที่ล่ะ”ประภาสถามด้วยความสงสัยเพราะแขกมาเพิ่มแค่คนเดียวและเจ้าลูกชายคนโตก็น่าจะกลับมาในอีกสองวันข้างหน้า“อะไรกันครับคุณพ่อ จะไม่ให้ผมทานข้าวด้วยหรือไงกัน หรือว่าได้ลูกสาวคนใหม่แล้ว จะทิ้งลูกชายคนนี้”“พูดอะไรอย่างนั้นค่ะพี่ดิน ดาวเป็นคนชวนแพรมาเอง ละไหนบอกว่าอีกสองวันถึงจะกลับ แล้วทำไมมาปรากฏตัวที่นี่ได้ พวกเราก็ตกใจกันน่ะสิ”“นั่นสิดิน เดี๋ยวน้องก็น้อยใจหรอกพูดแบบนี้ พ่อเห็นไปหลายวัน ใครจะไปรู้ว่าวันนี้จะกลับมาแล้ว”ชายสูงวัยกล่าวก่อนจะหันไปปลอบหญิงสา